[KotB] บทที่ 91: เกราะราชันอมตะ (2)
บทที่ 91: เกราะราชันอมตะ (2)
'ปืนพิฆาตมังกร' เป็นปืนใหญ่ที่ทำขึ้นเพื่อสังหารมังกรปีศาจ
อย่างไรก็ตามมันถูกปิดผนึกอยู่ในโบราณสถาน และบาร์ทัสพึ่งจะปลดผนึกมันออกเมื่อเร็วๆนี้
คำพูดไม่สามารถอธิบายถึงพลังทำลายล้างของมันได้ แต่ปัญหาคือมันใช้เวลานานเกินไปในการจุดระเบิด
หากฝ่ายตรงข้ามเป็นดาร์คดราก้อนบาร์ซ่า มันย่อมมีเวลาเพียงพอในการหลบหลีกได้
นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาปล่อยให้ของสิ่งนี้ขึ้นสนิม แต่ยังไงมันก็ยังคงเป็นความลับ
เขากำลังสับสนว่ามูยองรู้จักอุปกรณ์ชิ้นนี้ได้ยังไง
ตอนที่บาร์ทัสกำลังจ้องมองที่มูยองด้วยความสงสัย
'เจ้านายของข้าคือ 'โอม' ผู้ปกครองเหนือเหล่าโดเกบิทั้งมวล บางครั้งเขาก็สามารถเห็นความจริงที่ไม่มีใครรู้ และการมาที่นี่ก็เพื่อที่จะหยุดอนาคตซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปสู่การทำลายล้าง "
การ์มูสส่งเสริมคำพูดเพื่อให้มูยองดูน่าเชื่อถือขึ้น
ในความเป็นจริงจากภาพรวมของการ์มูส มูยองไม่ได้รู้สิ่งใด แต่ก็ยังเปิดเผยว่าเขาสามารถมองเห็นอนาคตได้
มูยองเป็นเจ้านายที่ชาญฉลาด
การ์มูสเชื่อว่ามูยองสามารถหาหนทางที่จะให้ทุกคนได้รับประโยชน์
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาสามารถโกหกต่อบาร์ทัสได้โดยไม่ลังเลใจ
ขณะนี้เจ้านายของเขาคือ มูยอง
"โอมงั้นเหรอ? เจ้าหมายถึงตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งผ่านพิธีกรรมของเหล่าโดเกบิ "
แค่เท่านี้บาร์ทัสก็มองไปที่มูยองด้วยความแตกต่างออกไป
เห็นได้ชัดว่าเขารู้จัก โอม เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตามถ้าเขาเป็นโอมจะต้องมีกองกำลังโดเกบิสัก 2-3 หมื่นตน
เขาไม่แน่ใจกับเหตุผลที่มูยองเดินทางมาเพียงลำพัง แต่ ...
แทนที่จะเติมตัวเลขด้วยโดเกบิที่อ่อนแอจะดีกว่าถ้ามีคนที่มีความแข็งแกร่งแทน
ทักษะของเขาได้รับการพิสูจน์แล้ว
การต่อสู้กับโอเกอร์สองหัว
เขาเห็นฉากต่างๆเช่นเมื่อมูยองรักษาแผลที่น่ากลัวของตัวเอง
บาร์ทัสจำฉากนั้นได้อย่างชัดเจน
ยังไงก็ตามไม่รู้ว่าเขาจะสามารถซื้อเวลากับมังกรได้นานแค่ไหน
บาร์ทัสมองไปที่มูยอง
การมองที่ปรากฎความเคลือบแคลงใจ
บาร์ทัสไม่รู้จริงๆว่าความคิดของมูยองคืออะไร
แต่มูยองเป็นถึงโอมที่เป็นผู้ปกครองเหล่าโดเกบิ
นอกจากนั้นการ์มูสยังเลือกติดตามคนผู้นี้ นี่เป็นสิ่งที่บาร์ทัสไว้วางใจมากกว่า
เผ่าค้อนทองคำเป็นที่รู้จักว่าจริงใจและน่าเชื่อถือ พวกเขาไม่ได้ติดตามใครง่ายๆ เฉพาะคนที่สมควรค่าเท่านั้นที่เผ่าค้อนทองคำจะยอมทำตาม
"ข้าจะสร้างเกราะให้เจ้า อย่างไรก็ตามมันต้องใช้เวลา "
แม้ว่าบาร์ทัสจะปกครองอย่างเผด็จการ แต่ยังไงเขาก็เป็นช่างตีเหล็กที่รู้จักกันในชื่อ หัตถ์เทพเจ้า
ไม่มีทางที่เขาจะสร้างผลงานหยาบๆออกมา
อย่างไรก็ตามบาร์ทัสกำลังถามว่ามูยองจะทำอย่างไรหากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
มูยองยักไหล่
"ผมจะฝึกพวกเขา"
"ฝึก?"
"คนแคระเกิดมาพร้อมกับสายเลือดของนักรบ หากคุณย้อนมองไปยังตำนานในอดีต จะเห็นได้ว่ามีเรื่องเล่าขานมากมายเกี่ยวกับวิธีที่คนแคระจับมังกรได้อย่างง่ายๆ "
แม้ว่าคนแคระมีชื่อเสียงในด้านการเป็นช่างตีเหล็ก แต่บางครั้งก็มีภาพลักษณ์ของนักรบที่สวมใส่อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาเอง
นอกจากนี้มันยังถูกเขียนอยู่ในเนื้อหาของวรรณคดีโบราณหลายเล่ม
เพียงแต่มีผู้คนจำนวนมากไล่ล่าพวกเขา คนแคระที่ต้องคอยหลบหนีอยู่ตลอดเวลาจึงสูญเสียแนวทางในการใช้ชีวิตแบบนักรบไป
ความหวาดกลัวคอยตามหลอกหลอนพวกเขา และมันถูกฝังไปในสัญชาตญาณ
อย่างไรก็ตาม มูยองรู้วิธีที่จะขจัดสิ่งเหล่านี้
ตาของบาร์ทัสสั่นไหวเล็กน้อย
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับตำนาน
แต่เขาถือว่าพวกมันเป็นเรื่องไร้สาระ
ความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์นั้นชัดเจนมากเกินไป มีข้อจำกัดในชาติกำเนิดของพวกมัน
บาร์ทัสเป็นคนเดียวที่พอจะใช้ฝีมือของตัวเองหยอกล้อกับมังกรได้
ถ้าคนแคระสามารถออกล่ามังกรได้ ทุกคนคงทำไปนานแล้ว
เกือบทั้งหมดได้สรุปแล้วว่าพวกเขาไม่สามารถท้าทายมังกรได้
"คุณคิดจะวิ่งหนีไปอีกนานแค่ไหน? เหตุผลที่มังกรไม่เคยไว้หน้าคนแคระและยังโจมตีอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะพวกคุณเอาแต่หนีและไม่เคยสู้กลับ โอกาสที่จะลุกขึ้นสู้ไม่ได้มีอยู่เสมอไปหรอกนะ "
คำพูดเย็นชาของมูยองได้เชือดเฉือนหัวใจของเขา
ศัตรูที่ไม่ต่อสู้กลับ
มีเป้าหมายที่ง่ายกว่านี้อีกหรือไม่?
การวิ่งหนีไปไม่ใช่ทางออกของทุกอย่าง
ในความเป็นจริงแม้ว่ามังกรเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งและเย่อหยิ่ง แต่พวกมันกลับค่อนข้างระมัดระวังในการเลือกเหยื่อ
ถ้าคนแคระโต้กลับอย่างแข็งขันและประสบความสำเร็จในการโจมตี มังกรคงจะไม่เข้าไปยุ่งกับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
ใช่แล้ว มันคือการต่อสู้
ชีวิตคือการต่อสู้ และทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปแบบนั้น
อย่างไรก็ตามโอกาสไม่ได้มีให้รับอยู่เสมอ
ถ้าพวกเขายอมแพ้แม้กระทั่งโอกาสนี้ ทั่วทั้งชีวิตของพวกเขาจะต้องใช้อย่างหลบๆซ่อนๆตลอดไป
มูยองกำลังบอกกับพวกมันแบบนี้
ร่างกายบาร์ทัสสั่นไหว
แผนต่อต้านมังกร?
เขาคิดถึงมันนับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยลงมือทำ
ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้เขาจะถือว่ามันเป็นคำพูดไร้สาระและจะปฎิเสธในทันที แต่คำพูดของโดเกบิกระตุ้นหัวใจได้อย่างแปลกประหลาด
เขามีความจริงใจมากกว่าคนอื่นๆ และด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาพูดถึง สามารถจินตนาการได้ราวกับว่าพวกมันกำลังจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง
เป็นผลจากการผสมผสานระหว่างจิตวิญญาณการต่อสู้ และความบริสุทธิ์ของดาวแห่งความสมบรูณ์แบบของมูยอง
ปกติบาร์ทัสจะทบทวนเรื่องนี้อย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจ แต่ความรอบของเขากลายเป็นเรื่องงี่เง่าไปแล้วหลังจากผลของการต่อสู้กับมอนสเตอร์เป็นเวลา 15 วัน
"...ข้าจะทำให้เกราะของเจ้าเป็นเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และสามารถป้องกันการโจมตีของมังกรได้"
"ผมจะทำให้คนแคระกลายเป็นนักรบที่กล้าหาญที่สุดในโลกเช่นกัน"
ข้อตกลงได้รับการยอมรับแล้ว
เมื่อพวกเขาจับมือกัน ยุทธวิธีโต้กลับก็ได้เริ่มต้นขึ้น
มูยองคิดวิธีการฝึกอบรมที่เป็นระบบสำหรับคนแคระ
เนื่องจากสายพันธุ์ที่แตกต่าง พวกเขาต้องการวิธีการฝึกอบรมที่แตกต่างไปเช่นกัน
คนแคระเป็นเผ่าพันธ์ุที่น่าสงสารเนื่องจากมีแขนและขาที่สั้น
อย่างไรก็ตามความอึดของพวกเขาเป็นสิ่งที่ดี และพวกเขาส่วนมากมีความตั้งใจที่แน่วแน่
แม้กระทั่งตั้งแต่เริ่มต้น พวกเขาก็สามารถปฏิบัติตามการฝึกอบรมที่ค่อนข้างเข้มงวดได้
'วิธีที่ดีที่สุดในการขจัดความกลัวคือการผลักดันให้พวกเขามุ้งเน้นความคิดไปที่เรื่องอื่น'
ผลักดันให้พวกเขาเข้าสู่ขีดจำกัดของตัวเอง คือความลับในการขจัดความกลัวต่อมังกร
เพื่อที่ว่าเมื่อพวกเขากำลังเผชิญกับมังกร พวกเขาจะไม่ตื่นตระหนก
ถ้ามูยองต้องซื้อเวลาด้วยกำลังของตนเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าเกราะจะแข็งแกร่งแค่ไหนมันก็เป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามถ้า 30,000 คนแคระเข้ามามีส่วนร่วมในการสู้รบ แน่นอนว่าเขาย่อมทำได้
'มันคงคุ้มค่ามากที่เราจะได้เห็นหัวของมังกรเพิ่มลงในไปคอลเลกชั่นสร้อยหัวกะโหลก'
มูยองลดศีรษะลงเล็กน้อยและมองไปที่อุปกรณ์เสริม
สิ่งที่เหมือนกับสร้อยห้อยรอบคอของมูยอง มีหัวขนาดเล็กของโอเกอร์สองหัวอยู่
อุปกรณ์ที่เขาได้รับจากห้องสุสานของกษัตริย์เมอร์รอคที่เมื่อหัวถูกติดตั้งสเตตัสของเขาจะเพิ่มขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีการที่คุณใช้ มันอาจเป็นสร้อยคอที่สามารถแสดงผลได้สูงกว่าระดับของมัน
เมื่อเขามองอย่างใกล้ชิดคำอธิบายเกี่ยวกับอุปกรณ์ก็ปรากฏขึ้น
ชื่อ: สร้อยหัวกะโหลก
อันดับ: A
ประเภท: อุปกรณ์สวมใส่
ความทนทาน 16,842
ผลกระทบ: เป็นเครื่องประดับที่ถูกใช้โดยลิซผู้มีสติวิปลาส คุณสามารถเพิ่มจำนวนกะโหลกได้สูงสุด 5 กะโหลก ในการเพิ่มจำนวนคุณต้องตัดหัวของฝ่ายตรงข้ามและใช้สร้อยคอนี้กดลงไป ขนาดจะถูกย่อส่วนลงโดยอัตโนมัติก่อนที่มันจะถูกเพิ่มลงบนสร้อยคอ
* สเตตัสของคุณจะเพิ่มขึ้นจากคุณภาพและจำนวนหัวที่ตัดมาติดตั้ง
* ปัจจุบันมี 2 หัวที่ถูกติดตั้งอยู่
* หัวของจุงจีโฮ (Strength, Agility +4)
* หัวของโอเกอร์สองหัว (Strength +15)
ผลกระทบที่เพิ่มค่า STR ขึ้นถึง 15 หน่วย
นี้ไม่ใช่จุดสิ้นสุด
ทั้งหมดสามารถเพิ่มได้ถึง 5 หัว
เขายังคงสามารถเพิ่มหัวอีกสามหัวได้
หากสามารถเพิ่มหัวของมังกร เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะได้รับผลลัพธ์อะไร
"ท่านกำลังวางแผนที่จะใส่มันให้พวกเขาหรือ?"
จากด้านข้าง การ์มูสถามอย่างเป็นห่วงในขณะที่เขาถือลูกเหล็กหนัก
คนแคระมีความอึดมากเป็นพิเศษ มันจะต้องใช้เวลาในการกดดันพวกเขา
นั่นคือเหตุผลที่มูยองกำลังจะทดสอบขีดจำกัดของพวกเขาโดยใช้ลูกเหล็กขนาดใหญ่
ในตอนแรกอาจจะมีบางคนคัดค้าน แต่หลังจากนั้นพวกเขาจะรู้สึกถึงความกลมเกลียว
"เมื่อไหร่ถึงจะสร้างลูกเหล็กเสร็จ?"
"เพราะมันไม่ได้เป็นงานที่ยากลำบาก และมีคนแคระหลายคนกำลังทำงานอยู่ มันควรจะเสร็จสิ้นภายในครึ่งวัน แต่...ไม่ใช่ว่านี่เหมือนบางสิ่งที่ใส่ให้กับทาสหรือ?"
"ตอนนี้คนแคระก็ไม่ต่างอะไรจากทาส อยู่แล้ว ถ้าพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระ พวกเขาจะอยู่เป็นทาสตลอดไป "
อาาา
การ์มูสพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ
ลูกเหล็กนี้เป็นการทดสอบอย่างแท้จริง
เป้าหมายของมูยองคือทำให้พวกเขาลุกขึ้นต่อสู้ด้วยตัวเองแทนที่จะรออยู่เป็นทาส
มูยองปิดตาและจมลงสู่การทำสมาธิ
แม้ว่าอาการบาดเจ็บภายนอกจากโอเกอร์สองหัวจะหายเป็นปกติแล้ว
แต่เพื่อให้เกิดความเสถียรภาพ เขาจำเป็นต้องรักษาจากภายในด้วย
ภาพที่เห็นตอนนี้คือ 30,000 คนแคระสวมลูกเหล็กขนาดใหญ่
ซึ่งคาดไม่ถึงว่าจำนวนผู้ต่อต้านจะน้อยกว่าที่เขาคิดไว้
เป็นเพราะลอร์ดแห่งพันธมิตรบาร์ทัสสนับสนุนมูยอง?
ขณะที่บาร์ทัสกำลังสร้างเกราะ การ์มูสและมูยองก็กลายเป็นรองผู้บังคับบัญชาไปโดยปริยาย
นี่เป็นไปได้เพราะบาร์ทัสสามารถควบคุมเหล่าพันธมิตรได้ดี
'มันค้อนข้างเริ่มได้สวย'
ถ้าเขาสามารถเริ่มต้นได้ทันทีก็ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
เสียงลากโซ่!
ลูกเหล็กมักมีเสียงเมื่อคนแคระกำลังเคลื่อนไหวอยู่
เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเมื่อบางสิ่งที่มีน้ำหนักมากกว่า 50 กก. ติดอยู่กับขาทั้งสองข้าง
ในขณะที่ทุกคนอยากรู้ว่าเขากำลังจะสอนอะไร มูยองกลับพูดสั้น ๆ
"วิ่ง"
หลังจากวิ่งไปรอบๆปราสาทครึ่งวัน คนแคระทั้งหมดก็นอนแผ่ราบอยู่บนพื้น
อย่างไรก็ตามการวิ่งไม่ใช่ทั้งหมดของการสอน
"สู้กันซะ ผมจะจัดอันดับออกเป็น 3 กลุ่ม โดยแบ่งเป็นหมายเลขหลักสิบ หลักร้อย และหลักพัน"
โดยการจัดอันดับเป็นกลุ่มด้วยตัวเลขแบ่งออกเป็นขนาดเล็ก กลาง และขนาดใหญ่ เป็นแผนที่เขาจะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
เนื่องจากคนแคระไม่ได้มีความเป็นระบบระเบียบ พวกเขาจึงไม่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน
พวกเขาคงจะไม่เสียเวลาไปกับความสับสนเมื่อประตูปราสาทถูกศัตรูเปิดออก?
เขาไม่สามารถเห็นมันเกิดขึ้นได้อีกครั้ง
คนแคระทำเพียงส่งสายตาให้กันไปมา
'เส้นทางของอาชูร่า'
มูยองเปิดใช้เส้นทางของอาชูร่า
เมอร์ดูดันกษัตริย์แห่งเมอร์รอคและกลุ่มภูติผีวิญาณจำนวนมากโผล่ออกมา
–โอ้ นั้นมันคนแคระที่น่าอร่อย!
"ทำให้พวกเขาสู้กัน"
–หืมมม! เจ้าไม่ได้อยากทำให้พวกมันกลายเป็นภูติผีเหรอ?
“ไม่”
– น่าผิดหวังเสียจริง
เมื่อเมอร์ดูดันบ่นเสร็จและเริ่มเคลื่อนไหว เหล่าภูติผีวิญญาณก็เริ่มแผ่กระจายไป
เสียงปะทะกันดัง!
วิญญาณที่บ้าคลั่งของเส้นทางอาชูร่าเริ่มส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนแคระ และในขณะที่คนหนึ่งเริ่มเคลื่อนไหว อีก 30,000 คนก็เริ่มต่อสู้ตามๆกัน
วิธีที่จะให้พวกเขาหมดหนทางต่อสู้ทั้งร่างกายและจิตใจ
ช่วยไม่ได้ที่มูยองจะหัวเราะ เขาพยักหน้าและรอคอยให้การต่อสู้จบลง
นอกจากความแข็งแกร่งภายในแล้ว พวกเขายังต้องได้รับความลำบากที่ยากขึ้น
มันคือการรุกรานของมอนสเตอร์
มูยองต้องการล่อมอนสเตอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันความน่าสงสัยหากมอนสเตอร์หยุดยั้งการบุกรุกหลังจากที่เขาปรากฎตัว
และในส่วนนั้นผู้ที่รับผิดชอบตอนนี้คือวูฮี และอันเดธ ถึงแม้พวกเขาจะช้าไปบ้าง แต่ก็สามารถล่อจ๊อคชิโอหลายสิบตัวมาได้
จ๊อคชิโอ เป็นมอนสเตอร์ที่มีขนสีแดงดูคล้ายกับสิงโตขนาดใหญ่ พวกมันมีชื่อเสียงอย่างมากในนาม นักล่าอำมหิต
"ถ้าคุณไม่สู้จะต้องถูกจ๊อคชิโอฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมยิ่งกว่ามังกร "
มูยองกอดอกมอง
อย่างช้าๆเขากำลังวางแผนที่จะลดความกลัวของมังกรจากจิตใจของพวกเขา
จากการผลักดันคนแคระอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก จิตใจของพวกเขาเข้มแข็งขึ้นมากกว่าครึ่ง
ในขณะที่เหล่าภูติผีกระตุ้นคนแคระอย่างต่อเนื่อง
ถ้าพวกเขาไม่สู้ พวกเขาจะกลายเป็นเหยื่อ
ทุกอย่างเป็นศึกต่อเนื่อง คนแคระเริ่มเข้าใจเรื่องนี้อย่างช้าๆ
กรรรรร!
จ๊อคชิโอรู้สึกได้ถึงความผิดปกติจึงถอยกลับไป
อย่างไรก็ตามตอนนี้คนแคระได้ปิดล้อมจ๊อคชิโอไว้หมดแล้ว
"แท้จริงแล้วคนแคระมีนิสัยพื้นฐานในการเป็นนักรบ"
ในที่สุดศักยภาพที่ซ่อนไว้ของพวกเขาก็เริ่มเบ่งบาน
ผลกระทบจากการถูกไล่ต้อน
บ้าดีเดือด พวกเขาต้องการที่จะกลายเป็นคนบ้าแบบนั้น พวกเขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากปราศจากความบ้า
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน
คนแคระเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง
บาร์ทัสที่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากเดือนแห่งความสันโดษรู้สึกตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้
“ฮย้าาาาาาา!”
"ตาย !"
“ย๊ากกกก!”
นี่เป็นการซ้อม? ราวกับว่าพวกเขากำลังถืออาวุธจริง และต่อสู้โดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน
บาร์ทัสไม่สามารถหาความเรียบง่ายที่พวกเขามีมาก่อนหน้า และแทนที่พวกนั้นพวกเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร
"ดูเหมือนชุดเกราะจะเสร็จสิ้นแล้ว"
ขณะที่มูยองเดินเข้าไปใกล้บาร์ทัสและพูด บาร์ทัสก็กล่าวกลับมา
"อะไร ... เกิดอะไรขึ้น?"
"ผมไม่ได้บอกเหรอว่าจะทำให้พวกเขากลายเป็นนักรบ?"
“นักรบ...”
อึก!
บาร์ทัสกลืนน้ำลายลงคอของเขา
พวกเขากลายเป็นนักรบที่แท้จริง
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนนี่มันก็เกินกว่าคำว่านักรบธรรมดา
นี่คือการพัฒนาที่ดี
เมื่อมองซากศพของมอนสเตอร์ที่กองทับถมอยู่ตรงกลางลาน ดูเหมือนว่าเขาสามารถฝึกฝนคนแคระได้จริงๆ
"รับนี่ไป มันเป็นเกราะที่สร้างจากหัวใจของฟีนิกซ์ "
ขอบตาของบาร์ทัสดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด
เป็นเพราะเขาไม่ได้นอนหลับเป็นเวลา 1 เดือน และอุทิศตัวให้กับการสร้างสิ่งนี้
ด้วยการแสดงออกที่เหนื่อยล้า เขาส่งเกราะที่ทำขึ้นมาอย่างยากลำบากให้มูยอง
และเมื่อรับมันมา ดวงตาของมูยองก็ส่องประกายเจิดจ้า
'ในที่สุด'
ขณะที่เขายกชุดเกราะที่มีโครงสร้างเป็นกระดูกมังกร ไฟร้อนแรงก็ลุกท่วมตัวมูยอง
ราวกับว่ามันยังมีชีวิต หัวใจของเสื้อเกราะกำลังเต้น
หัวใจของมูยองเริ่มสูบฉีดแรงขึ้นขณะที่เขามองไปยังเสื้อเกราะตัวนี้