ตอนที่แล้ว[KotB] บทที่ 90: เกราะราชันอมตะ (1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[KotB] บทที่ 92: เกราะราชันอมตะ (จบ)

[KotB] บทที่ 91: เกราะราชันอมตะ (2)


บทที่ 91: เกราะราชันอมตะ (2)

'ปืนพิฆาตมังกร' เป็นปืนใหญ่ที่ทำขึ้นเพื่อสังหารมังกรปีศาจ

อย่างไรก็ตามมันถูกปิดผนึกอยู่ในโบราณสถาน และบาร์ทัสพึ่งจะปลดผนึกมันออกเมื่อเร็วๆนี้

คำพูดไม่สามารถอธิบายถึงพลังทำลายล้างของมันได้ แต่ปัญหาคือมันใช้เวลานานเกินไปในการจุดระเบิด

หากฝ่ายตรงข้ามเป็นดาร์คดราก้อนบาร์ซ่า มันย่อมมีเวลาเพียงพอในการหลบหลีกได้

นั่นเป็นเหตุผลที่พวกเขาปล่อยให้ของสิ่งนี้ขึ้นสนิม แต่ยังไงมันก็ยังคงเป็นความลับ

เขากำลังสับสนว่ามูยองรู้จักอุปกรณ์ชิ้นนี้ได้ยังไง

ตอนที่บาร์ทัสกำลังจ้องมองที่มูยองด้วยความสงสัย

'เจ้านายของข้าคือ 'โอม' ผู้ปกครองเหนือเหล่าโดเกบิทั้งมวล บางครั้งเขาก็สามารถเห็นความจริงที่ไม่มีใครรู้ และการมาที่นี่ก็เพื่อที่จะหยุดอนาคตซึ่งกำลังมุ่งหน้าไปสู่การทำลายล้าง "

การ์มูสส่งเสริมคำพูดเพื่อให้มูยองดูน่าเชื่อถือขึ้น

ในความเป็นจริงจากภาพรวมของการ์มูส มูยองไม่ได้รู้สิ่งใด แต่ก็ยังเปิดเผยว่าเขาสามารถมองเห็นอนาคตได้

มูยองเป็นเจ้านายที่ชาญฉลาด

การ์มูสเชื่อว่ามูยองสามารถหาหนทางที่จะให้ทุกคนได้รับประโยชน์

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาสามารถโกหกต่อบาร์ทัสได้โดยไม่ลังเลใจ

ขณะนี้เจ้านายของเขาคือ มูยอง

"โอมงั้นเหรอ? เจ้าหมายถึงตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งผ่านพิธีกรรมของเหล่าโดเกบิ "

แค่เท่านี้บาร์ทัสก็มองไปที่มูยองด้วยความแตกต่างออกไป

เห็นได้ชัดว่าเขารู้จัก โอม เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตามถ้าเขาเป็นโอมจะต้องมีกองกำลังโดเกบิสัก 2-3 หมื่นตน

เขาไม่แน่ใจกับเหตุผลที่มูยองเดินทางมาเพียงลำพัง แต่ ...

แทนที่จะเติมตัวเลขด้วยโดเกบิที่อ่อนแอจะดีกว่าถ้ามีคนที่มีความแข็งแกร่งแทน

ทักษะของเขาได้รับการพิสูจน์แล้ว

การต่อสู้กับโอเกอร์สองหัว

เขาเห็นฉากต่างๆเช่นเมื่อมูยองรักษาแผลที่น่ากลัวของตัวเอง

บาร์ทัสจำฉากนั้นได้อย่างชัดเจน

ยังไงก็ตามไม่รู้ว่าเขาจะสามารถซื้อเวลากับมังกรได้นานแค่ไหน

บาร์ทัสมองไปที่มูยอง

การมองที่ปรากฎความเคลือบแคลงใจ

บาร์ทัสไม่รู้จริงๆว่าความคิดของมูยองคืออะไร

แต่มูยองเป็นถึงโอมที่เป็นผู้ปกครองเหล่าโดเกบิ

นอกจากนั้นการ์มูสยังเลือกติดตามคนผู้นี้ นี่เป็นสิ่งที่บาร์ทัสไว้วางใจมากกว่า

เผ่าค้อนทองคำเป็นที่รู้จักว่าจริงใจและน่าเชื่อถือ พวกเขาไม่ได้ติดตามใครง่ายๆ เฉพาะคนที่สมควรค่าเท่านั้นที่เผ่าค้อนทองคำจะยอมทำตาม

"ข้าจะสร้างเกราะให้เจ้า อย่างไรก็ตามมันต้องใช้เวลา "

แม้ว่าบาร์ทัสจะปกครองอย่างเผด็จการ แต่ยังไงเขาก็เป็นช่างตีเหล็กที่รู้จักกันในชื่อ หัตถ์เทพเจ้า

ไม่มีทางที่เขาจะสร้างผลงานหยาบๆออกมา

อย่างไรก็ตามบาร์ทัสกำลังถามว่ามูยองจะทำอย่างไรหากมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น

มูยองยักไหล่

"ผมจะฝึกพวกเขา"

"ฝึก?"

"คนแคระเกิดมาพร้อมกับสายเลือดของนักรบ หากคุณย้อนมองไปยังตำนานในอดีต จะเห็นได้ว่ามีเรื่องเล่าขานมากมายเกี่ยวกับวิธีที่คนแคระจับมังกรได้อย่างง่ายๆ "

แม้ว่าคนแคระมีชื่อเสียงในด้านการเป็นช่างตีเหล็ก แต่บางครั้งก็มีภาพลักษณ์ของนักรบที่สวมใส่อุปกรณ์ที่สร้างขึ้นมาเอง

นอกจากนี้มันยังถูกเขียนอยู่ในเนื้อหาของวรรณคดีโบราณหลายเล่ม

เพียงแต่มีผู้คนจำนวนมากไล่ล่าพวกเขา คนแคระที่ต้องคอยหลบหนีอยู่ตลอดเวลาจึงสูญเสียแนวทางในการใช้ชีวิตแบบนักรบไป

ความหวาดกลัวคอยตามหลอกหลอนพวกเขา และมันถูกฝังไปในสัญชาตญาณ

อย่างไรก็ตาม มูยองรู้วิธีที่จะขจัดสิ่งเหล่านี้

ตาของบาร์ทัสสั่นไหวเล็กน้อย

ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับตำนาน

แต่เขาถือว่าพวกมันเป็นเรื่องไร้สาระ

ความแตกต่างระหว่างสายพันธุ์นั้นชัดเจนมากเกินไป มีข้อจำกัดในชาติกำเนิดของพวกมัน

บาร์ทัสเป็นคนเดียวที่พอจะใช้ฝีมือของตัวเองหยอกล้อกับมังกรได้

ถ้าคนแคระสามารถออกล่ามังกรได้ ทุกคนคงทำไปนานแล้ว

เกือบทั้งหมดได้สรุปแล้วว่าพวกเขาไม่สามารถท้าทายมังกรได้

"คุณคิดจะวิ่งหนีไปอีกนานแค่ไหน? เหตุผลที่มังกรไม่เคยไว้หน้าคนแคระและยังโจมตีอย่างต่อเนื่อง เป็นเพราะพวกคุณเอาแต่หนีและไม่เคยสู้กลับ โอกาสที่จะลุกขึ้นสู้ไม่ได้มีอยู่เสมอไปหรอกนะ "

คำพูดเย็นชาของมูยองได้เชือดเฉือนหัวใจของเขา

ศัตรูที่ไม่ต่อสู้กลับ

มีเป้าหมายที่ง่ายกว่านี้อีกหรือไม่?

การวิ่งหนีไปไม่ใช่ทางออกของทุกอย่าง

ในความเป็นจริงแม้ว่ามังกรเป็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งและเย่อหยิ่ง แต่พวกมันกลับค่อนข้างระมัดระวังในการเลือกเหยื่อ

ถ้าคนแคระโต้กลับอย่างแข็งขันและประสบความสำเร็จในการโจมตี มังกรคงจะไม่เข้าไปยุ่งกับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

ใช่แล้ว มันคือการต่อสู้

ชีวิตคือการต่อสู้ และทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปแบบนั้น

อย่างไรก็ตามโอกาสไม่ได้มีให้รับอยู่เสมอ

ถ้าพวกเขายอมแพ้แม้กระทั่งโอกาสนี้ ทั่วทั้งชีวิตของพวกเขาจะต้องใช้อย่างหลบๆซ่อนๆตลอดไป

มูยองกำลังบอกกับพวกมันแบบนี้

ร่างกายบาร์ทัสสั่นไหว

แผนต่อต้านมังกร?

เขาคิดถึงมันนับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยลงมือทำ

ถ้าเป็นคนอื่นพูดแบบนี้เขาจะถือว่ามันเป็นคำพูดไร้สาระและจะปฎิเสธในทันที แต่คำพูดของโดเกบิกระตุ้นหัวใจได้อย่างแปลกประหลาด

เขามีความจริงใจมากกว่าคนอื่นๆ และด้วยเหตุผลบางอย่างที่เขาพูดถึง สามารถจินตนาการได้ราวกับว่าพวกมันกำลังจะเกิดขึ้นในชีวิตจริง

เป็นผลจากการผสมผสานระหว่างจิตวิญญาณการต่อสู้ และความบริสุทธิ์ของดาวแห่งความสมบรูณ์แบบของมูยอง

ปกติบาร์ทัสจะทบทวนเรื่องนี้อย่างรอบคอบก่อนที่จะตัดสินใจ แต่ความรอบของเขากลายเป็นเรื่องงี่เง่าไปแล้วหลังจากผลของการต่อสู้กับมอนสเตอร์เป็นเวลา 15 วัน

"...ข้าจะทำให้เกราะของเจ้าเป็นเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และสามารถป้องกันการโจมตีของมังกรได้"

"ผมจะทำให้คนแคระกลายเป็นนักรบที่กล้าหาญที่สุดในโลกเช่นกัน"

ข้อตกลงได้รับการยอมรับแล้ว

เมื่อพวกเขาจับมือกัน ยุทธวิธีโต้กลับก็ได้เริ่มต้นขึ้น

มูยองคิดวิธีการฝึกอบรมที่เป็นระบบสำหรับคนแคระ

เนื่องจากสายพันธุ์ที่แตกต่าง พวกเขาต้องการวิธีการฝึกอบรมที่แตกต่างไปเช่นกัน

คนแคระเป็นเผ่าพันธ์ุที่น่าสงสารเนื่องจากมีแขนและขาที่สั้น

อย่างไรก็ตามความอึดของพวกเขาเป็นสิ่งที่ดี และพวกเขาส่วนมากมีความตั้งใจที่แน่วแน่

แม้กระทั่งตั้งแต่เริ่มต้น พวกเขาก็สามารถปฏิบัติตามการฝึกอบรมที่ค่อนข้างเข้มงวดได้

'วิธีที่ดีที่สุดในการขจัดความกลัวคือการผลักดันให้พวกเขามุ้งเน้นความคิดไปที่เรื่องอื่น'

ผลักดันให้พวกเขาเข้าสู่ขีดจำกัดของตัวเอง คือความลับในการขจัดความกลัวต่อมังกร

เพื่อที่ว่าเมื่อพวกเขากำลังเผชิญกับมังกร พวกเขาจะไม่ตื่นตระหนก

ถ้ามูยองต้องซื้อเวลาด้วยกำลังของตนเพียงอย่างเดียว ไม่ว่าเกราะจะแข็งแกร่งแค่ไหนมันก็เป็นไปไม่ได้ อย่างไรก็ตามถ้า 30,000 คนแคระเข้ามามีส่วนร่วมในการสู้รบ แน่นอนว่าเขาย่อมทำได้

'มันคงคุ้มค่ามากที่เราจะได้เห็นหัวของมังกรเพิ่มลงในไปคอลเลกชั่นสร้อยหัวกะโหลก'

มูยองลดศีรษะลงเล็กน้อยและมองไปที่อุปกรณ์เสริม

สิ่งที่เหมือนกับสร้อยห้อยรอบคอของมูยอง มีหัวขนาดเล็กของโอเกอร์สองหัวอยู่

อุปกรณ์ที่เขาได้รับจากห้องสุสานของกษัตริย์เมอร์รอคที่เมื่อหัวถูกติดตั้งสเตตัสของเขาจะเพิ่มขึ้น ซึ่งขึ้นอยู่กับวิธีการที่คุณใช้ มันอาจเป็นสร้อยคอที่สามารถแสดงผลได้สูงกว่าระดับของมัน

เมื่อเขามองอย่างใกล้ชิดคำอธิบายเกี่ยวกับอุปกรณ์ก็ปรากฏขึ้น

ชื่อ: สร้อยหัวกะโหลก

อันดับ: A

ประเภท: อุปกรณ์สวมใส่

ความทนทาน 16,842

ผลกระทบ: เป็นเครื่องประดับที่ถูกใช้โดยลิซผู้มีสติวิปลาส คุณสามารถเพิ่มจำนวนกะโหลกได้สูงสุด 5 กะโหลก ในการเพิ่มจำนวนคุณต้องตัดหัวของฝ่ายตรงข้ามและใช้สร้อยคอนี้กดลงไป ขนาดจะถูกย่อส่วนลงโดยอัตโนมัติก่อนที่มันจะถูกเพิ่มลงบนสร้อยคอ

* สเตตัสของคุณจะเพิ่มขึ้นจากคุณภาพและจำนวนหัวที่ตัดมาติดตั้ง

* ปัจจุบันมี 2 หัวที่ถูกติดตั้งอยู่

* หัวของจุงจีโฮ (Strength, Agility +4)

* หัวของโอเกอร์สองหัว (Strength +15)

ผลกระทบที่เพิ่มค่า STR ขึ้นถึง 15 หน่วย

นี้ไม่ใช่จุดสิ้นสุด

ทั้งหมดสามารถเพิ่มได้ถึง 5 หัว

เขายังคงสามารถเพิ่มหัวอีกสามหัวได้

หากสามารถเพิ่มหัวของมังกร เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะได้รับผลลัพธ์อะไร

"ท่านกำลังวางแผนที่จะใส่มันให้พวกเขาหรือ?"

จากด้านข้าง การ์มูสถามอย่างเป็นห่วงในขณะที่เขาถือลูกเหล็กหนัก

คนแคระมีความอึดมากเป็นพิเศษ มันจะต้องใช้เวลาในการกดดันพวกเขา

นั่นคือเหตุผลที่มูยองกำลังจะทดสอบขีดจำกัดของพวกเขาโดยใช้ลูกเหล็กขนาดใหญ่

ในตอนแรกอาจจะมีบางคนคัดค้าน แต่หลังจากนั้นพวกเขาจะรู้สึกถึงความกลมเกลียว

"เมื่อไหร่ถึงจะสร้างลูกเหล็กเสร็จ?"

"เพราะมันไม่ได้เป็นงานที่ยากลำบาก และมีคนแคระหลายคนกำลังทำงานอยู่ มันควรจะเสร็จสิ้นภายในครึ่งวัน แต่...ไม่ใช่ว่านี่เหมือนบางสิ่งที่ใส่ให้กับทาสหรือ?"

"ตอนนี้คนแคระก็ไม่ต่างอะไรจากทาส อยู่แล้ว ถ้าพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอที่จะปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระ พวกเขาจะอยู่เป็นทาสตลอดไป "

อาาา

การ์มูสพยักหน้าอย่างเงียบ ๆ

ลูกเหล็กนี้เป็นการทดสอบอย่างแท้จริง

เป้าหมายของมูยองคือทำให้พวกเขาลุกขึ้นต่อสู้ด้วยตัวเองแทนที่จะรออยู่เป็นทาส

มูยองปิดตาและจมลงสู่การทำสมาธิ

แม้ว่าอาการบาดเจ็บภายนอกจากโอเกอร์สองหัวจะหายเป็นปกติแล้ว

แต่เพื่อให้เกิดความเสถียรภาพ เขาจำเป็นต้องรักษาจากภายในด้วย

ภาพที่เห็นตอนนี้คือ 30,000 คนแคระสวมลูกเหล็กขนาดใหญ่

ซึ่งคาดไม่ถึงว่าจำนวนผู้ต่อต้านจะน้อยกว่าที่เขาคิดไว้

เป็นเพราะลอร์ดแห่งพันธมิตรบาร์ทัสสนับสนุนมูยอง?

ขณะที่บาร์ทัสกำลังสร้างเกราะ การ์มูสและมูยองก็กลายเป็นรองผู้บังคับบัญชาไปโดยปริยาย

นี่เป็นไปได้เพราะบาร์ทัสสามารถควบคุมเหล่าพันธมิตรได้ดี

'มันค้อนข้างเริ่มได้สวย'

ถ้าเขาสามารถเริ่มต้นได้ทันทีก็ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว

เสียงลากโซ่!

ลูกเหล็กมักมีเสียงเมื่อคนแคระกำลังเคลื่อนไหวอยู่

เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดเมื่อบางสิ่งที่มีน้ำหนักมากกว่า 50 กก. ติดอยู่กับขาทั้งสองข้าง

ในขณะที่ทุกคนอยากรู้ว่าเขากำลังจะสอนอะไร มูยองกลับพูดสั้น ๆ

"วิ่ง"

หลังจากวิ่งไปรอบๆปราสาทครึ่งวัน คนแคระทั้งหมดก็นอนแผ่ราบอยู่บนพื้น

อย่างไรก็ตามการวิ่งไม่ใช่ทั้งหมดของการสอน

"สู้กันซะ ผมจะจัดอันดับออกเป็น 3 กลุ่ม โดยแบ่งเป็นหมายเลขหลักสิบ หลักร้อย และหลักพัน"

โดยการจัดอันดับเป็นกลุ่มด้วยตัวเลขแบ่งออกเป็นขนาดเล็ก กลาง และขนาดใหญ่ เป็นแผนที่เขาจะใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

เนื่องจากคนแคระไม่ได้มีความเป็นระบบระเบียบ พวกเขาจึงไม่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน

พวกเขาคงจะไม่เสียเวลาไปกับความสับสนเมื่อประตูปราสาทถูกศัตรูเปิดออก?

เขาไม่สามารถเห็นมันเกิดขึ้นได้อีกครั้ง

คนแคระทำเพียงส่งสายตาให้กันไปมา

'เส้นทางของอาชูร่า'

มูยองเปิดใช้เส้นทางของอาชูร่า

เมอร์ดูดันกษัตริย์แห่งเมอร์รอคและกลุ่มภูติผีวิญาณจำนวนมากโผล่ออกมา

–โอ้ นั้นมันคนแคระที่น่าอร่อย!

"ทำให้พวกเขาสู้กัน"

–หืมมม! เจ้าไม่ได้อยากทำให้พวกมันกลายเป็นภูติผีเหรอ?

“ไม่”

– น่าผิดหวังเสียจริง

เมื่อเมอร์ดูดันบ่นเสร็จและเริ่มเคลื่อนไหว เหล่าภูติผีวิญญาณก็เริ่มแผ่กระจายไป

เสียงปะทะกันดัง!

วิญญาณที่บ้าคลั่งของเส้นทางอาชูร่าเริ่มส่งผลกระทบต่อจิตใจของคนแคระ และในขณะที่คนหนึ่งเริ่มเคลื่อนไหว อีก 30,000 คนก็เริ่มต่อสู้ตามๆกัน

วิธีที่จะให้พวกเขาหมดหนทางต่อสู้ทั้งร่างกายและจิตใจ

ช่วยไม่ได้ที่มูยองจะหัวเราะ เขาพยักหน้าและรอคอยให้การต่อสู้จบลง

นอกจากความแข็งแกร่งภายในแล้ว พวกเขายังต้องได้รับความลำบากที่ยากขึ้น

มันคือการรุกรานของมอนสเตอร์

มูยองต้องการล่อมอนสเตอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันความน่าสงสัยหากมอนสเตอร์หยุดยั้งการบุกรุกหลังจากที่เขาปรากฎตัว

และในส่วนนั้นผู้ที่รับผิดชอบตอนนี้คือวูฮี และอันเดธ ถึงแม้พวกเขาจะช้าไปบ้าง แต่ก็สามารถล่อจ๊อคชิโอหลายสิบตัวมาได้

จ๊อคชิโอ เป็นมอนสเตอร์ที่มีขนสีแดงดูคล้ายกับสิงโตขนาดใหญ่ พวกมันมีชื่อเสียงอย่างมากในนาม นักล่าอำมหิต

"ถ้าคุณไม่สู้จะต้องถูกจ๊อคชิโอฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมยิ่งกว่ามังกร  "

มูยองกอดอกมอง

อย่างช้าๆเขากำลังวางแผนที่จะลดความกลัวของมังกรจากจิตใจของพวกเขา

จากการผลักดันคนแคระอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก จิตใจของพวกเขาเข้มแข็งขึ้นมากกว่าครึ่ง

ในขณะที่เหล่าภูติผีกระตุ้นคนแคระอย่างต่อเนื่อง

ถ้าพวกเขาไม่สู้ พวกเขาจะกลายเป็นเหยื่อ

ทุกอย่างเป็นศึกต่อเนื่อง  คนแคระเริ่มเข้าใจเรื่องนี้อย่างช้าๆ

กรรรรร!

จ๊อคชิโอรู้สึกได้ถึงความผิดปกติจึงถอยกลับไป

อย่างไรก็ตามตอนนี้คนแคระได้ปิดล้อมจ๊อคชิโอไว้หมดแล้ว

"แท้จริงแล้วคนแคระมีนิสัยพื้นฐานในการเป็นนักรบ"

ในที่สุดศักยภาพที่ซ่อนไว้ของพวกเขาก็เริ่มเบ่งบาน

ผลกระทบจากการถูกไล่ต้อน

บ้าดีเดือด พวกเขาต้องการที่จะกลายเป็นคนบ้าแบบนั้น พวกเขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากปราศจากความบ้า

หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน

คนแคระเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

บาร์ทัสที่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากเดือนแห่งความสันโดษรู้สึกตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้

“ฮย้าาาาาาา!”

"ตาย !"

“ย๊ากกกก!”

นี่เป็นการซ้อม? ราวกับว่าพวกเขากำลังถืออาวุธจริง และต่อสู้โดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน

บาร์ทัสไม่สามารถหาความเรียบง่ายที่พวกเขามีมาก่อนหน้า และแทนที่พวกนั้นพวกเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร

"ดูเหมือนชุดเกราะจะเสร็จสิ้นแล้ว"

ขณะที่มูยองเดินเข้าไปใกล้บาร์ทัสและพูด บาร์ทัสก็กล่าวกลับมา

"อะไร ... เกิดอะไรขึ้น?"

"ผมไม่ได้บอกเหรอว่าจะทำให้พวกเขากลายเป็นนักรบ?"

“นักรบ...”

อึก!

บาร์ทัสกลืนน้ำลายลงคอของเขา

พวกเขากลายเป็นนักรบที่แท้จริง

ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนนี่มันก็เกินกว่าคำว่านักรบธรรมดา

นี่คือการพัฒนาที่ดี

เมื่อมองซากศพของมอนสเตอร์ที่กองทับถมอยู่ตรงกลางลาน ดูเหมือนว่าเขาสามารถฝึกฝนคนแคระได้จริงๆ

"รับนี่ไป มันเป็นเกราะที่สร้างจากหัวใจของฟีนิกซ์ "

ขอบตาของบาร์ทัสดำคล้ำอย่างเห็นได้ชัด

เป็นเพราะเขาไม่ได้นอนหลับเป็นเวลา 1 เดือน และอุทิศตัวให้กับการสร้างสิ่งนี้

ด้วยการแสดงออกที่เหนื่อยล้า เขาส่งเกราะที่ทำขึ้นมาอย่างยากลำบากให้มูยอง

และเมื่อรับมันมา ดวงตาของมูยองก็ส่องประกายเจิดจ้า

'ในที่สุด'

ขณะที่เขายกชุดเกราะที่มีโครงสร้างเป็นกระดูกมังกร ไฟร้อนแรงก็ลุกท่วมตัวมูยอง

ราวกับว่ามันยังมีชีวิต หัวใจของเสื้อเกราะกำลังเต้น

หัวใจของมูยองเริ่มสูบฉีดแรงขึ้นขณะที่เขามองไปยังเสื้อเกราะตัวนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด