บทที่ 26 จดทะเบียนบริษัท (อ่านฟรี)
ปัง!
เฝิงซิ่งไท่มือตบบนโต๊ะดังปัง
ลูกชายคนนี้ต้องถูกอบรมสั่งสอนเสียหน่อย ขาดเรียนบ่อยปานใดไม่เคยกล่าวถึง ตอนนี้กลับคิดอยากจะเปิดบริษัท? เขาคิดการจัดตั้งบริษัทจะง่ายดายหรือไร?
“พ่อครับ ไม่ต้องเป็นห่วง เรากำลังทำธุรกิจกับชาวรัสเซีย รัฐบาลกำลังสนับสนุนให้พวกเราทำธุรกิจร่วมกับคนเหล่านี้ เรามีข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ เราจึงต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์ หากผ่านไปสองปี นักธุรกิจจากภาคใต้มาทำการค้าที่นี่ อาจจะฉกฉวยโอกาสนี้ไป พวกเราคงจะทำเงินได้น้อยลง” เฝิงหยู่กล่าว
"เงิน เงิน เงิน ลูกเอาแต่แต่พูดถึงเงิน? จะไม่เรียนมอปลายแล้วหรือไง? ไม่คิดจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย? พ่อให้ลูกไปโรงเรียน ก็เพื่อที่ลูกจะมีอนาคตที่สดใจ ไม่ใช่เพื่อหาเงิน! " เฝิงซิ่งไท่ดุด่าว่ากล่าว
"ผมไม่ได้พูดว่าผมกำลังจะจัดตั้งบริษัท แต่เป็นพ่อต่างหากที่เป็นคนจดทะเบียนบริษัท บริษัทจึงเป็นของพ่อ" เฝิงหยู่กล่าว
เขาต้องการจดทะเบียนบริษัท แต่การจดทะเบียนบริษัทต้องมีบัตรประชาชนมายืนยัน เฝิงหยู่ยังอายุน้อยกว่า 16 ปีอยู่เลย เขาจึงยังไม่ได้ทำบัตรประชาชน แล้วเขาจะจดทะเบียนทะเบียนบริษัท ได้อย่างไร?
"จะให้พ่อจดทะเบียนบริษัทหรือ?" เฝิงซิ่งไท่ถาม
"ใช่ครับ เป็นบริษัทการค้า ตอนนี้มีบริษัทดังกล่าวอยู่ทางตอนใต้ ก็เห็นกันอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์ทุกๆวัน คนยิ่งใหญ่ต่างก็เป็นผู้ประกอบการเองทั้งนั้น มันเป็นการเอื้ออำนวยต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ! " การจะเกลี้ยกล่อมพ่อแม่ของเขาซึ่งอยู่ในวัยนี้ จะต้องใช้คำพูดที่ฟังดูยิ่งใหญ่
"ใช่เหรอ?" เฝิงซิ่งไท่หันมองภรรยาของเขา แต่จางมู่วาเพียงแค่ส่ายหัวเท่านั้น เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
"พ่อครับ ผมก็เคยบอกไปแล้ว ว่าหยุดเล่นไพ่นกกระจอกตอนกลางคืนแล้วเปลี่ยนมาดูข่าวเสียบ้าง ละอีกอย่าง ที่ผมไปเมืองปิงครั้งก่อนไม่ได้ไปเที่ยวเล่น แต่ไปทำธุรกิจครับ ผมเดินทางไปครั้งนี้ผมมีรายได้ถึง 80,000 หยวนเลยนะครับ " เฝิงหยู่กล่าว
"เท่าไหร่นะ?" จางมู่วาและเฝิงซิ่งไท่ไถ่ถาม
"80,000 หยวนครับ นี่ไปแค่สองวันเท่านั้น ผมได้ทำข้อตกลงกับอีกฝ่ายไว้แล้ว หลังจากนี้เขาจะกลับมาซื้อสินค้าอีกรอบ ถ้าพวกเราต้องการสร้างรายได้ เราต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ครับ! หรือพ่อกับแม่ไม่อยากอยู่บ้านหลังใหญ่ๆ? ไม่อยากชักชวนคุณปู่และคุณยายให้ย้ายมาอยู่กับพวกเราหรือครับ? เมื่อพ่อยอมตกลงที่จะจัดตั้งบริษัทแล้ว เราจะมีเงินซื้อบ้านหลังใหญ่ๆ อาจจะซื้อได้ใหญ่กว่า 100 ตารางเมตรเลยก็ได้ หรือแม้แต่ซื้อบ้านในเมืองปิง! " เฝิงหยู่กล่าว
เฝิงหยู่ไม่กล้าเอ่ยปากให้พวกเขารู้ ว่าคนร่ำรวยเงินตราจะอาศัยอยู่ในบ้านซึ่งมีขนาดมากกว่าร้อยตารางเมตร หรืออาจจะใหญ่ถึงหนึ่งพันตารางเมตร เพราะเขารู้ว่าพ่อแม่ของเขาไม่มีทางเชื่อ การล้างสมองพวกเขาจะต้องค่อยเป็นค่อยไป
"พ่อครับ ถ้าพ่อไม่ตกลง ผมคงไม่มีกะจิตกะใจที่จะตั้งใจเรียน การสอบกลางภาคใกล้เข้ามาแล้ว มันจะส่งผลกระทบต่อคะแนนสอบของผม " เฝิงหยู่กล่าว
"แล้วทุ่งนาของพวกเราล่ะ?" เฝิงซิ่งไท่ถาม
เฝิงหยู่กลอกลูกตา : "ก็จ้างคนงานเอาก็ได้ ในอนาคตพวกเราคงไม่ต้องทำไร่ไถนาอีก เราก็ปล่อยที่นาให้ผู้อื่นเช่า ใครที่ต้องการทำไร่ไถนา ก็ให้พวกเขาเช่าอาศัยไป ส่วนพวกเราจะย้ายไปอยู่ในเมือง และใช้ชีวิตให้สนุกสุดเหวี่ยง "
เฝิงซิ่งไท่หันมามองภรรยาของเขา ถามว่า "เธอคิดอย่างไร?"
"ฉันไม่รู้ พี่ตัดสินใจเองสิ" จางมู่วาตกใจกับบทสนทนาระหว่างสองพ่อลูก ตอนแรกเริ่ม ทั้งสองคนพูดคุยเกี่ยวกับรายได้ไม่กี่พัน จนกระทั่งจะสร้างรายได้นับหมื่น แล้วตอนนี้ พวกเขากำลังพูดถึงการจัดตั้งบริษัท นางตามไม่ทันจริงๆ
แต่เธอเชื่อมั่นในตัวลูกชายของเธอ คนที่ได้รับการศึกษาเล่าเรียน จะต้องคิดการใดไม่ผิดพลาด อีกอย่าง ลูกชายของเธอจะคดโกงเธอได้อย่างไร?
แม้นไร้คำตอบจากคำพูดของภรรยา แต่จากสายตาของเธอ เฝิงซิ่งไท่จึงรู้ว่าภรรยาของเขาพึงใจอยากจะอาศัยอยู่ในเมืองมากกว่า เฝิงซิ่งไท่จึงกล่าวว่า "ก็ได้ พ่อจะไปจดทะเบียนบริษัท ในวันพรุ่งนี้ แต่ถ้าลูกไม่สามารถเข้าไปในโรงเรียนมัธยมปลายของเมืองได้ พ่อจะปิดบริษัททันที "
หลังจากชักชวนให้พ่อกับแม่ของตัวเองได้แล้ว เขาก็กลับมาที่โรงเรียนด้วยความสงบใจ นี่ก็ใกล้จะสอบกลางภาคแล้ว เขาจึงต้องเริ่มการทบทวนบทเรียน แม้นว่าเขามีการเห็นการณ์ล่วงหน้า 20 ปี แต่ตอนนั้นเขามุ่งเน้นแค่การลงทุนอย่างเดียว และไม่เคยทำธุรกิจอื่น ๆเลย
เขาต้องการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย และเรียนด้านการจัดการ ในเวลาเดียวกัน เขาก็ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมชั้นที่มีพรสวรรค์ เพื่อพวกเขาจะได้ช่วยเขา ให้บรรลุความฝันจนสร้างอาณาจักรแห่งเศรษฐกิจของตัวเองได้สำเร็จ
ในระหว่างที่เฝิงหยู่กำลังตั้งใจศึกษาตำราอย่างเอาจริงเอาจัง เฝิงซิ่งไท่ก็เดินทางมายังเมืองปิง พร้อมบัตรประชาชนของเขา เฝิงหยู่ได้บอกหลี่ซื่อเฉียงไว้ก่อนแล้วว่าเฝิงซิ่งไท่จะมา จึงมารอรับที่สถานีรถไฟ หลี่ซื่อเฉียงขับรถยนต์ที่ตัวเองยืมมา ขับพาพ่อตาในอนาคตของตัวเองมาที่สำนักงานทะเบียนการค้า (หน่วยงานที่รับผิดชอบการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในจีน)
ในยุคสมัยนี้ การจดทะเบียนบริษัทเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว ไม่เหมือนในอนาคตที่จะต้องดำเนินการอย่างเข้มงวด
หลี่ซื่อเฉียงสอบถามขั้นตอนวิธีการดำเนินการมาแล้ว จึงบอกให้เฝิงซิ่งไท่ปฏิบัติตามขั้นตอนต่างๆที่มีความจำเป็น กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาประมาณหนึ่งวัน หลังจากนั้น บริษัทจะถูกจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในวันถัดไป
"คุณลุงครับ มาดูสิครับ นี่คือออฟฟิศบริษัทไท่ฮวาของพวกเรา " หล่ซื่อเฉียงกล่าว
ถึงแม้จะว่าเรียกว่าออฟฟิศ แต่ก็เป็นเพียงคลังสินค้าที่เช่าอยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟ คลังสินค้านี้ถูกออกแบบเป็นสองชั้น ชั้นบนจะมีห้องต่างๆซึ่งจะใช้เป็นที่ทำงานและห้องพัก
พนักงานคนแรกของบริษัท คือ หลี่ซือเฉียง ถูกว่าจ้างในการสรรหารวบรวมพันธบัตร พวกเขาหยุดการกว้านซื้อพันธบัตรรัฐบาลจากมือสู่มือ เพราะมีการเปิดซื้อขายพันธบัตรอย่างเป็นทางการแล้ว ราคาพันธบัตรรัฐบาลจึงเพิ่มราคาสูงขึ้น ขณะนี้ราคาพันธบัตรแห่งเมืองเสิน ได้เพิ่มขึ้นเป็น 101.30 หยวน อันเป็นอัตราซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 100 หยวน
เพียงแค่เดินทางไปมาระหว่างเมืองปิงและเมืองเสิน หลี่ซื่อเฉียงสามารถรายได้มากกว่า 1,000 หยวนต่อการเดินทางหนึ่งรอบ
เฝิงหยู่ได้กล่าวไว้ว่าคนเหล่านี้มีประโยชน์ โดยทุกๆครั้งที่หลี่ซื่อเฉียงเดินทางไปที่เมืองเสิน ก็ควรให้ใครสักคนหนึ่งเดินทางไปเป็นเพื่อน ส่วนคนที่เหลือจะอยู่ช่วยกันทำความสะอาดคลังสินค้า
อ้างอิงจากคำพูดของเฝิงหยู่ อีกหน่อยคลังสินค้านี้จะเต็มไปด้วยสินค้า ส่วนเงินเดือนของพวกเขาจะได้รับเป็นสองเท่า
เฝิงหยู่ต้องการแบ่งสรรปันส่วนเงินกำไรอย่างเท่าเทียมกันกับหลี่ซื่อเฉียง แต่หลี่ซื่อเฉียงรู้ซึ้งเป็นอย่างดีว่าที่บริษัทนี้สามารถทำเงินได้เพราะเฝิงหยู่ เขาก็เป็นคนขับรับส่งเท่านั้น ดังนั้น เขาจึงปฏิเสธข้อเสนอของเฝิงหยู่ นอกจากนี้ การลงทุนจัดตั้งบริษัทของเฝิงหยู่ก็ใช้เม็ดเงิจำนวนมาก เงินจำนวนนี้เกือบทั้งหมดเป็นของเฝิงหยู่ และหลี่ซื่อเฉียงยังลังเลใจที่จะละทิ้งธุรกิจการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาล
ท้ายที่สุด บริษัทถูกจดทะเบียนด้วยทุนเริ่มต้น 200,000หยวน บัญชีเงินของเฝิงซิ่งไท่คิดเป็น 90% ซึ่ง หรือก็คือเป็นจำนวนเงิน 180,000 หยวน ส่วนของหลี่ซื่อเฉียงคิดเป็น 10% ก็คือเงิน 20,000 หยวน ผู้จัดการคือเฝิงซิ่งไท่ ส่วนเฝิงหยู่และหลี่ซื่อเฉียงเป็นรองกรรมการผู้จัดการ ส่วนคนอื่น ๆ เป็นพนักงานขาย
ถ้าหากจีหลี่เหลียนเคอไม่ได้มอบเงินเพิ่มให้เฝิงหยู่จำนวน 20,000 รูเบิ้ล คงเป็นเรื่องยากที่พวกเขาที่สามารถจะดำเนินธุรกิจการซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลได้ต่อ หลังจากที่เจียดเงิน 200,000 หยวนออกมาเปิดบริษัท
นอกเหนือเงิน 200,000 หยวนในการเปิดบริษัท ยังต้องจ่ายค่าเช่า ค่าตกแต่งบริษัทและค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ดอื่นๆ เบ็ดเสร็จแล้วพวกเขายังคงมีเงินเหลือประมาณ 100,000 หยวนเพื่อใว้ใช้ซื้อขายพันธบัตรรัฐบาลต่อไป พวกเขาจึงยังสร้างหารายได้ประมาณหนึ่งพันหยวนต่อการเดินทางครั้งหนึ่ง
เฝิงหยู่ได้พูดคุยหารือกับหลี่ซื่อเฉียงว่าไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจกับเปอร์เซ็นต์ของเงินที่ใช้ลงทุนจดทะเบียนบริษัท ด้วยเพราะหลี่ซื่อเฉียงต้องยุ่งวุ่นวายกับธุรกิจพันธบัตรรัฐบาล เฝิงหยู่จึงยังยืนกรานว่ารายได้ของพวกเขาจะแบ่งปันกันอย่างเท่าเทียม
แต่อย่างไรก็ดี หลี่ซื่อฉียงไม่ต้องการส่วนแบ่งจำนวนมาก ครอบครัวของเขาไม่ได้ร่วมเงินลงทุนมากนัก และนี่ก็เป็นแนวคิดของเฝิงหยู่ ทุกครั้งที่เฝิงหยู่ได้รับประโยชน์จากข้อตกลงธุรกิจร่วมกับจีหลี่เหลียนเคอ ค่อยแบ่งให้เขาส่วนหนึ่งก็พอ
ถ้าหลี่ซื่อเฉียงไม่ปฏิเสธ เฝิงหยู่ก็ตั้งใจที่จะมอบรายได้ให้เขามากขึ้น แต่พอเฝิงหยู่ลองคิดทบทวนสักพัก ก็คิดได้ว่ามันคงไม่สำคัญ หากในอนาคตเฝิงหยู่ประสบความสำเร็จแล้วละก็ เขาจะไม่มีวันลืมพี่เขยและครอบครัวของเขาอย่างแน่นอน
เมื่อเฝิงซิ่งไท่ได้ยินจากหลี่ซื่อเฉียงว่า เฝิงหยู่ลงทุน 180,000 หยวนในการจัดตั้งบริษัทบริษัท เขาแทบจะเป็นลม
ธุรกิจของลูกชายเขากำลังเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ