[KotB] บทที่ 89: หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัส (จบ)
บทที่ 89: หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัส (จบ)
เมื่อมีคนตัดสินใจที่จะหลบซ่อน ย่อมไม่ง่ายที่จะค้นหาพวกเขาได้อย่างทันที มันเป็นพื้นฐานของการแกะรอยและวิเคราะห์พฤติกรรมบุคลิกของแต่ละบุคคล
และมูยองรู้จักถึงความหยิ่งทะนงของหัตถ์เทพพระเจ้าบาร์ทัส
มีโอกาสสูงที่เขาไม่ได้ซ่อนตัวอยู่ในใต้ดินลึก แต่ต้องเป็นพื้นที่ที่น่าจะมองเห็นได้ยาก
หลังจากตรวจสอบสถานที่ที่น่าสงสัยสองสามแห่ง เขาก็เจอพื้นที่แปลกประหลาดที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้
หิมะปกคลุมสูง และรอบๆเต็มไปด้วยเถาของต้นไม้
ถ้าไม่ใช่มูยองผู้ที่เคยใช้กับดักทุกประเภทยังไม่รู้ ก็คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่านี้แล้ว
'มีเวทมนตร์บิดเบือนการรับรู้ และเวทมนตร์ล่องหน'
แม้ว่าพวกเขาจะเดินเข้าไปในดงเถาไม้พวกนั้น ก็จะไม่พบเจออะไร
เมื่อตระหนักถึงความจริงนี้ มูยองก็สามารถไปยังทิศทางที่ถูกต้องได้
มูยองสามารถใช้การรับรู้ที่ดีของเขาในการหาทางเดินที่ถูกต้อง
เมื่อเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุด เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงกำแพงโปร่งใสท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่า
ปัญหาคือวิธีที่จะเผยให้กำแพงที่โปร่งใสนี้ปรากฎออกมา
บาร์ทัสได้เตรียมการไว้ทุกอย่างแล้ว
วิธีการค้นหาและวิธีการยกเลิกเวทมนตร์ทั้งหมดอยู่ภายในเข็มทิศ
หลังจากปลุกพลังอันบริสุทธิ์ได้ เขาก็สามารถตรวจจับการไหลเวียนของเวทมนตร์ได้ตามสัญชาตญาณ และยังสามารถบอกได้ว่าการไหลเวียนของเวทมนตร์นี้มีความแตกต่างกันยังไงบ้าง
และการไหลเวียนที่แตกต่างนั้น มันตรงกันข้ามกับพลังเวทย์ที่เขารู้สึกได้จากเข็มทิศ
ดูเหมือนว่ากระแสพลังทั้งสองที่ค้นพบจะหวนกลับไปสู่จุดดั้งเดิมที่ถูกต้อง
ดังนั้นเขาจึงเดินไปรอบปราสาทที่มองไม่เห็น และพยายามจับคู่ทิศทางของเข็มทิศที่ขึ้นอยู่กับลักษณะของอริยาบท
'อย่างที่คิดไว้'
จากนั้นการไหลเวียนของพลังเวทที่ออกจากเส้นทางก็กลับมาเป็นปกติ
ในที่สุดรูปลักษณ์ของปราสาทก็ค่อยๆปรากฏตัวขึ้น
บาร์ทัส
เขาเป็นคนแคระที่หยิ่งทะนง
เขาทิ้งวิธีการเอาไว้อย่างเปิดเผย ราวกับกำลังท้าทายผู้อื่นให้เข้ามาหาเขาหากมันผู้นั้นสามารถทำได้
ทักษะของมันถือว่ายอดเยี่ยม แต่ความหยิ่งทะนงที่มีจะต้องทำให้มันตกสู่ความยากลำบาก
หลังจากที่เวทย์ล่องหนถูกลบออกแล้ว มูยองก็เตรียมพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไป
ภายใต้การทำงานของการ์มูสในการเป็นเหยื่อล่อพวกโทรลน้ำแข็งและมนุษย์หิมะ
'ยาทีดีต่อร่างกายมักจะมีรสขม'
มันเป็นวิธีที่จะช่วยปลุกความตื่นตัวของบาร์ทัส
มูยองได้แต่หวังว่ามันจะไม่ขมเกินไปจนมันต้องคายทิ้ง
หน้าที่ง่ายๆของการ์มูสคือ การล่อโทรลน้ำแข็ง และดึงความสนใจของมนุษย์หิมะ
โดยทั่วไประหว่างมันทั้งสองมักจะต่อสู้กันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงทรัพยากรที่จำกัด
"ข้าไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องมาทำเรื่องแบบนี้ด้วย"
"เจ้าต้องวิ่งเร็วกว่านั้นอีก!"
การ์มูสวิ่งอย่างบ้าคลั่งบนพื้นน้ำแข็งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ข้างๆเขา นักล่าปีศาจวิญญาณกำลังใช้กลุ่มภูติผีเพื่อซ่อนตัวตนของตัวเอง และให้พวกมันช่วยทำให้การเคลื่อนที่ของการ์มูสเป็นไปอย่างราบลื่น
และการ์มูสก็เปรียบเสมือน...
แหขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยปลา
หากปราศจากความช่วยเหลือจากพวกวิญญาณมันจะเป็นไปไม่ได้เลย พวกเขาสามารถขโมยอาหารของมนุษย์หิมะและโทรล์น้ำแข็งไปต่อหน้าต่อตาพวกมัน
ทว่าสิ่งมีชีวิตเดียวที่พวกโทรลน้ำแข็งและมนุษย์หิมะสามารถมองเห็นได้นั้นมีเพียงการ์มูส
โฮกกก!
พวกมันไล่ตามการ์มูสอย่างดุเดือดขณะที่ส่งเสียงตะโกนโห่ร้อง
แน่นอนว่ามีมอนสเตอร์จำนวนหนึ่งที่ได้รับอิทธิพลจากความบ้าครั่งของเหล่าภูติผีทำให้สูญสิ้นสติและตกสู่ความป่าเถื่อน
นับตั้งแต่ที่เสียสติและเริ่มบ้าไป มันย่อมส่งผลกระทบต่อมอนสเตอร์ตัวอื่นๆด้วย
'พวกมันบ้าไปแล้ว!'
การ์มูสคิดอย่างนั้นจริงๆ
ด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขากำลังกระตุ้นมอนสเตอร์กว่า 2,000 ตัว?
มันเป็นอะไรบางอย่างที่แม้แต่ฆ่าตัวตายยังง่ายกว่า
เขาจะหายไปทันทีโดยไม่เหลือแม้แต่กระดูกหากว่าถูกจับโดยพวกมัน
เหนือสิ่งอื่นใดในขณะที่กำลังวิ่งล่อมอนสเตอร์ที่บ้าคลั่งโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อโจมตีบาร์ทัส เขาก็รู้สึกผิดเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถถอนตัวได้
การ์มูสกัดฟันและวิ่งต่อไป
ผลลัพธ์ที่ได้สามารถมองได้จากสถานการณ์ปัจจุบัน
เมื่อมอนสเตอร์ 2,000 ตัวเคาะไปที่ประตูอย่างบ้าคลั่ง จนทำให้ทางเข้าของปราสาทสั่นไหวอย่างรุนแรง
หากรวมความแข็งแรงของโทรลและมนุษย์หิมะเข้าด้วยกัน ชื่อเสียงของพวกมันก็ไม่ต่างอะไรกับพวกโอเกอร์
ไม่ว่ากำแพงปราสาทจะแข็งแรงแค่ไหน ถ้ามีหลายสิบโอเกอร์มาเคาะประตูโดยที่ไม่หยุด ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถอดทนต่อพวกมันได้
ถ้าเหตุการณ์ยังคงดำเนินแบบนี้ต่อไป เห็นได้ชัดว่าประตูทางเข้าจะต้องถูกทำลาย
‘เขามีการตอบสนองที่เชื่องช้าจริงๆ’
มูยองปีนขึ้นกำแพงด้านนอกและมองไปรอบ ๆ
แม้ว่าจะมีกับดัก, เวทย์มนต์, และอื่นๆที่เตรียมพร้อมสำหรับป้องกันผู้บุกรุก แต่พวกมันก็ไม่อาจหลุดลอดสายตาของมูยองไปได้
มีช่องโหว่สำหรับพวกมันเสมอ และมูยองก็เหมือนกับมัจฉาในสายธารที่สามารถแหวกว่ายได้อย่างสบายๆ
"ถ้ายังเป็นเช่นนี้ประตูอาจแตกได้!"
"พวกเขารายงานมาว่าตัวเลขของพวกมันมีมากกว่า 2,000 ?"
คนแคระเริ่มระส่ำระส่าย พวกมันไม่สามารถเดินหน้าจัดการสถานการณ์ได้อย่างง่ายดาย
พวกมันคิดไว้เพียงวิธีการหลบหนีในกรณีที่มีการโจมตีจากมังกร แต่ไม่ใครคาดคิดว่าปราสาทจะถูกค้นพบและรุกรานโดยมอนสเตอร์ปกติ
อะไรคือสิ่งที่วัดความทนทานของกำแพงปราสาท?
สิ่งที่คนแคระหลายพันคนทำเมื่อพวกเขารวมกลุ่มกันคืออะไร?
เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะพวกเขาเชื่อมั่นในกำแพงตนมากเกินไป ทำให้ไม่มีวิธีรับมือกับสถานการณ์ที่คาดไม่ถึงนี้
และตอนนี้ผู้ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนก็คือ บาร์ทัส
แค่มองจากด้านนอก มูยองก็สามารถชี้ได้เลยว่าคนไหนคือเขา
เมื่อบาร์ทัสเป็นลอร์ดของพันธมิตรพลั่วสามกระสอบ ดูเหมือนว่าเขาจะใช้งานคนแคระอื่นไม่ต่างไปจากทาส
นอกจากปราสาท ทุกอาคารอื่นๆต่างอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่
"ระเราควรทำอย่างไรดี?"
" ไปหาบาร์ทัสกันเถอะ ถ้าเป็นบาร์ทัสเขาจะต้องมีทางออกแน่ๆ "
สำหรับคนแคระที่กำลังสับสน พวกมันมองไม่เห็นทางแก้ไขใดๆ
พวกมันเชื่อใจเพียงบาร์ทัสเท่านั้น ดังนั้นไม่แปลกที่ทุกบทสนทนาจะปรากฎชื่อของบาร์ทัสออกมาสำหรับการแก้ไขปัญหาต่างๆ
หากศัตรูปรากฏขึ้นพวกเขาควรสวมเกราะและยกดาบเพื่อป้องกันประตูจากการถูกทำลาย
เช่นเดียวกับเวลาที่โดเกบิเผชิญหน้ากับเหล่าไฟทาร์ แม้จะมีกำลังพลไม่เพียงพอต่อการป้องกันแต่พวกเขาก็พร้อมเข้าร่วมต่อสู้
ทว่าเหล่าคนแคระเพียงรวมตัวกันอยู่ภายในปราสาท
ไม่มีคนแคระใดตัดสินใจลุกขึ้นสู้
น่าจะเป็นเพราะบาร์ทัสนั้นยอดเยี่ยมมากเกินไป และหลังจากที่เห็นเรื่องพวกนี้มูยองดูผิดหวังเล็กน้อย
'ทาสที่แท้จริงมักจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นทาส'
เมื่อมองไปที่คนแคระที่ไม่สามารถทำอะไรได้หากปราศจากคำสั่งของบาร์ทัส มูยองได้แต่ส่ายหัว
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาใส่ใจ
มูยองเข้าไปในปราสาทและเริ่มเคลื่อนไหว
"พวกเรามีกำลังพลจำนวนมาก แม้ว่ากำแพงล่องหนจะถูกทำลาย แต่มันคงไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องบังเอิญ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องกลัวหากมันไม่ใช่มังกร! "
คนแคระที่สวมมงกุฎบนศีรษะพร้อมกับเครื่องประดับมากมายที่ห้อยลงมาจากร่างกาย กำลังกล่าวสุนทรพจน์หน้าปราสาท
มูยองสามารถบอกได้ทันที
คนแคระคนนี้คือบาร์ทัส
"เราสามารถต่อสู้กับพวกโทรลได้เหรอ?"
"มีคนแคระไม่มากนักที่รู้วิธีต่อสู้ พวกเขารู้แค่วิธีเป่าลมในเครื่องหลอมเท่านั้น "
คนแคระยังคงขวัญหนีดีฝ่อ
มันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
มูยองรอดูปฏิกิริยาของบาร์ทัส
กับมอนสเตอร์แค่ 2,000 ตัว และไม่ใช่มังกร มันก็ดูมีท่าทางอึดอัดแล้ว
ในฐานะลอร์ด สีหน้าของมันดูหมองคล้ำ
และในที่สุด บาร์ทัสก็ชักดาบออกมา
"อาวุธที่เราสร้างขึ้นสามารถฉีกร่างได้แม้กระทั่งโอเกอร์! พวกเจ้ากำลังกังวลเรื่องอะไร? จับอาวุธของเจ้าขึ้นมา! ถึงเวลาแล้วที่จะแสดงความเข้มแข็งที่แท้จริงของคนแคระ! "
ตามที่คาดไว้บาร์ทัสเลือกที่จะสู้
คนแคระไม่ได้เป็นสายพันธุ์ที่มีร่างกายแข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นอาจปิดช่องว่างความแตกต่างทางกายภาพได้
การเคลื่อนไหวต่อไปของบาร์ทัสก็ไม่ได้เลวร้ายนัก
เขาคัดเลือกเฉพาะคนที่รู้วิธีการต่อสู้ไปป้องกันประตู
พวกเขายิงธนู และหน้าไม้ขนาดใหญ่
นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์บางอย่างที่คล้ายกับปืนใหญ่
และด้วยการแบ่งกองกำลังในการจู่โจม พวกเขาแอบออกประตูด้านหลังเพื่อลอบโจมตีมอนสเตอร์ที่บาดเจ็บได้อีกด้วย
‘กลยุทธ์ก็ไม่เลวเช่นกัน’
หลังจากต่อสู้กันมานานกว่าครึ่งวัน พวกเขาสามารถสังหารหมู่ 2,000 มอนสเตอร์ได้
มันดูเหมือนว่าบาร์ทัสไม่ได้เป็นลอร์ดที่ดีแต่ชื่อ
คนแคระทุกคนยิ้มรับในชัยชนะของพวกเขา
อย่างไรก็ตามพวกมันจะรู้หรือไม่?
ว่านี่ยังไม่ใช่จุดสิ้นสุด
ทุกอย่างกำลังเริ่มต้น!
หลังจากการต่อสู้ บาร์ทัสร่ายพลังโปร่งใสใส่กำแพงและตรวจสอบความปลอดภัย
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะสามารถหาสาเหตุหลักได้ การโจมตีระรอกที่สองก็ตามมา
ออร์คสีฟ้าจำนวนหลายร้อยตัวกำลังคันพบปราสาท
'ออร์คจันทรา!'
บาร์ทัสมีสีหน้าซีดเซียวหลังจากมองไปที่พวกออร์ค
'ออร์คจันทราควรเป็นสายพันธุ์ที่อาศัยอยู่ทางด้านเหนือซึ่งไกลจากที่นี่?
มันยากที่จะเข้าใจว่าทำไมออร์คจันทรามุ่งหน้ามายังปราสาท
และเวทย์ล่องหนก็ถูกทำลายลงอีกครั้ง
ปกติแล้วมันไม่เคยถูกทำลายได้เอง
'ใครบางคนกำลังทำลายระบบความปลอดภัย'
เหงื่อเย็นเยือกไหลออกจากตัวบาร์ทัส
พวกเขาสามารถยืนหยัดต่อเหล่าออร์คจันทราได้ แต่ทว่าก่อนที่ทุกอย่างจะได้รับการฟื้นฟู ฝูงมนุษย์หมาป่าจำนวนมากก็ปรากฎตัวขึ้นอีก
"เรา เราทุกคนได้ตายกันแน่ๆ"
"เช่นนี้ไม่มีความหวังแล้ว ... "
คนแคระไม่แม้แต่สามารถข่มตาลงได้
พวกเขาค่อยๆถูกจู่โจมด้วยความหวาดกลัว
และ บาร์ทัสเริ่มมีช่วงเวลาที่ลำบากในการตัดสินใจ
'มันกำลังรอให้เราหนีออกไปจากปราสาทหรือไม่? หากไม่ใช่มังกร แล้วใครมันสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้อีก?
ปัญหาใหญ่ที่สุดคือเขาไม่รู้ว่าใครเป็นฝ่ายตรงข้าม และมีความตั้งใจอะไรในการทำลายระบบความปลอดภัย
ถ้าเป็นมังกรมันจะไม่ใช้วิธีการที่ซับซ้อนเช่นนี้
บาร์ทัสเค้นสมองคิดอย่างหนัก
ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม มันไม่สามารถเดาความตั้งใจของฝ่ายตรงข้ามได้
อย่างไรก็ตาม จำนวนและชนิดของมอนสเตอร์ที่บุกรุเท่ากับจำนวนทั้งหมดที่พวกเขาจะต้องปกป้องอย่างต่อเนื่องเสมอ
มันน่าหวาดระแวงหากจะหลบหนี และลำบากใจที่จะต้องปกป้อง
ถึงมันจะดูแปลกแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีเวลาพอที่จะคิดอะไรได้มาก
ในที่สุดสติของบาร์ทัสก็เริ่มแตกสลายเนื่องจากคลื่นมอนสเตอร์ที่ถาโถมเข้ามา
เรื่องนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการสู้รบที่ยาวนานอย่างต่อเนื่องซึ่งมันไม่คุ้นเคย
โครมมม !
และท้ายที่สุดประตูปราสาทก็พังทลายลง
หลังจากผ่าน 15 วันเต็ม มอนสเตอร์ที่ปรากฏตัวขึ้นเป็นโอเกอร์สองหัว
แม้ว่าจะมีเพิ่มขึ้นมาอีกแค่หนึ่ง แต่พลังความแข็งแกร่งของมันเทียบได้กับโอเกอร์ธรรมดาถึง 20 ตัว
อ๊าา…”
"โอเกอร์สองหัว!"
"วิ่ง เราจำเป็นต้องวิ่งงงง"
สายตาของคนแคระเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
แกร๊ง!
ถึงขนาดที่คนแคระบางคนยอมทิ้งอาวุธลงพื้น
‘เราควรทำไงดี?’
แม้แต่บาร์ทัสยังถอยกลับไป อย่างไรก็ตามมันสายเกินไปแล้ว
โอเกอร์สองหัวได้เข้าไปในปราสาท และกำลังสังหารหมู่คนแคระ
วิธีเดียวที่จะทำให้พวกเขาหนีไปได้
เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีของมังกร พวกเขาไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการทิ้งปราสาทเลยสักครั้ง?
"ข้าจะออกจากปราสาท พวกเจ้าทุกคนไปหยุดโอเกอร์สองหัวเดี๋ยวนี้! "
ขณะที่ลอร์ดบาร์ทัสหนีถอย จิตวิญญาณการต่อสู้ของพวกคนแคระก็ตกวูบ
และในขณะที่ดวงตาของคนแคระทั้งหมดเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
ลุกโชน!
โดเกบิปรากฏตัวในขณะที่เขาตัดแขนของโอเกอร์สองหัวออก
โฮกกกก!
โอเกอร์สองหัวจับแขนที่ขาดของมันและร้องอย่างเจ็บแค้น
ในขณะเดียวกัน โดเกบิหันไปกล่าวกับเหล่าคนแคระที่กำลังเตรียมหนี
"โอเกอร์สองหัวแพ้ไฟ! เราสามารถหยุดมันได้หากเทดินปืนไปที่มันแล้วเผา! "
อย่างไรก็ตามร่างกายของคนแคระทุกคนกลับไม่ยอมเคลื่อนไหว
ดังนั้น โดเกบิจึงตะโกนขึ้นอีกครั้ง
"คนแคระของเทพเฮมดอลล์มีเพียงพวกขี้ขลาดหรือยังไง?! "
เฮมดอลล์ เป็นชื่อของเทพพระเจ้าที่คนแคระเคารพบูชา
กึด!
หลังจากฟังคำพูดของเขาแล้ว บาร์ทัสก็หยุดการเคลื่อนไหว
โดเกบิตนนี้เห็นได้ชัดว่าคือมูยอง
รอยยิ้มปรากฎอยู่ลึกๆในจิตใจของเขาหลังจากมองไปยังบาร์ทัส
หัตถ์เทพเจ้าบาร์ทัส
คนแคระมีความเข้าใจลึกซึ้งและความรู้ แต่ก็มักทำตัวเย่อหยิ่งทะนงตน แต่ในตอนท้ายพวกมันกลับแสดงถึงความขี้ขลาด
อย่างไรก็ตามบาร์ทัสไม่น่าจะขี้ขลาดขนาดนั้น
"คนขี้ขลาดคงไม่สามารถกลายเป็นลอร์ดได้"
และความคิดของมูยองก็ถูกต้อง
บาร์ทัสหยุดการวิ่งหนี และเห็นได้ชัดว่าร่างกายของมันกำลังสั่นอย่างรุนแรง
เขาอุทิศจิตวิญญาณให้กับเฮมดอลล์มากกว่าใคร
"โดเกบิกล้าพูดถึงพวกเราแบบนั้นได้ยังไง!"
อารมณ์ที่มันระงับไว้จนถึงขณะนี้ได้ระเบิดออกมาแล้ว