ตอนที่แล้ว[KotB] บทที่ 85: พันธมิตรพลั่วสามกระสอบ (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[KotB] บทที่ 87: พันธมิตรพลั่วสามกระสอบ (จบ)

[KotB] บทที่ 86: พันธมิตรพลั่วสามกระสอบ (3)


บทที่ 86: พันธมิตรพลั่วสามกระสอบ (3)

มูยองหัวเราะเบาๆ

เขาให้บาลตันและเซฮุนไปหาโอการ์เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ก็มีโอกาสเพียงห้าสิบห้าสิบเท่านั้น

เมื่อเทียบกับไฟทาร์คนอื่นๆ โอการ์เป็นผู้ที่มีเกียรติ และรู้จักคำว่ามิตรภาพอย่างจริงแท้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากโอการ์ช่วยเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้จึงไม่แน่ใจนักว่ามันจะยอมมาช่วยอีกหรือไม่

อย่างไรก็ตาม โอการ์ทิ้งทุกสิ่งแล้วรีบวิ่งมาช่วยมูยองทันที

ดูเหมือนการช่วยเหลือของมูยองในการแก้ปัญหาต้นโพธิ์จะยังคงมีผลอยู่

เนื่องจากโอการ์ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน การแสดงออกของผู้นำเผ่าไฟทาร์อื่นก็ทำได้เพียงแข็งทื่อเท่านั้น

"หยุดการต่อสู้นี่ซะแกรม"

หลังจากเดินทางมาถึงสนามรบแล้ว โอการ์ก็หยิบหอกออกมาและพูดขึ้น

จากนั้นหัวหน้าไฟทาร์ที่ถูกเรียกว่าแกรมก็มองไปที่โอการ์และส่ายหน้า

"นั่นไม่ใช่โอการ์รองหัวหน้าเผ่ากอหนามหรอกเหรอ ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้? เผ่าของเจ้าพึ่งย้ายออกจากที่นี่ไปนี่"

แกรมจ้องมองราวกับว่ามันไม่เข้าใจว่าทำไมโอการ์ถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่

อย่างไรก็ตาม มันก็ช่วยไม่ได้

มันไม่ง่ายที่จะจินตนาการว่าไฟทาร์ที่เป็นที่รู้จักกันในนามของนักสู้แห่งเปลวเพลิงจะมาถึงที่นี่เพียงแค่ช่วยเหลือโดเกบิ

ยิ่งกว่านั้นโอการ์เป็นถึงรองหัวหน้าเผ่า

และเป็นรองหัวหน้าเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงนี้

โอการ์พูดอย่างรวดเร็ว

"โดเกบิตัวเล็กๆตรงหน้าเจ้าคือผู้มีบุญคุณของพวกเรา"

"ผู้มีบุญคุณของพวกเรา?"

ความรู้สึกของแกรมแข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆ

เขากล่าวว่า 'ของพวกเรา' ไม่ใช่ 'ของข้า'

นั่นหมายความว่าชนเผ่ากอหนามทั้งหมดได้ยกย่องโดเกบิตัวหนึ่งเป็นผู้มีบุญคุณของพวกเขา

เป็นเรื่องยากที่แกรมจะเข้าใจจริงๆ

แกรมไม่รู้ว่ามูยองได้แก้ปัญหาเรื้อรังเกี่ยวกับต้นโพธิ์

อย่างไรก็ตามโอการ์ไม่ได้คิดที่จะอธิบายรายละเอียดทีละขั้นตอนขนาดนั้น

"ถ้าเจ้าตัดสินใจที่จะกลั่นแกล้งผู้มีบุณคุณของพวกเรา ข้าจะเผชิญหน้ากับเจ้าด้วยหอกเล่มนี้"

โอการ์ควงหอกขนาดใหญ่ของเขา ไฟบนร่างวิ่งเคลื่อนที่ไปตามหอก จิตวิญญาณที่กล้าหาญพุ่งพล่านไปยังบริเวณรอบๆ

มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเปลวไฟของไฟทาร์ตัวอื่นๆ

ชนเผ่ากอหนามเป็นกลุ่มใหญ่ที่ผูกขาดต้นโพธิ์จากไฟทาร์กลุ่มอื่นที่อยู่รอบๆ มันอาจเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่โดดเด่นที่สุด

และท่ามกลางในเผ่านั้น หากตัวตนที่เป็นถึงรองหัวหน้าร่วมมือกับหัวหน้าเผ่า พวกมันสามารถต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับท็อปได้อย่างง่ายดาย

ไฟทาร์ผู้ที่เหนือกว่าขีดจำกัดของไฟทาร์

ความแตกต่างระหว่างระดับสูงและระดับท็อปนั้นมีมากมาย

และแม้แต่ในหมู่ระดับท็อปความแตกต่างของพวกเขาก็มากมายยิ่งขึ้น

สิ่งมีชีวิตในระดับท็อปจะถูกแบ่งออกเป็น 5 ระดับ และโอการ์ก็แข็งแกร่งจนสามารถอยู่ในระดับที่ 2 ได้

'นี่เป็นเหตุผลที่ผู้อื่นไม่กล้าบุกรุกอาณาเขตของไฟทาร์'

ไฟทาร์โดยรวมถูกพิจารณาว่าเป็น 'มอนสเตอร์ระดับสูง' แต่ไฟทาร์ที่แข็งแกร่งจนอยู่ในระดับท็อปก็ปรากฏตัวขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งไม่มีใครกล้าที่จะไปรบกวนพวกเขา

นอกจากนี้ในหมู่ระดับท็อป หากอยู่ในระดับที่ 5 พวกเขาจะถูกเรียกว่า 'สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ' ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากสำหรับมอนสเตอร์ธรรมดาที่ไม่ใช่ราชาปีศาจหรือเทพปีศาจที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของระดับนั้น

มังกรปีศาจมอนสเตอร์ที่มีชื่ออยู่ในระดับตำนานก็เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือธรรมชาติ

มาตรฐานนี่ก็ใช้เป็นเกณฑ์พิจารณาเหล่ามนุษย์เช่นเดียวกัน

โดยปกติแล้ว พวกเขากล่าวว่า 10 อันดับแรกของมนุษย์ก็ถูกนับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ แต่ถ้าพูดอย่างจริงจังพวกมันอยู่เพียงขั้นกลางของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติเท่านั้น

นี่เป็นเพียงระบบการจัดอันดับที่มนุษย์สร้างขึ้น และด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าพวกเขาเป็นมนุษย์มีระดับที่สูงกว่ามอนสเตอร์ทั่วไป

ดังนั้นไม่วา่จะมองมุมไหน โอการ์ก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งอยู่ในระดับท็อป และถ้าใครกำลังจะสู้กับเขา พวกมันจะได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก

"โอการ์แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกราง แต่เจ้าคิดว่าจะสามารถจัดการกับพวกเราทุกคนได้หรือ?"

อย่างไรก็ตามแกรมไม่ถอยกลับ

นอกจากนี้เป็นไปไม่ได้ที่โอการ์จะสามารถจัดการกับไฟทาร์ทั้ง 50 ตัว เพียงลำพัง

ถึงแม้จะรวมพลังกับโดเกบิผลลัพธ์ก็คงออกมาไม่แตกต่าง

ในทางตรงกันข้าม พวกมันพร้อมที่จะต่อสู้

เส้นเลือดบนหน้าผากและคอของแกรมปูดขึ้น

หากมีเพียงโอการ์ พวกมันก็ยังสามารถเอาชนะได้

ในช่วงเวลานั้น

มูยองพูดอย่างเย็นชาในขณะที่ยิ้มอย่างหนาวเหน็บ

"คุณจะยืนดูอีกนานไหม?"

"... เป็นสถานการณ์น่าสนใจมาก"

ฟุ่บ!

นักล่าวิญญาณปีศาจบนหลังเซอร์เบอรัสลอยออกมาจากกลางอากาศ

แต่เดิมเซอร์เบอรัสไม่มีความสามารถในการบิน แต่หลังจากที่นักล่าวิญญาณปีศาจได้เพิ่มอำนาจในการขับขี่ของเขาความสามารถที่มันไม่มีก็ได้ถูกเพิ่มขึ้น

ปีกที่เกิดจากวิญญาณชั่วร้ายแผ่ออกมาจากหลังทั้งสองข้างของเซอร์เบอรัส

โดเกบิทั้งหลายเริ่มส่งเสียงโหวกเหวก

"นั่น นั่นคือเซอร์เบอรัส?"

"ทำไมมอนสเตอร์ประเภทนี้ถึงได้จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้น ?"

สถานการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเป็นเพราะยังไม่มีโดเกบิตนใดได้เห็นการปรากฎตัวของนักล่าวิญญาณปีศาจ

เมื่อเซอร์เบอรัสเดินเข้ามา เสียงพึมพัมแห่งความตกใจก็เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตามเซอร์เบอรัสไม่ได้ทำอะไรนอกจากการไปยืนข้างๆมูยอง

นักล่าวิญญาณปีศาจที่ขี่อยู่ด้านบนพูดว่า

"มูยองถึงเวลาเหมาะสมที่จะให้ข้าจะแสดงตัวแล้วเหรอ?"

"มูยองเรียกนายออกมาก็เพราะมันเหมาะสมแล้วไง เจ้าโง่"

"เงียบก่อนที่ข้าจะเย็บริมฝีปากของเจ้า"

“ฮีฮี! ที่รักจ๋าคุณได้ยินเขาไหม? เจ้าโครงกระดูกนี่บอกว่ามันกำลังจะเย็บริมฝีปากของวูฮี ตายจริง! น่ากลัวจัง ~”

วูฮีที่กำลังทะเลาะกันกับนักล่าวิญญาณปีศาจรีบบินไปที่มูยอง

หลังจากนั้น เธอก็ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของมูยองพร้อมกับแลบลิ้นออกมาเพื่อยั่วยุนักล่าวิญญาณปีศาจ

นักล่าวิญญาณปีศาจทำได้เพียงส่งเสียงไม่พอใจในปากและหันศีรษะไป

"ภูติ?"

"เซอร์เบอรัสและภูติติดตามโอมของพวกเรา!"

"โอ้โอมผู้ยิ่งใหญ่!"

ในช่วงเวลานั้น เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นและกำลังใจของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ภูติเป็นที่รู้จักกันว่าจะติดตามแต่วีรบุรุษเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่มอนสเตอร์ระดับท็อปก็ยังอยู่กับมูยอง พวกเขาไม่สามารถอุ่นใจไปได้มากกว่านี้แล้ว

'เพื่อการปรับตัวของเหล่าทาส เราเลยต้องซ่อนตัวนักล่าวิญญาณปีศาจไว้'

มีเหตุผลง่ายๆว่าทำไมเขาจึงซ่อนเซอร์เบอรัสและนักล่าวิญญาณปีศาจไว้

มันจะทำให้ทาสทั้ง 2,000 ตนปรับตัวเข้ากับอาณาเขตได้อย่างเป็นธรรมชาติ

มันต้องใช้เวลาพอสมควรสำหรับพวกเขาที่จะยอมรับโดเกบิและมนุษย์ แต่หากมีมอสเตอร์ระดับท็อปเข้ามาด้วยมันจะทำให้เกิดความหวาดกลัวและวุ่นวาย

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาที่เหมาะสมจึงจำเป็น และเนื่องจากการบุกรุกของไฟทาร์ ช่วงเวลาดังกล่าวจึงถูกทำให้ขยับสั้นขึ้น

อย่างไรก็ตามมันไม่เลว

มูยองพูดต่อแกรม

"ฉันสงสัยว่าตอนนี้แกจะมั่นใจในชัยชนะได้อีกไหม"

"......"

แกรมถึงกับหมดคำพูดเมื่อนัยน์ตาของเขาขยับไปทางนักล่าวิญญาณปีศาจ

เขารู้ได้ทันทีว่านักล่าวิญญาณปีศาจเป็นปัญหาใหญ่กว่าเซอร์เบอรัส

นักล่าวิญญาณปีศาจมีพลังมากพอที่จะเผชิญหน้ากับโอการ์

อัตราการชนะของแกรมทั้งหมดได้หายไปกว่าครึ่ง

มูยองก็รู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน

"เจ้าทำร้ายนักรบจากเผ่าของเรา"

แกรมพูดด้วยความยากลำบาก

จากนั้นมูยองก็เยาะเย้ยเขา

"พวกเราต่อสู้กันอย่างถูกต้อง หากแพ้ต้องออกไปจากอาณาเขต แต่พวกแกไม่ยอมปฏิบัติตามคำสัญญา  แกรม สิ่งที่แกทำมันไม่ต่างอะไรจากการรุกราน "

พวกมันไม่มีเหตุผล

พวกมันก็แค่พวกดื้อรั้น

และแกรมยังคงทำไร้เดียงสาต่อไป

"มันแตกต่างจากเรื่องที่ข้าได้ยิน เจ้าไม่ได้โจมตีนักรบของเราก่อนหรอกเหรอ? "

ในเวลาเดียวกันโดเกบิทั้งหมดก็ตอบโต้อย่างรุนแรง

"เจ้า พวกเจ้ามันไร้ยางอาย!"

"เหลวไหลสิ้นดี?! อย่ามาดูถูกโอมของเรา! "

"โดเกบิสองสามพันตนเห็นมันเช่นเดียวกับสวรรค์!"

มันโกหกโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด

แกรมพูดอย่างใจเย็นมากขึ้น

"ผู้ปกครองของเหล่าโดเกบิ เมื่อไม่มีทางที่จะลดช่องว่างของความคิดเห็นที่แตกต่างกันนี้ มันมีวิธีง่ายๆในการแก้ปัญหา เจ้าจะลองฟังข้อเสนอแนะของข้าไหม? "

"แกกำลังพูดถึงการสู้ตัวต่อตัว?"

"ถูกต้อง ขณะที่เราทั้งสองอยู่ในตำแหน่งของผู้ปกครอง ไม่มีวิธีที่ดีไปกว่านี้แล้ว "

หึหึ!

"ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น?"

มูยองตอบกลับทันที

ดูเหมือนว่าแกรมคิดว่ามูยองจะยอมรับการต่อสู้ที่ตนแนะนำ

อย่างไรก็ตามมูยองดูเหมือนจะมีความสุข

ทำไมเขาต้องทำอะไรที่เสียเวลา ในเมื่อมันมีวิธีที่ง่ายกว่า?

หวือออออ!

ดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวและดาบมารเทพสั่นอากาศอย่างรุนแรงในขณะที่ถูกชักออกมา

ภูติผีเริ่มพวยพุ่งออกมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวน

"นี่คือดินแดนของฉัน วิธีที่การต่อสู้มันย่อมขึ้นอยู่กับฉัน "

มูยองตั้งมั่นต่อเจตนารมณ์ของตัวเอง

และตอนนี้เมื่อโอการ์ยินดีจะช่วยเหลือ นี่เป็นโอกาสทองของเขา

โอกาสที่จะกวาดล้างไฟทาร์ที่ครอบรองดินแดนโดยรอบ และควมคุมมัน!

แม้จะมีการสูญเสีย แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยโอกาสนี้ไปได้

ขณะที่แกรมดูเหมือนจะแสดงออกอย่างเร่งร้อน มูยองก็ยกดาบขึ้นและพูดอย่างเงียบๆ

"กวาดล้างผู้บุกรุกทุกคนที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต"

*

มูยองมีเหตุผลในการต่อสู้ครั้งนี้

เนื่องจากเป็นหน้าที่ของราชาในการต่อสู้กับผู้บุกรุกและปกป้องดินแดน

หลังจากการปรากฏตัวของโอการ์ ชัยชนะก็ได้เทมายังมูยองแล้ว

รวมกับแกรมไฟทาร์ทั้ง 50 ตัว ถูกกวาดล้างไปจนสิ้น และมูยองคิดหาวิธีที่จะใช้ประโยชน์จากกองซากศพเหล่านี้ให้มากที่สุด

แน่นอนว่าควรจะทำมันโดยที่โอการ์ไม่รู้

อย่างไรก็ตาม มูยองมีอำนาจเต็มเหนือศพเหล่านี้

หลังจากที่ย้ายซากศพไปยังสถานที่อื่น เขาก็ใช้ทักษะศิลปะแห่งความตาย

<ไฟทาร์ 50 ตัวได้ถูกเปลี่ยนเป็นอันเดธ!>

<ระดับทักษะที่คำนวณได้คือ 'B' เมื่อสร้างอันเดธจากเผ่าพันธ์ุระดับสูง คุณจะสามารถดึงประสิทธิภาพได้สูงสุดถึง 75%>

<พวกมันอยู่ในสภาพย่ำแย่ อย่างไรก็ตาม พลังเวทมนต์แห่งไฟที่หลับไหลยังคงอยู่>

<คุณค่าทางศิลปะ 78 คะแนน!>

<'กูลเพลิง' ถูกสร้างขึ้น!>

<ทักษะ 'ศิลปะแห่งความตาย' มาถึงระดับ B แล้ว เพิ่มความสามารถ 'การหลอมรวมแห่งความตาย'  ในขณะนี้สามารถหลอมรวมอันเดธเข้าด้วยกันได้>

การหลอมรวมอันเดธ?

มูยองระลึกถึงภาพนิมิตที่เคยเห็นจากการได้รับคลาสเดธลอร์ด

ในเวลานั้น เจ้าแห่งความตายได้ผสมซากศพที่แตกต่างกันเพื่อสร้างอันเดธที่แปลกประหลาดขึ้น

ทักษะนี่ดูไม่เหมือนถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ แต่มันเป็นทักษะเสริมของศิลปะแห่งความตาย

'ฉันต้องหลอมรวมมันกับดาร์คกูลและผู้ล้างแค้น'

มูยองนึกถึงกูลตัวอื่นๆในทันที

ถ้าเป็นไปได้ที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของมัน เขาต้องลองกับผู้ล้างแค้นดูก่อน

พวกมันทั้งหมดเป็นเพื่อนร่วมงานของเขาจากป่าแห่งความตาย แต่สุดท้ายพวกมันก็ได้กลายเป็นอันเดธที่มูยองสร้างขึ้น

'การหลอมรวมแห่งความตาย'

ความได้เปรียบของมูยองคือการทำอะไรโดยปราศจากความลังเล

เขาทำตามสิ่งที่อยู่ในใจของเขาทันที

ในไม่ช้าวิญญาณก็ลอยอยู่เหนือศีรษะของผู้ล้างแค้นและกูลเพลิง

< 'กูลเงา' และ 'กูลเพลิง' กำลังหลอมรวมกัน>

<เลือกหนึ่งตัวที่จะเป็นตัวหลัก>

ด้วยรูปลักษณ์ของมัน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการหลอมรวมด้วยการมุ่งเน้นไปที่อันเดธ'ตัวหลัก'

มูยองเลือกผู้ล้างแค้นโดยไม่ลังเลใจ

ถ้ามองแค่พลังต่อสู้ กูลเพลิงมีสูงกว่า แต่เมื่อคิดถึงประโยชน์ของมัน ผู้ล้างแค้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

วูมมมมมมมมม!

หลังจากนั้น ร่างของผู้ล้างแค้นและกูลเพลิงก็ได้รวมเข้าด้วยกัน

กระดูกและผิวหนังทั้งหมดเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่

ในขั้นตอนท้ายสุดช่วยไม่ได้ที่มูยองจะรู้สึกประหลาดใจ

<ความเข้ากันได้ของ 'กูลเงา' และ 'กูลเพลิง' ค่อนข้างดี>

<คุณค่าทางศิลปะเพิ่มขึ้นเป็น 83>

<'ผู้ล้างแค้นเปลวเพลิง' ได้ถูกสร้างขึ้น>

<ชื่อ: ผู้ล้างแค้นเปลวเพลิง

เลเวล: 131

ประเภท: ผู้กลายพันธุ์เพลิง

Strength 145

Agility 137

Stamina 95

Intelligence 79

Wisdom 80

บรรยากาศความมืดปัจจุบัน 148

พลังแห่งไฟ 150

ความต้านทานเวทย์ 130

ความสามารถในการทำให้ติดเชื้อ 90 >

+ ต้านทานความมืดสูงมาก

+ สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วในที่มืด

+ สามารถใช้ทักษะ พันธนาการความมืด อำพรางความมืด คริติคอลดาเมจ คลื่นเปลวเพลิง และภูผาอัคคี ได้

+ ขณะที่บรรยากาศความมืดปัจจุบันสูงขึ้น มันจะกลายเป็น 'ความมืดมิด'

+ ความต้านทานธาตุไฟสูง

+ สามารถได้รับความแข็งแกร่งขึ้นจากการดูดซับความมืดและไฟ

+ หากมีบางสิ่งถูกสังหารโดยผู้กลายพันธุ์ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการติดเชื้อ มันสามารถฟื้นคืนเป็น 'ร่างเงา' ได้ (ระยะเวลา 3 วัน)

ผู้ล้างแค้นเปลวเพลิง!

หุ่นสีดำสนิทคล้ายกับเงาโดยมีเปลวไฟอ่อนๆอยู่เหนือหัว

ถึงขนาดจะลดลง แต่เมื่อคิดถึงประโยชน์ของมันก็ดีกว่าเดิมมาก

ตั้งแต่เริ่มแรก มันถูกสร้างให้เป็นอันเดธในสายพันธุ์ระดับสูง และเนื่องจากมันไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่ดีนักนี่จึงเป็นขีดจำกัดของมันแล้ว แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย

มันมีศักยภาพที่จะพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะการมีธาตุทั้งสองอย่างความมืดและเปลวไฟ

'สมแล้ว'

มูยองพยักหน้า

สามารถพูดได้ว่าเขาได้รับอันเดธที่ดีกว่าความคาดหวัง

พลังต่อสู้โดยรวมของอันเดธเพิ่มขึ้นประมาณ 30%

จาดนั้นมูยองก็เก็บอันเดธไว้ในรูปแบบของยันต์

โชคดีที่ผู้กลายพันธุ์เป็นซอมบี้ชนิดหนึ่งที่สามารถพัฒนาได้ และมันยังสามารถรับผลจากดาร์คกูลและผู้ล้างแค้น

ที่สำคัญรูปร่างหน้าตาของพวกมันที่เปลี่ยนไป นั้นส่งผลดีต่อการสังเกตุของโอการ์

'หลังจากจัดการเรื่องเกี่ยวกับอาณาเขตแล้ว ฉันจะไปตามหาพันธมิตรพลั่วสามกระสอบ'

มูยองบีบกำปั้นแน่น

เขาวางแผนที่จะเคลื่อนไหวหลังจากฟื้นตัวจากผลพวงของการต่อสู้

เขาไม่สามารถไปต่อได้ไกลกว่านี้ด้วยวัสดุที่ขึ้นสนิม

หัวใจของนกฟีนิกซ์ กระดูกมังกร ชิ้นส่วนผิวหนังของมังกรปฐพี ผงปีกแฟรี่ และแม้แต่ผลึกราตรี!

เขาไม่สามารถรอที่จะใช้วัสดุเหล่านี้เพื่อทำอุปกรณ์ได้เลย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด