[KotB] บทที่ 86: พันธมิตรพลั่วสามกระสอบ (3)
บทที่ 86: พันธมิตรพลั่วสามกระสอบ (3)
มูยองหัวเราะเบาๆ
เขาให้บาลตันและเซฮุนไปหาโอการ์เพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ก็มีโอกาสเพียงห้าสิบห้าสิบเท่านั้น
เมื่อเทียบกับไฟทาร์คนอื่นๆ โอการ์เป็นผู้ที่มีเกียรติ และรู้จักคำว่ามิตรภาพอย่างจริงแท้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากโอการ์ช่วยเขาไปครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้จึงไม่แน่ใจนักว่ามันจะยอมมาช่วยอีกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม โอการ์ทิ้งทุกสิ่งแล้วรีบวิ่งมาช่วยมูยองทันที
ดูเหมือนการช่วยเหลือของมูยองในการแก้ปัญหาต้นโพธิ์จะยังคงมีผลอยู่
เนื่องจากโอการ์ที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน การแสดงออกของผู้นำเผ่าไฟทาร์อื่นก็ทำได้เพียงแข็งทื่อเท่านั้น
"หยุดการต่อสู้นี่ซะแกรม"
หลังจากเดินทางมาถึงสนามรบแล้ว โอการ์ก็หยิบหอกออกมาและพูดขึ้น
จากนั้นหัวหน้าไฟทาร์ที่ถูกเรียกว่าแกรมก็มองไปที่โอการ์และส่ายหน้า
"นั่นไม่ใช่โอการ์รองหัวหน้าเผ่ากอหนามหรอกเหรอ ว่าแต่ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้? เผ่าของเจ้าพึ่งย้ายออกจากที่นี่ไปนี่"
แกรมจ้องมองราวกับว่ามันไม่เข้าใจว่าทำไมโอการ์ถึงปรากฏตัวขึ้นที่นี่
อย่างไรก็ตาม มันก็ช่วยไม่ได้
มันไม่ง่ายที่จะจินตนาการว่าไฟทาร์ที่เป็นที่รู้จักกันในนามของนักสู้แห่งเปลวเพลิงจะมาถึงที่นี่เพียงแค่ช่วยเหลือโดเกบิ
ยิ่งกว่านั้นโอการ์เป็นถึงรองหัวหน้าเผ่า
และเป็นรองหัวหน้าเผ่าที่แข็งแกร่งที่สุดที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงนี้
โอการ์พูดอย่างรวดเร็ว
"โดเกบิตัวเล็กๆตรงหน้าเจ้าคือผู้มีบุญคุณของพวกเรา"
"ผู้มีบุญคุณของพวกเรา?"
ความรู้สึกของแกรมแข็งทื่อขึ้นเรื่อยๆ
เขากล่าวว่า 'ของพวกเรา' ไม่ใช่ 'ของข้า'
นั่นหมายความว่าชนเผ่ากอหนามทั้งหมดได้ยกย่องโดเกบิตัวหนึ่งเป็นผู้มีบุญคุณของพวกเขา
เป็นเรื่องยากที่แกรมจะเข้าใจจริงๆ
แกรมไม่รู้ว่ามูยองได้แก้ปัญหาเรื้อรังเกี่ยวกับต้นโพธิ์
อย่างไรก็ตามโอการ์ไม่ได้คิดที่จะอธิบายรายละเอียดทีละขั้นตอนขนาดนั้น
"ถ้าเจ้าตัดสินใจที่จะกลั่นแกล้งผู้มีบุณคุณของพวกเรา ข้าจะเผชิญหน้ากับเจ้าด้วยหอกเล่มนี้"
โอการ์ควงหอกขนาดใหญ่ของเขา ไฟบนร่างวิ่งเคลื่อนที่ไปตามหอก จิตวิญญาณที่กล้าหาญพุ่งพล่านไปยังบริเวณรอบๆ
มันแข็งแกร่งยิ่งกว่าเปลวไฟของไฟทาร์ตัวอื่นๆ
ชนเผ่ากอหนามเป็นกลุ่มใหญ่ที่ผูกขาดต้นโพธิ์จากไฟทาร์กลุ่มอื่นที่อยู่รอบๆ มันอาจเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่โดดเด่นที่สุด
และท่ามกลางในเผ่านั้น หากตัวตนที่เป็นถึงรองหัวหน้าร่วมมือกับหัวหน้าเผ่า พวกมันสามารถต่อสู้กับมอนสเตอร์ระดับท็อปได้อย่างง่ายดาย
ไฟทาร์ผู้ที่เหนือกว่าขีดจำกัดของไฟทาร์
ความแตกต่างระหว่างระดับสูงและระดับท็อปนั้นมีมากมาย
และแม้แต่ในหมู่ระดับท็อปความแตกต่างของพวกเขาก็มากมายยิ่งขึ้น
สิ่งมีชีวิตในระดับท็อปจะถูกแบ่งออกเป็น 5 ระดับ และโอการ์ก็แข็งแกร่งจนสามารถอยู่ในระดับที่ 2 ได้
'นี่เป็นเหตุผลที่ผู้อื่นไม่กล้าบุกรุกอาณาเขตของไฟทาร์'
ไฟทาร์โดยรวมถูกพิจารณาว่าเป็น 'มอนสเตอร์ระดับสูง' แต่ไฟทาร์ที่แข็งแกร่งจนอยู่ในระดับท็อปก็ปรากฏตัวขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว ซึ่งไม่มีใครกล้าที่จะไปรบกวนพวกเขา
นอกจากนี้ในหมู่ระดับท็อป หากอยู่ในระดับที่ 5 พวกเขาจะถูกเรียกว่า 'สิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ' ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากสำหรับมอนสเตอร์ธรรมดาที่ไม่ใช่ราชาปีศาจหรือเทพปีศาจที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของระดับนั้น
มังกรปีศาจมอนสเตอร์ที่มีชื่ออยู่ในระดับตำนานก็เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือธรรมชาติ
มาตรฐานนี่ก็ใช้เป็นเกณฑ์พิจารณาเหล่ามนุษย์เช่นเดียวกัน
โดยปกติแล้ว พวกเขากล่าวว่า 10 อันดับแรกของมนุษย์ก็ถูกนับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ แต่ถ้าพูดอย่างจริงจังพวกมันอยู่เพียงขั้นกลางของสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติเท่านั้น
นี่เป็นเพียงระบบการจัดอันดับที่มนุษย์สร้างขึ้น และด้วยเหตุนี้จึงเป็นที่เข้าใจได้ว่าพวกเขาเป็นมนุษย์มีระดับที่สูงกว่ามอนสเตอร์ทั่วไป
ดังนั้นไม่วา่จะมองมุมไหน โอการ์ก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งอยู่ในระดับท็อป และถ้าใครกำลังจะสู้กับเขา พวกมันจะได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
"โอการ์แม้ว่าเจ้าจะแข็งแกราง แต่เจ้าคิดว่าจะสามารถจัดการกับพวกเราทุกคนได้หรือ?"
อย่างไรก็ตามแกรมไม่ถอยกลับ
นอกจากนี้เป็นไปไม่ได้ที่โอการ์จะสามารถจัดการกับไฟทาร์ทั้ง 50 ตัว เพียงลำพัง
ถึงแม้จะรวมพลังกับโดเกบิผลลัพธ์ก็คงออกมาไม่แตกต่าง
ในทางตรงกันข้าม พวกมันพร้อมที่จะต่อสู้
เส้นเลือดบนหน้าผากและคอของแกรมปูดขึ้น
หากมีเพียงโอการ์ พวกมันก็ยังสามารถเอาชนะได้
ในช่วงเวลานั้น
มูยองพูดอย่างเย็นชาในขณะที่ยิ้มอย่างหนาวเหน็บ
"คุณจะยืนดูอีกนานไหม?"
"... เป็นสถานการณ์น่าสนใจมาก"
ฟุ่บ!
นักล่าวิญญาณปีศาจบนหลังเซอร์เบอรัสลอยออกมาจากกลางอากาศ
แต่เดิมเซอร์เบอรัสไม่มีความสามารถในการบิน แต่หลังจากที่นักล่าวิญญาณปีศาจได้เพิ่มอำนาจในการขับขี่ของเขาความสามารถที่มันไม่มีก็ได้ถูกเพิ่มขึ้น
ปีกที่เกิดจากวิญญาณชั่วร้ายแผ่ออกมาจากหลังทั้งสองข้างของเซอร์เบอรัส
โดเกบิทั้งหลายเริ่มส่งเสียงโหวกเหวก
"นั่น นั่นคือเซอร์เบอรัส?"
"ทำไมมอนสเตอร์ประเภทนี้ถึงได้จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้น ?"
สถานการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเป็นเพราะยังไม่มีโดเกบิตนใดได้เห็นการปรากฎตัวของนักล่าวิญญาณปีศาจ
เมื่อเซอร์เบอรัสเดินเข้ามา เสียงพึมพัมแห่งความตกใจก็เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามเซอร์เบอรัสไม่ได้ทำอะไรนอกจากการไปยืนข้างๆมูยอง
นักล่าวิญญาณปีศาจที่ขี่อยู่ด้านบนพูดว่า
"มูยองถึงเวลาเหมาะสมที่จะให้ข้าจะแสดงตัวแล้วเหรอ?"
"มูยองเรียกนายออกมาก็เพราะมันเหมาะสมแล้วไง เจ้าโง่"
"เงียบก่อนที่ข้าจะเย็บริมฝีปากของเจ้า"
“ฮีฮี! ที่รักจ๋าคุณได้ยินเขาไหม? เจ้าโครงกระดูกนี่บอกว่ามันกำลังจะเย็บริมฝีปากของวูฮี ตายจริง! น่ากลัวจัง ~”
วูฮีที่กำลังทะเลาะกันกับนักล่าวิญญาณปีศาจรีบบินไปที่มูยอง
หลังจากนั้น เธอก็ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของมูยองพร้อมกับแลบลิ้นออกมาเพื่อยั่วยุนักล่าวิญญาณปีศาจ
นักล่าวิญญาณปีศาจทำได้เพียงส่งเสียงไม่พอใจในปากและหันศีรษะไป
"ภูติ?"
"เซอร์เบอรัสและภูติติดตามโอมของพวกเรา!"
"โอ้โอมผู้ยิ่งใหญ่!"
ในช่วงเวลานั้น เสียงโห่ร้องก็ดังขึ้นและกำลังใจของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ภูติเป็นที่รู้จักกันว่าจะติดตามแต่วีรบุรุษเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น แม้แต่มอนสเตอร์ระดับท็อปก็ยังอยู่กับมูยอง พวกเขาไม่สามารถอุ่นใจไปได้มากกว่านี้แล้ว
'เพื่อการปรับตัวของเหล่าทาส เราเลยต้องซ่อนตัวนักล่าวิญญาณปีศาจไว้'
มีเหตุผลง่ายๆว่าทำไมเขาจึงซ่อนเซอร์เบอรัสและนักล่าวิญญาณปีศาจไว้
มันจะทำให้ทาสทั้ง 2,000 ตนปรับตัวเข้ากับอาณาเขตได้อย่างเป็นธรรมชาติ
มันต้องใช้เวลาพอสมควรสำหรับพวกเขาที่จะยอมรับโดเกบิและมนุษย์ แต่หากมีมอสเตอร์ระดับท็อปเข้ามาด้วยมันจะทำให้เกิดความหวาดกลัวและวุ่นวาย
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาที่เหมาะสมจึงจำเป็น และเนื่องจากการบุกรุกของไฟทาร์ ช่วงเวลาดังกล่าวจึงถูกทำให้ขยับสั้นขึ้น
อย่างไรก็ตามมันไม่เลว
มูยองพูดต่อแกรม
"ฉันสงสัยว่าตอนนี้แกจะมั่นใจในชัยชนะได้อีกไหม"
"......"
แกรมถึงกับหมดคำพูดเมื่อนัยน์ตาของเขาขยับไปทางนักล่าวิญญาณปีศาจ
เขารู้ได้ทันทีว่านักล่าวิญญาณปีศาจเป็นปัญหาใหญ่กว่าเซอร์เบอรัส
นักล่าวิญญาณปีศาจมีพลังมากพอที่จะเผชิญหน้ากับโอการ์
อัตราการชนะของแกรมทั้งหมดได้หายไปกว่าครึ่ง
มูยองก็รู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน
"เจ้าทำร้ายนักรบจากเผ่าของเรา"
แกรมพูดด้วยความยากลำบาก
จากนั้นมูยองก็เยาะเย้ยเขา
"พวกเราต่อสู้กันอย่างถูกต้อง หากแพ้ต้องออกไปจากอาณาเขต แต่พวกแกไม่ยอมปฏิบัติตามคำสัญญา แกรม สิ่งที่แกทำมันไม่ต่างอะไรจากการรุกราน "
พวกมันไม่มีเหตุผล
พวกมันก็แค่พวกดื้อรั้น
และแกรมยังคงทำไร้เดียงสาต่อไป
"มันแตกต่างจากเรื่องที่ข้าได้ยิน เจ้าไม่ได้โจมตีนักรบของเราก่อนหรอกเหรอ? "
ในเวลาเดียวกันโดเกบิทั้งหมดก็ตอบโต้อย่างรุนแรง
"เจ้า พวกเจ้ามันไร้ยางอาย!"
"เหลวไหลสิ้นดี?! อย่ามาดูถูกโอมของเรา! "
"โดเกบิสองสามพันตนเห็นมันเช่นเดียวกับสวรรค์!"
มันโกหกโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าสักนิด
แกรมพูดอย่างใจเย็นมากขึ้น
"ผู้ปกครองของเหล่าโดเกบิ เมื่อไม่มีทางที่จะลดช่องว่างของความคิดเห็นที่แตกต่างกันนี้ มันมีวิธีง่ายๆในการแก้ปัญหา เจ้าจะลองฟังข้อเสนอแนะของข้าไหม? "
"แกกำลังพูดถึงการสู้ตัวต่อตัว?"
"ถูกต้อง ขณะที่เราทั้งสองอยู่ในตำแหน่งของผู้ปกครอง ไม่มีวิธีที่ดีไปกว่านี้แล้ว "
หึหึ!
"ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น?"
มูยองตอบกลับทันที
ดูเหมือนว่าแกรมคิดว่ามูยองจะยอมรับการต่อสู้ที่ตนแนะนำ
อย่างไรก็ตามมูยองดูเหมือนจะมีความสุข
ทำไมเขาต้องทำอะไรที่เสียเวลา ในเมื่อมันมีวิธีที่ง่ายกว่า?
หวือออออ!
ดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวและดาบมารเทพสั่นอากาศอย่างรุนแรงในขณะที่ถูกชักออกมา
ภูติผีเริ่มพวยพุ่งออกมาพร้อมกับเสียงกรีดร้องโหยหวน
"นี่คือดินแดนของฉัน วิธีที่การต่อสู้มันย่อมขึ้นอยู่กับฉัน "
มูยองตั้งมั่นต่อเจตนารมณ์ของตัวเอง
และตอนนี้เมื่อโอการ์ยินดีจะช่วยเหลือ นี่เป็นโอกาสทองของเขา
โอกาสที่จะกวาดล้างไฟทาร์ที่ครอบรองดินแดนโดยรอบ และควมคุมมัน!
แม้จะมีการสูญเสีย แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยโอกาสนี้ไปได้
ขณะที่แกรมดูเหมือนจะแสดงออกอย่างเร่งร้อน มูยองก็ยกดาบขึ้นและพูดอย่างเงียบๆ
"กวาดล้างผู้บุกรุกทุกคนที่เข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต"
*
มูยองมีเหตุผลในการต่อสู้ครั้งนี้
เนื่องจากเป็นหน้าที่ของราชาในการต่อสู้กับผู้บุกรุกและปกป้องดินแดน
หลังจากการปรากฏตัวของโอการ์ ชัยชนะก็ได้เทมายังมูยองแล้ว
รวมกับแกรมไฟทาร์ทั้ง 50 ตัว ถูกกวาดล้างไปจนสิ้น และมูยองคิดหาวิธีที่จะใช้ประโยชน์จากกองซากศพเหล่านี้ให้มากที่สุด
แน่นอนว่าควรจะทำมันโดยที่โอการ์ไม่รู้
อย่างไรก็ตาม มูยองมีอำนาจเต็มเหนือศพเหล่านี้
หลังจากที่ย้ายซากศพไปยังสถานที่อื่น เขาก็ใช้ทักษะศิลปะแห่งความตาย
<ไฟทาร์ 50 ตัวได้ถูกเปลี่ยนเป็นอันเดธ!>
<ระดับทักษะที่คำนวณได้คือ 'B' เมื่อสร้างอันเดธจากเผ่าพันธ์ุระดับสูง คุณจะสามารถดึงประสิทธิภาพได้สูงสุดถึง 75%>
<พวกมันอยู่ในสภาพย่ำแย่ อย่างไรก็ตาม พลังเวทมนต์แห่งไฟที่หลับไหลยังคงอยู่>
<คุณค่าทางศิลปะ 78 คะแนน!>
<'กูลเพลิง' ถูกสร้างขึ้น!>
<ทักษะ 'ศิลปะแห่งความตาย' มาถึงระดับ B แล้ว เพิ่มความสามารถ 'การหลอมรวมแห่งความตาย' ในขณะนี้สามารถหลอมรวมอันเดธเข้าด้วยกันได้>
การหลอมรวมอันเดธ?
มูยองระลึกถึงภาพนิมิตที่เคยเห็นจากการได้รับคลาสเดธลอร์ด
ในเวลานั้น เจ้าแห่งความตายได้ผสมซากศพที่แตกต่างกันเพื่อสร้างอันเดธที่แปลกประหลาดขึ้น
ทักษะนี่ดูไม่เหมือนถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ แต่มันเป็นทักษะเสริมของศิลปะแห่งความตาย
'ฉันต้องหลอมรวมมันกับดาร์คกูลและผู้ล้างแค้น'
มูยองนึกถึงกูลตัวอื่นๆในทันที
ถ้าเป็นไปได้ที่จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งของมัน เขาต้องลองกับผู้ล้างแค้นดูก่อน
พวกมันทั้งหมดเป็นเพื่อนร่วมงานของเขาจากป่าแห่งความตาย แต่สุดท้ายพวกมันก็ได้กลายเป็นอันเดธที่มูยองสร้างขึ้น
'การหลอมรวมแห่งความตาย'
ความได้เปรียบของมูยองคือการทำอะไรโดยปราศจากความลังเล
เขาทำตามสิ่งที่อยู่ในใจของเขาทันที
ในไม่ช้าวิญญาณก็ลอยอยู่เหนือศีรษะของผู้ล้างแค้นและกูลเพลิง
< 'กูลเงา' และ 'กูลเพลิง' กำลังหลอมรวมกัน>
<เลือกหนึ่งตัวที่จะเป็นตัวหลัก>
ด้วยรูปลักษณ์ของมัน ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการหลอมรวมด้วยการมุ่งเน้นไปที่อันเดธ'ตัวหลัก'
มูยองเลือกผู้ล้างแค้นโดยไม่ลังเลใจ
ถ้ามองแค่พลังต่อสู้ กูลเพลิงมีสูงกว่า แต่เมื่อคิดถึงประโยชน์ของมัน ผู้ล้างแค้นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
วูมมมมมมมมม!
หลังจากนั้น ร่างของผู้ล้างแค้นและกูลเพลิงก็ได้รวมเข้าด้วยกัน
กระดูกและผิวหนังทั้งหมดเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่
ในขั้นตอนท้ายสุดช่วยไม่ได้ที่มูยองจะรู้สึกประหลาดใจ
<ความเข้ากันได้ของ 'กูลเงา' และ 'กูลเพลิง' ค่อนข้างดี>
<คุณค่าทางศิลปะเพิ่มขึ้นเป็น 83>
<'ผู้ล้างแค้นเปลวเพลิง' ได้ถูกสร้างขึ้น>
<ชื่อ: ผู้ล้างแค้นเปลวเพลิง
เลเวล: 131
ประเภท: ผู้กลายพันธุ์เพลิง
Strength 145
Agility 137
Stamina 95
Intelligence 79
Wisdom 80
บรรยากาศความมืดปัจจุบัน 148
พลังแห่งไฟ 150
ความต้านทานเวทย์ 130
ความสามารถในการทำให้ติดเชื้อ 90 >
+ ต้านทานความมืดสูงมาก
+ สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วในที่มืด
+ สามารถใช้ทักษะ พันธนาการความมืด อำพรางความมืด คริติคอลดาเมจ คลื่นเปลวเพลิง และภูผาอัคคี ได้
+ ขณะที่บรรยากาศความมืดปัจจุบันสูงขึ้น มันจะกลายเป็น 'ความมืดมิด'
+ ความต้านทานธาตุไฟสูง
+ สามารถได้รับความแข็งแกร่งขึ้นจากการดูดซับความมืดและไฟ
+ หากมีบางสิ่งถูกสังหารโดยผู้กลายพันธุ์ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการติดเชื้อ มันสามารถฟื้นคืนเป็น 'ร่างเงา' ได้ (ระยะเวลา 3 วัน)
ผู้ล้างแค้นเปลวเพลิง!
หุ่นสีดำสนิทคล้ายกับเงาโดยมีเปลวไฟอ่อนๆอยู่เหนือหัว
ถึงขนาดจะลดลง แต่เมื่อคิดถึงประโยชน์ของมันก็ดีกว่าเดิมมาก
ตั้งแต่เริ่มแรก มันถูกสร้างให้เป็นอันเดธในสายพันธุ์ระดับสูง และเนื่องจากมันไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขที่ดีนักนี่จึงเป็นขีดจำกัดของมันแล้ว แต่ทั้งหมดก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรเลย
มันมีศักยภาพที่จะพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะการมีธาตุทั้งสองอย่างความมืดและเปลวไฟ
'สมแล้ว'
มูยองพยักหน้า
สามารถพูดได้ว่าเขาได้รับอันเดธที่ดีกว่าความคาดหวัง
พลังต่อสู้โดยรวมของอันเดธเพิ่มขึ้นประมาณ 30%
จาดนั้นมูยองก็เก็บอันเดธไว้ในรูปแบบของยันต์
โชคดีที่ผู้กลายพันธุ์เป็นซอมบี้ชนิดหนึ่งที่สามารถพัฒนาได้ และมันยังสามารถรับผลจากดาร์คกูลและผู้ล้างแค้น
ที่สำคัญรูปร่างหน้าตาของพวกมันที่เปลี่ยนไป นั้นส่งผลดีต่อการสังเกตุของโอการ์
'หลังจากจัดการเรื่องเกี่ยวกับอาณาเขตแล้ว ฉันจะไปตามหาพันธมิตรพลั่วสามกระสอบ'
มูยองบีบกำปั้นแน่น
เขาวางแผนที่จะเคลื่อนไหวหลังจากฟื้นตัวจากผลพวงของการต่อสู้
เขาไม่สามารถไปต่อได้ไกลกว่านี้ด้วยวัสดุที่ขึ้นสนิม
หัวใจของนกฟีนิกซ์ กระดูกมังกร ชิ้นส่วนผิวหนังของมังกรปฐพี ผงปีกแฟรี่ และแม้แต่ผลึกราตรี!
เขาไม่สามารถรอที่จะใช้วัสดุเหล่านี้เพื่อทำอุปกรณ์ได้เลย