เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 154 กระอักเลือดด้วยความโกรธ
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 154 กระอักเลือดด้วยความโกรธ
หัวใจของโม่เฉินกลายเป็นหนักอึ้ง
เดิมทีเขาตั้งใจรับฟางหยวนเข้าร่วมกองกำลัง แต่ด้วยทั้งหมดทำให้เขาไม่สามารถดึงตัวฟางหยวน
มาถึงตอนนี้มันชัดเจนว่าคู่แข่งคนสำคัญของเขาซื่อเหลียงให้การสนับสนุนฟางหยวนมานานกว่าหนึ่งปีจนได้รับรางวัลชิ้นใหญ่ เมื่อฝ่ายสกุลซื่อมีผู้อาวุโสคนใหม่เพิ่มขึ้น แล้วจะไม่ให้โม่เฉินรู้สึกหนักใจได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตามโม่เฉินยังรู้สึกสับสนเล็กน้อย
ซื่อเหลียงเป็นคู่แข่งของเขามาตั้งแต่เด็ก เขามีความเข้าใจคู่แข่งคนนี้เป็นอย่างดี เขารู้กระทั่งสีของชุดชั้นในที่ซื่อเหลียงชอบใส่
กล่าวไปแล้วเวลานี้ซื่อเหลียงควรจะส่งสายตาเย้ยหยันมาที่เขา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับไม่เป็นเช่นนั้น ตรงข้ามใบหน้าของซื่อเหลียงดูน่ากลัวราวกับเขาได้รับความอยุติธรรมบางอย่าง
นี่มันแปลกเกินไป
มีบางสิ่งเกิดขึ้นระหว่างซื่อเหลียงกับฟางหยวนงั้นหรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าพวกเขามีข้อตกลงบางอย่าง?
อย่างไรก็ตามโม่เฉินไม่สามารถหาคำตอบเรื่องนี้ได้
'ฟางหยวนผู้นี้กล้าหาญเกินไปจริงๆ เขากระทั่งกล้าข่มขู่ข้า!' หัวใจของซื่อเหลียงเต็มไปด้วยความโกรธและความสงสัย
คืนที่ผ่านมา ฟางหยวนลอบไปพบเขาและใช้เรื่องการปลอมแปลงพรสวรรค์ของซื่อเฉินข่มขู่เขา
สวรรค์!
นี่เป็นความลับที่มีเพียงตัวเขาและซื่อเฉินเท่านั้นที่ล่วงรู้ แล้วคนนอกเช่นฟางหยวนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
ซื่อเฉินมีพรสวรรค์นภาที่สาม แต่เพื่อผลประโยชน์ของฝ่ายสกุลซื่อ ซื่อเหลียงจึงต้องเสี่ยงปลอมแปลงพรสวรรค์ของหลานชายให้เป็นนภาที่สอง
หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกไป มันจะส่งผลกระทบต่อสกุลซื่อเป็นอย่างมาก ความซื่อสัตย์ของหัวหน้าสกุลซื่อเช่นเขาจะถูกสงสัย มันจะทำลายชื่อเสียงของสกุลซื่อไปอย่างไม่อาจหวนกลับ ที่สำคัญเมื่อผู้สืบทอดของสุกลซื่อมีพรสวรรค์เพียงนภาที่สาม แล้วผู้ใดจะกล้าฝากชีวิตไว้กับกองกำลังเช่นนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเขาจะสูญเสียอำนาจทางการเมืองไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อฟางหยวนรู้ความลับเรื่องนี้ นั่นหมายความว่าฝ่ายสกุลซื่ออยู่ในกำมือของเขา
หลังจากได้ยินคำขู่ของฟางหยวน ซื่อเหลียงแทบจะไม่สามารถควบคุมตนเองและพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนทันที แต่เขาก็ต้องหยุดตัวเองเอาไว้เพราะไม่รู้ว่าฟางหยวนบอกผู้ใดหรือทิ้งหลักฐานบางอย่างเอาไว้หรือไม่?
'ปล่อยเขาไปก่อน ตรวจสอบสถานการณ์แล้วค่อยกำจัดเขาทีหลัง' นั่นคือความคิดของซื่อเหลียงในเวลานั้น
แต่หลังจากฟางหยวนเปิดเผยการบ่มเพาะระดับสามออกมา ซื่อเหลียงกลับต้องเบิกตาโตและเปลี่ยนแผนการเป็นความร่วมมือในทันที
ผู้อาวุโสผู้ใช้วิญญาณระดับสามคนใหม่ของตระกูล หากเขาสังหาร เขาจะมีความผิดร้ายแรงไม่ต่างจากการทรยศ
นอกจากนั้นการต่อสู้กับผู้ใช้วิญญาณระดับสาม ซื่อเหลียงจำเป็นต้องใช้เวลาชั่วครู่ หากความวุ่นวายเกินขึ้น มันจะกลายเป็นเรื่องที่จัดการได้ยาก
การกำจัดฟางหยวนไม่เป็นประโยชน์ต่อฝ่ายสกุลซื่อ ตรงข้ามมันจะทำให้สถานการณ์แย่ลง
'แม้ฟางหยวนจะล่วงรู้ความลับของข้า แต่มันสามารถเปลี่ยนเป็นความร่วมมือ' สุดท้ายซื่อเหลียงจึงทำได้เพียงโน้มน้าวจิตใจของตนเองเพื่อความสบายใจเท่านั้น การคุกคามของฟางหยวนเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป นี่ทำให้เขาไม่สามารถคาดคำนวณภัยพิบัติที่อาจเกิดจากฟางหยวน
แต่เมื่อฟางหยวนดึงเขาเข้าไปเกี่ยวข้องในสถานการณ์ปัจจุบัน มันจึงไม่ต่างจากการผลักเขาเข้าไปใต้รถบรรทุก
อย่างไรก็ตามแม้ซื่อเหลียงจะรู้เรื่องนี้ แต่เขาจะทำสิ่งใดได้?
ในจังหวะนี้ฟางหยวนจึงเริ่มกล่าวออกมาอย่างช้าๆอีกครั้ง "เหยาจี้ ข้ารู้ว่าตอนนี้หัวใจของเจ้ากำลังปั่นป่วนเพราะหลานสาวผู้มีพรสวรรค์นภาที่สองของเจ้ากลับตกตายโดยไม่พบแม้แต่ซากศพ ห้องโถงพยาบาลของเจ้ากำลังขาดผู้สืบทอด ขณะที่ผู้มีพรสวรรค์เพียงนภาที่สามเช่นข้ากลับสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับสาม ดังนั้นเจ้าจึงรู้สีกกังวลและปลดปล่อยความไม่พอใจทั้งหมดมาที่ข้า ข้าเข้าใจเรื่องนี้"
"เจ้าพ่นสิ่งใดออกมา?" เหยาจี้ขึ้นเสียงและจ้องมองฟางหยวนด้วยความโกรธเกรี้ยว "เจ้าเด็กเลว ข้าจะบอกเจ้า เหยาลี่ยังไม่ตาย!"
ฟางหยวนหัวเราะเสียงดังด้วยความยโส "ไม่ว่าจะมีชีวิตหรือตกตาย แล้วมันเกี่ยวอันใดกับข้า? เหยาจี้ เจ้าไม่จำเป็นต้องบอกให้ข้ารู้"
"แต่!" เขาเปลี่ยนน้ำเสียงอย่างกะทันหัน "เพื่อค้นหาหลานสาวของเจ้า เจ้ารวบรวมผู้คนและใช้ทรัพยากรไปอย่างเปล่าประโยชน์ นั่นทำให้ข้าและผู้อาวุโสทุกคนที่นี่ ไม่เว้นกระทั่งท่านผู้นำรู้สึกกังวล เหยาจี้ เจ้าสามารถเป็นผู้นำห้องโถงพยาบาลได้เพราะความเชื่อมั่นของพวกเรา แต่ดูสิ่งที่เจ้าทำว่าเป็นเช่นไร? เจ้าส่งผู้ใช้วิญญาณสายรักษาของห้องโถงพยาบาลออกไปค้นหาหลานสาวของเจ้าเพียงผู้เดียวและทิ้งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเอาไว้เบื้องหลังโดยไม่เหลียวแล เจ้าเห็นแก่ตัวเกินไปจริงๆ การเสียสละของเหยาลี่ มันกลับเป็นการทำให้ตระกูลต้องสูญเสีย เจ้าเป็นความอัปยศของตระกูลอย่างแท้จริง เจ้าไม่เหมาะที่จะเป็นผู้อาวุโสห้องโถงพยาบาลของตระกูล!!"
คำพูดของฟางหยวนราวกับการจิกศีรษะของเหยาจี้ด้วยกรงเล็บที่แหลมคม มันทิ่มแทงไปยังจุดอ่อนของเธออย่างแม่นยำและทั้งหมดล้วนเป็นความจริง
เมื่อได้ยินถ้อยคำของฟางหยวน ผู้อาวุโสหลายคนเริ่มรู้สึกขุ่นเคืองเช่นกัน
มีฝ่ายใดที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ? แต่เหยาจี้กลับส่งผู้ใช้วิญญาณสายรักษาออกไปโดยไม่แยแสต่อผู้ได้รับบาดเจ็บที่เร่งด่วน นี่มันมากเกินไปจริงๆ
"เจ้า...เจ้า..." เหยาจี้โกรธจัดจนร่างกายสั่นสะท้านอย่างไม่หยุดหย่อนขณะที่ชี้นิ้วไปยังฟางหยวน แต่เธอก็ไม่สามารถกล่าวสิ่งใดออกมาได้มากกว่านี้
สายตาที่เย็นชาของฟางหยวนจ้องมองกลับไปที่เธออย่างไม่แยแสและปราศจากความเกรงกลัว
เขาตอบโต้กลับอย่างสาสม คำพูดไม่กี่คำของเหยาจี้อาจกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของเหล่าผู้อาวุโสเกี่ยวกับฟางหยวน แต่คำพูดของฟางหยวนกลับส่งเสริมตัวเขาและด้วยการอาศัยกฎระเบียบของตระกูล มันยังทำให้ผู้อาวุโสทั้งหมดต้องหันมาปกป้องเขาโดยไม่รู้ตัว
สำหรับผู้อาวุโส การปกป้องกฎระเบียบของตระกูลก็เหมือนกับการปกป้องผลประโยชน์ของพวกเขาเอง
การกระทำของเหยาจี้ในครั้งนี้ถือเป็นการละเมิดกฎระเบียบของตระกูลหรือผลประโยชน์ของพวกเขาอย่างชัดเจน
"ฟางหยวนผู้นี้...สารเลว! เจ้าบัดซบ!" เหยาจี้เต็มไปด้วยความกระวนกระวายและไม่รู้เลยว่าแม้แต่ซื่อเหลียงยังโกรธจัด
ฟางหยวนทำให้อารมณ์ของเหยาจี้ปะทุจนถึงขีดสุด การแสดงออกและความเกลียดชังของเธอที่พุ่งตรงมายังฟางหยวนก็ไม่ต่างจากการต่อต้านฝ่ายสกุลซื่อ ทั้งหมดก็คือฟางหยวนถือเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขา
แต่ในความเป็นจริง ฝ่ายสกุลซื่อไม่รู้เรื่องสิ่งใดด้วย
แต่สำหรับเขา ซื่อเหลียงไม่ใช่คนโง่ แล้วเหตุใดซื่อเหลียงจะต้องสนับสนุนเหยาจี้ผู้อาวุโสระดับสูงที่ครอบครองอำนาจและเครือข่ายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของตระกูล?
เดิมทีซื่อเหลียงอธิษฐานอยู่ในใจว่าอย่าได้มีผู้อาวุโสคนใดให้ความสนใจฟางหยวนมากนัก แต่เมื่อฟางหยวนก่อเหตุการณ์นี้ขึ้นโดยความตั้งใจของตนเอง แล้วฝ่ายสกุลซื่อจะทำได้สิ่งใดได้
อย่างไรก็ตามคำพูดต่อมาของฟางหยวนกลับทำให้ทุกคนยิ่งตกตะลึง
เขาหันหน้าไปทางอวี๋โป้ก่อนกล่าว "ท่านผู้นำ ข้าสงสัยถึงความสามารถในการเป็นผู้อาวุโสห้องโถงพยาบาลของเหยาจี้ ข้าขอเสนอให้พวกเราเพิกถอนตำแหน่งของเธอเป็นการชั่วคราวและประเมินเธออย่างละเอียด ผู้ใช้วิญญาณสายรักษาแต่ละคนของตระกูลล้วนเป็นบุคคลสำคัญ พวกเราไม่สามารถปล่อยให้เธอใช้งานพวกเขาเยี่ยงนี้ มิฉะนั้นผู้ที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดก็คือผู้กล้าที่เสียสละตนเองเพื่อตระกูลของเรา"
เขาหยุดชั่วขณะก่อนกล่าวต่อ "ข้อเสนอนี้ของข้า ผู้อาวุโสซื่อเหลียงให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่"
"อันใด!?" รูม่านตาของเหยาจี้หดเล็กลงพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนเป็นซีดเผือด
"กระไรนะ!?" เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลต่างพากันกระวนกระวาย ได้ยินว่าซื่อเหลียงสนับสนุนความข้อเสนอนี้ นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีความสุขกับเหยาจี้มานานแล้วและต้องการฉกชิงผลประโยชน์ของเหยาจี้้งั้นหรือ?
'อันใด!?' ขณะที่ทุกคนกำลังตะลึง ซื่อเหลียงแทบจะกระโดดขึ้นจากเก้าอี้
เขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?
ตอนนี้เขากำลังจะบ้าเพราะการเล่นตลกของฟางหยวน
ฟางหยวนไม่เพียงต่อสู้กับเหยาจี้ แต่ยังดึงสกุลซื่อให้เข้าร่วมด้วย
เจตนารมณ์เดิมของซื่อเหลียงคือสร้างความสนิทสนมและความร่วมมือกับเหยาจี้ แต่เวลานี้ฟางหยวนกลับทำลายมันลงอย่างสิ้นเชิงด้วยคำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของเขา
ฟางหยวนกำลังทำร้ายเขาโดยการเผยแพร่ข่าวเท็จ แต่เวลานี้ซื่อเหลียงก็เป็นเพียงหัวหน้าฝ่ายสกุลซื่อที่ถูกควบคุมโดยฟางหยวนและไม่สามารถขัดขืน
"โอ้ ผู้อาวุโสซื่อเหลียงสนับสนุนข้อเสนอนี้เช่นนั้นหรือ?" ดวงตาของอวี๋โป้ส่องประกายขณะที่เปิดปากถาม
ซื่อเหลียงกัดฟันและพยายามสะกดข่มความโกรธก่อนลุกขึ้นยืน
มาถึงจุดนี้เขาไม่สามารถทำสิ่งใดนอกจากร่วมแสดงละครฉากนี้ต่อไปเท่านั้น
"การเพิกถอนตำแหน่งของเหยาจี้เป็นความคิดของฟางหยวน ด้วยภัยพิบัติคลื่นหมาป่า การเปลี่ยนแปลงในเวลานี้อาจไม่เหมาะสมนัก แต่ข้าเห็นด้วยว่าเหยาจี้ผู้นี้ใช้อำนาจไปในทางมิชอบตามอารมณ์ส่วนตัวของเธอ หากปัญหานี้ถูกจัดการอย่างเหมาะสม มันจะลดการสูญเสียของตระกูลไปได้อย่างมาก"
ซื่อเหลียงพยายามอย่างมากในการเลือกใช้คำพูดที่จะไม่ผิดต่อทั้งฟางหยวนและเหยาจี้มากนัก
แต่ถึงกระนั้นเพียงเมื่อเขากล่าวจบคำ เสียงสายหนึ่งกลับดังขึ้นอย่างกะทันหัน
เขาหันหน้าไปรอบๆก่อนจะพบว่าเหยาจี้กระอักเลือดออกมาด้วยความโกรธก่อนจะล้มลงโดยไม่คาดคิด
มันจบแล้ว!
'ข้าทำผิดต่อเหยาจี้อย่างสมบูรณ์' ขณะนี้ซื่อเหลียงรู้สึกราวกับตกลงไปในหุบเหวที่หนาวเหน็บ
"ท่านเหยาจี้!"
"ผู้ใดก็ได้ช่วยเธอเร็วเข้า!"
"เธอเพียงหมดสติ มิใช่เหตุร้ายแรง เหยาจี้ไม่ได้พักผ่อนมาสามวันสามคืน ร่างกายของเธอจึงไม่สามารถทนได้อีก เธอเพียงต้องการพักผ่อนเท่านั้น"
ภายในห้องโถงค่อยๆเงียบเสียงลง
เหยาจี้ถูกนำตัวออกไปโดยเปล
เธอแก่แล้วและไม่ได้พักผ่อนมาตลอดหลายวัน เมื่อเธอต้องเผชิญหน้ากับฟางหยวนและซื่อเหลียง เธอจึงไม่สามารถรับมือได้อีกต่อไป
"เหยาจี้ดูแลห้องโถงพยาบาลมานานหลายปีแล้ว เธอทำงานหนักและเหน็ดเหนื่อยมามาก พวกเราควรให้เธอได้พักผ่อนเป็นการตอบแทนความดีของเธอ แต่ตำแหน่งผู้อาวุโสห้องโถงพยาบาลไม่สามารถเว้นว่าง ท่านผู้นำ ข้าขอเสนอให้ฟางหยวนเข้ารับตำแหน่งนี้แทนเธอ" ซื่อเหลียงเร่งกล่าว
ตั้งแต่ซื่อเหลียงเริ่มต้นรุกรานเธอ แล้วเขาจะหยุดอยู่กลางทางได้อย่างไร? เพื่อป้องกันไม่ใช่เธอหวนกลับมาแก้แค้น เขาจะต้องตัดรากถอนโคนเธอให้สิ้นไปในคราวนี้ นี่คือวิธีแก้ปัญหาและสติปัญญาของผู้เชี่ยวชาญทางการเมือง
ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบงันไปชั่วขณะ
ความตายของเหยาลี่ การพ่ายแพ้ของเหยาจี้ ทำให้ฝ่ายห้องโถงพยาบาลอ่อนแอลง ความโหดร้ายทางการเมืองเป็นเรื่องที่ไร้ปรานียิ่งกว่าภัยพิบัติคลื่นหมาป่า
ฟางหยวนปิดปากเงียบเช่นกัน
ให้เขาเป็นผู้อาวุโสห้องโถงพยาบาลงั้นหรือ? หึ ซื่อเหลียงเพียงกล่าวออกมาอย่างไม่จริงจังเท่านั้น
ให้ผู้อาวุโสคนใหม่ที่ยังเยาว์วัยเป็นผู้นำห้องโถงพยาบาล มันอาจเป็นไปได้หากเหล่าผู้อาวุโสรวมถึงตัวผู้นำปัญญาอ่อนทั้งหมด
แท้จริงแล้วคำพูดของซื่อเหลียงมีความหมายซ่อนเร้น
และในที่สุดมันก็เป็นไปตามความต้องการของเขาเมื่ออวี๋โป้ประกาศออกมา "ผู้อาวุโสซื่อซ่งจะดำรงตำแหน่งผู้นำห้องโถงพยาบาลเป็นการชั่วคราว การบ่มเพาะของฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับสาม ตามกฎของตระกูล เขาจะได้รับบทบาทของผู้อาวุโสคนหนึ่ง ส่งข่าวออกไปเพื่อให้ทุกคนร่วมแสดงความยินดี"
อวี๋โป้ยืนขึ้นและเดินออกไปจากห้องประชุมทันที
"ขอแสดงความยินดีด้วย ขอแสดงความยินดีด้วย..." หลังจากนั้นผู้อาวุโสกลุ่มใหญ่จึงเดินเข้ามาแสดงความยินดีกับฟางหยวนด้วยการปั้นรอยยิ้มไว้บนใบหน้า
ฟางหยวนป้องมือขึ้นและเผยรอยยิ้มที่อบอุ่นตอบกลับไป