ตอนที่ 166 ชายผู้โชคดี
"งั้นก็ลองพูดมา" หยางม่านลี่ต้องการฟังเงื่อนไขของหานเซิ่น
ถ้าทหารคนอื่นมีโอกาสได้ทดสอบสินค้าของดีกัง แม้ว่าจะไม่ได้ค่าตอบแทนสักดอลลาร์เดียว พวกเขาก็ยินดีทำ ไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่กลุ่มดีกังเสนอให้หานเซิ่นเป็นค่าตอบแทน
ด้วยข้อเสนอระดับนี้ พวกเขาสามารถจ้างผู้วิวัฒนาการที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ยังได้ ตอนนี้หานเซิ่นได้รับข้อเสนอที่ดีเยี่ยม ขณะที่เขายังเป็นนักเรียน แต่เขากับตั้งเงื่อนไขเพิ่ม
"ตอนนี้ผมมีวอเฟรมจากแล็บของดีกัง ซึ่งผมหวังว่าพวกเขาจะสามารถติดตั้งระบบอาวุธให้กับมัน และให้บริการซ่อมแซมตลอดอายุการใช้งานแบบฟรีๆ"
หานเซิ่นรู้ว่าวอเฟรมของเขาเป็นรุ่นต้นแบบ แต่ด้วยมาตรฐานของกองทัพ พวกเขาต้องสามารถติดอาวุธให้มันได้อย่างแน่นอน
และวอเฟรมที่หานเซิ่นจะต้องไปทดสอบและเป็นพรีเซนเตอร์ให้นั้นเป็นรุ่นที่คนทั่วไปสามารถถือครองได้ ซึ่งคุณภาพจะด้อยกว่าSilver Killer
มีสิ่งเดียวที่หานเซิ่นรู้สึกว่าSilver Killerยังด้อย ก็คือไม่มีระบบอาวุธ การใช้อาวุธที่ติดตั้งเองนั้นไม่สะดวก และเขาก็ไม่ต้องการถืออาวุธเดินไปไหนมาไหนด้วย ซึ่งถ้าเป็นอาวุธที่ห้องแล็บผลิตSillver killerทำมาให้ มันน่าจะสามารถใส่เข้าไปในกระเป๋าพร้อมๆกับSilver Killerได้
เหตุผลสำคัญอีกอย่างก็คือถ้าเกิดSilver Killerเสียหาย พวกร้านซ่อมทั่วๆไปจะไม่สามารถซ่อมซุปเปอร์ไบโอนิเคิลวอเฟรมได้ ดังนั้นเขาต้องการบริการซ่อมแซมของดีกัง
"มีเงื่อนไขอื่นอีกไหม?" หยางม่านลี่ถามเหมือนกับหุ่นที่ถูกตั้งโปรแกรมมา
"ตอนนี้ยังไม่มี" หานเซิ่นยิ้ม
หยางม่านลี่ลุกขึ้นและพูด "ฉันรับรู้คำขอของนายแล้ว ฉันจะไปบอกหัวหน้าแล้วหัวหน้าจะเป็นคนไปต่อรองให้นายเอง นายกลับไปที่เหยี่ยวดำก่อน เดี๋ยวฉันติดต่อไปทีหลัง"
หลังจากพูดเสร็จหยางม่านลี่ก็เดินออกจากห้องไปทันที เธอไม่ต้องการอยู่กับคนแบบนี้นานๆ
"ในที่สุดผมก็รวยจริงๆสักที ค่าจ้างปีละ 20 ล้าน และวอเฟรมรุ่นใหม่ล่าสุด ถ้ากลุ่มดีกังรับเงื่อนไขของผมอีกล่ะก็ มันจะสมบูรณ์แบบมาก"
หลังจากที่หยางม่านลี่ออกไปแล้ว หานเซิ่นพึมพำออกมาอย่างตื่นเต้น
โดยปรกติหานเซิ่นจะไม่มีทางปฏิเสธข้อเสนอดีๆแบบนี้อยู่แล้ว
....
หลังจากกลับมาเหยี่ยวดำ สิ่งหนึ่งที่หานเซิ่นยังไม่รู้ก็คือตอนนี้จีเหยียนหรันนั้นกำลังเดือดปุดๆ หลังจากคืนนั้นเธอก็เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เธอไม่แน่ใจว่าต้องทำยังไงต่อไป เธอต้องกลายเป็นแฟนของหานเซิ่นจริงๆหรือไม่ เธอก็ต้องทำให้หานเซิ่นยอมตัดใจไป
แต่เธอจะทำยังไงให้เขายอมตัดใจ? เขาแสดงออกมาให้เห็นแล้วว่าเขาจะไม่ปล่อยเธอไปง่ายๆ
จีเหยียนหรันนอนคิดอยู่ตลอดทั้งคืนถึงความเป็นไปได้ทั้งหมด และเธอยังคิดว่าหลังจากนี้ไป เธอต้องโดนหานเซิ่นตามติดตลอดเวลาแน่นอน แต่ทว่าหลังจากผ่านคืนนั้นไปเธอไม่กับเห็นเขาอีกเลย
ในวันแรกที่เธอไม่เห็นหานเซิ่น เธอก็เบ๊ะปากและคิด 'ทำเป็นเล่นตัวหรอ? ฉันเคยเห็นลูกไม้แบบนี้มาเยอะแล้ว ฉันจะไม่สนใจนาย และรอดูว่านายจะทำหน้ายังไงในวันพรุ่งนี้'
แต่ในวันต่อมา จีเหยียนหรันก็ยังไม่เห็นหานเซิ่น
'นายอดทนกว่าที่ฉันคิดนะ แต่ลูกไม้ของนายมันใช้ไม่ได้ผลกับฉันหรอก'
ในวันที่ 3 หานเซิ่นก็ยังไม่โผล่หน้ามา จีเหยียนหรันเหมือนเริ่มจะหมดความอดทนนิดๆแล้ว
'หรือว่าเขาจะประสบอุบัติเหตุ ถูกยานเหาะชน? หรือขาของเขาจะหัก?' จีเหยียนหรันคิด
ในวันที่ 4 หานเซิ่นก็ยังไม่ปรากฏตัว
'หมอนั่นต้องรู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรกับเราที่ทั้งอ่อนโยน น่ารัก สง่างามและเซ็กซีแน่ๆ นั่นจะต้องเป็นเหตุผลที่เขาไม่ยอมโผล่หน้ามาอีกเลยตั้งแต่คืนนั้น... แน่นอนมันต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ'
ในวันที่ 5 6 7.. หลังจากวันที่ 10 เธอก็ยังไม่เห็นเขา และเธอก็หมดความอดทนเรียบร้อยแล้ว
'ไอ้บ้าหานเซิ่น นายจะเอายังไงกับฉัน? จูบเสร็จแล้วหนีเลยงั้นหรอ? ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น' จีเหยียนหรันโกรธจนควันออกหู
ในเวลานั้นเองที่ หานเซิ่นกลับมาที่โรงเรียน และยังไม่มีโอกาสไปพบเธอ
"เซิ่น นายกลับมาได้เหมาะเจาะจริงๆ ไปกับฉันหน่อย ไปคาบเรียนของ ศาสตราจารย์เหยียนกัน"
จางหยางเดินออกมาจากห้องพอดี และเห็นหานเซิ่น เขาก็ลากแขนของหานเซิ่น และเริ่มออกเดินทันที
"นายน่ะหรอจะไปคาบเรียนของศาสตราจารย์เหยียน?" หานเซิ่นทำหน้างง
จางหยางเป็นหนุ่มเลือดร้อน ปรกติเขาจะเป็นคนที่เรียนรู้ได้ไว แต่ถ้าต้องไปเรียนคาบที่มีแต่ทฤษฎีน่าเบื่อ เขาจะไม่สนใจ
วิชาที่ศาสตราจารย์เหยียนสอนคือวิชาทฤษฎีศิลปะการป้องกันตัว ซึ่งเป็นหนึ่งในวิชาที่ทำให้จางหยางปวดหัว ศาสตราจารย์เป็นคนที่สอนแบบไร้อารมความรู้สึก ทำให้จางหยางโดดเรียนเป็นประจำ
แต่ครั้งนี้ดูเหมือนเขาจะตื่นเต้นมากที่จะได้ไปเรียน ซึ่งมันทำให้หานเซิ่นรู้สึกแปลกใจ
"นายยังไม่รู้หรอ? วันนี้ศาสตราจารย์เหยียนเชิญ 2 ผู้ถูกเลือก อวี้ซือหมิงและถังเตียงลิ่วมาร่วมสาธิตการต่อสู้ในชั้นเรียน" จางหยางเต็มเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น
หานเซิ่นตระหนักทันทีว่าทำไมจางหยางถึงตื่นเต้นมากขนาดนี้ ถังเตียงลิ่วคือไอดอลของจางหยาง เพราะบนหัวนอนของจางหยางมีโปสเตอร์ของถังเตียงลิ่วติดอยู่
หน่วยที่จางหยางชอบนั้นไม่ใช่หน่วยธนู แต่เป็นศิลปะการป้องกันตัว แต่เพราะความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายของเขาไม่ถึงเกณฑ์ ทำให้เขาต้องสอบเข้าโดยใช้โควต้าพิเศษของหน่วยธนู
ในตอนนี้หานเซิ่นเข้าใจแล้วว่าทำไมจางหยางถึงต้องยอมเข้าหน่วยธนูที่เขาไม่ชอบ เนื่องจากถังเตียงลิ่วจะถูกเชิญมาสาธิตที่เหยี่ยวดำเป็นประจำทุกปี
หานเซิ่นถูกจางหยางพาไปชั้นเรียนด้วย และเขาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อพบว่าคาบเรียนที่ปรกติแทบจะไม่มีคนเข้าเรียน แต่วันนี้กับแน่นไปด้วยคนจำนวนมาก
ตอนนี้ไม่มีที่นั่งเหลืออยู่เลย แม้แต่ทางเดินก็เต็มไปด้วยผู้คน พวกนักเรียนหญิงกำลังพูดคุยกันอย่างตื่นเต้นเกี่ยวกับอวี้ซื่อหมิงและถังเตียงลิ่ว
"หานเซิ่น นายก็มาดูอวี้ซื่อหมิงกับถังเตียงลิ่วเหมือนกันหรอ มาตรงนี้เลยมีที่นั่งอยู่"
เมื่อนักเรียนคนหนึ่งเห็นหานเซิ่น เขาก็เสนอเก้าอี้ให้อย่างกระตือรือร้น