[KotB] บทที่ 81: ดวงดาวแห่งความสมบูรณ์แบบ (6)
บทที่ 81: ดวงดาวแห่งความสมบูรณ์แบบ (6)
อาร์คโทรลเป็นพวกกลายพันธุ์
ผิวที่ขาวของพวกมันทำให้นึกถึงคนเผือก
นอกจากนี้ พวกกลายพันธุ์ยังไม่สามารถอยู่ร่วมกับกลุ่มของพวกมันได้
โดยปกติพวกกลายพันธุ์จะถูกทอดทิ้งและตายในป่า ทำให้พวกมันมีโอกาสน้อยมากที่จะรอดชีวิต
แต่พวกกลายพันธุ์ที่รอดชีวิตมาได้มักจะได้รับพลังที่แข็งแกร่งกว่าเผ่าพันธ์ุของพวกมันเอง
เพียงหนึ่งตัวสามารถแสดงพลังได้มากกว่าห้าตัว
นอกเหนือจากนั้นบางครั้งมอนสเตอร์ที่มีคำว่า 'อาร์ค' อยู่ในชื่อจะมีความค่าต้านทานต่อธาตุมืดและธาตุแสงมากกว่าปกติ
และโดยทั่วไปแล้ว โทรลเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีการฟื้นตัวที่โดดเด่น
"สิ่งที่เราเห็นตอนนี้ไม่ใช่ความฝันใช่ไหม?"
บัคอ้าปากของเขาอย่างงงงวย
ด้วยการแสดงออกที่ราวกับว่าไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น
การแสดงออกของเพื่อนที่เหลืออยู่ของเขาก็ไม่ต่างกัน
"... ความสามารถในการฟื้นฟูของเขาเร็วกว่าอาร์คโทรล"
"โดเกบิผู้ที่ไม่ใช่แม้แต่ด๊อกซินี สามารถแข็งแกร่งได้ขนาดนี้เลยเหรอ?"
อาร์คโทรลสามารถฟื้นตัวได้ทันทีหลังจากที่ถูกฟันหรือถูกแทง ถ้ามันถูกเผา มันจะฉีกส่วนนั้นออกและฟื้นตัวต่อไป
มันเป็นความสามารถในการฟื้นตัวที่น่าอัศจรรย์
อย่างไรก็ตาม มูยองที่เผชิญหน้าอยู่กับอาร์คโทรลกลับน่าอัศจรรย์มากกว่า
ในตอนแรก บัคคิดว่าเขาเป็นโดเกบิที่ค่อนข้างพิเศษ
ถึงแม้ว่ามูยองจะมีเขาบนหัวแสดงถึงความเป็นถึงราชาแต่เขาก็ไม่ใช่ด๊อกซินี ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็ไม่ควรจะต่างไปจากปกตินัก
อย่างไรก็ตาม ความเข้าใจของเขาที่มีต่อมูยองก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆหลังจากที่มูยองเริ่มต่อสู้ในสังเวียน
ชัยชนะซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลังจากการปรากฏตัวของโอโลเนสแล้ว มูยองก็กลายเป็นดาวดวงใหม่ในสังเวียนทันที
และในตอนนี้เขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นกว่าด๊อกซินีและสร้างความหลงใหลให้กับผู้ชมโดยทั่ว
ฟู่ววววว!
เปลวไฟที่ทะยานออกจากด้านหลังของมูยองทำให้เกิดความเสียหายกับเวทีทั้งหมด
เขาเหวี่ยงดาบทั้งสองเล่มหั่นร่างของอาร์คโทรลราวกับว่าเขากำลังแกะสลักประติมากรรม
นั่นหมายความว่าพลังที่เขาแสดงให้เห็นจนถึงตอนนี้ยังไม่ใช่แม้แต่ปลายยอดของภูเขาน้ำแข็ง
อาร์คโทรลไม่สามารถต้านทานเขาได้แม้แต่น้อย
"หรือว่าอาร์คโทรลนั้นอ่อนแอ?"
นักบวชตอบคำถามของหญิงสาวนักธนู
“ไม่ โดเกบินั่นแข็งแกร่งกว่าที่เราจินตนาการไว้ โดยปกติแล้ว คนทั่วไปกล่าวว่าอาร์คโทรลสามารถแสดงพลังได้เท่ากับโทรลสิบตัว แต่ตอนนี้.. ฉันไม่แน่ใจ”
มันเป็นความจริง อาร์คโทรลไม่ได้อ่อนแอ
เขาแค่แข็งแกร่ง
ร่างกายของบัคสั่นสะท้าน
มูยองมีความเข้าใจลึกซึ้งเกีย่วกับตัวตนที่แท้จริงของเขาเอง ความแข็งแกร่งมากมายที่เก็บงำไว้และแม้แต่ความระมัดระวังในการวางแผนล่วงหน้า
เขาหันหน้าไปดูอันเดธ
'ฉันไม่เคยได้ยินว่าโดเกบิจะสามารถจัดการกับความตายได้'
กรึบ!
บัครู้สึกว่าน้ำลายของตัวเองแห้งผาก
ทั้งดาบ และเวทมนตร์ ยิ่งไปกว่านั้นมูยองยังสามารถจัดการกับความตายได้
เขาไม่เคยได้ยินเรื่องของมอนสเตอร์ที่สามารถใช้ทักษะต่างๆมากมายแบบนี้
ถ้าหากจะมี ..
'มนุษย์.. เพียงแค่มนุษย์เท่านั้นที่สามารถใช้ทักษะได้หลากหลายรูปแบบ
วึงงง!
เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างกายของเขาก็สั่นอีกครั้ง
ไม่ใช่โดเกบิ จริงๆแล้วมันเป็นมนุษย์?
มูยองสามารถแสดงตัวเป็นโดเกบิด้วยผลลัพธ์ของทักษะ
บัควิเคราะห์อย่างถี่ถ้วนแต่ก็กลายเป็นความสับสนที่มากขึ้น
ในขณะนั้นการต่อสู้ก็สิ้นสุดลง
เมื่อการต่อสู้จบลง สังเวียนก็กลายเป็นเงียบงัน
เป็นเพราะเขาจบการต่อสู้โดยการแสดงความแกร่งอยู่ฝ่ายเดียว นี่มันอาจจะเท่ากับหรือมากกว่าโอโลเนสด้วยซ้ำ
ตึก ตึก
ในทางเดินที่คับแคบ มูยองเดินเข้ามาหามัน
เสียงฝีเท้าของเขาดูเหมือนดังมาก
"นาย ...นายเป็นโดเกบิจริงหรือ?"
บัคอดไม่ได้ที่จะถาม
และเมื่อสายตาของมูยองหันมองมา ความหนาวเหน็บที่รู้สึกได้ก็แทบจะวิ่งทะลุผ่านร่างกายของเขา
อย่างไรก็ตามคำถามนี้มีความสำคัญอย่างมาก
มนุษย์หรือโดเกบิ
ถ้าเขาเป็นมนุษย์ เขาก็ต้องสวมบทบาทอย่างระมัดระวังมากขึ้น
ผู้ใช้ภาษาวิญญาณนั้นได้รับความสนใจจากทุกที่ๆพวกเขาไป และเนื่องจากผู้ใช้ภาษามังกรซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าพวกเขา มันจะนำไปสู่ความวุ่นวายที่มากยิ่งขึ้น
โลกไม่ใช่เรื่องง่าย
ผู้คนที่พยายามใช้ประโยชน์จากอื่นมีอยู่มากมาย
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีคนอื่นที่ไม่ใช่เพื่อนของเขารู้ความจริงนี้?
ในสภาพของบัค มันเป็นเรื่องของชีวิตและความตาย
มูยองค่อยๆเปิดริมฝีปากของเขาขึ้น
"ฉันคือโอม"
“โอม ... ?”
"ผู้ปกครองของเหล่าโดเกบิ และมิตรสหายของดวงวิญญาณ ฉันเป็นแม้แต่ลอร์ดที่ปกครองดินแดนที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ "
จากนั้นมูยองก็ใส่หัวใจที่ยังเต้นอยู่ของอาร์คโทรล เข้าไปยังตำแหน่งหัวใจของไฮเดกเกอร์
มันเป็นฉากที่แปลกมาก แต่มูยองก็ไม่ได้กระพริบตา
มุมของริมฝีปากมูยองโค้งขึ้นเล็กน้อย
หลังจากนั้น มูยองก็มองไปที่บัค
"ผมเข้าใจว่าคุณกังวลเรื่องอะไร ยังก็ตาม"
ความระมัดระวังนี้เป็นสิ่งที่นักสำรวจควรมี
ขณะที่บัคมองเขาด้วยความสงสัย เขาก็พูดต่อ
"สิ่งที่คุณกังวลจะไม่เกิดขึ้น ถ้าหาก"
"พิธีกรรมสำหรับพรบัญชาการ... ฉันจะเริ่มมันในทันที"
"คุณฉลาดดีหนิ"
บัคตอบรับอย่างรวดเร็ว เขาเข้าใจได้ว่ามูยองต้องการจะพูดอะไร
เห็นได้ชัดว่าอาวุธหลักของเขาคือคำพูด
"โอโลเนสคือเหยื่อของผม "
มูยองพูดอย่างมั่นใจก่อนที่เขาจะเดินออกไป
*
มูยองลงไปในชั้นถัดไปทันที
เมื่อเขาเดินเข้าไปในชั้นสาม จำนวนของมอนสเตอร์ก็น้อยกว่าที่่ผ่านมา
โดยปกติแล้ว ถ้าพวกเขาจะมาถึงชั้นที่สามได้ มันก็เป็นเพราะว่าพวกเขาเก็บสะสมเงินได้หนึ่งล้านออนซ์และออกมาจากสังเวียน อย่างน้อยที่สุดก็มีมอนสเตอร์จำนวนไม่น้อยที่ใฝ่ฝันการได้รับตั๋วสำหรับการหลบหนี
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีจำนวนที่น้อย แต่พวกเขาก็ไม่ได้ขาดผู้ที่แข็งแกร่งในสังเวียน
มอนสเตอร์ทุกตัวกำลังกระหายที่จะต่อสู้และการต่อสู้ก็เป็นเป้าหมายเดียวของพวกมัน
แน่นอนว่าไม่มีสมรภูมิไหนที่จะดีไปกว่านี้ในการเปิดใช้งาน 'ผู้พิชิต' อีกแล้ว
นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง
อันเดธสองตัวได้ถูกเพิ่มเข้ามาในฐานะนักรบในสังเวียน
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
เพื่อไม่ให้ใครรู้ว่ามูยองเป็นเจ้าของของพวกมัน เขาได้ให้พวกมันทำตัวเหมือนกับคนอื่นๆ
'ยอดเยี่ยมที่สุด'
แม้เขามีข้อสงสัยเล็กน้อยแต่แผนการของเขาก็ประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าอันเดธจะชนะการต่อสู้ แต่ชัยชนะก็ไม่ได้เป็นของมูยอง
"พวกมันมีบันทึกเป็นของตัวเอง"
มันเป็นวิธีที่ดีกว่า
ถ้าเกิดมีการบันทึกผลร่วมกัน ก็หมายความว่าถ้าพวกเขาชนะหรือแพ้ก็จะส่งผลร่วมกัน
ถ้าพวกมันแพ้แม้แต่ครั้งเดียว สถิติการชนะต่อเนื่องของเขาทั้งหมดก็จะหายไป
อย่างไรก็ตาม มูยองกำลังวางแผนที่จะใช้นักรบสุริยันอันธการและไฮเดกเกอร์ในการถ่วงโอโลเนสไว้
แหล่งที่มาของความแข็งแกร่งของโอโลเนสมีความคล้ายคลึงกับมูยองมาก
แน่นอนว่าความอ่อนแอของพวกเขาก็คล้ายคลึงกัน
"ในขณะที่พรบัญชาการแสดงผล การโจมตีของโลโอเนสจะไม่ทำงาน"
อย่างน้อยที่สุดเขาก็สามารถพูดได้ว่าทักษะประเภทภูติผีจะไร้ผล
มันไม่สามารถทำอะไรเกี่ยวกับการโจมตีทางกายภาพได้ และความทนทานของนักรบสุริยันอันธการและไฮเดกเกอร์ก็มากจนน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่ต้องสงสัย
การโจมตีทางกายภาพของโอโลเนสไม่แข็งแกร่งนัก
ที่มันดูรุนแรงเพราะได้รับการเสริมพลังจากพวกภูติผี
หากพวกเขาต่อสู้กัน แน่นอนว่าโอโลเนสจะต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไปอย่างต่อเนื่อง
ฉัวะ ฉัวะ!
มูยองแกว่งดาบทั้งสองเล่มของเขา
ในเวลาเดียวกันหัวของมนุษย์หิมะที่น่ารังเกียจก็ร่วงลงสู่พื้น
ปรมาจารย์ดาบ
เหมือนกับชื่อ มันเป็นทักษะที่อนุญาตให้เขากลายเป็นปรมาจารย์ดาบตามระดับที่เพิ่มขึ้น
มูยองได้รับการฝึกฝนเพื่อให้สามารถใช้อาวุธได้หลากหลายชนิด แต่เขาก็ยังห่างไกลจากความเข้าใจอย่างลึกซึ้งจากพวกมัน
อย่างไรก็ตามหลังจากการเรียนรู้ทักษะปรมาจารย์ดาบ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาสามารถตั้งคำถามเกี่ยวกับ'สิ่งที่เป็นดาบ'ได้
นอกจากนี้ ความเข้าใจเกี่ยวกับดาบและทักษะก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
'ฉันจะไม่หยุดยั้ง'
มูยองเริ่มแข็งแกร่งขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
ความเร็วในการพัฒนาของเขาเพิ่มขึ้นราวกับเรื่องไร้สาระ อย่างไรก็ตามนั่นไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ได้ทุ่มเทให้กับพื้นฐาน
มันคงจะเป็นไปไม่ได้ถ้าเขาเป็นตัวเองในอดีต
แม้แต่บุคคลที่แข็งแกร่งที่รู้จักกันในชื่อของอัจฉริยะระดับโลกก็ไม่สามารถพัฒนาได้เร็วเท่ากับมูยอง
อย่างไรก็ตามมูยองไม่สงสัยในการเติบโตของตัวเอง
เป็นเพราะว่าเขารู้ว่าการเติบโตของเขาจะหยุดชะงักลงในตอนที่เริ่มสงสัยมัน
'อีกไม่นานจะถึง 10 ล้านออนซ์'
อัตราส่วนการเดิมพันเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเก็บเงินได้ 10 ล้านออนซ์ เขาก็จะบรรลุเป้าหมายแรก
'เซอร์เบอรัส'
ผู้เฝ้าประตูสุดท้าย
เพื่อโจมตีเซอร์เบอรัส เขาต้องการ 3 สิ่ง
หนึ่งในนั้นคือธูปพิเศษที่สามารถซื้อได้ด้วยเงิน 10 ล้านออนซ์
เนื่องจากการต่อสู้กับโอโลเนสไม่ใช่ทุกอย่าง เขาต้องเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า
แม้ว่าระดับของสังเวียนจะเพิ่มขึ้น แต่โอโลเนสและมูยองก็ยังเปรียบกับม้าสองตัวที่กำลังพุ่งทะยาน
ไม่มีมอนสเตอร์ตนใดจะสามารถหยุดทั้งสองได้
ราวกับว่าพวกเขาทำสัญญากันไว้ ทั้งสองวิ่งและมองไปแต่เพียงข้างหน้าเท่านั้น
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้จะสิ้นสุดลงในชั้นถัดไป
ราวกับว่ามูยองรอคอยช่วงเวลานี้ เขาเลือกโอโลเนส
โอโลเนสได้ใช้ความอึดไปมากมายในการต่อสู้กับนักรบสุริยันอันธการ และไฮเดกเกอร์แล้ว
จิตใจและร่างกายของมันเริ่มอ่อนล้า
ตอนนี้เป็นโอกาสของเขา
เพื่อที่จะโจมตีมันจากความเหนื่อยล้า และไม่ทันตั้งตัว
โอโลเนสมีสีหน้าแปลกๆบนใบหน้า ราวกับมันไม่ได้คาดคิดว่าจะได้รับการเลือกมาก่อน
"ข้าคิดว่า ข้าบอกเจ้าแล้ว ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ๆเจ้ากับข้าจะต่อสู้กัน"
"ฉันเลือกสถานที่ๆฉันจะต่อสู้"
ไม่มีเหตุผลใดที่เขาจะทำตามความตั้งใจของโอโลเนส
และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่มูยองจะเสียโอกาสที่ได้เปรียบมากที่สุดของเขาไป
ในทางตรงกันข้าม โอโลเนสต่อสู้อย่างต่อเนื่องเพราะมันวางแผนจะสู้กับเขาในชั้นที่หนึ่ง
มันไม่ได้คิดเกี่ยวกับการรักษาความอึดของตัวเองไว้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ที่ได้ต่อสู้กับ นักรบสุริยันอันธการ และไฮเดกเกอร์ ความแข็งแกร่งของมันอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด
"เจ้าคิดว่านึ่เป็นสิ่งที่ดี สำหรับผู้ที่เกี่ยวพันกับเกรโมรี่เหรอ"
มูยองหัวเราะเบาๆ
เขาคิดว่าโอโลเนสจะกล่าวโทษเขาว่าเป็นคนขี้ขลาด แต่มันกลับตรงกันข้าม
ในสนามรบที่ซึ่งผู้คนต้องฆ่ากัน ใครก็ตามย่อมต้องทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะ
เนื่องจากโอโลเนสก็คิดเช่นนั้น ถึงจะถูกเอาเปรียบแต่ก็ไม่ได้โกรธมูยอง
ปีศาจไม่ใช่แค่มารร้ายที่ไม่มีเหตุผล
'มันไม่ใช่คนที่จะถูกยั่วยุโดยง่าย'
โอโลเนสไม่ใช่ประเภทนั้น
มูยองค่อยๆชักดาบแห่งความโกรธเกรี้ยว และดาบมารเทพออกมา
และในขณะที่กำลังมองไปที่มูยอง โอโลเนสก็พูดอย่างเย็นชา
"ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจกับการตัดสินใจเช่นนี้"
"ฉันไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง"
มูยองตอบกลับทันที
โอโลเนสไม่รู้ว่า
มูยองใช้ชีวิตมาแบบไหน
ความสุขอันน่าอัศจรรย์คือการที่เราสามารถเลือกทางเดินของตัวเองได้
เขามาไกลแค่ไหนเมื่อเทียบกับอดีตที่ไม่มีสิทธิเลือกอะไรเลย
แล้วตอนนี้เขาจะเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเองได้อย่างไร?
อย่างน้อยตั้งแต่กลับมาจากอดีต มูยองก็ไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจของเขาแม้แต่ครั้งเดียว
เขาพยายามทำให้ดีที่สุดอยู่เสมอ
ตอนนี้ก็เหมือนกัน
วิ้งงงง!
ดาบแห่งความโกรธเกรี้ยว และดาบมารเทพส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างรุนแรง