ตอนที่แล้วTWO Chapter 138 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 12
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 140 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 14

TWO Chapter 139 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 13


TWO Chapter 139 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 13

เมื่อการต่อสู้ถึงจุดสูงสุด ชุนเซิ่นจุนและจานหลางก็ทำการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน

กองทหารโล่ดาบและกองทหารธนูของผู้เล่ยฝ่ายชี่โหยว ได้เคลื่อนพลไปโจมตีกองกำลังของตี่เฉินที่อยู่ขอบสุด แม้ว่ากองกำลังของตี่เฉินจะมีอุปกรณ์ที่ดีและมีประสบการณ์ แต่ด้วยความต่างของจำนวนที่มากจนเกินไป มันจึงเป็นเรื่องยากเกินกว่าที่เขาจะจัดการได้

เมื่อเห็นว่าพวกเขาจะพังทลาย โอหยางโชวไม่ได้ปล่อยไป เขาสั่งให้กองกำลังของพันธมิตรเข้าช่วยเหลือในทันที และในเวลาเดียวกันนั้นก็ขอความช่วยเหลือจากชางเสี้ยน โอหยางโชวเข้าในดี เกี่ยวกับทฤษฎีที่ว่า ‘ถ้าริมฝีปากตาย ฟันก็จะเริ่มเย็น’

น่าเสียดายที่ชนเซิ่นจุนไปเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าไม่เห็นกองกำลังของโอหยางโชวอยู่ที่นั่น เขาก็โจมตีตี่เฉินในทันที และกว่ากองกำลังที่นำโดยโอหยางโชวและชางเสี้ยนจะมาช่วย มันก็เกือบจะสายเกินไปแล้ว กองกำลังของตี่เฉินได้ทำลายถูกทำลายไปเกือบทั้งหมด

ชุนเซิ่นจุนเองก็เจ้าเล่ห์มาก เมื่อเห็นว่าโอหยางโชวและชางเสี้ยนนำกองกำลังมาช่วยตี่เฉิน เขาก็ไม่ได้โจมตีต่อไปเพื่อเก็บคะแนนคณูปการ แต่เลือกที่จะล่าถอย มันทำให้การรบในปีกขวาเข้าสู่ทางตัน

ตี่เฉินโกรธมาก ตอนนี้กองกำลังของเขาเหลืองเพียงแค่ 800 นายเท่านั้น เขาจึงรีบนำกองกำลังของเขาถอยออกจากแนวหน้าทันที โชคดีที่โอหยางโชวไม่ได้พยายามที่จะขัดขวางพวกเขา ไม่อย่างงั้นก็คงไม่มีใครรู้ว่าตี่เฉินจะทำอะไร

ตี่เฉินรู้สึกหดหู่ เขาไม่รู้ว่าจะโทษใครดี ถ้าเขาจะโทษโอหยางโชว เขาไม่เพียงแต่ปิดกันกองทหารม้าของศัตรู เขายังนำกองกำลังมาช่วยเหลืออีกด้วย ถ้าเขาไม่มีช่วยไว้ ตี่เฉินก็คงสูญเสียกองกำลังทั้งหมดของเขา หรือจะโทษชุนเซิ่นจุน แต่เนื่องจากพวกเขาเป็นศัตรูกัน การต่อสู้กันก็เป็นเรื่องปกติ เขาสามารถทำได้เพียงกล่าวโทษตนเองเท่านั้น ที่โชคร้ายและต้องมาอยู่ฝ่ายเดียวกับสัตว์ประหลาดอย่างโอหยางโชว เป็นเพราะเขาไม่สามารถคว้าตำแหน่งตัวแทนมาได้ มันจึงทำให้เขาถูกจำกัด

เป็นไปตามที่จูโชวคาดการณ์ไว้ เผ่าจิวหลี่มีกองกำลังเหลือเพียง 70,000 นาย โดย 40,000 นาย อยู่ตรงกลาง เพื่อสู้กับกองกำลังของจักรพรรดิเหลือง ที่มีอยู่ 50,000 นาย ปีกซ้ายและขวาของพวกเขามี 15,000 นาย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาได้ดึงกองกำลัง 3,000-4,000 นาย จากไปขวามาช่วยปีกซ้าย

ด้วยเหตุนี้ ปีกขวาที่มีกำลัง 15,000 นาย ของพวกเขาจึงต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังของจักรพรรดิไฟ 30,000 นาย อย่างไรก็ตาม เผ่าจิวหลี่ของชี่โหยวก็ยังมีความได้เปรียบทางด้านจิตใจ เหมือนกันการรบก่อนหน้านี้ เผ่าจักรพรรดิไฟถูกกำราบหลังจากที่เวลาเพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นานนัก

โชคร้ายที่สภาวะนั้นได้ถูกเปลี่ยนไป เช่นเดียวกับความรู้สึกของทั้ง 2 ฝ่าย ที่ได้เปลี่ยนแปลงไปในทางตรงข้ามกัน จางเลี้ยวได้นำกองทหารม้า 800 นาย ลอบเข้าโจมตีที่ด้านหลังปีกขวาของฝ่ายชี่โหยว

ปีกขวาของฝ่ายชี่โหยวไม่เคยคิดว่าจะได้พบกับกองทหารม้าของศัตรูในช่วงเวลาดังกล่าว พวกเขาไม่ได้มีโล่ที่ดี แล้วพวกเขาจะมีวิธีป้องกันการโจมตีของทหารม้าได้อย่างไร และพวกเขาส่วนใหญ่ที่อยู่ด้านหลังก็เป็นนักธนู พวกเขาจึงอ่อนแอเหมือนกระดาษและถูกสังหารอย่างง่ายดาย

โดยเฉพาะทหารม้าเกราะหนักที่อยู่ด้านหน้า ไม่ว่าพวกเขาจะใช้หอกหรือลูกศรโจมตีไปเท่าไหร่ ชุดเกราะของทหารม้าเหล่านี้ก็ไม่แม้แต่จะปรากฎรอยขุดข่วน ทำให้กองทหารม้าสามารถสังหารพวกเขาได้เป็นจำนวนมาก

ภายใต้การนำของจางเลี้ยว กองทหารม้าเคลื่อนที่ไปซ้ายบ้างขวาบ้าง ไม่อาจจะคาดเดาทิศทางของพวกเขาได้ ชาวเผ่าจิวหลี่ทำได้เพียงจ้องมองดูพวกเขา แต่ไม่สามารถป้องกันตัวเองจากการโจมตีของพวกเขาได้

เมื่อเห็นว่ากองทหารม้าได้โจมตีแนวหลังของเผ่าจิวหลี่แล้ว จักรพรรดิไฟก็สั่งให้กองกำลังของเขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้า และเพิ่มความกดดันให้กับเผ่าจิวหลี่ เพื่อไม่ให้พวกเขามีเวลาจะจัดการกับกองทหารม้าได้

ด้วยเหตุนี้ กองกำลังของจักรพรรดิไฟจึงผลักดันไปข้างหน้า ในขณะที่กองทหารม้าก็โจมตีแนวหลัง ทั้ง 2 กองกำลังได้กดดันให้เผ่าจิวหลี่เข้าสู่สถานการณฺอันตราย พวกเขากลายเป็นเหมือนกับอาหารที่รอเวลาถูกกิน

เมื่อชี่โหยวได้รับสัญญาณอันตรายจากปีกขวา เขารู้ทันทีว่าแผนของเขาถูกมองออกโดยศัตรู พวกเขาจึงได้รีบทำการเคลื่อนไหวในทันที พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากส่งกองกำลังบางส่วนของกองกำลังหลักออกไปช่วย เพราะถ้าปีกขวาถูกทำลาย การรบจะยิ่งยากลำบากมากขึ้น

สามารถกล่าวได้ว่าชี่โหยวได้ดูแคลนแผนการของจูโชวมากเกินไป เมื่อจักรพรรดิเหลืองได้รับข่าวว่าปีกซ้ายประสบความสำเร็จในการโจมตี เขาก็รีบตรวจสอบกองกำลังของศัตรู เมื่อเขาได้พบว่าพวกเขาได้เคลื่อนย้ายกองกำลัง เขาก็สั่งให้กองกำลังของเขาผลักดันไปข้างหน้าทันที เพื่อไม่ให้ชี่โหยวได้มีเวลาหายใจ

แม้ว่านักรบของจักรพรรดิเหลืองจะขาดแคลนอาวุธ แต่พวกเขาก็โหดร้ายและป่าเถื่อน เช่นเดียวกกับหลี่มู่ พวกเขาไม่ได้เป็นรองในเรื่องการต่อสู้ ในขั้นต้นพวกเขาได้เปรียบในเชิงปริมาณ 10,000 นาย และตอนนี้ ความได้เปรียบก็ยิ่งกว้างขึ้น ทำให้กองกำลังหลักของชี่โหยวเริ่มประสบปัญหา

การเคลื่อนไหวของพวกเขาไม่ได้มีเพียงแค่นี้ ปีกขวาที่เคยถูกบังคับให้ต้องป้องกันเป็นหลัก เริ่มที่จะผลักดันไปข้างหน้า และเปลี่ยนจากการป้องกันไปเป็นการโจมตี พวกเขามีปริมาณมากกว่าศัตรูถึง 2 เท่า แท้ว่ากองกำลังของเผ่าขนาดเล็กและขนาดกลางจะไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก พวกเขาก็ยังคงได้เปรียบมาก ขณะนี้ กระแสของสงครามได้เปลี่ยนไป และชัยชนะก็ใกล้เข้ามา เลือดของเหล่าผู้นำเดือดพล่าน ผู้นำหลายคนได้นำกองกำลังของพวกเขาไปสังหารศัตรูด้วยตัวเอง

การสูญเสียจากทั้ง 3 ด้าน ทำให้เผ่าจิวหลี่ของชี่โหยวถูกเหยียบย่ำ

ผู้ที่ทำลยสภาวะหยุดนิ่งนี้ก็คือ กองทหารม้าที่อยู่ในปีกซ้าย และเมื่อจางเลี้ยวเห็นกำลังเสริมของศัตรู เขาก็ตัดสินใจนำกองทหารม้าเข้าโจมตีพวกเขาในทันที

ผู้นำของกำลังเสริมไม่ได้คิดว่าศัตรูจะกล้าหาญ และเข้ามาเผชิญหน้ากับพวกเขาแทนที่จะหนี มันทำให้เขาสูญเสียสติของเขาไป

จางเลี้ยวยังคงสงบมาก ในขณะที่เขารู้ว่าปีกขวาของศัตรูกำลังจะถูกทำลายโดยเขา และมันเป็นเหมือนกับแมลงวันที่ไม่มีหัว ถ้าเขาปล่อยให้กำลังเสริมเข้ามาช่วยปีกขวา พวกเขาก็จะสามารถจัดระเบียบกองกำลังได้ใหม่อีกครั้ง มันคงทำให้พวกเขาสงบลงด้วย และมันคงเป็นเรื่องยากที่จะกำราบพวกเขาได้อีก โดยใช้เพียงกองกำลังไม่ถึง 1,000 นาย ของเขา

ดังนั้น กุญแจสู่ชัยชนะก็คือ การเอาชนะกำลังเสริม ไม่ว่าพวกเขาจะมีปริมาณเท่าใด ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถจัดระเบียบตัวเองได้ ก็จะมีโอกาสให้กองทหารม้าสามารถโจมตีและล่าถอยได้ตามความพึงพอใจของพวกเขา และมันยังส่งผลดีต่อกองกำลังของจักรพรรดิไฟอีกด้วย

ตามที่คาดการไว้ กำลังเสริมของฝ่ายชี่โหยวได้ถูกทำลายลงโดยกองทหารม้า ปีกขวาก็เริ่มพังทลาย และทหารบางส่วนก็เริ่มถอยหนี เกิดเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ ทำให้ปีกขวาถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง จักรพรรดิไฟไม่ได้ให้โอกาสพวกเขาหนี เขาสั่งให้ทหารไล่ตามไปข้างหน้า และสังหารศัตรู

ความล้มเหลวนี้ส่งผลให้กองกำลังทั้งหมดของฝ่ายชี่โหยวค่อยๆพังทลายลง แม้แต่ศักดิ์ศรีของชี่โหยว ก็ไม่สามารถช่วยให้คนที่หลบหนีกลับมาได้ เขาทำได้เพียงสั่งให้กองกำลังของเขาล่าถอยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครรู้ว่ามันจะช่วยได้มากแค่ไหน

ชี่โหยวที่กำลังล่าถอยมองออกไปพร้อมถอนหายใจ เขารู้ว่าความฝันของเขาในการพิชิตที่ราบลุ่มภาคกลางได้ถูกทำลายไปแล้วจากการรบครั้งนี้

เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิเหลืองไม่ยอมให้พวกเขาจากไปเช่นนี้ กองกำลังส่วนหนึ่งของพวกเขายังคงอยู่ ถ้าพวกเขาไม่ทำลายกองกำลังของเขาอย่างสิ้นเชิง ชี่โหยวก็อาจจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง และนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

จักรพรรดิเหลืองสั่งให้กองกำลังของเขาไล่ล่า นี่เป็นการฉลองการฆ่าของฝ่ายจักรพรรดิเหลือง แม้แต่ตี่เฉินที่อยู่ด้านหลัง ก็นำกองกำลังที่บาดเจ็บของเขาบุกไปข้างหน้า เพื่อโจมตี่เผ่าจิวหลี่ที่กำลังล่าถอย นี่เป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะรวบรวมคะแนนคณูปการสงคราม

มีเพียงโอหยางโชวที่คิดต่างเขาสั่งให้ทหารบางส่วนไล่ล่าศัตรู และคนที่เหลือคอยเกาะกลุ่มกับจักรพรรดิเหลือง

จักรพรรดิเหลืองยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นโอหยางโชว “ฉีเยว่หวู่ยี่ ชัยชนะทั้งหมดในวันนี้เป็นเพราะเจ้า ข้าจะตบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม”

โอหยางโชวที่ขี่อยู่บนหลังม้าฉิงฟู่กล่าวว่า “ข้ามิกล้า ชัยชนะครั้งนี้เป็นบารมีของฝ่าบาท และกองกำลังของท่าน ข้ามิกล้าที่จะรับมันไว้จริงๆ”

จักรพรรดิเหลืองพยักหน้า เขาเข้าใจความหมายของโอหยางโชว เขาได้ตัดสินใจในใจเขาแล้วว่า จะมอบรางวัลอย่างงามให้กับโอหยางโชว เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เป็นเพราะผลงานของโอหยางโชวในช่วง  2 วันที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะไม่กล่าวออกมา เจ้าหน้าที่ต่างๆของเขาก็จะแนะนำให้เขามอบรางวัลให้กับโอหยางโชวอยู่ดี

เห็นว่ามีทหารมาไล่ล่าเขา ชี่โหยวที่กำลังล่าถอยก็กลายเป็นโหดเหี้ยม เขาสั่งให้กองกำลังของเขาส่วนหนึ่งอยู่ข้างหลัง เพื่อสกัดกองกำลังของจักรพรรดิเหลืองที่ไล่ตามมา ส่วนเขานำกองกำลังหลักออกไป คนที่ถูกทิ้งไว้เหล่านี้ จะถูกฆ่าตายอย่างน่าสังเวชทั้งหมด

ในเวลานี้ จะสามารถเห็นถึงศักดิ์ศรีและตำแหน่งของชี่โหยวในใจของพวกเขาได้อย่างชัดเจน คนที่กำลังหลบหนีก็เริ่มอับอาย พวกเขาเลือกที่จะยอมรับภารกิจที่จะตายเพื่อปกป้องผู้นำของพวกเขา

ชี่โหยวกล่าวคำอำลาพวกเขา ก่อนที่จะนำกองกำลังจากไป

เมื่อเขาอยู่ห่างออกไประยะหนึ่ง เขารีบสั่งให้กองกำลังของเขาจุดไฟในทันที เพื่อหยุดยั้งกองกำลังที่ไล่ตามมา ไฟที่ถูกจุด ถูกลมพัดกระจายไปทั่วต้นไม้และต้นหญ้าอย่างรวมเร็ว อย่างไรก็ตาม หญ้าที่เปียกไม่ได้ติดไฟมากนัก และมันก็ปลายเป็นควันกระจายไปครอบคลุมทั่วทั้งบริเวณ

ภายใต้หมอกควันนี้ กองกำลังที่ไล่ตามมาก็สูญเสียทิศทางของพวกเขา จักรพรรดิเหลืองจึงสั่งให้กองกำลังของเขาหยุด และรอคำสั่งต่อไป

เขามองไปที่เจ้าหน้าที่ที่อยู่รอบตัวเขา แล้วกล่าวว่า “ใครมีวิธีฝ่าหมอกควันนี้ไปได้บ้าง?”

มันเป็นธรรมดาที่เขาจะเป็นกังวลมาก เพราะถ้าเขาปล่อยให้พวกเขาจากไปและไม่ไล่ตามพวกเขา ไม่นายจากนี้ ชี่โหยวก็จะกลับมาอีกครั้ง เขารักคนของเขา เขาจึงไม่สามารถปล่อยให้สิ่งงั้นเกิดขึ้นได้ สิ่งที่เขาต้องการเห็นก็คือ ชีวิตที่เงียบสงบ และการปรับปรุงการเกษตรให้ดีขึ้น ดังนั้น การต่อสู้ระหว่างชนเผ่าจะต้องหยุดลง

เจ้าหน้าที่ต่างมองไปที่คนอื่นๆ เนื่องจากหมอกควันนี้ พวกเขาไม่สามารถหาทางแก้ได้

 

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด