[KotB] บทที่ 80: ดวงดาวแห่งความสมบูรณ์แบบ (5)
บทที่ 80: ดาวแห่งความสมบูรณ์แบบ (5)
<โทษสำหรับการแทรกแซง คุณสูญเสียครึ่งหนึ่งของออนซ์ที่มีในปัจจุบัน>
<เมื่อลีฟวิ่งอาร์เมอร์มาถึง คุณจะถูกคุมขังเป็นเวลา 3 วัน>
การเข้าแทรกแซงการต่อสู้ถือว่าขัดต่อกฎ
หากไม่มีการลงโทษใดๆเกิดขึ้น บนสังเวียนจะปราศจากการต่อสู้ที่ยุติธรรม
ดูเหมือนว่านี่เป็นโทษสถานเบาแล้วเนื่องเป็นการกระทำผิดครั้งแรก
อย่างไรก็ตามมันไม่สามารถช่วยได้
'หากต้องการมั่นใจในชัยชนะ ฉันต้องช่วยพวกเขา'
มูยองพบวิธีเอาชนะโอโลเนส
บัคและเพื่อนร่วมทีมคือกุญแจสำคัญในการชนะ
'วิธีการต่อสู้ พฤติกรรม ทุกสิ่งทุกอย่างของมันคล้ายกับฉัน '
ช่วยไม่ได้ที่มูยองต้องประหลาดใจเมื่อเห็นการต่อสู้รุนแรงขึ้น
หลายๆอย่างของโอโลเนสมีความคล้ายคลึงกับมูยองมาก โดยเฉพาะในแง่ของการต่อสู้
เขามีความรอบคอบ และสามารถค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุดในการโจมตี
นอกจากนั้นทั้งคู่ยังใช้ทักษะประเภทวิญญาณเหมือนกันอีกด้วย
‘น่าประหลาดใจจริงๆ’
ความรู้สึกต่างๆ ทักษะการตัดสินใจ ฯลฯ
มันคล้ายกับเขาได้อย่างไร!?
ยิ่งมองมันมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหมือนมองตัวเองในกระจกเงา
แต่ยังไงพลังโจมตีของโอโลเนสก็สูงกว่ามูยอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันใช้ "เนตรที่สาม" นั่นเป็นสิ่งที่มูยองต้องระมัดระวัง
อัตราส่วนการชนะมี 50%
ก่อนที่จะปรากฎเนตรที่สามโอกาสชนะของมูยองสูงกว่านี้ แต่ด้วยการมีอยู่ของมันสมดุลที่มีจึงเปลี่ยนไปจากเดิม
นั่นคือเหตุผลที่ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยจะมีผลต่อชัยชนะ
และเพื่อการณ์นั้น มูยองถึงต้องช่วยเหลือพวกของบัค
"โดเกบิทำไมแกถึงช่วยมนุษย์?"
โอโลเนสกัดฟัน ด้วยความโมโห
ดวงตาทั้งสามของมันถูกย้อมด้วยสีแดง มูยองพยายามอย่างสุดความสามารถในการขัดขวางการโจมตีนั้น
"เพื่อชัยชนะของฉัน"
มูยองไม่ได้ซ่อนความจริง
โอโลเนสก็เหมือนกันกับมูยอง
มันไม่สามารถเชื่อได้อย่างหมดใจ แต่ก็เป็นความจริง
นั่นเป็นเหตุผลที่เขารู้สึกว่า ไม่จำเป็นต้องซ่อนความตั้งใจที่แท้จริง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการโกหกต่อหน้าเนตรที่สามของโอโลเนส
"สถานที่สำหรับการต่อสู้ของเราไม่ได้อยู่ที่นี่"
"นั่นไม่ใช่สิ่งที่แกเป็นผู้ตัดสินใจ"
มูยองกระชับดาบแห่งความโกรธเกรี้ยว และดาบมารเทพไว้ในมือ
เขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าที่จะดำเนินการต่อ หากโอโลเนสไม่เต็มใจที่จะหยุดยั้ง
ขณะที่ทำเช่นนี้ เขาก็หันหน้าไปมองบัค
บัคเข้าใจความหมายนั้น และรีบลุกขึ้นไปช่วยเพื่อนนักรบของเขาโดยไม่ลืมเก็บแขนที่ปลิวขาดกลับมาด้วย จากนั้นก็ออกไปจากสังเวียนอย่างรวดเร็ว
"ขอบคุณ หนี้หนนี้ฉันจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน "
บัคและเพื่อนร่วมทีมของเขาหนีออกไปเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ไม่นานหลังจากนั้นลีฟวิ่งอาร์เมอร์นับสิบก็ปรากฏจากระยะไกล
ขณะหันไปมองพวกมัน โอเลเนสก็หันกลับมามองมูยองด้วยท่าทางกวนประสาท
"สมแล้วที่เป็นการเคลื่อนไหวของผู้ที่มีกลิ่นของ เกรโมรี่ "
คิ้วของมูยองขมวดขึ้นเมื่อได้ยินชื่อที่ไม่คาดคิด
เกรโมรี!
ผู้ถือครองที่นั่งลำดับ 56 ของ 72 เทพปีศาจ เทพธิดาปีศาจตนเดียวที่เป็นผู้ครอบครอง 26 กองทัพอสูร
และปัจจุบันมูยองมีคุณสมบัติที่จะเป็นราชาปีศาจตนที่ 27 ภายใต้เกรโมรี
โอโลเนสมองไปที่ดาบแห่งความโกรธเกรี้ยว หลังจากอ่านการแสดงออกของมูยอง
"ข้ารู้ว่านั่นเป็นดาบที่ดี ข้ายังรู้อีกว่าใครเป็นเจ้าของกลิ่นที่แกปล่อยออกมา ในฐานะที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนังคนทรยศนั่น การเข้าข้างมนุษย์ช่างเป็นวิธีที่เหมาะสมกับแกจริงๆ "
ทรยศ?
เขามองไม่เห็นความเคารพต่อเทพปีศาจในคำพูดนั้น
อย่างไรก็ตาม มูยองแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่รู้อะไรเลย
"ฉันไม่รู้ว่าแกพูดถึงเรื่องไร้สาระอะไรอยู่"
"แกเป็นคนแรกที่ข้าไม่สามารถอ่านความคิดด้วยตานี้ได้ แต่ไม่ว่าแกจะรู้จริงๆหรือไม่ ยังไงก็ตามชัดเจนว่าแกมีความสัมพันธ์กับนังสารเลวนั่น "
มันแสยะยิ้มจนเห็นไรฟัน
"พลังอันน้อยนิดของคนทรยศ แกได้เริ่มต้นการต่อสู้ที่ไม่มีวันชนะเข้าแล้ว ไม่ว่าจะมีคนที่พยายามดิ้นรนเหมือนแกสักกี่คนมันก็ไร้ประโยชน์ และเมื่อทุกอย่างถูกจัดการแล้ว มนุษย์ทุกคนที่แกปกป้องจะต้องตาย "
มูยองรู้สึกถูกกระตุ้นเล็กน้อยขณะที่มันพูด แต่เขาก็ยังสงบ
แม้ว่าจะรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่มันจะเป็นอันตรายหากเขาทำตัวเหมือนกับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากคำพูดของโอโลเนส
ในขณะที่มูยองยังคงไม่ตอบสนอง โอโลเนสหันร่างของเขากลับราวกับว่าหมดความสนใจ
"ยังไงก็ตาม ตราบใดที่แกยังมุ่งเป้าไปยังสถานที่ที่เซอเบอรัสปกป้องอยู่ ข้าทำเพื่อเกียรติของข้า ส่วนแกก็ทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง เราต่างกำลังตามหาไอเทมนั้น และนั่นจะเป็นสถานที่ที่เราจะใช้ต่อสู้กัน "
หลังจากนั้นโอโลเนสก็ทิ้งสังเวียนไว้ราวกับว่าเขาไม่รู้สึกติดค้างอะไร
ในขณะที่มูยองมองมันจากไป ลีฟวิ่งอาร์เมอร์กว่า 10 ตัวก็รุมล้อมมูยอง
ทุกอย่างถูกกั้นไว้ในกรงขัง
มันคับแคบมากจนยากที่จะหายใจ
เนื่องจากมันถูกสร้างมาจากวัสดุที่ไม่รู้จักจึงเป็นเรื่องยากที่จะทำลาย
ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ แต่เขาก็ไม่เห็นว่ามันจำเป็นต้องทำอย่างนั้น
'เมื่อทุกสิ่งถูกจัดการแล้ว เทพปีศาจจะเริ่มเคลื่อนไหว ไม่ว่ามันจะเกี่ยวข้องกับพลังของเกรโมรีหรือไม่? '
*
ไม่ว่าจะเป็นที่แคบและอึดอัดแค่ไหนก็ตาม มูยองก็ไม่ได้ถูกจำกัดได้ด้วยสถานที่
หากมอนสเตอร์ปกติถูกขังอยู่ในสถานที่เช่นนี้ พวกมันคงกลายเป็นบ้าหรือไม่ก็แสดงอาการทางจิต แต่มูยองได้เอาชนะสิ่งเหล่านั้นไปในอดีตแล้ว
ในทางกลับกันเขามีเวลาที่จะคิดถึงสิ่งต่างๆอย่างช้าๆ
'ในอก 10 ปี เมื่อภัยพิบัติครั้งใหญ่เริ่มขึ้นเทพปีศาจจะโจมตีเหล่ามนุษย์ อย่างไรก็ตามเทพปีศาจไม่ได้เข้าร่วมทั้งหมด เทพปีศาจเกรโมรีก็เป็นหนึ่งที่ไม่ได้เข้าร่วม'
เขายังไม่จำเป็นต้องคิดเรื่องของ 10 ปีข้างหน้า
เมื่อมนุษย์เข้ามาในอันเดอร์เวิล์ดครั้งแรก เทพปีศาจไม่ได้โจมตีพวกเขาอย่างจริงจัง
ส่วนใหญ่เป็นเพียงราชาปีศาจที่เคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตาม ถ้าสมมุติว่านั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเทพปีศาจไม่สามารถออกจากอาณาเขตของตนได้?
'มีความขัดแย้งภายในหรือไม่?'
ความขัดแย้งดังกล่าวเกิดขึ้นภายใน 10 ปี?
บางทีพวกมันเคลื่อนไหวหลังจากความขัดแย้งได้รับการแก้ไข ซึ่งนำไปสู่การเริ่มต้นของ 'ภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่'
หัวใจของมูยองเริ่มเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อย
'เทพปีศาจยังแบ่งเป็นฝ่ายต่างๆ ... '
ไม่มีใครรู้ แน่นอน พวกเขาไม่ทราบ
ไม่มีทางที่มนุษย์จะรู้ว่าปัญหาในกลุ่มเทพปีศาจได้รับการแก้ไขก่อนที่พวกมันจะเริ่มเคลื่อนไหว
เขาไม่แน่ใจ อย่างไรก็ตามความเป็นไปได้ทั้งหมดต้องถูกเฉลย
'ฉันต้องถามโอโลเนสโดยตรง'
มูยองพยักหน้า
เขามั่นใจว่าสามารถถามโอโลเนสได้หลังจากได้รับชัยชนะ
มูยองรู้วิธีหาสิ่งของที่จำเป็นต่อการเข้าไปยังประตูที่เซอเบอรัสกำลังปกป้องอยู่
มูยองนั่งอย่างสงบ
เขานิ่งเงียบและจดจ่อกับการวาดภาพในใจ
‘การเคลื่อนไหวร่างกายไม่ใช่ทางเดียวในการฝึกฝน’
จินตนาการมักเหนือล้ำกว่าความเป็นจริง
มูยองเตรียมพร้อมการเคลื่อนไหวทั้งหมดขณะที่เขาต่อสู้กับโอโลเนสในใจของเขา
*
หลังจากนั้น 3 วันเขาก็จับคู่การต่อสู้ทันทีที่ออกจากห้องขัง
<การต่อสู้ระหว่าง โดเกบิมูยอง กับ อาร์คโทรล กำลังจะเริ่ม>
มูยองวอร์มอัพก่อนจะมุ่งหน้าไปยังสังเวียน
"ขอบคุณ"
ระหว่างทางบัคกำลังรอเขาอยู่
เขาอยู่กับเพื่อนของเขาและทุกคนก็ลดศีรษะลง
พวกเขาดูสิ้นหวังและอับอาย แต่มันเป็นความจริงที่พวกเขาได้รับความช่วยเหลือจากมูยอง
พวกเขาไม่รู้จะทำตัวยังไง จึงได้แต่ลดศีรษะลง
จริงๆแล้วมูยองไม่ได้ช่วยพวกเขาเพื่อให้ได้รับคำขอบคุณ
เขาช่วยเพราะต้องการบางอย่าง
"ราคาสำหรับการประมาทคือความตาย ครั้งนี้ถือว่านายยังโชคดี "
"…พวกเรารู้ ถ้าไม่ใช่เพราะนาย เราคงตายกันหมด "
พลั่ก
ในขณะที่บัคตบไหล่เพื่อนสนิทของเขา พวกนั้นก็รีบกล่าวคำขอบคุณมูยอง
นักรบที่แบกโล่ขนาดใหญ่ที่แขนซ้ายถูกตัดขาดมีสีหน้าซีดเซียว
แม้ว่าพวกเขาจะมีพรของนักบวช แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลสักเท่าไหร่
นี่เป็นเพราะพลังปีศาจของโอโลเนสมีระดับสูงกว่า
อย่างไรก็ตามพวกเขารู้สึกถึงอะไรที่มากกว่าความเจ็บปวดหรือการพ่ายแพ้
"นายต้องการแก้แค้นเหรอ?"
รูม่านตาของบัคขยายตัวขึ้น
เขาเข้าใจพอสังเขปว่ามูยองอยากจะพูดอะไร
"นายจะทำงานร่วมกับเราใช่มั้ย... "
"ไม่ผมจะสู้คนเดียว แต่ผมจะให้โอกาสคุณ "
อย่างไรก็ตามมูยองส่ายหัว
แทนคำพูดเขาหยิบยันต์มาจากด้านข้าง และหลังจากที่ยันต์ถูกสะบัด อันเดธ 2 ตนก็ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
นักรบสุริยันอันธการในชุดเกราะเต็มตัว และไฮเดกเกอร์ที่ยืนแข็งทื่อคุกเข่าลง
“อันเดธ!”
เชร้ง!
ทุกคนตื่นตัวในขณะที่อันเดธปรากฏตัวขึ้น
พวกเขาถืออาวุธและเตรียมตัวต่อสู้
เนื่องจากเป็นมนุษย์สิ่งมีชีวิต ดังนั้นนี่จึงเป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติ
มูยองพูดอย่างใจเย็น
"เสริมความแข็งแกร่งของทั้งสองโดยใช้ พรแห่งหมอก และภาษาวิญญาณ คุณรู้วิธีการใช้ 'พรบัญชาการ' ใช่มั้ย? "
พรบัญชาการเป็นพรระดับสูง
พลังที่ทำให้เกิดการสะท้อนกลับที่รุนแรงต่อต้านเหล่าภูติผีและอันเดธ
นักบวชส่ายหัว
"ด้วยทักษะของผม มันเป็นไปไม่ได้"
พรบัญชาการเป็นพรที่สามารถใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีนักบวช 2-3 คนรวมพลังกัน
มันไม่สามารถทำได้เพียงตัวคนเดียว หากคุณไม่ใช่นักบวชชั้นสูง
มูยองหัวเราะเบา ๆ
"คุณน่าจะใช้มันร่วมกับภาษาวิญญาณของบัคได้ ภาษาวิญญาณของเขาดูเหมือนจะแตกต่างจากปกติ พลังอำนาจที่แข็งแกร่ง ผมรู้สึกได้ถึงพลังของดราเคน "
"นายรู้ได้ยังไง?"
ดวงตาของบัคเบิกกว้างขึ้น
ดราเคนเป็นลูกครึ่งมังกร ดราเคนเกิดจากมังกรและอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ใช้ภาษาของมังกร
พวกมันปรับปรุงระดับภาษาจิตวิญญาณจนเหนือกว่าปกติ
ตอนแรกเขาก็ไม่รู้หรอก
มันเป็นข้อเท็จจริงที่เขาค้นพบหลังจากพลังความบริสุทธิ์ถูกปลุกขึ้น
ถ้าไม่ได้ค้นพบสิ่งนี้ มูยองคงไม่ช่วยพวกเขา
"แม้แต่ชื่อของคุณ บัค ก็เป็นเรื่องโกหก เนื่องจากภาษามังกรมีความแข็งแกรง่มากจนผู้ใช้จำเป็นต้องซ่อนชื่อจริง ความแตกต่างที่ผมรู้สึกตลอดเป็นเพราะเรื่องนี้ "
ริมฝีปากของมูยองค่อยๆขยับขึ้นช้าๆ
ตั้งแต่ได้ยินชื่อตอนครั้งแรกที่ได้พบกัน มูยองก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ
ผู้ใช้ภาษาวิญญาณส่วนใหญ่มีชื่อเสียง แต่แปลกที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อของบัคมาก่อน
อย่างไรก็ตามหากเป็นผู้ใช้ภาษามังกรเรื่องราวย่อมต่างออกไป
การแสดงออกของบัคดูประหลาดใจมาก ราวกับว่าดวงวิญญาณของเขาค่อยๆไหลออกมาจากร่าง
"คุณยังจะบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่ไหม?"
ด้วยพลังของภาษามังกรมันก็เป็นไปได้สำหรับการช่วยเสริมคำอธิษฐานของนักบวช
นักบวชจะสามารถสร้างพลังได้ในระดับที่แข็งแกร่งกว่าเดิม
ไม่นานบัคก็ต้องยอมจำนน
"มัน ... เป็นไปได้ อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราจะใช้พรบัญชาการได้ แต่มันก็ไม่ส่งผลดีอันใดกับอันเดธ "
"ยังไม่ใช่สำหรับตอนนี้"
มูยองหันศีรษะและมองไปที่สังเวียน
มอนสเตอร์สีขาวตัวหนึ่งที่เรียกว่า อาร์ค โทรล์ กำลังรอเขาอยู่
อาร์ค หมายความว่ามันมีคุณสมบัติความต้านทานความมืดและแสงสว่างสูง และถ้าเขาปลูกถ่ายหัวใจของมันลงในตัวไฮเดกเกอร์ก็จะสามารถรับผลของพรบัญชาการได้
ส่วนนักรบสุริยันอันธการมีค่าความต้านทานต่อแสงที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว
เหนือสิ่งอื่นใด ตอนนี้มูยองคงปราศจากความลังเลใจที่จะใช้พลังแห่งเปลวไฟที่ถูกเพิ่มเข้ามาแล้ว
“รอฉันก่อนเถอะ”
มูยองเดินขึ้นไปบนสังเวียน
ดวงตาของเขาส่องประกาย
'ฉันรู้ว่าเราเหมือนกัน ดังนั้นมันไม่มีประโยชน์ที่จะซ่อนอะไรไว้'
เนตรที่สามของโอโลเนสครอบครองทักษะในการทำความเข้าใจความแข็งแกร่งทั้งหมดของศัตรู
มูยองเองก็เข้าใจถึงพลังที่แท้จริงของโอโลเนส
เนื่องจากมันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะซ่อน ดังนั้นเขาจะพยายามทุกอย่างสุดความสามารถ
พรึ่บบบบ!
ปีกแห่งเปลวเพลิงลุกขึ้นจากหลังของมูยอง
เสียงเรียกของเปลวเพลิง!
เป็นทักษะของพลทหารหอกเพลิงซึ่งมูยองได้มันมาจากการใช้ทักษะอุทิศจิตวิญญาณ
อย่างไรก็ตามเปลวไฟนั้นรุนแรงยิ่งกว่าตอนที่พลทหารหอกเพลิงใช้
' รวดเร็วและขาดลอย '
ถ้าก่อนหน้านี้เป็นการอุ่นเครื่อง ตอนนี้เขาก็เปรียบเสมือนพายุไต้ฝุ่นที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่ขัดขวางเส้นทางของเขา
ถ้ามันไร้ประโยชน์ที่จะซ่อนพลังจากโอโลเนส เขาก็จะทำให้มันต้องตื่นตัวจากการแสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริง
ในขณะที่โอโลเนสมัวแต่พะวงกับมูยองทำให้มองทุกอย่างแคบลง แต่มูยองกลับรู้วิธีต่อสู้ที่หลากหลายกว่า
ความแตกต่างเล็กๆแต่สำคัญเหล่านี้จะเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น