TXV – 122 หญิงสาวผู้ร่าเริง
TXV – 122 หญิงสาวผู้ร่าเริง
เซี่ยเหล่ยเปิดประตูเข้ามาพบหลงบิงกำลังนั่งดูทีวีที่ห้องนั่งเล่น
“กลับมาดึกเชียวนะ” หลงบิงหันมามองเซี่ยเหล่ย
“เพื่อนร่วมงานชวนไปดื่ม ผมจึงกลับช้า” เซี่ยเหล่ยเริ่มพูดถึงประเด็นที่อเลน่าไปขัดใจสมาชิกแก๊งค์อันธพาล
เซี่ยเหล่ยเล่าว่าเขาได้ช่วยอเลน่าไว้จากแก๊งอันธพาล หลงบิงขมวดคิ้วใส่ก่อนตะคอกว่า “คุณทำอะไรทำไมไม่ทันคิดให้ดีก่อน !”
เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเก้ๆกังๆ “ผมรู้ว่ามันจะทำให้เป็นที่สนใจ แต่ถ้าผมไม่ช่วยเธอไว้ เธออาจจะโดนจับไปขายตัวที่ซ่อง มันจะทำลายเธอไปทั้งชีวิต เรื่องแบบนี้ผมปล่อยผ่านไม่ได้จริงๆ”
“ฉันเข้าใจว่าคุณหวังดี แต่ภารกิจที่เรากำลังทำมันสำคัญกว่า”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “ผมจะไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก”
“นี่เธอมาส่งคุณหรือเปล่า”
“ตอนแรกเธออยากจะมาส่ง แต่ผมก็บอกไปว่าอยู่ไกล เธอเลยส่งผมถึงแค่สถานีรถไฟใต้ดิน”
“จริงหรอ ?” หลงบิงนิ่งสักพักแล้วถามต่อ “คุณแน่ใจนะว่าพวกวัยรุ่นพวกนั้นไม่เห็นหน้าคุณ”
“ผมแน่ใจ ผมรีบจัดการภายในสองนาทีแล้วรีบวิ่งอ้อมบาร์ไปหลบที่ห้องน้ำ อเลน่ากลับมาโดยไม่ทันเห็นว่าผมช่วยเธอ” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“ก็ดีแล้ว วันนี้คุณมีอะไรคืบหน้าบ้าง”
เซี่ยเหล่ยยิ้มให้หลงบิงพร้อมกับพูดว่า “รีบจังนะ ก็ครูซสั่งให้ผมไปเป็นผู้ช่วยอเลน่า และผมก็ช่วยซ่อมมอเตอร์ไซค์ของเธอ แล้วในห้องเก็บของเครื่องจักรที่ล้ำหน้ามาก ผมพยายามเข้าใจมันนะ แต่ก็ยังไม่เข้าใจทั้งหมด”
หลงบิงกล่าวต่อว่า “หาโอกาสแยกส่วนมันซะ”
“แยกส่วนมันหรือ?” เซี่ยเหล่ยมีสีหน้าตกใจ
“ถ้าคุณไม่แยกส่วนมัน แล้วจะเข้าใจโครงสร้างภายในได้ยังไงล่ะ” หลงบิงพูด
เซี่ยเหล่ยหยุดคิดสักครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า ความสามารถมองทะลุของตาซ้ายของเขาแค่มองเครื่องจักรก็เห็นถึงโครงสร้างภายในหมดแล้ว
“เอาล่ะ ถึงเวลานอนแล้ว !” หลงบิงปิดทีวี
เสียงของเธออ่อนนุ่มชวนง่วงดูเหมือนคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันจะชวนกันไปนอนในห้องอย่างอบอุ่น
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว
หลงบิงขยับตัวมายืนข้างเซี่ยเหล่ย เธอดมเสื้อเขาเล็กน้อยก็ทำหน้าบึ้ง “กลิ่นอะไรเนี่ย”
“กลิ่นขยะ… ผมไปหลบอยู่หลังถังขยะตลอดเวลาเลย” เซี่ยเหล่ยตอบแบบเขินอาย
“ไปล้างตัวไป ฉันไม่อยากดมแบบกลิ่นนี้บนตัวคุณทั้งคืน !” หลงบิงกล่าว
ประโยคนี้ทำให้เซี่ยเหล่ยจินตนาการไปถึงมือท่าทางรูปกรรไกรของหลงบิง ถึงจะนอนด้วยกัน เขาก็ไม่กล้าแตะตัวเธอ เขาก็เป็นผู้ชายคนนึงนะ จะคิดอะไรเลยเถิดก็เป็นเรื่องปกติ
“ไปเร็วๆไป” หลงบิงผลักเซี่ยเหล่ยเบาๆ
เซี่ยเหล่ยเดินๆปห้องน้ำในใจคิดว่ามันต้องมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับร่างกายเขาแน่ๆ
หลังจากอาบน้ำ เซี่ยเหล่ยกลับเข้าห้องนอนไปปรึกษาหลงบิงเรื่องโปรแกรมควบคุมเชิงตัวเลขที่สามารถควบคุมเครื่องจักรที่เขาเซฟในหัวของเขา ซึ่งเขาพยายามเข้าใจมันเพิ่มเติม เขาคิดว่าเจอซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องจักรเหล่านั้นแล้วแต่มันยังไม่ใช่อยู่ดี จากนั้นเขาเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับวงจรภายในและการประมวลผลของเครื่องจักรประสิทธิภาพสูงเพิ่มขึ้นไปอีก
ถึงเซี่ยเหล่ยจะจดจำทุกอย่างได้ทันทีแต่การเข้าใจความรู้นี้มันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เขาใช้เวลาศึกษาทั้งหมดเป็นระยะเวลาสองชั่วโมงแต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะเช้าใจกลไกการทำงานของเครื่องจักรทั้งหมดได้
“พรุ่งนี้เราจะแยกย่อยรายละเอียดข้อมูลอีกที” เซี่ยเหล่ยบิดขี้เกียจแล้วกลับห้องนอน
หลงบิงนอนหลับตาพริ้ม หายใจช้าๆ อากาศคืนนี้ร้อนมากเธอจึงไม่ใช้ผ้าห่ม ขาเว้าสูงใต้กระโปรงช่างเย้าย้วนใจเซี่ยเหล่ยยิ่งนัก.........
เซี่ยเหล่ยคลานขึ้นเตียงเงียบๆแล้วนอนนิ่งๆโดยไม่กล้าไม่ขยับตัว
หลงบิงพลิกตัวมาทางเขาพอดี ขาเรียวยาวขยับทับน่องของเซี่ยเหล่ย กระโปรงเธอเผยให้เห็นต้นขานวลขาวและกางเกงในลูกไม้สีม่วง กลิ่นน้ำหอมเธอก็ยิ่งช่วยปลุกเร้าอารมณ์เพิ่มไปอีก
เซี่ยเหล่ยอยากจะขยับขาของเธอออกไป แต่เมื่อเขากำลังเอื้อมมือ เขาเห็นปืนพกสีดำอยู่ในซองอาวุธบนต้นขาหลงบิง ใกล้กับกางเกงในสีม่วง !
ถ้าเราจะขยับขาเธออกก็ต้องจับน่องของเธอยกสูงขึ้น แล้วถ้าปืนมันบังเอิญลั่นล่ะ ?
ปล่อยเลยตามเลยละกัน เซี่ยเหล่ยพยายามอดทนกับขาที่ก่ายบนตัวเขา ผ่านไปไม่กี่นาทีเขาเริ่มผ่อนคลายขึ้นแต่ทันใดนั้นเข่าของหลงบิงก็ขยับมาโดนกับจุดอ่อนไหวของเขา !
ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยตัวเกร็ง เหงื่อตก เริ่มสติแตกซ่าน !
หลงบิงหลับลึกจริงๆแต่ขาของเธอก็อยู่คาบนตัวเขาอยู่ในตอนนี้
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วแล้วเขาคิดในใจว่า “ชีวิตเรามันช่างซวยจริงๆ นี่มันก็ช่างทรมานสำหรับเรา”
เซี่ยเหล่ยไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน แล้วก็ไม่รู้ว่าหลงบิงลุกออกจากเตียงไปตั้งแต่เมื่อไหร่ เขารู้สึกไม่สบายตัวเลยเหมือนนักมวยจะไปแข่งขันแต่ก็ไม่มีพลังจนแทบอยากจะล้มมวย
เช้าวันต่อมาเซี่ยเหล่ยมาถึงที่ทำงานก่อนเวลา 30 นาที เขาไม่เจอกับใครเลย ที่นี่เงียบสงัดราวกับว่าเป็นโรงงานร้าง
สายตาของเซี่ยเหล่ยหันไปมองเครื่องจักรขนาดใหญ่ในห้องซึ่งโครงสร้างซับซ้อนหลายส่วน เขาคิดจะไปตรวจสอบใกล้ๆแต่เห็นว่ามีกล้องวงจรปิดติดที่กำแพงเลยล้มเลิกความคิดนี้ไป
เหตุผลที่เซี่ยเหล่ยมาก่อนเวลาเพราะจะไปหาอุกรณ์ในห้องแล็บค้นคว้าเพิ่มอีกแต่เมื่อไม่มีใครในห้องก็เป็นโอกาสดีในการบุกเข้าไปแต่ก็เสี่ยงที่จะโดยระบุตัวได้โดยง่ายเช่นกัน
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปใกล้เครื่องจักรอย่างช้าลงเรื่อยๆ เขาใช้ความสามารถมองไกลและมองทะลุพร้อมกันเพื่อศึกษาโครงสร้างภายในเครื่องจักร แต่วิธีนี้เขาจะต้องใช้พลังงานเยอะในการใช้ความสามารถทั้ง 2อย่างนี้พร้อมกัน มันเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดและไม่มีใครสามารถจับพิรุธของเขาได้
เซี่ยเหล่ยเดินผ่านแถวเครื่องจักรทั้งหลาย เขาหันมองไปทุกทิศทาง เพราะตอนนี้มันเสี่ยงโดนจับได้ง่ายมาก เขาเริ่มติดนิสัยหวาดระแวงมาจากหลงบิง เธอชอบคอยสังเกตรายละเอียดเล็กๆน้อยๆรอบตัวตลอดเวลา
เขามาถึงห้องทำงานอเลน่าซึ่งเธอยังมาไม่ถึง ห้องนี้ไม่ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด เขาจึงใช้สายตาส่องดูแผงวงจรไฟฟ้าและจดจำข้อมูลทั้งหมด
หลังจากนั้นห้านาที อเลน่าเดินเข้ามาพร้อมเสื้อยืดรัดรูปสีดำ กางเกงขาสั้นแนวคาวบอย
“สวัสดียามเช้า ลูคัส” อเลน่าพูดจาเย้ายวน เซี่ยเหล่ยยิ้มกลับไป
“สวัสดีครับ คุณอเลน่า”
“ไม่ต้องสุภาพหรอก เรียกอเลน่าเฉยๆก็พอ” อเลน่าพูด
“ฉันยังไม่เรียกลูคัสว่าคุณเลย ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอ เพื่อนเค้าไม่ถือตัวกันนะ”
เธอเป็นคนร่าเริง ใครๆเห็นก็รู้ตั้งแต่แรกเจอ
เซี่ยเหล่ยมีใบหน้ายิ้มแย้มขณะที่คุยกับเธอ “ได้ครับ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เป็นเพื่อนกับคุณ”
“ฉันเปลี่ยนเป็นชุดทำงานก่อนนะ” อเลน่าเปิดตู้เสื้อผ้าอย่างไม่สนใจเซี่ยเหล่ย เธอถอดเสื้อและกางเกงออก เหลือแต่ชุดชั้นในบิกินี่สีดำ
ถึงอเลน่าจะสวมชุดชั้นในอยู่ เซี่ยเหล่ยก็เขินอายหันหน้าหนีทันที
อเลน่าทำตัวเป็นธรรมชาติ เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเธอก็พาเซี่ยเหล่ยไปซ่อมเครื่องจักรที่ชำรุดต่อ เซี่ยเหล่ยนึกถึงแผงวงจรที่เขาจำเมื่อสักครู่มาประยุกต์ใช้กับสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ !
วิธีการเรียนทางลัดแบบนี้มีแค่เซี่ยเหล่ยเท่านั้นที่ทำได้
“ลูคัส จำได้ไหมที่ฉันเล่าว่ามีคนช่วยฉันไว้” อเลน่าพูดแทรกขึ้นมาเพื่อไม่ให้บรรยากาศในห้องอึดอัด
เซี่ยเหล่ยดึงสติกลับมาตอบว่า “ผมจำได้ คุณบอกว่าเขาเก่งมากๆเลยใช่มั้ยล่ะ !”
อเลน่ามองเซี่ยเหล่ยด้วยสายตาแปลกๆ “ตอนฉันเห็นการต่อสู้ของเขา ฉันคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนจีน คุณคิดเหมือนกันมั้ย ?”
เซี่ยเหล่บตอบกลับไปว่า “วิธีการต่อสู้แบบกังฟูอาจจะไม่ใช่คนจีนก็ได้ มันยากที่จะบอกนะ คนที่ช่วยคุณอาจจะเป็นคนญี่ปุ่นหรือเกาหลีใต้ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนจีนหนิ”
“หรือว่า...” อเลน่าพูดต่อ “ถ้าเป็นคุณล่ะ ? ลูคัส”
เซี่ยเหล่ยรู้สึกกังวลใจแต่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “ผมน่ะหรือ? ฮ่าๆ ถ้าผมเป็นเขา ผมคงรีบไปช่วยคุณ ผมมัวแต่อยุ่ในห้องน้ำเลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ผมรู้สึกผิดจริงๆที่ไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้เลย”
อเลน่าเบ้ปากเหมือนว่าจะไม่พอใจในคำตอบของเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยเบือนหน้าหนี เขารู้อยู่แก่ใจว่าเธอกำลังลองใจเขาหรือแกล้งหลอกถามเขาว่าจริงๆแล้วคนที่ช่วยคือเซี่ยเหล่ยนั่นเอง
ทันใดนั้นมีชายหนุ่มเดินเข้ามาป่าวประกาศว่า “อเลน่า วันนี้เป็นวันเกิดผม มีงานปาร์ตี้บาร์บีคิวที่บ้านผมตอนหนึ่งทุ่ม มาด้วยนะ”
อเลน่าเงยหน้าสบตา “สุขสันต์วันเกิดนะโจเซฟ ฉันไม่พลาดงานนี้แน่นอน”
ชายหนุ่มชื่อโจเซฟหันมองเซี่ยเหล่ยเหมือนเป็นส่วนเกินแล้วเดินออกไป..........
อเลน่าแอบกระซิบว่า “เขาเป็นวิศกรไฟฟ้าที่โรงงานสาขานี้ เขาไม่น่าเสียมารยาทกับคุณเลย อันที่จริงเขาน่าจะชวนคุณด้วยนะ”
“ผมไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่แปลกหรอกที่เขาจะไม่ชวนผม” เซี่ยเหล่ยพูดแต่ในใจก็คิดว่า ‘เขาเป็นวิศกรไฟฟ้าน่าจะมีแบบแปลนของอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมด เราต้องไปศึกษาจากเขาคนนี้ให้ได้เพื่อภารกิจของพวกเรา !’
เซี่ยเหล่ยจำชื่อชายที่ชื่อว่า ‘โจเซฟ’ ไว้ขึ้นใจ.......
ติดตามตอนต่อไป.........