ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 151 ปีศาจเลือดเย็น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 153 มนุษย์ป้า

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 152 ก้าวเข้าสู่ระดับสาม


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 152 ก้าวเข้าสู่ระดับสาม

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ร่างของเหยาลี่จึงถูกกัดกินจนแทบหมดสิ้น

หมีดำไม่เต็มใจกินลำไส้กับสมองของเด็กหญิง แต่ฟางหยวนไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น

ตามวิธีการหลอมสร้างวิญญาณงานฝังศพอสูร สัตว์ป่าต้องกัดกินร่างมนุษย์ให้มากที่สุดจึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น

เพื่อการหลอมสร้างมัน ฟางหยวนต้องใช้ส่วนผสมถึงสิบชนิด

แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือมนุษย์และสัตว์ป่า

มนุษย์ต้องเป็นหญิงพรหมจรรย์และเป็นผู้ใช้วิญญาณที่มีพรสวรรค์นภาที่สามเป็นอย่างน้อย แต่แน่นอนว่ายิ่งพรสวรรค์สูงเท่าใด โอกาสประสบความสำเร็จก็จะสูงขึ้นเท่านั้น

สัตว์ป่าสามารถพึ่งพาวิญญาณผู้พิทักษ์หมี วิญญาณผู้พิทักษ์หมาป่า วิญญาณผู้พิทักษ์เสือ ไปจนถึงวิญญาณผู้พิทักษ์กระทิง หรือวิญญาณผู้พิทักษ์กวาง พวกมันล้วนใช้งานได้ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามหมี เสือ หรือหมาป่ามักชื่นชอบเนื้อมนุษย์มากกว่ากวางหรือกระทิง แต่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าชนิดใด วิญญาณผู้พิทักษ์ยังสามารถบังคับให้พวกมันกลืนกินเนื้อมนุษย์

หลังจากสัตว์ป่ากัดกินเนื้อมนุษย์เรียบร้อยแล้วจะต้องทำการหลอมสร้างวิญญาณทันที

แม้หมีดำจะไม่ต้องการกินลำไส้กับสมอง แต่ด้วยความตั้งใจของฟางหยวน มันจึงต้องเขมือบเศษซากเหล่านั้นลงท้องไปอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่กระดูก มันยังต้องแทะเล็มเข้าไปจนหมด

เมื่อเห็นหมีดำยัดชิ้นส่วนกระดูกสันหลังชิ้นสุดท้ายเข้าปาก ฟางหยวนรู้ว่าเวลามาถึงแล้ว

เขาสะบัดมือส่งวิญญาณถ่านหินออกไป

วิญญาณพุ่งเข้าปากหมีดำก่อนที่มันจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อวิญญาณถ่านหินเริ่มเผาผลาญอวัยวะภายในของมัน

ร่างของหมีดำเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขณะที่มันล้มลงกลิ้งตัวไปมาอยู่บนพื้น

สิบห้านาทีหลังจากนั้น ฟางหยวนจึงส่งวิญญาณน้ำกรดสามดวงออกมาอีกครั้ง

วิญญาณน้ำกรดเป็นวิญญาณระดับหนึ่ง เมื่อมันเข้าไปในท้องของหมีดำ มันจึงระเบิดน้ำกรดออกมาเพื่อพลังทำลายล้างอวัยวะภายในของหมีดำมากขึ้นไปอีก

หมีดำกรีดร้องออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง ขณะที่ฟางหยวนยังโยนวิญญาณอีกหลายตัวเพิ่มเข้าไปในร่างกายของมัน

วิญญาณทั้งหมดถูกแลกมาด้วยคะแนนผลงานของฟางหยวน

ครู่ต่อมาหมีดำจึงเอนกายนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างไม่ไหวติง จากนั้นประกายไฟเล็กๆจึงเล็ดลอดออกมาจากหู ตา จมูก ปาก และค่อยๆหุ่มคลุมร่างกายของมันเอาไว้ทั้งหมด

ถ้ำสว่างขึ้นด้วยเปลวเพลิงสายนี้

แต่มันไม่ใช่ไฟปกติเพราะมันเป็นไฟสีเลือดที่น่าขนลุก

ฟางหยวนรอให้กองไฟเริ่มดับมอดก่อนจะโยนวิญญาณดวงสุดท้ายเข้าไป

มันเป็นวิญญาณพิษระดับสอง

การโยนมันเข้าไปทำให้กองไฟปะทุขึ้นอีกครั้ง จากนั้นดวงไฟสีขาวขนาดเท่ากำปั้นจึงค่อยๆลอยขึ้นมา

ฟางหยวนเริ่มโยนหินวิญญาณเข้าไปอย่างต่อเนื่องเป็นเหตุให้ดวงไฟขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากโยนหินวิญญาณเข้าไปครบหนึ่งพันก้อน ดวงไฟจึงเริ่มหดเล็กลงอย่างกะทันหัน

"ฟุบ!"

ไฟบนซากศพหมีดำดับลงทันทีทำให้ถ้ำกลับสู่ความมืดอีกครั้งขณะที่วิญญาณดวงหนึ่งลอยเข้ามาหาฟางหยวน

มันเป็นวิญญาณระดับสาม วิญญาณงานฝังศพอสูร!

มันอยู่ในรูปลักษณ์ของแมงมุมสีดำขนยาว แต่มีหัวเป็นหมี บนแผ่นหลังของมันยังมีรอยสักสีเลือดวาดเป็นโครงสร้างใบหน้าของหญิงสาว

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือใบหน้าของเหยาลี่!

ใบหน้าของเธอไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่ากำลังยิ้มหรือร้องไห้ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับจ้องมองมายังฟางหยวนด้วยความเกลียดชังอย่างที่สุด

ฟางหยวนหัวเราะ เขาไม่แยแสมันแม้แต่น้อย

ความตายคือจุดจบของทั้งหมด หรือแม้เธอจะยังมีชีวิต แล้วเธอจะสามารถทำสิ่งใดเขาได้? โดยเฉพาะเมื่อเธอตายไปแล้ว

เขาเปิดปากกลืนแมงมุมที่น่าเกลียดน่ากลัวตัวนั้นเข้าไปอย่างไม่ลังเล

วิญญาณงานฝังศพอสูรเคลื่อนที่ผ่านลำคอไปถึงหลอดอาหารก่อนจะเปลี่ยนเป็นมวลน้ำสีดำแดงไหลลงสู่ทะเลวิญญาณของเขาโดยตรง

เมื่อมันไหลเข้าไปรวมกับทะเลวิญญาณสีแดงของเขา มันจึงเปลี่ยนมวลน้ำให้กลายเป็นสีแดงคล้ำที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด

เพียงหนึ่งความคิด ทะเลวิญญาณระเบิดคลื่นยักษ์พุ่งเข้าปะทะกำแพงคริสตัลอย่างต่อเนื่อง

สิบ ยี่สิบ สามสิบ เมื่อทะเลวิญญาณถูกใช้ไปสามสิบแปดส่วน กำแพงคริสตัลจึงแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในที่สุด

สิ่งที่เกิดขึ้นแทนที่ก็คือกำแพงแสงทรงกลม ในเวลาเดียวกันฟางหยวนก็ก้าวขึ้นสู่ระดับสามทันที

แต่ฟางหยวนยังไม่สามารถผ่อนคลาย ตรงข้ามเขาพยายามบังคับให้มวลน้ำสีแดงคล้ำออกจากร่างกาย

มวลน้ำชนิดนี้ไม่สามารถใช้งานได้ นอกจากนั้นยิ่งมันอยู่ในทะเลวิญญาณของเขานานเท่าใด มันก็จะทำลายวิญญาณ กำแพงวิญญาณ รวมถึงพรสวรรค์ของเขามากขึ้นเท่านั้น

หลังจากขับไล่มวลน้ำสีแดงออกไปจนหมด ฟางหยวนเร่งคว้าหินวิญญาณและเริ่มฟื้นฟูพลังวิญญาณของตนเอง

หมอกสีขาวปรากฏขึ้นก่อนจะค่อยๆกลั่นตัวเป็นมวลน้ำสีขาวประกายเงินอยู่ในทะเลวิญญาณของเขา

สำหรับผู้ใช้วิญญาณ ทะเลวิญญาณระดับหนึ่งคือสีครามประกายทองแดง ทะเลวิญญาณระดับสองคือสีทองแดง และทะเลวิญญาณระดับสามคือสีเงิน

อย่างไรก็ตามทะเลวิญญาณของฟางหยวนในเวลานี้ยังไม่บริสุทธิ์ เพราะมันยังมีสีแดงคล้ำปนอยู่เล็กน้อย นี่คือผลกระทบจากวิญญาณงานฝังศพอสูร แต่ฟางหยวนไม่แปลกใจ ตรงข้ามเขายังสงบนิ่งและค่อยๆระบายมวลน้ำสีเงินปนแดงออกไปจากทะเลวิญญาณของตนอีกครั้ง

หลังจากทำซ้ำขั้นตอนดังกล่าวอยู่หลายครั้ง มันแทบมองไม่เห็นสีแดงอีกต่อไป ขณะที่ฟางหยวนไม่สามารถขับไล่มันออกไปได้อีก

นี่คือผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากการใช้งานวิญญาณงานฝังศพอสูร

วิญญาณงานฝังศพอสูรจะทำให้ผู้ใช้วิญญาณระดับสองขั้นสุดยอดที่ไร้ความหวังให้ก้าวเข้าสู่ระดับสามได้ทันที มันเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตครั้งใหญ่ ดังนั้นมันจึงช่วยไม่ได้ที่จะมีข้อบกพร่องบางประการเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามมันสามารถถูกกำจัดออกไปได้โดยวิญญาณวารีพิสุทธิ์

วิญญาณวารีพิสุทธิ์ปรากฏขึ้นครั้งหนึ่งในคฤหาสน์วิญญาณถ้ำสามดารา แต่มันถูกซื้อไปโดยคนสกุลซื่อ

ดังนั้นในช่วงเวลานี้ ฟางหยวนจึงไม่สามารถทำสิ่งใดกับมัน

"พวกโง่ไร้ประโยชน์! พวกเจ้าทำสิ่งใดอยู่? เหตุใดจึงไม่สามารถค้นหาคนเพียงคนเดียว?" ในห้องโถงพยาบาล เหยาจี้กรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ กระทั่งม่านหน้าต่างยังถึงกับสั่นสะเทือน

ในหัวใจของเธอเต็มไปด้วยความกังวล ตกใจ และโกรธเคือง

สามวันสามคืนผ่านไป หมาป่าสายฟ้าคลั่งถูกสังหาร สถานการณ์จึงกลับคืนสู่สภาวะปกติ แต่หลานสาวเพียงคนเดียวของเธอ เหยาลี่ กลับหายสาบสูญ

แม้เหยาจี้จะใช้สายสัมพันธ์ทั้งหมดของเธอระดมกองกำลังออกค้นหาในสนามรบและรอบๆหมู่บ้าน แต่มันกลับปราศจากร่องรอยอย่างสิ้นเชิง

บางคนบอกว่าเห็นเหยาลี่ครั้งสุดท้ายในสนามรบ เวลานั้นเหยาลี่ตกอยู่ในวงล้อมหมาป่าและพยายามหลบหนี

เรื่องนี้ทำให้ไม่สามารถมองโลกในแง่ดีเพราะมีความเป็นไปได้ว่าเธอจะถูกกัดกินโดยหมาป่าบางตัว

แต่เหยาลี่ยังไม่พอใจ เธอไม่สามารถยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี้ได้

หากเป็นเด็กสาวคนอื่น เธอจะไม่รู้สึกสิ่งใด แต่นี่คือหลานสาวที่สืบทอดสายเลือดมาจากเธอ คนที่เธอชุบเลี้ยงขึ้นมาเพื่อให้เป็นตัวแทนของเธอในอนาคต

เด็กหญิงมีความประพฤติที่ดีและเป็นอัจฉริยะที่ทุกคนรักใคร่ ความมีชีวิตชีวาของเธอยังทำให้ผู้คนรอบข้างมีความสุขเสมอ

ดังนั้นช่วงเวลานี้เหยาจี้จึงไม่สามารถข่มตาหลับ แม้จะผ่านไปเพียงสามวัน แต่มันดูเหมือนเธอแก่เฒ่าลงนับสิบปี

ด้วยความเจ็บปวดในหัวใจ เธอตะโกนด่าทอผู้ใช้วิญญาณหลายสิบคนที่ก้มศีรษะอยู่เบื้องหน้าอย่างเกรี้ยวกราด

"เรียนผู้อาวุโสห้องโถงพยาบาล ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้มีบางสิ่งต้องรายงาน" เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้ใช้วิญญาณระดับสองคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องและเริ่มกล่าวรายงาน

"มีสิ่งใด? มันเกี่ยวกับเหยาลี่หรือไม่?" เหยาจี้เร่งถามด้วยดวงตาที่ส่องประกาย

"มีบางคนก้าวเข้าสู่ระดับสาม ท่านผู้นำจึงเรียกประชุมผู้อาวุโสเพื่อยืนยันสถานการณ์" ผู้ใช้วิญญาณผู้นั้นกล่าว

ดวงตาของเหยาจี้มืดมนลงอีกครั้งก่อนจะโบกมือ "ไม่ใช่เรื่องของเหยาลี่แล้วยังมารบกวนข้าอีกหรือ? เดี๋ยว! เจ้าว่าอย่างไรนะ...บางคนก้าวเข้าสู่ระดับสามและกลายเป็นผู้อาวุโสคนใหม่งั้นหรือ?"

เธอตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ในที่สุดและต้องขมวดคิ้วทันที

นี่มันกะทันหันจนเกินไป

การปรากฏตัวของผู้อาวุโสคนใหม่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางการเมืองของหมู่บ้าน นอกจากนั้นมันยังจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อห้องโถงพยายาลที่พึ่งสูญเสียทายาทสืบทอดไปเมื่อเร็วๆนี้อีกด้วย

ในห้องโถงพยาบาล ผู้คนเริ่มซุบซิบและคาดเดาถึงตัวตนของผู้อาวุโสคนใหม่

เหยาจี้เร่งถามต่อ "เป็นผู้ใดที่ก้าวเข้าสู่ระดับสาม?"

"รายงานผู้อาวุโส เขาคือฟางหยวน" ผู้ใช้วิญญาณระดับสองตอบ

"กระไรนะ!" ในเวลาเดียวกันรูม่านตาของเหยาจี้พลันหดเล็กลง นี่เป็นข่าวร้ายที่สุดของเธอ

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในห้องโถงพยาบาลปะทุขึ้นอีกครั้ง

"มีสิ่งใดผิดพลาดหรือไม่? เหตุใดจึงเป็นฟางหยวน?"

"เขามีพรสวรรค์เพียงนภาที่สามมิใช่หรือ? แล้วเหตุใดเขาจึงสามารถก้าวเข้าสู่ระดับสามได้รวดเร็วถึงเพียงนี้?"

"เมื่อเขากลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม มันก็หมายความว่าเขากลายเป็นผู้อาวุโสชนชั้นสูงของตระกูล คราวหน้าหากพวกเราพบเขา ไม่ใช่ว่าพวกเราต้องก้มหัวทำความเคารพเขางั้นหรือ?"

"มันเป็นไปได้อย่างไร? เขาสามารถทะลวงระดับสำเร็จจริงๆเช่นนั้นหรือ?"

"ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเขาตายไปแล้วงั้นหรือ? เขาหายตัวไปสามวันสามคืน แม้แต่ซากศพยังหาไม่พบ พวกเรากระทั่งคิดว่าเขาถูกหมาป่ากัดกินไปแล้ว..."

พวกเขาทั้งตกใจ อิจฉา และสับสน

"หายตัวไปสามวันสามคืนโดยไม่พบศพ ไม่ใช่ว่ามันเป็นสถานการณ์เดียวกันกับเหยาลี่หรอกหรือ?"

เสียงกระซิบดังเข้าหูเหยาจี้ ด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง เธอจึงเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับฟางหยวนอย่างไม่มีเหตุผล

เธอเปลี่ยนความคิดของตนก่อนจะเร่งเดินไปยังห้องประชุมผู้อาวุโส