เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 152 ก้าวเข้าสู่ระดับสาม
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 152 ก้าวเข้าสู่ระดับสาม
หนึ่งชั่วโมงต่อมา ร่างของเหยาลี่จึงถูกกัดกินจนแทบหมดสิ้น
หมีดำไม่เต็มใจกินลำไส้กับสมองของเด็กหญิง แต่ฟางหยวนไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น
ตามวิธีการหลอมสร้างวิญญาณงานฝังศพอสูร สัตว์ป่าต้องกัดกินร่างมนุษย์ให้มากที่สุดจึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้น
เพื่อการหลอมสร้างมัน ฟางหยวนต้องใช้ส่วนผสมถึงสิบชนิด
แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือมนุษย์และสัตว์ป่า
มนุษย์ต้องเป็นหญิงพรหมจรรย์และเป็นผู้ใช้วิญญาณที่มีพรสวรรค์นภาที่สามเป็นอย่างน้อย แต่แน่นอนว่ายิ่งพรสวรรค์สูงเท่าใด โอกาสประสบความสำเร็จก็จะสูงขึ้นเท่านั้น
สัตว์ป่าสามารถพึ่งพาวิญญาณผู้พิทักษ์หมี วิญญาณผู้พิทักษ์หมาป่า วิญญาณผู้พิทักษ์เสือ ไปจนถึงวิญญาณผู้พิทักษ์กระทิง หรือวิญญาณผู้พิทักษ์กวาง พวกมันล้วนใช้งานได้ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามหมี เสือ หรือหมาป่ามักชื่นชอบเนื้อมนุษย์มากกว่ากวางหรือกระทิง แต่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ป่าชนิดใด วิญญาณผู้พิทักษ์ยังสามารถบังคับให้พวกมันกลืนกินเนื้อมนุษย์
หลังจากสัตว์ป่ากัดกินเนื้อมนุษย์เรียบร้อยแล้วจะต้องทำการหลอมสร้างวิญญาณทันที
แม้หมีดำจะไม่ต้องการกินลำไส้กับสมอง แต่ด้วยความตั้งใจของฟางหยวน มันจึงต้องเขมือบเศษซากเหล่านั้นลงท้องไปอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่กระดูก มันยังต้องแทะเล็มเข้าไปจนหมด
เมื่อเห็นหมีดำยัดชิ้นส่วนกระดูกสันหลังชิ้นสุดท้ายเข้าปาก ฟางหยวนรู้ว่าเวลามาถึงแล้ว
เขาสะบัดมือส่งวิญญาณถ่านหินออกไป
วิญญาณพุ่งเข้าปากหมีดำก่อนที่มันจะกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อวิญญาณถ่านหินเริ่มเผาผลาญอวัยวะภายในของมัน
ร่างของหมีดำเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขณะที่มันล้มลงกลิ้งตัวไปมาอยู่บนพื้น
สิบห้านาทีหลังจากนั้น ฟางหยวนจึงส่งวิญญาณน้ำกรดสามดวงออกมาอีกครั้ง
วิญญาณน้ำกรดเป็นวิญญาณระดับหนึ่ง เมื่อมันเข้าไปในท้องของหมีดำ มันจึงระเบิดน้ำกรดออกมาเพื่อพลังทำลายล้างอวัยวะภายในของหมีดำมากขึ้นไปอีก
หมีดำกรีดร้องออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง ขณะที่ฟางหยวนยังโยนวิญญาณอีกหลายตัวเพิ่มเข้าไปในร่างกายของมัน
วิญญาณทั้งหมดถูกแลกมาด้วยคะแนนผลงานของฟางหยวน
ครู่ต่อมาหมีดำจึงเอนกายนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างไม่ไหวติง จากนั้นประกายไฟเล็กๆจึงเล็ดลอดออกมาจากหู ตา จมูก ปาก และค่อยๆหุ่มคลุมร่างกายของมันเอาไว้ทั้งหมด
ถ้ำสว่างขึ้นด้วยเปลวเพลิงสายนี้
แต่มันไม่ใช่ไฟปกติเพราะมันเป็นไฟสีเลือดที่น่าขนลุก
ฟางหยวนรอให้กองไฟเริ่มดับมอดก่อนจะโยนวิญญาณดวงสุดท้ายเข้าไป
มันเป็นวิญญาณพิษระดับสอง
การโยนมันเข้าไปทำให้กองไฟปะทุขึ้นอีกครั้ง จากนั้นดวงไฟสีขาวขนาดเท่ากำปั้นจึงค่อยๆลอยขึ้นมา
ฟางหยวนเริ่มโยนหินวิญญาณเข้าไปอย่างต่อเนื่องเป็นเหตุให้ดวงไฟขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากโยนหินวิญญาณเข้าไปครบหนึ่งพันก้อน ดวงไฟจึงเริ่มหดเล็กลงอย่างกะทันหัน
"ฟุบ!"
ไฟบนซากศพหมีดำดับลงทันทีทำให้ถ้ำกลับสู่ความมืดอีกครั้งขณะที่วิญญาณดวงหนึ่งลอยเข้ามาหาฟางหยวน
มันเป็นวิญญาณระดับสาม วิญญาณงานฝังศพอสูร!
มันอยู่ในรูปลักษณ์ของแมงมุมสีดำขนยาว แต่มีหัวเป็นหมี บนแผ่นหลังของมันยังมีรอยสักสีเลือดวาดเป็นโครงสร้างใบหน้าของหญิงสาว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือใบหน้าของเหยาลี่!
ใบหน้าของเธอไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่ากำลังยิ้มหรือร้องไห้ แต่ดวงตาคู่นั้นกลับจ้องมองมายังฟางหยวนด้วยความเกลียดชังอย่างที่สุด
ฟางหยวนหัวเราะ เขาไม่แยแสมันแม้แต่น้อย
ความตายคือจุดจบของทั้งหมด หรือแม้เธอจะยังมีชีวิต แล้วเธอจะสามารถทำสิ่งใดเขาได้? โดยเฉพาะเมื่อเธอตายไปแล้ว
เขาเปิดปากกลืนแมงมุมที่น่าเกลียดน่ากลัวตัวนั้นเข้าไปอย่างไม่ลังเล
วิญญาณงานฝังศพอสูรเคลื่อนที่ผ่านลำคอไปถึงหลอดอาหารก่อนจะเปลี่ยนเป็นมวลน้ำสีดำแดงไหลลงสู่ทะเลวิญญาณของเขาโดยตรง
เมื่อมันไหลเข้าไปรวมกับทะเลวิญญาณสีแดงของเขา มันจึงเปลี่ยนมวลน้ำให้กลายเป็นสีแดงคล้ำที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
เพียงหนึ่งความคิด ทะเลวิญญาณระเบิดคลื่นยักษ์พุ่งเข้าปะทะกำแพงคริสตัลอย่างต่อเนื่อง
สิบ ยี่สิบ สามสิบ เมื่อทะเลวิญญาณถูกใช้ไปสามสิบแปดส่วน กำแพงคริสตัลจึงแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยในที่สุด
สิ่งที่เกิดขึ้นแทนที่ก็คือกำแพงแสงทรงกลม ในเวลาเดียวกันฟางหยวนก็ก้าวขึ้นสู่ระดับสามทันที
แต่ฟางหยวนยังไม่สามารถผ่อนคลาย ตรงข้ามเขาพยายามบังคับให้มวลน้ำสีแดงคล้ำออกจากร่างกาย
มวลน้ำชนิดนี้ไม่สามารถใช้งานได้ นอกจากนั้นยิ่งมันอยู่ในทะเลวิญญาณของเขานานเท่าใด มันก็จะทำลายวิญญาณ กำแพงวิญญาณ รวมถึงพรสวรรค์ของเขามากขึ้นเท่านั้น
หลังจากขับไล่มวลน้ำสีแดงออกไปจนหมด ฟางหยวนเร่งคว้าหินวิญญาณและเริ่มฟื้นฟูพลังวิญญาณของตนเอง
หมอกสีขาวปรากฏขึ้นก่อนจะค่อยๆกลั่นตัวเป็นมวลน้ำสีขาวประกายเงินอยู่ในทะเลวิญญาณของเขา
สำหรับผู้ใช้วิญญาณ ทะเลวิญญาณระดับหนึ่งคือสีครามประกายทองแดง ทะเลวิญญาณระดับสองคือสีทองแดง และทะเลวิญญาณระดับสามคือสีเงิน
อย่างไรก็ตามทะเลวิญญาณของฟางหยวนในเวลานี้ยังไม่บริสุทธิ์ เพราะมันยังมีสีแดงคล้ำปนอยู่เล็กน้อย นี่คือผลกระทบจากวิญญาณงานฝังศพอสูร แต่ฟางหยวนไม่แปลกใจ ตรงข้ามเขายังสงบนิ่งและค่อยๆระบายมวลน้ำสีเงินปนแดงออกไปจากทะเลวิญญาณของตนอีกครั้ง
หลังจากทำซ้ำขั้นตอนดังกล่าวอยู่หลายครั้ง มันแทบมองไม่เห็นสีแดงอีกต่อไป ขณะที่ฟางหยวนไม่สามารถขับไล่มันออกไปได้อีก
นี่คือผลลัพธ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้จากการใช้งานวิญญาณงานฝังศพอสูร
วิญญาณงานฝังศพอสูรจะทำให้ผู้ใช้วิญญาณระดับสองขั้นสุดยอดที่ไร้ความหวังให้ก้าวเข้าสู่ระดับสามได้ทันที มันเป็นการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตครั้งใหญ่ ดังนั้นมันจึงช่วยไม่ได้ที่จะมีข้อบกพร่องบางประการเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามมันสามารถถูกกำจัดออกไปได้โดยวิญญาณวารีพิสุทธิ์
วิญญาณวารีพิสุทธิ์ปรากฏขึ้นครั้งหนึ่งในคฤหาสน์วิญญาณถ้ำสามดารา แต่มันถูกซื้อไปโดยคนสกุลซื่อ
ดังนั้นในช่วงเวลานี้ ฟางหยวนจึงไม่สามารถทำสิ่งใดกับมัน
"พวกโง่ไร้ประโยชน์! พวกเจ้าทำสิ่งใดอยู่? เหตุใดจึงไม่สามารถค้นหาคนเพียงคนเดียว?" ในห้องโถงพยาบาล เหยาจี้กรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ กระทั่งม่านหน้าต่างยังถึงกับสั่นสะเทือน
ในหัวใจของเธอเต็มไปด้วยความกังวล ตกใจ และโกรธเคือง
สามวันสามคืนผ่านไป หมาป่าสายฟ้าคลั่งถูกสังหาร สถานการณ์จึงกลับคืนสู่สภาวะปกติ แต่หลานสาวเพียงคนเดียวของเธอ เหยาลี่ กลับหายสาบสูญ
แม้เหยาจี้จะใช้สายสัมพันธ์ทั้งหมดของเธอระดมกองกำลังออกค้นหาในสนามรบและรอบๆหมู่บ้าน แต่มันกลับปราศจากร่องรอยอย่างสิ้นเชิง
บางคนบอกว่าเห็นเหยาลี่ครั้งสุดท้ายในสนามรบ เวลานั้นเหยาลี่ตกอยู่ในวงล้อมหมาป่าและพยายามหลบหนี
เรื่องนี้ทำให้ไม่สามารถมองโลกในแง่ดีเพราะมีความเป็นไปได้ว่าเธอจะถูกกัดกินโดยหมาป่าบางตัว
แต่เหยาลี่ยังไม่พอใจ เธอไม่สามารถยอมรับความจริงที่โหดร้ายนี้ได้
หากเป็นเด็กสาวคนอื่น เธอจะไม่รู้สึกสิ่งใด แต่นี่คือหลานสาวที่สืบทอดสายเลือดมาจากเธอ คนที่เธอชุบเลี้ยงขึ้นมาเพื่อให้เป็นตัวแทนของเธอในอนาคต
เด็กหญิงมีความประพฤติที่ดีและเป็นอัจฉริยะที่ทุกคนรักใคร่ ความมีชีวิตชีวาของเธอยังทำให้ผู้คนรอบข้างมีความสุขเสมอ
ดังนั้นช่วงเวลานี้เหยาจี้จึงไม่สามารถข่มตาหลับ แม้จะผ่านไปเพียงสามวัน แต่มันดูเหมือนเธอแก่เฒ่าลงนับสิบปี
ด้วยความเจ็บปวดในหัวใจ เธอตะโกนด่าทอผู้ใช้วิญญาณหลายสิบคนที่ก้มศีรษะอยู่เบื้องหน้าอย่างเกรี้ยวกราด
"เรียนผู้อาวุโสห้องโถงพยาบาล ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้มีบางสิ่งต้องรายงาน" เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้ใช้วิญญาณระดับสองคนหนึ่งก้าวเข้ามาในห้องและเริ่มกล่าวรายงาน
"มีสิ่งใด? มันเกี่ยวกับเหยาลี่หรือไม่?" เหยาจี้เร่งถามด้วยดวงตาที่ส่องประกาย
"มีบางคนก้าวเข้าสู่ระดับสาม ท่านผู้นำจึงเรียกประชุมผู้อาวุโสเพื่อยืนยันสถานการณ์" ผู้ใช้วิญญาณผู้นั้นกล่าว
ดวงตาของเหยาจี้มืดมนลงอีกครั้งก่อนจะโบกมือ "ไม่ใช่เรื่องของเหยาลี่แล้วยังมารบกวนข้าอีกหรือ? เดี๋ยว! เจ้าว่าอย่างไรนะ...บางคนก้าวเข้าสู่ระดับสามและกลายเป็นผู้อาวุโสคนใหม่งั้นหรือ?"
เธอตระหนักถึงเรื่องนี้ได้ในที่สุดและต้องขมวดคิ้วทันที
นี่มันกะทันหันจนเกินไป
การปรากฏตัวของผู้อาวุโสคนใหม่จะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ทางการเมืองของหมู่บ้าน นอกจากนั้นมันยังจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อห้องโถงพยายาลที่พึ่งสูญเสียทายาทสืบทอดไปเมื่อเร็วๆนี้อีกด้วย
ในห้องโถงพยาบาล ผู้คนเริ่มซุบซิบและคาดเดาถึงตัวตนของผู้อาวุโสคนใหม่
เหยาจี้เร่งถามต่อ "เป็นผู้ใดที่ก้าวเข้าสู่ระดับสาม?"
"รายงานผู้อาวุโส เขาคือฟางหยวน" ผู้ใช้วิญญาณระดับสองตอบ
"กระไรนะ!" ในเวลาเดียวกันรูม่านตาของเหยาจี้พลันหดเล็กลง นี่เป็นข่าวร้ายที่สุดของเธอ
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในห้องโถงพยาบาลปะทุขึ้นอีกครั้ง
"มีสิ่งใดผิดพลาดหรือไม่? เหตุใดจึงเป็นฟางหยวน?"
"เขามีพรสวรรค์เพียงนภาที่สามมิใช่หรือ? แล้วเหตุใดเขาจึงสามารถก้าวเข้าสู่ระดับสามได้รวดเร็วถึงเพียงนี้?"
"เมื่อเขากลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม มันก็หมายความว่าเขากลายเป็นผู้อาวุโสชนชั้นสูงของตระกูล คราวหน้าหากพวกเราพบเขา ไม่ใช่ว่าพวกเราต้องก้มหัวทำความเคารพเขางั้นหรือ?"
"มันเป็นไปได้อย่างไร? เขาสามารถทะลวงระดับสำเร็จจริงๆเช่นนั้นหรือ?"
"ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเขาตายไปแล้วงั้นหรือ? เขาหายตัวไปสามวันสามคืน แม้แต่ซากศพยังหาไม่พบ พวกเรากระทั่งคิดว่าเขาถูกหมาป่ากัดกินไปแล้ว..."
พวกเขาทั้งตกใจ อิจฉา และสับสน
"หายตัวไปสามวันสามคืนโดยไม่พบศพ ไม่ใช่ว่ามันเป็นสถานการณ์เดียวกันกับเหยาลี่หรอกหรือ?"
เสียงกระซิบดังเข้าหูเหยาจี้ ด้วยสัญชาตญาณของผู้หญิง เธอจึงเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับฟางหยวนอย่างไม่มีเหตุผล
เธอเปลี่ยนความคิดของตนก่อนจะเร่งเดินไปยังห้องประชุมผู้อาวุโส