ตอนที่แล้วTWO Chapter 137 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 11
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 139 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 13

TWO Chapter 138 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 12


TWO Chapter 138 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 12

โอหยางโชวกลับไปที่ค่าย เพื่อฟังรายงานการรบ

ในการรบ แม้ว่าพวกเขาจะได้เปรียบ พวกเขาก็ยังมีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก จากทหาร 2,000 นาย ของพันธมิตรซานไห่ มีทหารเสียชีวิตถึง 200 นาย โดยทหารม้าที่พุ่งเข้าไปในกองทัพศัตรูสูญเสียมากที่สุด

กองกำลังของลอร์ดที่เป็นพันธมิตรกับเขาก็สูญเสียเป็นจำนวนมาก จากทหาร 3,000 นาย พวกเขามีทหารเสียชีวิต 400 นาย ลอร์ดบางคนที่โชคร้าย เขาได้สูญกองกำลังเกือบทั้งหมดของเขา

แน่นอนกลุ่มที่เสียหายมากที่สุดคือ กองกำลังที่เป็นพันธมิตรกับตี่เฉิน จากทหาร 2,000 นาย พวกเขามีทหารเสียชีวิตถึง 400 นาย และยังมีกองกำลังของลอร์ดที่เหลือที่ได้เข้าไม่ร่วมกับใครอีก 1,000 นาย พวกเขาสูญเสียกองกำลังของตัวเองเกือบทั้งหมด ผู้เล่นที่ห่างเหินเหล่านี้ต่อสู้ด้วยตัวเอง พวกเขาไม่ได้เอาใจใส่ผู้เล่นคนอื่นๆ ในการสู้รบครั้งใหญ่เช่นนี้ พวกเขาจึงกลายเป็นเพียงอาหารว่างเท่านั้น

หลังจากจบการสู้รบในวันแรก ผู้เล่นที่ห่างเหินก็รู้ว่า สนามรบไม่ใช่สถานที่ที่พวกเขาจะสามารถทำตามที่พวกเขาต้องการได้ พวกเขาไปหาโอหยางโชว และพวกเขาก็ยินดีที่จะรับคำสั่งจากพันธมิตรซานไห่

โอหยางโชวยิ้ม และยอมรับพวกเขาทั้งหมดเป็นกองกำลังพันธมิตร สำหรับกองกำลังของเขาเอง เขาจะไม่ยอมให้คนเหล่านี้แทรกซึมเข้ามาได้โดยเด็ดขาด

เวลา 18.00 น. โอหยางโชวได้รับแจ้งให้ไปที่เต็นท์หลัก เพื่อเข้าร่วมการประชุมทางทหาร

ในเต็นท์หลัก ตำแหน่งที่ทุกคนนั่งยังคงเป็นเช่นเดียวกับการประชุมทางทหารครั้งล่าสุด แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ ทัศนคติของพวกเขาที่แตกต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง กองกำลังของผู้เล่นได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งในการสู้รบ

จักรพรรดิเหลืองกล่าวว่า “ในการรบวันนี้ แม้ว่าเราจะเป็นฝ่ายได้เปรียบ และกองกำลังหลักของเราก็ไม่ได้เป็นอันตรายและยังคงสมบูรณ์ดี แต่ถ้าเราต้องการทำลายพวกเขา มันคงจะเป็นเรื่องยากอย่างมาก พวกท่านมีความเห็นเช่นไรบ้าง?”

หนึ่งในผู้นำของเผ่าขนาดกลางยืนขึ้น แล้วกล่าวว่า “เรียนฝ่าบาท ในเมื่อปีกขวาของพวกเราได้เปรียบปีกซ้ายของพวกเขา ทำไมเราไม่ใช้จุดอ่อนนี้ ดำเนินการโจมตีปีกซ้ายของพวกเขาต่อไปล่ะ?”

โอหยางโชวตะลึงและส่ายหัวเล็กน้อย

จักรพรรดิเหลืองให้ความสนใจกับโอหยางโชว และเมื่อเห็นว่าเขาส่ายหัว เขาก็ถามว่า “ฉีเยว่หวู่ยี่ เจ้าทำได้ดีมากในวันนี้ และข้าจะให้รางวัลกับเจ้าหลังจากที่สงครามจบลง สำหรับแผนการต่อไป เจ้ามีคิดเห็นเช่นไรบ้าง?”

โอหยางโชวลุกขึ้นคำนับ แล้วกล่าวว่า “เรียนฝ่าบาทวันนี้เราได้ทำลายปีกซ้ายของพวกเขา ในวันพรุ่งนี้พวกเขาย่อมต้องจัดระเบียบกองกำลังใหญ่ เพื่อปิดจุดอ่อนของตัวเอง”

จักรพรรดิเหลืองพยักหน้า แล้วถามต่อว่า “ถ้าเช่นนั้น เจ้าคิดว่าเราควรจะทำเช่นไร?”

“ศัตรูมีทหารจำกัด และพวกเขาคงต้องการช่วยเหลือปีกซ้าย แน่นอนว่าการทำเช่นนั้นจะทำให้ทหารด้านอื่นเบาบางลง กองกลางเป็นแกนหลักและไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ง่ายนัก ความเป็นไปได้ของทหารที่จะถูกส่งมากเสริมก็คงมาจากปีกขวาของพวกเขา และถ้ามันเป็นเช่นนั้น เราก็จะมีโอกาส ดังนั้น ในการรบวันพรุ่งนี้ ข้าขอเสนอให้ปีกขวาของเรามุ่งเน้นไปที่การป้องกัน ในขณะที่ทหารม้าจะซ่อนตัวอยู่ในปีกซ้าย และหาโอกาสที่จะทำลายปีกขวาของศัตรู หากปีกทั้ง 2 ข้าง ของพวกเขาได้รับความเสียหาย แม้ว่ากองกำลังหลักของพวกเขาจะแข็งแกร่ง แต่พวกเราก็ยังได้เปรียบอย่างแน่นอน” ก่อนที่จะมา โอหยางโชวได้ขอคำแนะนำจากจูโชว สำหรับแผนการต่อไปไว้แล้ว ไม่อย่างนั้น เขาคงเห็นด้วยกับผู้นำเผ่าขนาดกลาง ที่จะโจมตีปีกข้างเดิมต่อไป

“ความคิดยอดเยี่ยมมาก!” เฟิงโหวมองโอหยางโชวอย่างประหลาดใจ

จักรพรรดิเหลืองก็พอใจกับความคิดของเขา เขากล่าวว่า “ไม่เลว เราจะโจมตในที่ที่พวกเขาไม่ได้เตรียมตัว”

โอหยางโชวได้รับการยอมรับจากจักรพรรดิเหลือง และกล่าวว่า “มีอีกสิ่งหนึ่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เล่นฝ่ายชี่โหยว คัดลอกกลยุทธ์ของเราในวันนี้ และใช้มันโจมตีปีกขวาของเรา เราต้องบังคับให้กองกำลังของผู้เล่นอยู่ที่นั่น และไม่ให้โอกาสพวกเขาในการเคลื่อนไหวใดๆด้วยตนเอง”

ในเวลานั้นเอง ชางเสี้ยนก็ลุกขึ้น แล้วกล่าวเสียงดังว่า “เรียนฝ่าบาท ข้ามีบางสิ่งจะกล่าว!”

“เชิญ”

“ในการรบวันนี้ ข้าได้รับคำสั่งให้นำทหาร 5,000 นาย ไปช่วยปีกขวา ในตอกแรกพวกเขามีโอกาศที่จะทำลายปีกซ้ายของศัตรู แต่เพราะมีกองกำลังผู้เล่นของพวกเขาเข้ามาขัดขวาง ทำให้เราพลาดโอกาสนั้นไป สาเหตุหลักก็คือ ความล้มเหลวของผู้เล่นฝ่ายเรา ดังนั้น ข้าจึงเห็นด้วยกับความคิดของฉีเยว่หวู่ยี่ และข้าขอเสนอให้มีทีมที่คอยระวังกองกำลังของผู้เล่น” เหตุผลที่เขากล่าวนั้นเป็นความจริง และยังเป็นการอธิบายสาเหตุการสูญเสียของเขาในการรบอีกด้วย เขาได้ช่วยให้โอหยางโชวจัดการกับเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะเป็นตี่เฉินหรือชุนเซิ่นจุน พวกเขาก็ต้องตกลงสู่แผนของเขา และไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

จริงๆแล้วเขายังคงหงิดหงิดกับการกระทำของตี่เฉินในวันนี้อยู่ “เราจะทำตามสิ่งที่เจ้าแนะนำ พรุ่งนี้ เจ้านำทหาร 5,000 นาย ไปช่วยปีกขวา งานแรกของเจ้าคือ การเสริมสร้างการป้องกันของพวกเขา และงานที่สอง คือ การตรวจสอบและบังคับผู้เล่น เพื่อให้แน่ใจว่า พวกเขาจะทำตามคำสั่ง”

“พะยะค่ะ!”

หลังจากจบการประชุม โอหยางโชวก็กลับไปที่เต็นท์ใหญ่ของเขา เราได้รายงานเกี่ยวกับการประชุมให้ ไป๋ฮัวและคนอื่นๆได้ฟัง

“พี่ใหญ่หวู่ยี่นิสัยไม่ดีจริงๆ” มู่หลานเยว่หัวเราะคิกคัก

“มันไม่ใช่ความผิดของข้าเสียหน่อย มันเป็นความคิดของท่านกงหยู(จูโชว)ต่างหาก” โอหยางโชวกล่าวอย่างไรเดียงสา

มู่หลานเยว่ไม่สนใจ และล้อเลียนเขาต่อ “ข้าไม่สนใจ ท่านนิสัยไม่ดี”

ไป๋ฮัวหัวเราะ แล้วกล่าวว่า “ถ้าตี่เฉินรู้ว่ามันเป็นฝีมือของท่าน เขาอาจจะโกรธจนตายไปเลยก็ได้”

“เขาสมควรได้รับมันแล้ว” กงเฉิงซีกล่าวด้วยใบหน้าที่โกรธ

มีเพียงเฟิงฉิวฮวงเท่านั้นที่ยังเงียบ เธอเงยหน้าไปมองโอหยางโชว และรู้สึกว่าตัวเองโชคดีจริงๆ ที่เลือกเข้าร่วมกับพันธมิตรซานไห่ ไม่อย่างงั้น เธอก็ไม่รู้ว่าเธอจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหน

โอหยางโชวไม่ได้กังวลเรื่องของพวกเขา และหันไปหาจางเลี้ยว แล้วกล่าวว่า “ขุนพลจาง ในการรบวันพรุ่งนี้ ให้ท่านนำกองทหารม้าของพันธมิตรเรา บุกไปที่ปีกขวาของศัตรู ท่านจะต้องบุกเข้าไปโดยไม่มีการคุมกันของทหารธนู ซึ่งมันคงเป็นเรื่องยาก ดังนั้น ท่านต้องเตรียมกองทัพให้พร้อมสำหรับการรบในวันพรุ่งนี้”

“ขอรับนายท่าน!” จางเลี้ยวยังคงสงบตามปกติ

โอหยางโชวพยักหน้า และไม่ได้กล่าวอะไรอีก

………………………………………………………………………..

วันรุ่งขึ้น การรบเริ่มขึ้นอีกครั้ง

เป็นอย่างที่จูโชวคาดการณ์ไว้ เผ่าจิวหลี่ของชี่โหยว ได้เสริมกำลังในปีกซ้ายของพวกเขา ในขณะที่จางเลี้ยวก็นำกองทหารม้าไปยังปีกซ้าย

ตี่เฉินที่อยู่ไม่ไกลมองไปยังโอหยางโชวอย่างสับสน และกล่าวว่า “แปลกมาก ทำไมเราไม่เห็นกองทหารม้าของพันธมิตรซานไห่?”

ซาโพจุ่นโกรธและกล่าวว่า “พวกเขาอาจจะดูสง่างามเมื่อวานนี้ แต่จำนวนผู้เสียชีวิตของพวกเขาก็มีอยู่ไม่น้อย ข้าคิดว่าฉีเยว่หวู่ยี่คงจะเจ็บปวด จึงไม่ยอมให้ทหารม้าของเขาออกมาต่อสู้”

จวู่ไต๋เฟิงฮัวส่ายหัว แล้วกล่าวว่า “ฉีเยว่หวู่ยี่มองการไกล บางทีเขาอาจจะมีแผนบางอย่าง ดังนั้น เราคงต้องเตรียมตัวรับมือกับมัน”

“ถูกต้อง” หลังจากที่เกิดความผิดพลาดหลายครั้ง ตี่เฉินก็เริ่มปฏิบัติต่อโอหยางโชวในฐานะคู่ต่อสู้ที่คู่ควร และไม่ได้หยิ่งเหมือนก่อน

“ลองดูนั่นซิ!” หวู่ฟู่ชี้ไปที่กองกำลังของชางเสี้ยน ที่กำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา แล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนพวกเขาจะมีแผนที่จะควบคุมพวกเรานะ?”

ตี่เฉินโกรธมาก “นี่ต้องเป็นแผนของเขาแน่ เขาต้องบ่นเรื่องเมื่อวานกับจักรพรรดิเหลืองในระหว่างการประชุมทางทหารแน่”

จวู่ไต๋เฟิงฮัวส่ายหัว “คราวนี้เราคงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังของผู้เล่น เราคงทำได้เพียงแค่ต้องยอมรับชะตากรรมของเราเท่านั้น”

“ในครั้งต่อไป เราต้องไม่อยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเขา” ตี่เฉินกล่าวอย่างเกลียดชัง

“ใช่” จวู่ไต๋เฟิงฮัวพยักหน้าตกลง

หวู่ฟู่รู้สึกกังวล ตี่เฉินแสดงออกอย่างเปิดเผย ถึงความเป็นศัตรูกับฉีเยว่หวู่ยี่ ซึ่งมันไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย เขาเริ่มสงสัยว่า การตัดสินใจของเขา ในการเข้าร่วมพันธมิตรในครั้งนี้ถูกต้องหรือไม่

โอหยางโชวไม่ได้อยู่ใยอารมณณที่จะมาสนใจตี่เฉิน เขากำลังจดจ่ออยู่กับการจัดระเบียบกองกำลังของเขา

ในการรบเมื่อวาน เผ่าจิวหลี่ของชี่โหยวสูญเสียถึง 10,000 นาย ส่วนฝ่ายจักรพรรดิเหลืองและจักรพรรดิไฟ แม้ว่าพวกเขาจะได้เปรียบ พวกเขาก็ยังสูญเสียมากถึง 12,000 นาย

ถ้าไม่ใช่ความสำเร็จของโอหยางโชวที่ปีกขวา ความเสียหายของพวกเขาคงจะเลวร้ายมากกว่านี้ แค่มองทองแดงกับหิน ก็รู้แล้วว่าใครจะชนะ

ครั้งนี้ จักรพรรดิเหลืองและชี่โหยวได้ตะโกนสั่งให้ทำการโจมตีโดยตรง กองกำลังทั้งหมดกรีดร้องขณะที่พุ่งเข้าหาศัตรู การต่อสู่ได้กระจายออกไปทั่วทุกพื้นที่อีกครั้ง มันเป็นอะไรที่โหดร้ายมาก

ไม่นานหลังจากการรบเริ่มขึ้น ชุนเซิ่นจุนและจานหลางก็ร่วมมือกัน แยกกองทหารม้าของพวกเขาออกมา แล้วทำอย่างที่โอหยางโชวเคยทำเมื่อวาน พวกเขาเริ่มโจมตีปีกขวาของฝ่ายจักรพรรดิเหลืองด้วยกองทหารม้า

แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องล้มเหลว

โอหยางโชวสั่งให้ขุนพลซีดันทหารโล่ดาบไปข้างหน้า โดยส่วนหน้าสุดเป็นกองทหารราบเกราะหนัก ในเวลาเดียวกัน มู่กุ้ยหยิงนำทหารธนูและหน้าไม้ เริ่มยิงลูกศรเพื่อหยุดการโจมตีของทหารม้า

กองทหารม้ายังไม่ทันจะได้เข้าใกล้พวกเขา พวกมันก็ได้รับบาดเจ็บล้มตายบ้างแล้ว กองทหารม้าไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้อีก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองทหารราบที่นำโดยขุนพลซี ซึ่งเป็นขุนพลระดับพิเศษ

ในเวลานั้น กองกำลังของชางเสี้ยนก็เข้ามาช่วยเหลือ สำหรับตี่เฉิน ภายใต้ศัตรูที่แข็งแกร่ง เขาไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามอย่างดีที่สุด ในการต่อสู้กับกองกำลังของผู้เล่น

ด้านตรงข้ามของสนามรบ ชุนเซิ่นจุนมองไปที่กองทหารม้าของเขาที่เกิดปัญหา เขาส่ายหัว แล้วกล่าวกับซีอ๋องป้าและจานหลางว่า “ดูเหมือนเราจะประเมินฉีเยว่หวู่ยี่ต่ำไป ไม่เพียงแต่ทหารม้าของเขาเท่านั้นที่แข็งแกร่ง แต่ทหารราบของเขาก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน เป็นศัตรูที่จัดการได้ยากจริงๆ”

“แล้วเราจะทำเช่นไร?” เพียวหลิงฮวนถาม

“จานหลาง เจ้าคิดเช่นไร?” ชุนเซิ่นจุนไม่ได้สนใจเขา แต่หันไปขอความเห็นจากจานหลาง

ในฐานะตัวแทนของกองทัพ ความเข้าใจเกี่ยวกับสงครามของเขาสูงกว่าคนอื่น “เนื่องจากเราไม่สามารถทำลายปีกขวาได้ ทำไมเราไม่เลิกความคิดนั้น แล้วหันมาทำลายกองกำลังของผู้เล่นล่ะ? ข้าเห็นว่ากองทหารม้าของฉีเยว่หวู่ยี่หายไป กองทหารราบของเขาก็กำลังป้องกันกองทหารม้าของเรา ด้วยเหตุนี้ จึงมีเพียงกองกำลังของตี่เฉินและพันธมิตรของเขาเท่านั้นที่ถูกทิ้งไว้ ดังนั้น เราย่อมต้องจัดการเขาได้แน่นอน”

ตาของชุนเซิ่นจุนเปล่งประกาย และเขาก็กล่าวว่า “ตกลง เราจะทำตามที่จานหลางกล่าว”

 

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด