[KotB] บทที่ 72: การปลุกพลัง (2)
บทที่ 72: การปลุกพลัง (2)
<คุณบรรลุความพึงพอใจตามเงื่อนไข ทำให้ทักษะ 'เพชรฆาตราชา' ถูกเปิดใช้งาน>
<คุณเป็นคนแรกที่สังหารราชาลิซาร์ดแมน ค่า Str. เพิ่มขึ้น 5 หน่วย>
<ไม่สามารถสังหารมอนสเตอร์ชนิดเดิมเพื่อบรรลุความความพอใจซ้ำได้>
<ภารกิจระดับลอร์ด: 'เพชรฆาตเหล่าราชา,การเคลื่อนไหวครั้งแรก' ได้เริ่มขึ้นแล้ว>
<สังหาร 100 ราชาโดยไม่ซ้ำกัน. ของรางวัลที่จะได้รับไม่สามารถระบุได้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของราชาที่ถูกสังหาร>
<ระดับความพึงพอใจจากการสังหารในปัจจุบัน> - เกรดต่ำ 0, - เกรดกลาง 1, - เกรดสูง 0, -เกรดสูงสุด 0
ทันทีที่เขาบั่นศีรษะของราชาลิซาร์ดแมน ข้อความยาวๆก็ปรากฏขึ้น
ดูเหมือนว่าสกิล 'เพชรฆาตราชา' จะมีผลตั้งแต่มอนสเตอร์ที่มีระดับเป็นผู้ปกครอง
' Str 5. '
นับว่าไม่เลว. จริงๆมันออกจะน่าแปลกใจด้วยซ้ำ
นอกจากสเตตัสหลักแล้ว สเตตัสอื่นๆก็ไม่ได้ถูกเพิ่มเข้ามาอีก
มูยองเอื้อมมือไปคว้าวิญญาณของราชาลิซาร์ดแมนไว้
'น่าเสียดายจริงๆ ที่ไม่สามารถฆ่าประเภทเดิมซ้ำได้ '
นั่นหมายความว่าถ้าเขาลงมือสังหารราชาลิซาร์ดแมนตัวอื่นจะไม่ถูกนับ
มูยองมองไปที่เซฮุนอยู่ครู่หนึ่งแล้วหันกลับ
อันเดอร์เวิล์ด มีมอนสเตอร์หลากหลายสายพันธุ์ซึ่งไม่อาจนับจำนวนได้
และด๊อกซินีเช่นเซฮุนนั้น ยังจำเป็นที่จะต้องเก็บเขาไว้เพื่อให้ควบคุมเหล่าโดเกบิ มันจะเป็นการกระทำที่โง่เง่าหากสังหารเขา
ภารกิจระดับลอร์ด?
มูยองขมวดคิ้วในส่วนนั้น
ในบางครั้งการบรรลุผลสำเร็จที่เกี่ยวข้องกันมักปรากฎขึ้น เมื่อผ่านบททดสอบเฉพาะทาง
และเมื่อบรรลุความสำเร็จที่เกี่ยวข้องกันทั้งหมดได้ ก็จะได้รับรางวัลล้ำค่า
ภารกิจระดับลอร์ดที่เขาได้รับในครั้งนี้ กล่าวว่าหากสามารถสังหารราชาในแต่ละประเภทจำนวน 100 ตน ก็จะได้รับรางวัลซึ่งอยู่กับระดับของเกรดความพึงพอใจ
"ในนามของโอม!"
"ในนามของโอม!"
ฉากที่น่าจดจำตรงหน้าเป็นภาพของโดเกบิจำนวน 20,000 ตนกำลังบดขยี้พวกลิซาร์ดแมน
ลิซาร์ดแมนไม่ใช่มอนสเตอร์ระดับสูง ดังนั้นพวกมันย่อมไม่สามารถเอาชนะจำนวนที่แตกต่างกันขนาดนี้ได้
ราวกับว่ามันเป็นที่ประจักษ์ชัดเจน การต่อสู้จบลงเพียงชั่วอึดใจ และมูยองก็กลับไปยังอาณาเขตของเขาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ทำความเคารพท่านลอร์ด"
บาลตันเป็นคนแรกที่คุกเข่า
ทุกคนเริ่มคุกเข่าลงตามการกระทำของบาลตัน
อย่างไรก็ตามใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทั้งความพิศวงและความเกรงกลัว
พวกเขาอยากรู้ว่าที่ไหนและวิธีการใดที่มูยองได้รับโดเกบิจำนวนมากขนาดนี้ และยังเกรงกลัวว่ามันอาจจะเป็นภัยคุกคามต่อพวกเขา
มูยองพูดอย่างใจเย็น
"ต่อจากนี้ไปโดเกบิจะร่วมเป็นพลเมืองของแผ่นดินนี้ และจะพยายามก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมๆกัน "
บรรดาผู้ที่ได้ยินคำพูดของเขาต่างทำหน้าประหลาดใจ
การก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมกับโดเกบิ
ยิ่งกว่านั้นมันยังมีนับหมื่นตน
อย่างไรก็ตามมูยองไม่ได้พูดอะไรต่อ นั่นคือทั้งหมดของคำอธิบายจากเขา
"พวกเขาจำเป็นต้องได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว"
คำพูดของ 'โอม' ถือเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ของเหล่าโดเกบิ
หากบอกให้พวกเขาตาย ถึงพวกเขาจะไม่ตายจริงๆแต่อย่างน้อยพวกเขาก็จะแกล้งทำเป็นอย่างนั้น
นอกจากนี้มูยองได้เตือนพวกเขาหลายครั้งแล้ว จึงไม่ต้องห่วงว่าพวกโดเกบิจะโจมตีมนุษย์
เขาเพียงแค่กังวลว่า โดเกบิจำนวนกว่า 20,000 ตนจะปักหลักบนผืนแผ่นดินนี้ได้ยังไง
หากพวกเขาไม่สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาคงจะเดินไปตามเส้นทางของการทำลายตนเองเท่านั้น
ที่นี่คือดินแดนแห่งเทพปีศาจ
คุณจะได้รับบางสิ่งก็ต่อเมื่อผ่านการต่อสู้เท่านั้น
พวกเขาจำเป็นต้องร่วมมือกันเพื่อให้มีชีวิตรอด
'ก่อนอื่นฉันจำเป็นต้องกำจัดมอนสเตอร์รอบๆบริเวณนี้'
มูยองพยักหน้า ขณะที่เดินเข้าไปในหมู่บ้าน
โดเกบิ 20,000 ตน ปักหลักอยู่ใกล้กับหมู่บ้าน แต่เนื่องจากขาดโครงสร้างพื้นฐานจึงเป็นเรื่องยากที่จะเรียกได้ว่าเป็นการตั้งถิ่นฐาน
เพื่อให้แผ่นดินมีเสถียรภาพต่อการตั้งถิ่นฐานของโดเกบิ การกำจัดมอนสเตอร์รอบๆเป็นสิ่งจำเป็น
"มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งต้องไม่มีชีวิตรอดอยู่ในระยะ 2-3 กิโลเมตรจากที่นี่ บาลตันไอรีนจงนำทางทุกคนไปกำจัดมอนสเตอร์ในบริเวณใกล้เคียงนี้ให้สิ้นซาก "
ทั้งสองคุ้นเคยกับบริเวณโดยรอบ
หากโดเกบิไม่ระมัดระวังพวกเขาอาจทะเล่อทะล่าหลงทาง ดังนั้นบาลตันและไอรีนเท่านั้นที่จะสามารถนำทางพวกเขาและป้องกันความผิดพลาดได้
"โดเกบิส่วนที่เหลือ 5,000 ตนให้ขนย้ายวัสดุ และสร้างที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ต้องช่วยมนุษย์ขยายขนาดพื้นที่ด้วย "
ปัญหาอีกอย่างที่เขาต้องดูแล
อาหารที่เก็บไว้เหลือไม่มากแล้ว
พวกเขาสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วยการล่าสัตว์ แต่มันก็ทำได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น
ไฮเดกเกอร์ได้สร้างการเพาะปลูกสำหรับผลิตพืชผลไว้แค่พื้นที่เล็กๆ ดังนั้นมูยองจึงวางแผนที่ขยายขนาดมันให้ใหญ่ขึ้นเพื่อรองรับอนาคต
มันต้องใช้เวลาพอสมควร แต่เมื่อตัดสินใจแล้วเขาก็ต้องวางแผนทุกอย่างด้วยความเหมาะสม
ตามคำสั่งของมูยอง โดเกบิ 20,000 ตนต่างกระตือรือร้น
คนที่ลังเลในตอนแรกก็เริ่มเข้ามาช่วยโดเกบิ และปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่
และไม่นานหลังจากนั้น <โดเกบิ 20,000 คนเข้าร่วมแล้ว>
<อิทธิพลของอาณาเขตของคุณเพิ่มขึ้น>
<ความสามัคคีระหว่างมนุษย์กับโดเกบิ!>
<คุณได้รับลอร์ดพ้อยท์ 10 คะแนน>
<คุณสามารถทำสิ่งต่าง ๆ ได้โดยใช้ลอร์ดพ้อยท์ หากต้องการทราบข้อมูลเฉพาะคุณสามารถตรวจสอบได้จากหน้าต่างสถานะ>
<อันดับของ 'ลอร์ด' ทักษะเพิ่มขึ้นจาก E เป็น C>
<คุณสามารถสถาปนา "อัศวิน" ได้ คุณสามารถมอบ 3 พ้อยให้บุคคลที่มีตำแหน่งอัศวินเพื่อให้สเตตัสของอัศวินดีขึ้น>
เมื่อโดเกบิปรับตัวเข้ากับหมู่บ้านได้แล้วก็ส่งผลให้อันดับของเขาเพิ่มมากขึ้น
มูยองลูบคางของตัวเอง
ลอร์ดพ้อยท์
ลอร์ดสามารถใช้คะแนนเหล่านี้ในการแลกกับของทุกสิ่งทุกอย่าง
เมื่อเทียบกันแล้วก็ยังคงขาดแคลน แต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังได้รับคะแนนเพิ่มอีก เนื่องจากมีหลายพื้นที่ที่ยังต้องการการพัฒนา
'ขึ้นอยู่กับว่าลอร์ดของพวกเขาใช้คะแนนยังไง การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของอาณาเขตก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามนั้น'
อย่างไรก็ตามเขาจำเป็นต้องใช้ลอร์ดพ้อยท์อย่างระมัดระวัง
นอกจากสร้างปราสาทและอาคารแล้ว ยังมีอย่างอื่นอีกมากที่ต้องใช้คะแนนนี้
ตัวอย่างเช่น การว่าจ้างผู้พิทักษ์เพื่อปกป้องอาณาเขต การสร้างสถานที่สถาปนาอัศวิน การซื้อหินอาณาเขต ฯลฯ
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการสร้าง 'สถานที่ศักดิ์สิทธิ์' ซึ่งสำคัญที่สุด
รูปแบบของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์จะแตกต่างกันไปบ้างเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับเทพเจ้าที่พวกเขาเคารพบูชา
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาตั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้วผู้ศรัทธาก็จะปรากฏตัวด้วย
จากสิ่งที่เขารู้ อาณาเขตจะได้รับการอวยพร และการรุกรานของมอนสเตอร์จะลดลง
'การจะได้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ฉันต้องการอย่างน้อย 2,000 คะแนน'
เขาเดาะลิ้น
แล้วก็หันศีรษะหลังกลับ หลังจากสังเกตอาณาเขตที่กำลังพัฒนาไปอย่างช้าๆ
"ที่รักจ๋า มีอะไรที่เป็นกังวลเหรอ?"
ภูติตัวเล็กบินไปรอบๆด้วยการกระพือปีกของเธอ
เขามองไปที่วูฮี
วูฮีติดตามมูยองไปทั่วทุกหนทุกแห่ง ตั้งแต่ที่พวกเขาออกมาจากการทดสอบของโอม
เธอสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของมูยอง และเธอก็บอกได้ว่าเขากำลังกังวลกับอะไรบางอย่าง
'การปลุกพลัง.'
นอกจากอาณาเขตที่ต้องเข้มแข็งแล้ว มูยองยังต้องพัฒนาตัวเองอีกด้วย
สิ่งแรกที่ต้องทำคือการปลุกพลัง
สเตตัสหลักของเขาเกือบทั้งหมดจะทะลุ 100 แล้ว
'Str. และ Agi. มีมากกว่า 100'
ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่า Sta เลย เพราะมันไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้าเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป
ในอดีตมูยองมีปัญหาเป็นระยะเวลานานเรื่องที่มีค่า Sta ต่ำ
ส่วนค่า Int และ Wis เป็นสเตตัสที่ส่งผลต่อจิตใจ และเขาไม่ได้อยากเป็นนักเวทย์ มันจึงถูกทิ้งให้ต่ำ และไม่มีทางที่จะเติบโตทันค่า Sta ของเขาได้
เห็นได้ชัดว่ามีข้อจำกัดในการยกระดับจากการกระทำใดๆ
'ทักษะเพชรฆาตราชา และทักษะการอุทิศจิตวิญญาณ จะเป็นทางเลือกสุดท้ายของฉัน'
เขาเชื่อว่าสามารถส่งเสริมส่วนที่เหลือในความแข็งแกร่งของเขาโดยใช้ทั้งสองวิธี
อย่างไรก็ตามมันจะต้องใช้เวลา หรืออาจจะต้องสูญเสียอันเดธของเขาบางส่วนสำหรับกรณีนี้
ดีที่สุดหากจะพยายามอย่างสุดความสามารถ และใช้วิธีทั้งสองเป็นทางเลือกสุดท้าย
"ที่รักจ๋า?"
วูฮีพูดขณะที่บิดตัว ราวกับว่ารู้สึกอาย
มูยองมองไปยังผืนดินนอกอาณาเขตของเขา
"เธอเป็นภูติ เธอน่าจะรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับการทดสอบ"
เขาไม่สนใจเธออย่างเปิดเผย แต่วูฮีไม่ได้ใส่ใจ
เธอเท้าสะเอวไว้ และพูดอย่างมั่นใจ
"แน่นอน ฉันรู้ ในพื้นที่นี้ไม่มีภูติตนไหนที่เก่งเกินวูฮีหรอกน่า"
"เป็นไปได้ไหมที่จะหาว่ามีการทดสอบแบบไหนใกล้ๆ แถวนี้ ?"
วูฮีวางมือบนศีรษะของเธอและครุ่นคิดครู่หนึ่ง
"อืม ... ฉันคิดว่ามันเป็นไปได้นะ เพราะวูฮีมีเหล่าภูติเป็นแฟนคลับมากมายวูฮี่ฮี่"
เขาไม่คิดว่าเธอจะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง เธอก็จะมีประโยชน์มากทีเดียว
ถ้าเขาสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับสถานที่ต่างๆของการทดสอบ ก็เป็นไปได้ที่จะสามารถผูกขาดพวกมัน!
"นำฉันไป."
"อะไรนะ? ตอนนี้เลยเหรอ?"
ขณะที่มูยองพยักหน้า แก้มของวูฮีก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อ
อึก!
"ฉันไม่ทำมันฟรีๆหรอกนะ...ขอจุ๊บทีหนึ่ง "
ดวงตาของมูยองเย็นชา และไร้อารมณ์
ปกติเขาก็เป็นคนที่เย็นชาอยู่แล้ว ตอนนี้เขาให้ความรู้สึกเย็นชายิ่งกว่า
หลังจากรู้ตัว วูฮีก็มีเหงื่อซึมนิดๆ
"มัน...มันแค่เรื่องตลกน่ะ วูฮีฮี.... ฉันจะรีบมองหาพวกมันแล้วรีบกลับมานะ"
เธอกระพือปีก และบินออกจากอาณาเขตไป
สักครู่ มูยองเฝ้าดูเธอไปแล้วกำหมัดไว้แน่น
'ตั้งแต่ฉันได้เสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลงครั้งที่ 1 ฉันก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถทำซ้ำได้อีกหรือไม่ แต่เมื่อถึงเวลาฉันจะมองหาคนแคระหลังจากนั้น'
เขามีวัตถุดิบมากมาย เช่นหัวใจฟีนิกซ์ กระดูกมังกร ฯลฯ แต่มีช่างตีเหล็กจำนวนมากที่ไม่สามารถใช้วัตถุดิบเหล่านี้ได้อย่างถูกต้อง
แม้ว่าจะเป็นไปได้ที่ไฟทาร์สามารถทำได้ แต่คนแคระอาจจะทำได้ดีกว่า
และมูยองก็รู้วิธีหาคนแคระ
ถึงจะหาไม่เจอ เขาก็สามารถใช้ 'พรสามประการ' ได้
เขาจำเป็นต้องมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ก่อนสำหรับการปลุกพลัง
วูฮีบินขึ้นไปบนฟ้า และมองลงมาที่พื้น
จากนั้นเธอก็ปล่อยฝุ่นละอองจากปีกของเธอเพื่อรอการตอบรับ
ฝุ่นละอองจากปีกเป็นเหมือนสัญญาณระหว่างภูติ ไม่นานหลังจากนั้น มีภูติผู้อ่านสัญญาณได้บินไปหาเธอ
"ป่งป้ง! วูฮี! โอ้ที่รักของผม!"
ภูติตัวค่อนข้างอ้วนกำลังเช็ดเหงื่อขณะที่เดินเข้ามาหาเธอ
วูฮีขมวดคิ้ว
"อะไรกันเนี่ย? ปงปงทำไมนายถึงอยู่ที่นี่?"
“ป่งป้งง! ฉันกำลังซ่อมแซมการทดสอบอยู่ วูฮีตอนนี้เธอยินดีที่จะยอมรับความรักของผมได้หรือยัง?”
"ฝันไปเถอะ! ฉันมีเจ้าของแล้วย่ะ"
"ห๊ะ เธอพูดว่าไงนะ ?"
ภูติที่ถูกเรียกว่าปงปงทรุดตัวลงกับพื้นเมื่อได้ยินคำที่น่าตกใจนี้
น้ำตาไหลเอ่อออกมาจากดวงตาของเขา
วูฮีไม่สนใจ และพูดอย่างภาคภูมิใจ
"ว่าแต่ว่า ฉันสามารถดูได้ใช่มั้ย? มันอยู่ที่ไหนล่ะ?"
"เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร?"
"การทดสอบไง ใครจะรู้ล่ะ? บางทีหัวใจของฉันอาจจจะหวั่นไหวก็ได้ ตราบใดที่นายสร้างการทดสอบที่ดีและได้รับบ้านที่สวยงาม วูฮีเกลียดภูติที่ไร้ความสามารถ คนที่จะคว้าหัวใจวูฮีได้จะต้องเป็นคนที่มีบ้านหลังใหญ่เหมือนปราสาทเท่านั้น"
เธอเชิดหน้า
จากนั้นภูติที่คุกเข่าอยู่ก็ยืนหยัดขึ้นโดยที่ยังกัดริมฝีปากเอาไว้
“ป่งป้งง! ได้สิตามผมมา ผมจะพิสูจน์ความสามารถให้เธอได้เห็น!”
ถือว่าเป็นความโชคดี ถ้าเธอกำลังมองหาการทดสอบ เขาคือความเป็นไปได้นั้น
เขากำลังวางแผนที่จะสร้างการทดสอบที่สมดุลที่สุดจากบรรดาเหล่าภูติทั้งหมด และรับบ้านในฝันของหมู่ภูติเป็นของรางวัล
มันเป็นเรื่องปกติสำหรับใครบางคนที่เฝ้าทวิลหาบ้านในฝัน และมั่นใจได้ว่าปงปงเป็นหนึ่งในนั้น
ในไม่ช้าสายตาของวูฮีก็มองเห็นกล่องทดสอบ
"มันก็ดูดีนะสำหรับคนสร้างเช่นนาย แต่ว่า..."
เธอมองไปรอบๆการทดสอบและถอดสีหน้า
"ทำไมล่ะ มีอะไรไม่ดีเหรอ?"
"ระดับความยากนี่มันยากเกินไป ทำไมมอนสเตอร์อย่างเซอร์เบอรัสถึงอยู่ที่นี่ล่ะ? "
"ป่งป้ง, เซอร์เบอรัสสามหัวเป็นผู้ดูแลที่คอยปกป้องห้องนี้ ซึ่งเป็นส่วนที่ฉันภูมิใจมากที่สุดเลยล่ะ"
"ไม่มีทางที่นายจะวางมอนสเตอร์แบบนี้โดยไม่คิดอะไร นายมีวิธีเคลียร์มันใช่มั้ย?"
“แน่นอน! การที่มันมีสามหัวก็ต้องใช้สามวิธีเช่นเดียวกัน ผมได้ปรับปรุงทุกอย่างเพื่อให้ผู้เข้าการทดสอบต้องพิจารณาถึงความสมดุลทั้งหมดก่อนที่จะเอาชนะมัน”
วูฮียิ้มให้อย่างสดใส
ภูติที่เฝ้าดูเธอเอามือกอดหน้าอกของตัวเอง
หัวใจของเขาเหมือนกำลังจะระเบิดออก ไม่มีคำพูดไหนที่จะอธิบายถึงอารมณ์ของเขาได้ดีกว่านี้แล้ว
วูฮีเป็นเหมือนเจ้าหญิงของเหล่าภูติ
ภูติแห่งความงามที่ไม่มีใครเทียบ และมั่นใจได้ว่าแม้จะเป็นพระเจ้าก็ต้องหลงรักในบุคลิคของเธอ!
แม้มันเป็นเพียงมาตรฐานของเหล่าภูติ แต่นั่นคือเหตุผลที่ภูติจำนวนไม่น้อยพยายามที่จะชนะใจเธอ และวูฮีก็มักจะปฎิเสธพวกเขา
แต่ตอนนี้เขาจะได้รับโอกาสนั้น
เขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร!
หลังจากนั้นวูฮีก็แอบถาม
“วูฮี่ฮี่ เป็นอย่างงี้นี่เอง แล้ววิธีการที่นายพูดถึงคืออะไรล่ะ?”