[KotB] บทที่ 70 : คลาสที่สอง (ตอนจบ)
บทที่ 70 : คลาสที่สอง (ตอนจบ)
<การประเมินเสร็จสิ้นแล้ว>
<สำหรับการสำเร็จภารกิจที่เหลือเชื่อ! ตามกฎของซาโลมอน คุณจะได้รับรางวัลพิเศษ>
<จ้าวแห่งความมืด 'คิงสเลเยอร์' เลือกคุณ >
<คุณยินดีที่จะยอมรับหรือไม่?>
มูยองขมวดคิ้ว
จ้าวแห่งความมืด ผู้พิทักษ์กฏทั้งหมด 11 คน
ก่อนหน้าเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของคนเหล่านี้ผ่านเมอร์ลินขณะที่อยู่อารามสีคราม
และเมื่อเดธลอร์ดเลือกมูยอง เขาก็สามารถรู้สึกได้ถึงตัวตนอันเยี่ยมยอด
กระทั่งมูยองสามารถได้รับคลาสระดับสูงอีกครั้ง
'คราวนี้ มันคือคิงสเลเยอร์ ... '
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รู้เป็นเพียงแค่ชื่อ เขาอยากจะตรวจสอบมันว่าเป็นระดับชั้นประเภทไหนหลังจากที่เขายอมรับมันแล้ว
แน่นอนว่า คิงสเลเยอร์ เป็นระดับชั้นลอร์ด
จากชื่อ เขาสันนิษฐานว่าจะต้องมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับราชา
'คราวนี้มันแตกต่างกัน'
มูยองหัวเราะเบาๆ
เดธลอร์ดเป็นระดับชั้นที่เขาถูกบังคับรับมาโดยที่ไม่มีโอกาสตัดสินใจใดๆ
แต่ตอนนี้พวกเขากำลังรอคำตอบของมูยอง
ตัวตนจ้าวแห่งความมืดเป็นยังไงกันแน่?
'ฉันยอมรับ'
มูยองตัดสินใจ
อะไรก็ตามตราบเท่าที่มันเป็นประโยชน์ มันย่อมส่งผลดี
มันเป็นความท้าทายที่ควรค่าแก่การลอง
หลังจากนั้น ข้อความก็ปรากฏขึ้นช้าๆด้านหน้า
<เพชฌฆาตของเหล่าราชา ผู้ซึ่งสังหารราชาทั้งปวง>
<คุณได้รับอาชีพระดับชั้นลอร์ด 'คิงสเลเยอร์'>
ในขณะเดียวกัน.
วิสัยทัศน์ของเขาพลิกกลับ และชายคนหนึ่งก็ปรากฎสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา
ยุคมาโดที่นักเวทย์มีอำนาจเหนือผู้ใดในขณะที่เหล่าอัศวินเริ่มสาบสูญ
ชายผู้ที่เป็นอัศวินที่แท้จริง
เขาบรรลุจุดสูงสุดในวิถีดาบด้วยการฝึกฝนจากประสบการณ์มากมายของตัวเอง
ขณะที่ทุกคนนำอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆเข้าร่วมในสนามรบ ชายคนนั้นเชื่อเพียงวิถีดาบของเขาและใช้มันบั่นคอเหล่าศัตรู
อัศวินแห่งราชอาณาจักรคนสุดท้ายของจักวรรดิ
แม้กระทั่งนักเวทย์ผู้ซึ่งใช้พลังเหนือธรรมชาติก็ไม่อาจเทียบชั้นกับเขาได้
เขาก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ และในที่สุดก็สามารถคว้าพลังอำนาจจุดสูงสุดเท่าที่มนุษย์จะสามารถครอบครอง
เมื่อตระหนักถึงความแข็งแกร่งที่เกินไปนั้นจักรพรรดิจึงบีบเขาให้เข้าไปสู่สนามรบที่อันตรายยิ่ง
-สงครามอัสบอร์น? การปราบมังกรทองคำอเลเซีย? แต่ทว่าเขากลับทำทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยตัวเอง
-เขาไม่ใช่มนุษย์ มนุษย์จะสามารถทำสิ่งเหล่านี้ด้วยตัวเองได้ยังไง?
ผู้คนต่างลำลือไปต่างๆนาๆเกี่ยวกับตัวเขา
อย่างไรก็ตามคำพูดเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในวงแค่คนหรือสองคนเท่านั้น
เหล่าผู้มีอำนาจเริ่มหวาดระแวงว่าชีวิตของตัวเองอาจตกอยู่ในอันตราย และพยายามผลักใสคนที่พวกเขาอิจฉาออก
ถึงอย่างนั้นชายผู้นี้ก็ยืนหยัดอย่างมั่นคง และทำหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่ทว่าด้วยความหวาดระแวงและอิจฉาของผู้คนก็ส่งผลให้เกิดหายนะ
เขาไม่ได้สร้างความกระวนกระวายให้แก่เหล่าจักรพรรดิเท่านั้น
ราชาทั้งหลายในโลกล้วนแต่ต้องการให้เขาตาย
นักเวทย์ระดับสูง และนักรบมากฝีมือถูกรวบรวมเพื่อล้อมตัวเขา
-พระราชา! ทำไมท่านถึงทำแบบนี้?
- เจ้าเข้มแข็งเกินไป อันตรายเกินไป ใช้เพียงความแข็งแกร่งของมนุษย์ผ่านสมรภูมิต่างๆมาได้ ด้วยความสุจริต ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะทำมันสำเร็จ
- ท่านจะบอกว่าไม่เชื่อในความภักดีของข้า?
- ถ้าเจ้าอยากจะแสดงความภักดีจริงๆ ก็จงฆ่าตัวตายที่นี่ซะ
ชายผู้นั้นโห่ร้องด้วยความเสียใจ
เขาต่อสู้มาอย่างยาวนาน แม้ว่ามันจะมีความเป็นไปได้น้อยขนาดไหน เขาก็สามารถนำชัยชนะกลับมาถึงบางครั้งจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ตาม
ทั้งหมดเป็นเพราะรับสั่งของจักรพรรดิ
ด้วยความไม่ชอบธรรมนี่เอง ความอาฆาตพยาบาทได้ถาโถมจิตของชายผู้นี้ให้ตกสู่ความมืดมิด
-ได้ ถ้าท่านต้องการให้ข้ากลายเป็นปีศาจ ข้าก็จะเป็นปีศาจ
นั้นเป็นตอนที่ชายคนนี้ปลดเปลื้องธรรมชาติความเป็นมนุษย์ของเขาออก
เขากลายเป็นปีศาจร้ายสังหารราชาทุกคนที่มีส่วนร่วมในการทรยศเขา
หลังจากนั้นเขาต้องการทำให้โลกนี้เป็นอิสระจากการถูกจองจำ แต่ทุกคนต่างเต็มไปด้วยความหลงผิดและหวาดระแวง
ผู้คนไม่สามารถไว้ใจซึ่งกันและกัน และกำลังเดินไปสู่ความหายนะ
ในที่สุด เมื่อโลกใกล้จะถึงจุดจบ ชายคนนั้นเดินทางไปยังที่รกร้างว่างเปล่าอย่างเดียวดาย
เขาเหนื่อยล้า
- ข้าล้มเหลว
จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นและมองไปที่มูยอง
เขากล่าวชัดเจนในทิศทางที่มูยองจะต้องก้าวไป
- เจ้าสามารถรับมือกับความแข็งแกร่งนี้ได้หรือไม่? ผู้คนจะผลักไสไล่ส่งเจ้า ทุกคนจะต้องการให้เจ้าตาย เจ้าจะสามารถฟันฝ่ามันไป?
ที่ประโยคสุดท้ายเขาพูดในขณะที่กำหมัดเอาไว้แน่น
- เจ้าจะไม่ล้มเหลวใช่ไหม?
อะไรบางอย่างอาจถูกกำหนดให้ล้มเหลวไว้แล้ว?
เหมือนชายผู้นั้นกำลังถามเขาว่าจะยอมรับการทดสอบนี้ทั้งหมดได้หรือไม่
มูยองตอบ
"ผมไม่ใช่คุณ"
อย่างไรก็ตาม คำพูดแค่นั้นเหมือนจะยังไม่พอ
"ผมจะไม่มีทางถูกสยบแน่นอน"
เขาสังหารวีรบุรุษมานับไม่ถ้วน
เขาเผาความหวัง ทำลายความฝันของผู้คน และได้รับการประณามมามากมาย
แต่กระนั้นมูยองก็ไม่เคยเหนื่อยล้า และพ่ายแพ้
เขาไม่เคยเสียใจกับการตัดสินใจของตัวเอง
เพียงแค่ยิ้ม และเผชิญหน้า
คิงสเลเยอร์เป็นคนที่ซื่อตรง เขาเป็นชายที่มีจุดยืนตรงข้ามกับมูยองอย่างสิ้นเชิง
- ถ้างั้น รับมันไว้ ข้าจะออกจากสวนลับนี้แล้วไปกับเจ้า
คิงสเลเยอร์ยิ้มให้
จากนั้นยามสนธยาก็มาเยือนและปกคลุมโลกไว้ในความมืด
*
แสงสว่างสีจางกลืนร่างมูยองอย่างช้าๆ
ร่างกายของมูยองค่อยๆลอยขึ้นไปในอากาศ โดยที่แสงทั้งหมดถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของมูยอง
มูยองลืมตาขึ้น
"ขอทำความเคารพโอม"
"ทำความเคารพโอม!"
โดเกบิโค้งคำนับ
โอม คือผู้ปกครองที่แท้จริงของเหล่าโดเกบิ
เป็นเพราะเขามีคุณสมบัติพอ
ยังไงก็ตามโดเกบิทั้งหมดก็ตกอยู่ในความสับสนอยู่ในใจ
ไม่เคยมีประวัติว่านอกจากด๊อกซินี จะมีโดเกบิใดๆกลายเป็นโอม
หากไม่ใช้ด๊อกซินี เหรียญตราแห่งโอมจะปฏิเสธพวกมัน
แต่มันกลับยอมรับเขา
มูยองมองไปรอบ ๆ
ที่โดเกบิกว่า 20,000 คน กำลังโค้งคำนับอยู่
'หน้าต่างสถานะ'
เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของเขา มูยองได้เปิดดูสถานะของตัวเอง
ผลของความสำเร็จ ->
โอม (A +, Str +10. ผู้ปกครองเหล่าโดเกบิ)
ความเจ็บปวดของเกรโมรี (A, ความสามารถทั้งหมด +3 )
ผู้รับใช้อาชูร่า (A, พลังในการจัดการกับวิญญาณและปีศาจ, ความสามารถทางวิญญาณเพิ่มขึ้นจาก '10')
ความสนิทสนม (B + นับจากนี้ไปถ้าคุณติดต่อกับอันเดธ สถิติของมันจะเพิ่มขึ้นอย่างถาวรเล็กน้อย)
ผู้สืบทอดแห่งเมอร์รอค (B + อัตราการเติบโตของเมอร์รอคเพิ่มขึ้น)
พรของนางฟ้า (B, ช่วยให้นางฟ้ารู้สึกคุ้นเคยกับผู้ใช้)
ผลกระทบจากคลาส ->
เดธลอร์ด (คลาสลอร์ด, ผู้ปกครองแห่งความตาย)
คิงสเลเยอร์ (คลาสลอร์ด, เพชฌฆาตเหล่าราชา)
สถานะ ->
Str. 140 (104 + 36) Agi. 137 (100 + 37)
Stamina.124 (96 + 28) Int.81 (59 + 22)
Wis. 77 (55 + 22) ออร่าการต่อสู้ 81 (59 + 22)
ต้านทานเวทย์ 65 (47 + 18) ความสามารถทางจิตวิญญาณ 61 (33 + 28)
หมายเหตุ: จิตวิญาณการต่อสู้ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นแล้ว. เสร็จสิ้นการเปลี่ยนแปลงขั้นที่ 1
อุปกรณ์ที่สวมใส่ และอุปกรณ์เรียกใช้:
- ดาบแห่งความโกรธเกรี้ยว (Str +14, ความเหี้ยมโหดของโอเกอร์),
- ชุดเซ็ทกษัตริย์คลั่ง (All Stats +15, Sta +10) - เกราะเงา (ช่วยให้คุณสามารถหายตัวผ่านไปยังเงาภายในวิสัยทัศน์ของคุณได้ 3 ครั้งต่อวัน),
- เข็มขัดแห่งความชั่ว (Int และ Wis +4, อันเดธทั้งหมดมีความแข็งแกร่งขึ้น 5%)
- รองเท้าบูทของเฮอมีส (Agi +15, สามารถเร่งความเร็วได้ 3 วินาที)
เขากลายเป็นโอมคนต่อไป และมีคลาสใหม่ถูกเพิ่มเข้ามา
นอกจากนั้นสถานะของเขาได้เพิ่มขึ้นมาก
"การเปลี่ยนแปลงระดับขั้น"
มูยองไม่แน่ใจว่าเขาจะได้รับการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหรือไม่ และคงจะรู้ได้เองเมื่อเวลานั้นมาถึง
อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาได้รับอาชีพเพิ่มแล้ว ทักษะของมันควรติดมาด้วย
มูยองตรวจสอบทักษะใหม่ของเขา
ชื่อสกิล: เพชฌฆาตราชา (None)
คำอธิบาย - ผู้มีอำนาจในการสังหารราชาใดๆ คุณจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อทำตามเงื่อนไขของอำนาจที่ได้รับ ทุกครั้งที่คุณฆ่าคนที่ได้ยอมรับว่าเป็น 'ราชา' คุณจะได้รับค่าสเตตัสที่เหมาะสม คุณจะไม่ถูกข้าทาสบริวารครอบงำ
ชื่อสกิล: ปรมาจารย์ดาบ (F)
คำอธิบาย - ผู้ที่เดินตามวิถีของดาบ พลังรูปแบบเฉพาะที่มอบให้กับคิงสเยอร์ผู้ซึ่งสามารถก้าวผ่านทุกสิ่ง ด้วยการเพิ่มความชำนาญในการใช้ดาบ
*ความเข้าใจในดาบเพิ่มขึ้นอย่างมาก
*คุณสามารถค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ของดาบได้
*สามารถดึงพลังงานที่บริสุทธิ์ของดาบ
ทักษะติดตัว 2 แบบ
เป็นทักษะอัตโนมัติ โดยไม่จำเป็นต้องเปิดใช้งานใดๆ
มูยองพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
'ฉันจะต้องไม่ทำพลาดอีก'
และเขาก็ได้ตัดสินใจอีกครั้ง
คิงสเลเยอร์
เขาจะเดินไปตามเส้นทางที่แตกต่างไปจากชายผู้นั้นอย่างสิ้นเชิง!
"ขอแสดงความยินดีด้วยที่เคลียร์คลื่นที่ 32 ได้ วูฮีฮี”
ปรุ ปรุ…. ตูม….ตูม
แสงสีฟ้าพุ่งออกไปจากดอกไม้ไฟ และข้างๆเขา ภูติตัวน้อยก็ปรากฏตัวขึ้น
เป็นภูติที่เขาเคยพบมาก่อน
นั่นคือวูฮี ที่เคยเจอในสมรภูมิไร้จุดจบ
"ทำไมเธอมาอยู่ที่นี่?"
"เอ๋ ~ นายพูดแบบนี้เพราะกำลังเขิลอยู่ใช่ไหมล่ะ? ฉันรู้แต่ไม่จำเป็นต้องอายไปหรอกน่า"
"ฉันไม่เข้าใจว่าเธอพูดเรื่องอะไร"
"เอ๋? ฉันสัญญาว่านายจะได้ตัววูฮี หากสามารถเคลียร์คลื่นมากกว่า 30 ลูกในสมรภูมิไร้จุดจบ"
"ฉันไม่เคยสัญญาแบบนั้น"
เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาไม่ได้ตกลงทำสัญญาด้วย
ในขณะที่มูยองพูดอย่างเย็นชา วูฮีทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
"ฮือ ฮือ นี่สินะที่เค้าพูดกันว่าถูกเขี่ยทิ้งเมื่อหมดประโยชน์ วูฮีถูกทิ้งแล้ว "
"หยุดพูดเรื่องเหลวไหลสักที"
"หรือนายจะยอมรับวูฮีแล้ว?"
มูยองขมวดคิ้ว
ในทางตรงกันข้าม โดเกบิที่กำลังเฝ้าดูพวกเขาเบิกตากว้าง
"คำทำนายเป็นความจริงงั้นเหรอ?"
ความวุ่นวายเล็กๆ เริ่มขึ้น
การทดสอบของฮูม คำพยากรณ์เกี่ยวกับเหรียญตราแห่งโอม
นักบวชชั้นสูงผู้ล่วงรู้ความลับของจักรวาลได้กล่าวว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นในหุบเขาวิญญาณแห่งนี้
และภายในคำทำนายบางส่วนระบุว่า "จะมีผู้หนึ่งซึ่งมีภูติติดตาม คนผู้นั้นจะพาเราไปสู่ดินแดนสุขาวดี '
อย่างไรก็ตามมันยากมากที่จะได้เจอพวกภูติ และยังไม่เคยได้ยินเรื่องที่ว่าเหล่าภูติจะติดตามผู้ใด
"เงียบหน่อย"
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของมูยอง พวกเขาก็เงียบไป
มูยองเริ่มมีอิทธิพลต่อพวกเขา และไม่นานนักเซฮุนก็เป็นคนแรกที่แสดงท่าที
"ท่านโอมโปรดพาพวกเราไปสู่แดนสุขาวดี"
"แดนสุขาวดี?"
มีเรื่องไร้สาระอะไรแบบนี้ด้วยหรือ?
อย่างไรก็ตาม เซฮุนดูจริงจัง
ผู้ปกครองของโดเกบิน้ำแข็ง พูดกับเขาอย่างสุภาพ
"พวกเขากล่าวว่าถ้าโอมที่แท้จริงปรากฏตัว เขาจะนำพาโดเกบิไปสู่แดนสุขาวดีได้ เราเหล่าโดเกบิทั้งหมดต่างแบ่งแยกออกเป็นหลายเผ่า และในดินแดนที่ยิ่งใหญ่นี้ เราแทบจะไม่สามารถที่จะมีอายุยืนยาวได้ ได้โปรดนำทางพวกเราด้วย "
โดเกบิไม่ใช่มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง
ถึงตอนนี้ มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะมีชีวิตอยู่ในดินแดนเทพปีศาจแห่งนี้ได้ตลอดไป
มูยองสูดลมหายใจเข้าลึก
"ถ้าเจ้าต้องการจะติดตามข้า ก็ตามใจ"
มูยองกล่าวกับโดเกบิทั้ง 20,000 คน
"อย่างไรก็ตามข้าจะไม่รับประกันว่าสถานที่ที่ข้าจะไปนั้นเป็นแดนสุขาวดี ที่นั่นไม่มีอะไรทั้งนั้น และทุกสิ่งทุกอย่างก็เกิดขึ้นมาจากพื้นดิน "
ที่นั่น มีคนน้อยกว่า 100 คน
มูยองกำลังวางแผนที่จะพาโดเกบิ ไปยังอาณาเขตของเขา
เขาไม่แน่ใจว่ามนุษย์และโดเกบิสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบสุขหรือไม่ แต่ผู้ที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของพวกเขาต่างก็เป็นมูยอง ดังนั้นมันจึงไม่น่าจะกลายเป็นการต่อสู้
มูยองมองไปที่วูฮีและพูดอีกครั้ง
"ส่วนเธอตัดสินใจ...."
"ฉันจะไป! ฉันจะไป!"
วูฮี ชูมือขึ้นไปในอากาศ
เธอพูดทันทีโดยที่แทบไม่ได้คิด
มันถูกต้องแล้วที่ถามถึงการตัดสินใจของพวกเขา เพราะหากใช้กำลังก็รังแต่จะมีผู้ต่อต้าน
มูยองเริ่มออกเดินทาง....โดยที่มีโดเกบิจำนวน 20,000 คน ติดตามเขาอยู่เบื้องหลัง