[KotB] บทที่ 68: คลาสที่สอง (4)
บทที่ 68: คลาสที่สอง (4)
หลังจากนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
และดูเหมือนว่าเฮดลี่คาวไม่ได้สงสัยอะไรในตัวมูยอง
มูยองอยากรู้จริงๆว่าเฮดลี่คาวจะทำยังไงหลังจากนี้
โอกาสจะมาถึงในช่วงเวลาที่บรรลุเป้าหมาย
ทุกคนมักไม่ค่อยระวังตัว เมื่อบรรลุเป้าหมายของตัวเองแล้ว
เขาค่อนข้างพอใจที่ตัดสินใจถูกว่าใครคือเฮดลี่คาว
"ด๊อกซินี ... !"
"ฮูมและโอมกำลังเข้าข้างเราเหล่าโดเกบิเพลิง!"
ในอีกมุมมอง มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเหล่าโดเกบิได้ไม่บ่อยนัก
มันยากเหลือเกินที่จะเอาชนะข้อจำกัดในการที่จะวิวัฒนาการได้
และหนึ่งในโดเกบิเพลิงมีการวิวัฒนาการขึ้น เขาเข้าใจความรู้สึกของพวกโดเกบิขณะนี้
ในทางกลับกัน อาร์โลซึ่งเคยเป็นด๊อกซินีเพลิงเพียงตัวเดียวยืนตัวแข็งทื่อ
อาจเป็นเพราะเขาคิดว่าความสำคัญของตนเองจะถูกแบ่งปันให้ผู้อื่น?
จิตวิญญาณต่อสู้ของเหล่าโดเกบิน้ำแข็งพลันลดลง ในขณะที่เหล่าโดเกบิเพลิงกลับโชติช่วงขึ้น
พวกเขาเริ่มโต้กลับและหลุดพ้นจากการถูกสังหารหมู่โดยทหารโครงกระดูกมังกร
'กระดูกมังกร'
เมื่อมูยองรู้แล้วว่าใครเป็นเฮดลี่คาว ตอนนี้จึงหันไปให้ความสนใจกับทหารโครงกระดูกมังกรแทน
วัตถุดิบที่จำเป็นในการสร้างทหารโครงกระดูกมังกร
นั่นก็คือกระดูกของมังกร
กระดูกมังกรเป็นหนึ่งในวัตถุไม่กี่อย่างที่หาได้ยากมาก
'พวกมันจะกลายเป็นวัตถุดิบหลักในการสร้างอุปกรณ์สวมใส่ของฉัน"
หลังจากได้รับชัยชนะจากการต่อสู้แบบตะลุมบอน มูยองได้รับชิ้นส่วนหนึ่งของเกล็ดมังกรมา
ถ้าเขาเพิ่มสิ่งต่างๆเช่นกระดูกมังกรและหัวใจของนกฟีนิกซ์ลงไป เขาจะสามารถผลิตอุปกรณ์ได้ดีกว่าที่คาดไว้
เนื่องจากทหารโครงกระดูกมังกรอยู่ในสภาพที่คล้ายคลึงกับอันเดธทักษะศิลปะแห่งความตายจึงไม่สามารถใช้งานได้
แต่เขาคงยังสามารถเก็บสะสมทหารโครงกระดูกมังกรได้อย่างไม่มีปัญหา
ระหว่างที่โดเกบิเพลิงมีผู้วิว้ฒนาการขึ้น เหล่าโดเกบิทุกตัวต่างมุ่งเน้นไปที่การล่าทหารโครงกระดูกมังกร มูยองทำราวกับว่ากำลังช่วยพวกเขาในขณะที่เก็บซากศพทหารโครงกระดูกมังกรไปด้วย
*
<คลื่นที่ 32 เริ่มต้นแล้ว>
<เยติต้องสาป 12 >
คนทั่วไปเรียกยักษ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีหิมะตกว่าเยติ
อย่างไรก็ตามเยติต้องสาป มีความแข็งแกร่งมากกว่าเยติทั่วไป
เกือบทั้งหมดของพวกมันมีภูมิคุ้มกันจากคำสาปแช่ง และเวทมนตร์ศักดิ์สิทธิ์
ในความเป็นจริง ไม่มีมอนสเตอร์ใดที่เขาสามารถใช้ทักษะศิลปะแห่งความตายได้เลย หลังจากผ่านคลื่นที่ 30 เป็นตันมา
" มูยอง เราไม่สามารถสูญเสียจิตวิญญาณของเราให้กับโดเกบิเพลิงได้ "
เซฮุนเข้ามาใกล้มูยองด้วยการสีหน้าเคร่งเครียด
แม้ว่ามูยองจะร่วมมือกับพวกเขาเหมือนเป็นพวกเดียวกัน แต่เซฮุนรู้ว่ามูยองยังไม่ได้แสดงศักยภาพจริงๆของเขาออกมา
นั่นเป็นเหตุผลที่เซฮุนถามถึงความช่วยเหลือจากเขาเป็นครั้งแรก
" การที่ด๊อกซินีเพิ่งปรากฏตัวขึ้นมาใหม่ มันทำให้ข้ารู้สึกไม่สบายใจบางอย่าง "
มูยองแอบประหลาดใจ
เขาคิดว่าโดเกบิทุกคนกำลังเชียร์ด๊อกซินีคนใหม่ แต่ดูเหมือนว่าเซฮุนพบอะไรแปลกๆในตัวมัน
ถ้านี่เป็นวิวัฒนาการอย่างแท้จริง มันน่าจะเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในสนามรบ แต่นั่นไม่ใช่กรณีนี้
มันเป็นเพียงการเปลี่ยนร่างของเฮดลี่คาวเท่านั้น
มูยองพูดขณะที่พยักหน้า
" ข้าจะพยายามดู "
ยิ่งพวกเขาเคลียร์คลื่นได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้รับรางวัลที่ดีมากกว่าเท่านั้น
ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้วหากจะก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้น
เขารักษาความแข็งแกร่งมาได้มากพอด้วยการสร้างภูติผี 2-3 พันตัว ซึ่งมีจำนวนใกล้เคียงกับอันเดธ
ระหว่างนั้นมีใครบางคนเข้ามาหาเขาจากด้านหลัง
เมื่อหันกลับไปก็พบกาออนยืนอยู่อย่างเก้ๆกังๆ
"ข้าอยากมาขออภัย ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ... "
นี่คือกาออน ราชาแห่งชนเผ่าน้ำแข็ง
เขาพยายามอย่างสุดความสามารถ เพื่อแสดงความเสียใจอย่างแท้จริง
เป็นเพราะว่ากาออนเคยดูถูกมูยองเรื่องการต่อสู้ แม้กระทั่งเคยบอกให้มูยองแกล้งทำสู้หน่อยก็ได้ถึงจะเป็นแค่หัวหน้านักบวชอ่อนแอ
อย่างไรก็ตาม ... หลังจากการปรากฏตัวของโอเกอร์ ความคิดนี้ก็หายไปจนหมดสิ้น
สำหรับมูยองเขาสามารถยืนต่อสู้เคียงข้างเซฮุนได้!
ความรู้สึกที่คุกกรุ่นอยู่ภายในราวกับพายุ ไม่ใช่แค่กาออนเท่านั้นที่รู้สึกแบบนี้
เช่นกันกับโดเกบิที่หัวเราะเยาะมูยองว่าเขาเป็นคนขี้ขลาด
ตอนนั้นพวกเขาไม่สามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่ง และมองไปที่มูยองอย่างดูถูก
ใบหน้าของพวกเขาแดงขึ้นจากความละอายใจ
ด้านฝั่งโดเกบิเพลิง มีด๊อกซินีคนใหม่ปรากฏตัวขึ้น
และด้านของโดเกบิน้ำแข็ง มูยองเป็นคนเดียวที่สามารถสร้างความทัดเทียมนั้น
ทุกคนต่างมองออกว่าเซฮุนถึงขีดจำกัดของเขาแล้ว
คนขี้ขลาดก่อนหน้าจึงกลายเป็นดาวเด่นที่สุดในเวลานี้
"ข้าไม่ได้ใส่ใจอะไร"
มูยองจะรู้สึกดีใจมากกว่าที่ถูกมองข้าม
เพราะเขาสามารถสะสมเหล่าภูติผีและอันเดธได้อย่างง่ายดาย
มูยองหยิบยันต์ออกมา
เมื่อมันถูกใช้งานหมวกสีแดงและผ้าคลุมก็ปรากฏขึ้น
ชุดเซ็ตกษัตริย์คลั่ง!
เขาไม่ได้ใส่มันจนถึงตอนนี้เพื่อปลอมตัวเป็นพวกโดเกบิ
และตอนนี้เขาคิดว่ามันไม่สำคัญอีกต่อไป
นับจากนี้จะดีกว่าสำหรับการสร้างความดึงดูดใจบ้างเล็กน้อย
ในทางตรงกันข้าม เซฮุนขมวดคิ้ว
"เจ้าดูคล้ายกับโดเกบิเพลิง"
"ไม่ต้องกังวล ยังไงข้าก็ไม่ได้อยู่ฝั่งเดียวกับพวกนั้น "
มูยองพูดกับ เซฮุน ขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้า
“ไปกันเถอะ!!”
เขาต่อสู้อย่างจริงจัง ในระหว่างการรักษาสมดุลและกดดันให้เฮดลี่คาวอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากไปด้วย
"เขาเหมือนปีศาจสีแดง"
"ใครกัน?"
"ชายผู้นั้นไง คนที่ก่อนหน้านี้เอาแต่อธิษฐานให้กับคนตาย"
"หา? เขาจงใจเก็บความแข็งแกร่งของตัวเองไว้ใช่มั้ย? "
สายตาของหลายคนเริ่มจับจ้องไปที่มูยองอีกครั้ง การต่อสู้ของเขาถูกกล่าวขวัญไปทั่ว
เขาเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วและมีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้มากกว่าคนอื่น
ถ้าพวกเขาทราบถึงจำนวนสนามรบที่ผ่านมาในอันเดอร์เวิล์ดจะไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครเก่งเกินมูยอง
เขากำลังเติมเต็มค่าสเตตัสของตัวเองที่หายไปด้วยประสบการณ์ของเขา
'นี่เป็นผลกระทบจากการเพิ่มขึ้นของอัตราการพิชิตในเส้นทางแห่งอาชูร่า'
มูยองรู้สึกถึงความบ้าคลั่งที่กำลังเติบโตขึ้นภายในตัวเอง ไม่น่าเชื่อว่าแม้กระทั่งมูยองที่ได้รับฝึกฝนมาอย่างหนักจะได้รับผลกระทบนี้ด้วยเช่นกัน
ถ้าเป็นคนอื่นพวกเขาจะถูกกลืนกลินไปพร้อมกับความบ้าคลั่งนี้
<คลื่นที่ 33 ได้เริ่มขึ้น>
<ปรากฎบางสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์>
<อาชญากรเงา 1>
เมื่อจัดการเยติต้องสาปตัวสุดท้ายแล้ว ข้อความดังกล่าวก็ปรากฏขึ้น
แกร๊ง! แกร๊ง!
มอนสเตอร์ประเภทเงาที่มีลูกเหล็กขนาดใหญ่ผูกติดกับข้อเท้าปรากฏขึ้นมาจากความมืดอย่างลึกลับ
ช่วยอะไรไม่ได้ที่โดเกบิจะรู้สึกกลัวจนหัวหด
"มอนสเตอร์ที่ปรากฎกายออกมาจากความมืดนี้มัน ... "
"การทดสอบของโอมช่างโหดร้ายเหลือเกิน"
แม้ว่าจะมีการโดเกบิที่เข้าร่วมมากกว่า 30,000 คน แต่ตอนนี้เหลือไม่ถึง 5,000 คนแล้ว
และทุกคนก็ตระหนักได้ว่านี่คงจะเป็นคลื่นลูกสุดท้าย
ถึงโดเกบิเพลิงยังคงมีอำนาจเหนือกว่า แต่ถ้าพวกเขาถูกทำลายที่นี่ทุกคนจะพ่ายแพ้
โคร่มมมม! พลั่กพลั่กพลั่ก!
ลูกเหล็กที่ผูกติดกับข้อเท้าของมันใหญ่ขึ้น และกวาดทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวมัน
ลูกเหล็กทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่มันสัมผัส
ไม่ว่าจะเป็นโดเกบิ หรือด๊อกซินี ต่างก็ไม่สามารถรวบรวมความกล้าหาญเพื่อเข้าไปใกล้มันได้
ดีที่สุดหากเคลื่อนไหวโดยใช้ซากศพเป็นโล่กำบัง
โดเกบิประมาณ 1,000 คน 'หายไปในพริบตา'
'เจ้าจะทำยังไงต่อไป?'
ขณะเดียวกัน มูยองกำลังเฝ้าดูเฮดลี่คาว
มอนสเตอร์เงาอยู่ใกล้เคียงและเทียบได้กับมอนสเตอร์ระดับท๊อป
แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะร่วมมือกันโจมตี แต่ก็คงทำอะไรมันได้ไม่มากนัก
แม้มูยองจะใช้อันเดธทั้งหมดของเขาผลลัพธ์ก็คงเหมือนเดิม
นั่นหมายความว่านี่ถึงขีดจำกัดของพวกเขาแล้ว
ราวกับว่าเฮดลี่คาวรู้สึกเช่นเดียวกัน มันแสดงให้เห็นถึงท่าทีที่เปลี่ยนไป
หลังจากพูดคุยกับอาร์โล,ด๊อกซินีมองไปที่โดเกบิรวมถึงเซฮุน
"มูยองเตรียมตัวให้ดี การต่อสู้กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว โดเกบิเพลิงต้องหันมาโจมตีเราแน่"
เซฮุนกัดฟันของเขาไว้แน่น
ท้ายที่สุด พวกเขาก็ต้องสู้กันเอง ถึงจะมีสัญญากันไว้ล่วงหน้า แต่อาร์โลได้พังข้อตกลงนั่นแล้ว
พวกมันเชื่อว่าไม่สามารถเอาชนะอาชญากรเงาได้ จึงตัดสินใจจะใช้โดเกบิน้ำแข็งเป็นตัวล่อ
อย่างไรก็ตาม เซฮุนไม่ใช่ประเภทที่จะทนยืนดูอย่างนิ่งดูดาย
"เหล่าโดเกบิน้ำแข็ง! จับอาวุธ!!! "
การสู้รบได้เริ่มขึ้น
เมื่อทั้งสองฝ่ายเข้าตาจน
พวกเขาต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของตัวเองโดยไม่สามารถถอยหลังกลับได้
มูยองดึงเอายันต์ที่เขาซ่อนไว้ออกมาอย่างช้าๆ
'จงออกมา'
อันเดธประมาณพันตนพุ่งขึ้นมา
พรึบ พรึบ !!
มีทั้งโดเกบิ ออร์คลอร์ด แม้แต่กระทั่งโอเกอร์
มันเป็นกองทัพเล็กๆของเหล่าอันเดธ
เป็นเพราะเขาสร้างมันขึ้นอย่างรวดเร็ว สถานะทั้งหมดของพวกมันตอนนี้จึงลดลงมาก แต่พวกมันยังคงเพียงพอที่จะสร้างแรงกดดัน
"ศะ..ศพลุกขึ้นมาเดินได้!"
"อะไรกันเนี่ย!"
ในขณะที่โดเกบิสับสน มูยองจับจ้องไปที่เฮดลี่คาวเท่านั้น
'ตามมันไป'
ปัจจุบันจำนวนโดเกบิเพลิงที่กำลังปกป้องเฮดลี่คาวลดลงจำนวนมาก
ตอนนี้พวกมันไม่สามารถหนีออกจากสมรภูมิไร้จุดจบนี้ได้ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการจับมัน
เฮดลี่คาวกัดฟันกรอด หลังจากที่ตระหนักได้ว่าพวกอันเดธทุกตัวกำลังมุ่งเป้าไปที่มัน
มันตัดสินใจเปลี่ยนรูปร่างอีกครั้ง
'ไวเวิร์นงั้นรึ?
มูยองหัวเราะออกมา
ไวเวิร์นเป็นที่รู้จักในนามราชาแห่งท้องนภา
มันพยายามที่จะบินสูงกลางอากาศให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่ใช่การตัดสินใจที่แย่นัก แต่มูยองไม่ได้มีภูติผีเพียงแค่นั้น
ภูติผีอีก 2-3 พันตัวโผล่ออกมาจากร่างของมูยอง
- นี่ข้าต้องมาสังหารแค่ไวเวิร์นเหรอ?
แน่นอนว่าเมอร์ดูดันกษัตริย์เมอร์ล็อคก็รวมอยู่ด้วย
มูยองส่ายหัว
"พันธนาการมันซะ อย่าให้มันบินได้ "
- เข้าใจแล้ว.
เมื่อเมอร์ดูดันสั่งการภูติผี พวกมันก็มุ่งหน้าขึ้นไปอย่างเป็นระเบียบ และยึดจับปีกทั้งสองข้างของไวเวิร์นไว้
ไวเวิร์นร่วงลงมาคลานเนิบนาบอยู่บนพื้นดิน ขณะที่พวกเงาพิษสร้างหมอกพิษและเหล่าภูติผียังคงยึดเกาะไม่ให้มันบินขึ้นไป
มันเปลี่ยนเป็นโอเกอร์อีกครั้งเผื่อสลัดเหล่าภูติผีแต่ทว่าก็ไร้ผล
ฟู่ววววววววววว
และช่วงเวลาที่มูยองรอคอยก็มาถึง
ร่างของโอเกอร์ฉีกออกเป็นชิ้นๆ ในขณะที่นกขนาดมหึมาปรากฏขึ้นพร้อมกับไฟลุกท่วม
กีซซซซซซซซซ!
“ฟีนิกซ์ .... !”
มันเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆทันทีที่ปรากฏกาย
แม้กระทั่งภูติผีก็ไม่สามารถทนต่อเปลวไฟของฟีนิกซ์ได้
อย่างไรก็ตามพวกมันไม่ได้มอดไหม้ลงทันที พวกภูติผียังพยายามหยุดเฮดลี่คาวจากการบิน
มูยองถือโอกาสช่วงเวลานี้สั่งให้เหล่าอันเดธเข้าไปช่วยกันจับฟินิกซ์ไว้
ฟีนิกส์เป็นมอนสเตอร์ระดับสูงสุด
มันเป็นมอนสเตอร์ที่เอกลักษณ์เฉพาะตัวในการสร้างภาพลวงตา
ตามปกติคุณจะไม่ไม่มีวันจับฟินิกส์จากการต่อสู้ได้
อย่างไรก็ตามนี่เป็นฟินิกส์ที่เกิดจากการเปลี่ยนร่างของเฮดลี่คาว
หลังจากใช้เวลาต่อสู้กันมาเนิ่นนานมันก็หมดแรงและเริ่มวิ่งหนี
อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้นที่เขาจะบรรลุเป้าหมาย
อย่างน้อยพลทหารหอกเพลิงที่มีความต้านทานไฟสูง ก็เข้าไปใกล้นกฟีนิกซ์พอเพื่อเจาะลำคอของมันได้
และตอนนั้นเอง
ฟู่.......!
เปลวไฟลุกโชนออกมาจากปากของนกฟีนิกซ์
ลมหายใจ!
เปลวไฟศักดิ์สิทธิ์เผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่าง
เขาไม่เคยคิดว่านกฟีนิกซ์จะสามารถใช้ลมหายใจในแบบนี้ได้
เป็นเพราะเขาไม่มีข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับมอนสเตอร์ตัวนี้เลย
มอนสเตอร์ทั้งหมดที่อยู่รอบๆตัวมันรวมทั้งภูติผีถูกไฟเผาไหม้เป็นจุล ก่อนที่มันจะเริ่มกระพือปีกปิน
มูยองสไลด์ตัวไปข้างหน้า
เขาปีนขึ้นไปที่ด้านหลังพร้อมกับจับดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวไว้ในมือ
เป็นการกระทำที่อันตรายมาก
ซรวบบบ!
ขณะที่เขาแทงดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวไปที่ฟีนิกซ์ มันก็เริ่มบินด้วยความเร็วอย่างเหลือเชื่อ
มูยองทำได้เพียงเกาะยึดไว้ขณะพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าพร้อมกับมัน
ขณะเดียวกันที่พื้นดิน จำนวนของโดเกบิลดลงอย่างรวดเร็ว
<คุณเคลียร์คลื่นที่ 32 แล้ว>
<การพิชิตคลื่นที่ 32 จากสมรภูมิไร้จุดจบ ถูกเพิ่มเข้าในประวัติของคุณ>
<คุณผ่านบททดสอบของโอม>
<คุณได้รับครึ่งหนึ่งของ 'เหรียญตราแห่งโอม'>
<จ้าวแห่งความมืดกำลังตรวจสอบ>
<ผลเป็นเอกฉันท์ คุณยังไม่เสร็จสิ้นการทดสอบทั้งหมด>
<คุณจะได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ซึ่งขึ้นอยู่กับผลงาน >
เหรียญตราแห่งโอม
ขณะที่เหรียญตราส่องประกายลงมาจากฟากฟ้า
นกฟีนิกซ์รีบบินโฉบไปคว้ามันไว้
เปรี้ยะ !
ในเวลาเดียวกันโลกของการทดสอบก็แตกเป็นเสี่ยงๆ
สภาพแวดล้อมโดยรอบมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นในทันทีทันใด
เขาโผล่มาที่เขาวิญญาณดังเดิม
"บ้าเอ้ย! "
มูยอง กัดฟัน เขาสามารถคว้าตัวฟีนิกซ์ไว้ได้ แต่หลังจากนั้นก็เกิดปัญหา
เขารู้สึกถึงเปลวไฟที่ร้อนระอุอยู่บนหลังของเขา
ผิวของเขาเริ่มละลายอย่างช้าๆ จนสามารถมองเห็นกระดูก และสุดท้ายสติของเขาเริ่มจะหลุดหายไปทำให้ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้
เขาเชื่อสนิทใจว่าสามารถจับเฮดลี่คาวที่กลายเป็นฟีนิกซ์ได้
มันเป็นความประมาทงั้นเหรอ?
สิ่งที่เตรียมมาไม่เพียงพออย่างงั้นเหรอ?!
จู่ๆก็เกิดเสียงกัมปนาทดังก้อง! ตู้มมมมม!
ขณะที่มูยองกำลังก่นบ่นอยู่ในใจท้องฟ้าก็พลันมืดลง
บนนภา ปรากฎสายฟ้าจำนวนหลายเส้นผ่าลงมา
ทั้งลมและฝนตกอย่างหนักช่วยกันหยุดยั้งไฟที่เกิดจากฟินิกซ์
เมื่อเขาหันไปมองปรากฏการณ์ประหลาด ก็เห็นม้าสีดำมีเขากำลังวิ่งนำหน้าฟีนิกซ์ไป
ตัวตนของมันดูผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์ราวกับว่ากำลังออกมาเดินเล่น
<อาชานรก 'ยื่นข้อเสนอ' ด้วยการใช้หนึ่งความช่วยเหลือเพื่อจับฟีนิกซ์ที่กำลังหนีไป>
<คุณต้องการที่จะยอมรับหรือไม่?>