เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 150 ข้าเพียงช่วยเหลือตนเองเท่านั้น
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 150 ข้าเพียงช่วยเหลือตนเองเท่านั้น
จันทร์เด็มดวงแขวนสูงอยู่บนท้องฟ้าที่มืดมิด
ซากศพหมาป่ากองซ้อนทับจนสูงถึงครึ่งหนึ่งของกำแพงหมู่บ้าน แต่ยังมีหมาป่าสายฟ้าอีกจำนวนมากที่พยายามจะข้ามเข้าไปด้านหลังกำแพง
อย่างไรก็ตามหมาป่าสายฟ้าเหล่านี้กลับต้องร่วงหล่นลงมาด้วยดาบแสงจันทร์ที่โบยบินอยู่ท่ามกลางความมิด
ฟางหยวนเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ใช้วิญญาณที่ยืนอยู่บนกำแพงหมู่บ้านและพยายามต่อต้านฝูงหมาป่าอย่างไม่หยุดหย่อน
"ฆ่า ฆ่า ฆ่า ฆ่าหมาป่าเหล่านี้"
"นานา ข้าจะแก้แค้นให้เจ้า!"
"อดทนอีกนิด ความอยู่รอดของตระกูลขึ้นอยู่กับพวกเราแล้ว"
ท่ามกลางสนามรบ บางคนตะโกนด้วยความโกรธ บางคนเจ็บปวด และบางคนก็สาปแช่ง
ฟางหยวนยืนอยู่ที่นั่นและปลดปล่อยดาบแสงจันทร์ออกไปเป็นครั้งคราวขณะที่ยังไม่ลืมสังเกตสถานการณ์โดยรอบ
แม้ดวงจันทร์จะส่องสว่างแต่การมองเห็นย่อมไม่สามารถเปรียบเทียบกับตอนกลางวัน หมาป่าสายฟ้าคลั่งทั้งสามยังไม่มีการเคลื่อนไหว มันเพียงส่งเสียงคำรามออกคำสั่งฝูงหมาป่าจำนวนนับไม่ถ้วนของพวกมันเท่านั้น
ตราบเท่าที่หัวหน้าไม่ได้รับบาดเจ็บ หมาป่าสายฟ้าระดับต่ำทุกตัวจะต้องต่อสู้และเสียสละตนเองไม่เว้นแม้แต่หมาป่าสายฟ้าเดือด
ทันใดนั้น!
หมาป่าสายฟ้าคลั่งตัวหนึ่งกลับพุ่งมาข้างหน้าพร้อมกับเปิดปากยิงบอลสายฟ้าออกมาอย่างกะทันหัน
วิญญาณระดับสาม วิญญาณฟ้าลั่น!
บอลสายฟ้าไม่ใหญ่มากนัก มันมีขนาดเท่ากับโม่หิน อย่างไรก็ตามมันยังเคลื่อนที่ข้ามผ่านระยะทางมาด้วยความเร็วสูง
แทบจะในเวลาเดียวกันบอลสายฟ้าปะทะเข้ากับกำแพงหมู่บ้านใกล้กับจุดที่ฟางหยวนยืนอยู่
การต่อสู้ที่ดุเดือดกลายเป็นหยุดชะงัก ผู้ใช้วิญญาณส่วนใหญ่ไม่สามารถตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่รวดเร็วนี้
วิญญาณเกราะวารี! วิญญาณหยกขาว!
มีเพียงฟางหยวนที่สามารถป้องกันตนเองก่อนที่บอลสายฟ้าจะปะทะกับเป้าหมาย
"บึม"
เสียงระเบิดดังสนั่น แรงปะทะทำให้ฟางหยวนลอยกลับหลัง
บอลสายฟ้าทำลายเกราะวารีได้ภายในสองลมหายใจ แม้จะได้รับการป้องกันจากวิญญาณหยกขาว แต่ฟางหยวนยังรู้สึกด้านชาไปทั้งร่าง
"ปัง"
เขาล้มลงกับพื้นจากความสูงสามหรือสี่เมตรและรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แผ่นหลัง
เขาเร่งลุกขึ้นยืนและสูดหายใจสองสามครั้งก่อนจะเริ่มฟื้นตัว
กำแพงถูกทำลายลงครึ่งหนึ่ง ซากศพสีดำนอนเกลื่อนกราดกระจัดกระจายไปทั่ว ขณะที่ฝูงหมาป่าเริ่มทะลักเข้ามาในหมู่บ้าน
หมาป่าสายฟ้าคลั่งเข้าสู่สนามรบในที่สุด!
ความแข็งแกร่งของราชันพันอสูรย่อมไม่ธรรมดา
ผู้ใช้วิญญาณที่อยู่รอบๆฟางหยวน ส่วนใหญ่ตายคาที่ บางส่วนที่ยังไม่ตายก็แทบไม่ต่างจากซากศพ มีเพียงฟางหยวนที่สามารถรอดชีวิต
แมงกระพรุนที่ลอยอยู่ในทะเลวิญญาณของฟางหยวนเปลี่ยนเป็นสีขุ่นมัว หากเกราะวารีถูกทำลายหลายครั้ง สุดท้ายมันจะตายในที่สุด
วิญญาณหยกขาวก็อยู่ในสภาพที่ไม่แตกต่างกันมากนัก
วิญญาณมีความแข็งแกร่งขณะเดียวกันพวกมันก็เปราะบาง
บอลสายฟ้าของวิญญาณสายฟ้าลั่นรวดเร็วและทรงพลัง แต่มันยังมีจุดอ่อน นั่นก็คือมันต้องใช้เวลาในการรวบรวมพลังก่อนจะสามารถปล่อยบอลสายฟ้าลูกที่สอง
"เปรี้ยง"
แต่เพียงเมื่อฟางหยวนลุกขึ้นยืน บอลสายฟ้าอีกลูกกลับพุ่งมายังกำแพงหมู่บ้านอีกครั้งในทันที
"ดูเหมือนราชาหมาป่าตัวนี้จะมีวิญญาณสายฟ้าลั่นสองดวงอยู่ในร่าง" ใบหน้าของฟางหยวนเริ่มซีดขาวและรีบวิ่งหนี
เขาสามารถพึ่งพาวิญญาณเกราะวารีและวิญญาณหยกขาวเพื่อป้องกันตนเองเท่านั้น
"สัตว์ร้าย หยุดอวดดี!" ในช่วงเวลาสำคัญ ร่างหนึ่งกลับปรากฏขึ้นกลางอากาศพร้อมกับแสงสีทองที่พวยพุ่งออกมาต่อต้านบอลสายฟ้าอย่างดุเดือด
ผู้อาวุโสของตระกูลเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
อย่างไรก็ตามผู้อาวุโสชราคนเดียวยังไม่เพียงพอ ดังนั้นผู้อาวุโสอีกสองคนจึงเร่งเข้าร่วมผนึกกำลัง
หมาป่าสายฟ้าคลั่งเป็นศัตรูที่จำเป็นต้องรวมพลังผู้ใช้วิญญาณอย่างน้อยสามกลุ่มหรือผู้ใช้วิญญาณระดับสามอย่างน้อยหนึ่งคนในการรับมือ
เป็นเพียงเวลานี้ที่หมาป่าสายฟ้าคลั่งเริ่มพุ่งตรงเข้ามาทางหมู่บ้านพร้อมกับฝูงหมาป่าจำนวนมหาศาล
ฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเหตุให้ผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งและระดับสองเริ่มหลบหนีด้วยความหวาดกลัว
มีเพียงผู้ใช้วิญญาณระดับสามที่ยังยืดหยัดอยู่ในตำแหน่งเดิม
ไม่นานหลังจากนั้นหมาป่าสายฟ้าคลั่งทั้งสามจึงบรรลุถึงแนวกำแพงหมู่บ้านในที่สุด
ผู้อาวุโสเก้าคนยืนประจันหน้ากับหมาป่าสายฟ้าคลั่งในสามสนามรบ สายฟ้าและบอลสายฟ้าแลบลั่นไปทั่วเป็นเหตุให้สิ่งปลูกสร้างพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง
ฝูงหมาป่ายังบุกเข้ามาในหมู่บ้าน แต่เวลานี้ฟางหยวนไม่ได้ต่อสู้อีกแล้ว เขาเคลื่อนที่ไปอยู่ในมุมหนึ่งของสนามรบและลอบสังเกตการณ์จากระยะไกล
ไม่จำเป็นต้องคาดเดาเลยว่าภัยพิบัติคลื่นหมาป่ามาถึงจุดสำคัญแล้ว
"หมาป่าสายฟ้าคลั่งสามตัว ตัวหนึ่งมีวิญญาณสายฟ้าลั่นสองดวงที่ทรงพลัง ตัวที่สองมีวิญญาณปีกสายฟ้าที่ทำให้มันสามารถบินได้ในระยะทางสั้นๆและมีความยืดหยุ่นในการต่อสู้ ตัวสุดท้ายครอบครองวิญญาณสายฟ้าคำราม มันสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้ด้วยเสียงคำราม" ฟางหยวนสังเกตรายละเอียดของหมาป่าสายฟ้าคลั่งทั้งสามอย่างรวดเร็ว
ราชันพันอสูรมักครอบครองวิญญาณระดับสองจำนวนสามหรือสี่ดวง บางตัวยังมีกระทั่งวิญญาณระดับสามในการครอบครอง
ผู้ใช้วิญญาณจะสามารถตอบโต้ได้อย่างเหมาะสมหากเข้าใจวิญญาณที่พวกมันครอบครอง เพราะด้วยสติปัญญาที่ค่อนข้างต่ำต้อย พวกมันจึงมักจะใช้วิธีการต่อสู้ซ้ำๆและไม่ค่อยเปลี่ยนรูปแบบการต่อสู้บ่อยนัก
แน่นอนว่าหลังจากชั่วครู่ผู้อาวุโสหลายคนต้องล่าถอยกลับไปและให้ผู้อาวุโสคนต่อไปเข้าประจำตำแหน่งแทนที่
ด้วยการประสานงานและกลยุทธ์ที่เหนือกว่า พวกเขาจะสามารถควบคุมสนามรบ
ชัยชนะถือเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น
"ผลลัพธ์ถูกกำหนดแล้ว!" เหยาจี้ถอนหายใจก่อนจะคำรามเสียงดังอยู่ทางประตูทิศตะวันออก
อย่างไรก็ตามในจังหวะนี้หมาป่าสายฟ้าที่ดูธรรมดาตัวหนึ่งกลับขยายร่างขึ้นจนมีขนาดเท่ากับช้างอย่างกะทันหัน
"หมาป่าสายฟ้าคลั่งอีกตัว!" ผู้อาวุโสหลายคนตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว
ความสนใจของผู้อาวุโสทั้งหมดอยู่กับหมาป่าสายฟ้าคลั่งสามตัวในสามสนามรบ ดังนั้นกองกำลังที่ประจำอยู่ในพื้นที่บริเวณประตูหมู่บ้านทางทิศตะวันออกจึงค่อนข้างอ่อนแอ
"ไม่ดีแล้ว เหยาลี่ยังอยู่ที่นั่น!" ใบหน้าของเหยาจี้กลายเป็นซีดเผือดก่อนจะพุ่งตรงไปยังทิศทางนั้นในทันที
"เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นในที่สุด หมาป่าสายฟ้าคลั่งตัวนี้ครอบครองวิญญาณระดับสาม วิญญาณปลอมแปลงกลิ่นอาย มันสามารถซ่อนตัวจากสายตาของผู้ใช้วิญญาณ" ฟางหยวนเฝ้าสังเกตการณ์อยู่อย่างระมัดระวัง
หมาป่าสายฟ้าคลั่งทะลวงกำแพงหมู่บ้านเข้ามาโดยตรงและฝากรูขนาดใหญ่เอาไว้ นี่ทำให้ฝูงหมาป่าจำนวนมากแทรกตัวตามหลังเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ร่างกายของเหยาลี่กลายเป็นแข็งค้างด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นฝูงหมาป่าบุกเข้ามาในหมู่บ้าน โชคดีที่เธอมีซ่งเจียวม่านและพรรคพวกอยู่เคียงข้าง ในเวลานี้ซ่งเจียวม่านจึงเริ่มออกคำสั่ง "เร็วเข้า! ปิดประตูหน้าต่าง พวกเราต้องรักษาสถานที่แห่งนี้เอาไว้จนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง จากนั้นพวกเราจะมีโอกาสชัยชนะ"
แต่เพียงเมื่อเธอกล่าวจบคำ หลังคาอาคารกลับพังทลายลงมาด้วยการโจมตีของหมาป่าสายฟ้าคลั่ง
เหยาลี่กรีดร้อง เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหันเกินไปทำให้เธอไม่สามารถรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ได้
ทั้งหมดก็คือเธอยังเด็กเกินไป เธอรู้สึกปลอดภัยและไม่เคยคิดว่าตนเองจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้มาก่อน
"เดรัจฉาน! หยุดเดี๋ยวนี้" เหยาจี้ตะโกนเสียงดังขณะที่เธอกำลังวิ่งอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตามเธอทำได้เพียงมองดูหมาป่าสายฟ้าคลั่งพุ่งเข้าไปในอาคารไม้ไผ่เท่านั้น เพราะแม้เธอจะต้องการช่วยเหลือเหยาลี่ แม้เธอจะมีอำนาจท่วมท้น แต่มันก็อยู่ไกลเกินกว่าที่เธอจะเอื้อมถึง
ในช่วงเวลาอันตราย เป็นซ่งเจียวม่านอีกครั้งที่ก้าวออกไปข้างหน้า
ด้วยเพียงความคิด เธอส่งหมีสีน้ำตาลพุ่งเข้าปะทะศัตรูอย่างเกรี้ยวกราด
แต่กรงเล็บหมาป่ากลับสามารถส่งร่างหมีสีน้ำตาลที่หนักถึงสี่ร้อยกิโลกรัมบินกลับหลังได้ในพริบตาก่อนที่มันจะอ้าปากตามไปกัดศีรษะหมียักษ์ให้หลุดออกมาจากลำตัวอย่างง่ายดาย สัตวป่าทั่วไปจะสามารถต่อสู้กับราชันพันอสูรได้อย่างไร?
ซ่งเจียวม่านฉวยโอกาสที่หมาป่าสายฟ้าคลั่งกำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับหมีสีน้ำตาลดึงเหยาลี่หลบหนีออกไปเป็นระยะทางสั้นๆ
หมาป่าสายฟ้าคลั่งคำรามเสียงดัง เป็นธรรมดาที่มันไม่เต็มใจที่จะปล่อยเหยื่อของมันให้หลุดรอดไปได้ ด้วยการกระโดดเพียงครั้ง มันข้ามผ่านระยะทางหลายสิบเมตรมาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าซ่งเจียวม่านกับเหยาลี่อย่างรวดเร็ว
เห็นหมาป่าสายฟ้าคลั่งปรากฏตัวขึ้น ร่างกายของเหยาลี่กลายเป็นอ่อนปวกเปียก เธอไม่กล้าวิ่งไปข้างหน้า แต่กลับเปลี่ยนทิศวิ่งออกไปนอกหมู่บ้าน
เพียงเมื่อหมาป่าสายฟ้าคลั่งกำลังจะพุ่งเข้าจู่โจมตีพวกเธอ เหยาจี้กลับบรรลุถึงสนามรบและส่งดาบแสงจันทร์สีม่วงอ่อนบินเข้าไปด้านหลังของหมาป่าสายฟ้าคลั่งตัวนั้นทันที อย่างไรก็ตามดาบแสงจันทร์สีม่วงกลับเปลี่ยนเป็นบอลแสงวิ่งเข้าไปในรูจมูกของมันอย่างเงียบงัน
หมาป่าสายฟ้าคลั่งไอออกมาสองสามครั้ง มันคือพิษ!
มันคือวิญญาณระดับสาม วิญญาณพิษจันทรา!
หมาป่าสายฟ้าคลั่งเงยศีรษะคำรามเสียงดังด้วยความโกรธเกรี้ยว เสียงคำรามของมันกลายเป็นพลังอำนาจที่มองไม่เห็นโจมตีทุกคนที่อยู่รอบๆ
วิญญาณสายฟ้าคำรามใช้การสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงเพื่อสังหารศัตรู แต่นี่ไม่ใช่วิญญาณสายฟ้าคำราม แต่มันเป็นวิญญาณคลื่นเสียงที่สามารถสร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็น
ซ่งเจียวม่านกับเหยาลี่กระเด็นไปในทิศทางที่แตกต่างกันด้วยพลังอำนาจดังกล่าว ซ่งเจียวม่านลอยเข้าไปในอาคารไม่ไผ่และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีก สำหรับเหยาลี่ เธอลอยออกจากหมู่บ้านไปทางประตูเมืองทิศตะวันออก
เธอร่วงลงพื้นด้วยความมึนงงแต่เพียงเมื่อเธอพยายามจะลุกขึ้น หมาป่าสายฟ้าตัวหนึ่งกลับเปิดปากและพยายายจะงับศีรษะของเธอ
"อา..."
เธอกรีดร้องออกมา แต่ในจังหวะนี้ดาบแสงจันทร์เล่มหนึ่งกลับบินตรงเข้ามาสังหารหมาป่าสายฟ้าตัวนั้นในพริบตา
เธอรีบลุกขึ้นและมองไปยังผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของเธอ เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ร่างกายครึ่งล่างของเขาถูกฝังไว้ใต้ซากปรักหักพังของกำแพงหมู่บ้าน
เด็กหนุ่มเผยรอยยิ้มให้เธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลือด แต่ครู่ต่อมาลำคอของเขากลับถูกฉีกกระชากโดยหมาป่าสายฟ้าอีกตัวโดยไม่คาดคิด
น้ำตาไหลอาบแก้มของเหยาลี่ขณะที่เธอเริ่มออกวิ่ง
สนามรบบริเวณนี้ถือเป็นจุดที่ชุลมุนวุ่นวายที่สุดจุดหนึ่ง
แต่เนื่องจากตัวตนและเบื้องหลังของเหยาลี่ จึงมีผู้คนคอยให้ความช่วยเหลือเธอเป็นครั้งคราว แม้พวกเขาจะไม่มีพลังอำนาจพอที่จะปกป้องตนเอง แต่มากน้อย พวกเขาก็ยังช่วยให้เหยาลี่รอบพ้นออกไปจากบริเวณนี้ ด้านเหยาจี้ เธอกำลังต่อสู้พัวพันอยู่กับหมาป่าสายฟ้าคลั่งและไม่สามารถให้ความช่วยเหลือใดๆกับหลานสาวในเวลานี้
ท่ามกลางกรงเล็บและคมเขี้ยวหมาป่า เหยาลี่ทำได้เพียงกรีดร้องออกมาว่า "ออกไป! ออกไป!" เท่านั้น
อย่างไรก็ตามเสียงสายหนึ่งกลับดังขึ้นและชี้นำให้เธอสามารถหลบเลี่ยงจากคมเขี้ยวหมาป่าได้โดยไม่คาดคิด
"กลิ้งตัวไปด้านขวา" เสียงสายนั้นแจ้งเตือนเธออีกครั้ง
จิตใจของเหยาลี่ยังคงว่างเปล่า แต่ร่างกายของเธอกลับเคลื่อนไหวตามเสียงที่ได้ยินไปแล้วและนั่นทำให้เธอสามารถรอดชีวิตมาได้อย่างฉิวเฉียด
เมื่อเสียงดังขึ้น เด็กหญิงจะทำตามอย่างเคร่งครัด แม้จะมีบางจังหวะที่เธอทำผิดพลาด แต่ดาบแสงจันทร์ก็จะโบยบินผ่านมาและแก้ปัญหาให้กับเด็กหญิงทุกครั้ง
ไม่นานหลังจากนั้นเธอจึงสามารถออกห่างจากหมู่บ้านและเข้าไปในป่า เมื่อเธอเริ่มสำรวจรอบข้าง เธอจึงรู้ว่าตนเองปลอดภัยแล้ว
เป็นเพียงเวลานี้ที่ร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นเบื้องหน้าเธอ
ดวงตาของเธอเบิกกว้างเมื่อเห็นคนผู้นี้ "ฟางหยวน! เจ้าเป็นคนช่วยชีวิตข้างั้นหรือ?"
"ไม่ ข้าเพียงช่วยเหลือตนเองเท่านั้น" ฟางหยวนเผยรอยยิ้มชั่วร้าย