ตอนที่ 6 หน้าที่ของพลังชี่
แสงแดดในฤดูนี้...มันช่างอบอุ่นจริงๆ
เขายืนพิงกำแพงตากแดดและถอนหายใจเล็กน้อย
เทือกเขาที่คดเคี้ยวเหมือนมังกรที่เป็นสันเขาขนาดยักษ์ปรากฏขึ้นอยู่ด้านหลังของพวกเขา ทัศนียภาพที่สวยงามแบบนี้ทำให้ไม่น่าเชื่อว่ามันจะตั้งอยู่บนโลกนี้จริงๆ มันดูไม่น่าเชื่อจริงๆที่มียอดเขาตั้งตระหง่านงดงามเชื่อนี้บนโลกเรา?
แต่ละเทือกเขามีความสูงที่ไม่ต่ำกว่า 10,000 เมตรซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อนในโลกแห่งนี้
วันนี้ชิบะน้อยสวมเสื้อแจ็ตเก็ตที่บุผ้านุ่มๆอยู่ ซึ่งเป็นชุดใหม่ที่เขาได้รับตั้งแต่เกิดมาเลย ปกติเขามักได้ชุดจากที่พี่ชายของเขา เมื่อพี่ชายเขาไม่สามารถใส่ได้แล้ว
ปีนี้ต่างออกไปนายโจวทำเสื้อแจ็คเก็ตให้ใหม่สำหรับทั้งเขาและน้องชาย ชีวิตความเป็นอยู่ในบ้านดีขึ้นตั้งแต่ลูกสาวแต่งงาน
ทุกคนรู้กันดีว่า หวังเทียนเหล่ย ไม่ได้โดดเด่นเพียงแค่ความแข็งแกร่งของเขา ในด้านอื่นๆก็ดีเช่นกัน แต่แน่นอนว่า ความแข็งแกร่งของเขานั้นคือส่วนที่โดดเด่นที่สุด
หวังเทียนเหล่ย เป็นคนฉลาด หลังจากกลับมาจากกองทัพเป็นเวลา 2-3 เดือน เขาได้กลายเป็นผู้นำของเหล่านักล่าและได้รับความชื่นชมจากพวกเขา เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ทำให้ชิบะน้อยคิดถึงพวกวีรบุรุษในนิยายยังไงอย่างงั้น ในพวกนิยายจะบอกถึงการเดินทางของพระเอกที่ได้ช่วยเหลือชาวบ้านเพื่อให้พวกชาวบ้านมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้น เขาคำนวณเนื้อสัตว์และอาหารและได้พบว่าตั้งแต่มี หวังเทียนเหล่ยเป็นผู้นำ จำนวนอาหารก็เพิ่มขึ้น 5-6 เท่าเลยที่เดียว พวกผู้คนในหมู่บ้านจึงมีโอกาสได้กินเนื้อกันมากขึ้นกว่าแต่ก่อน
หวัง เทียนเหล่ย นำพวกนักล่าที่จะขนของไปขายในตลาด เทียงหยาง เนื่องจากพวกเขาล่าสัตว์ได้มากขึ้น ในขณะที่สัตว์ที่พวกเขาล่าก็มีเพิ่มมากขึ้น และมันมีมากเกินไป ทำให้มาตรฐานความเป็นอยู่ของพวกเขาก็สูงขึ้นเช่นกัน
มีพื้นที่โล่งกว้างอยู่ทางทิศเหนือของหมู่บ้านซึ่งเหมาะสำหรับ หวัง เทียนเหล่ย เพื่อสอนนักล่าในการต่อสู่และรวมถึงสอนให้พวกเขาลองสู้กันเอง เป็นผลให้ไม่กี่เดือนถัดสามารถล่าสัตว์ได้มากขึ้นและสูญเสียนักล่าน้อยลงอีกด้วย จริงๆแล้วนักล่าพวกที่ได้รับบาดเจ็บหรือถึงแก่ความตายนั้นสาเหตุหลักคือความประมาทต่างๆเวลาไปล่าสัตว์
ในสายตาของชิบะน้อยทุกสิ่งอย่างที่ หวัง เทียนเหล่ย ทำมันดูเหมือนออกมาจากนิยายอะไรแบบนั้น
บางทีชิบะน้อยก็ยังคิดว่า หวังเทียนเหล่ย ก็เป็นพวกนักเดินทางข้ามเวลาเหมือนกับเขา
การมีสามีที่มีอำนาจเช่นนี้ โจว หัว นั้นมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบและมีความสุข โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้อุ้มทารก หวัง เทียนเหล่ย เริ่มหันมาใส่ใจดูแลเธอมากขึ้นและไม่เคยขอให้เธอทำงานหนักๆ เพื่อฆ่าเวลาเธอจึงเริ่มทำเสื้อกันหนาวจากผ้าฝ้ายสำหรับน้องชายเธอ หลังจากนั้นเธอก็มีความผูกผันกับพวกเขามากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โจวหัว ได้เห็นชิบะน้อยราวกับได้เห็นตัวเองเพราะเขาทั้งฉลาดและเป็นเด็กที่มีมารยาทดี
ในบางครั้งชิบะน้อยมักจะโฉงฉ่างเช่นเดียวกับการแย่งอาหารและเครื่องดื่มจากพี่สาวบางทีอาจเป็นของมีค่าจากปาก หวัง เทียนเหล่ย
เป็นเวลา 2-3 เดือนที่เขาได้รับการฝึกฝนอย่างสมบูรณ์แบบในโลกแห่งศิลปะการต่อสู้ แม้จะเป็นทักษะที่เป็นพื้นฐานที่สุดแต่ก็เพียงพอสำหรับเขาที่ได้ร่ำเรียนมาเป็นเวลานาน
การฝึกฝนของเขาเกี่ยวกับพลังชี่ที่ผิดแปลกไป ที่เป็นปัญหาคอขวดอยู่ และอย่างที่คาดไว้ เด็กชายวัย 3 ขวบนั้นไม่มีกำลังพอที่จะเร่งพลังชี่ภายในร่างกายออกมาได้มากนัก
และเขาก็ยังเด็กเกินไปที่จะฝึกเพลงหมัดหมีดำ
อย่างไรก็ตามเมื่อเร็วๆนี้เมื่อเขาฝึกหมัดไทเก๊กเขาได้บังเอิญพบว่า ไทเก๊ก นั้นมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างร่างกาย
มันคล้ายกับการฝึกเพลงหมัดหมีดำ ซึ่งเป็นทักษะที่ทำให้การต่อยแข็งแกร่งขึ้นและในขณะเดียวกันขอบเขตของการพัฒนานั้นชัดเจนน้อยกว่าเพลงหมัดหมีดำ
ในความเป็นจริงเขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจาก พลังชี่ที่ผิดแปลกไป ไม่ใช่เพราะ หมัดไทเก๊ก
เพื่อฝึกทักษะศิลปะการต่อสู้หนึ่งร่างกายต้องสมดุลทั้งภายนอกและภายใน การทำงานของ พลังชีภายใน นั้นเป็นกระบวนการภายในที่สามารถสร้างร่างกายคุณได้ แน่นอนว่าเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อน มันจะปรากฏขึ้นเมื่อคุณมีความเข้มแข็งภายในจิตใจคุณเท่านั้น อันที่จริงความแข็งแกร่งภายในมันจะแกร่งขึ้นต่อเมื่อสุขภาพของคุณนั้นแข็งแรง แต่แรงดึงดูดแก้พลังชี่ที่ผิดแปลกไปเป็นแค่ความแข็งแกร่งผิวเผิน ที่ส่วนใหญ่จะมีในกองทัพกันและมันไม่ดีต่อร่างกายของคุณแม้ว่าการฝึกของคุณถึงขั้นแล้วก็ตาม
พลังชี่ภายในของร่างการชิบะน้อยนั้น ตอนนี้อยู่ในระดับที่แย่มากและแทบไม่มีความแตกต่างเลย โดยทั่วไปคนจะพิจารณาถึงระดับพลังชี่ภายในตัว ดังนั้นกล่าวได้ว่าพลังชี่มันไม่ได้กลายเป็นภาระให้แก่ร่างกายของพวกเขา และได้รับประโยชน์ตามที่ใจปราถนา
ในความเป็นจริงพลังชีที่ผิดแปลกไปในร่างกายของเขาเริ่มที่จะหล่อเลี้ยงร่างกายของเขา ไม่ใช่แค่กล้ามเนื้อ แต่รวมไปถึงกระดูกเส้นเลือดและเส้นเอ้นของเขาอีกด้วย มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจสำหรับทุกคน มันเหนือกว่าสิ่งที่จินตนาการไว้!
อย่างไรก็ตามเขาสามารถทำได้จริงๆไม่ใช่เพราะความอัจฉริยะของเขา แต่ดูเหมือนว่า หมัดไทเก๊กจะทำให้ พลังชี่ภายใน บริสุทธิ์ การฝึกหมัดไทเก๊กนั้นจะช่วยเสริมพลังภายในของเขาและในขณะเดียวกันก็สามารถขัดเกลาและเปลี่ยนลักษณะบางอย่างได้ ดั้งนั้นการสร้างความแข็งแกร่งภายในคล้ายคลึงกับ พลังชี่ที่ผิดแปลกไป แต่มันก็ยังแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
แน่นอนว่า พลังชี่ภายใน นี้เท่ากับ พลังชี่ที่ผิดแปลกไป จากปัจจัยต่างๆที่ได้รับนั้นสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้สูงขึ้นโดย หมัดไทเก๊ก
ชิบะน้อยขยันตัวออกจากผนัง และอาบแดดท่ามกลางแสงจากพระอาทิตย์เบาสบาย และไม่มีการขยับตัวทั้งสิ้น ทำให้จิตใจของเขารู้สึกว่างเปล่าภายในจิตใจ มันยากเสมอเวลาเป็นคนขี้เกียจๆหลังจากขยันมาทั้งวัน
ตระกูลโจวนั้นอยู่ทางฝั่งตะวันตกของหมู่บ้านซึ่งได้รับการสนับสนุนจากหมู่บ้านข้างๆเขาเล็กๆ ไปทางทิศตะวันตกมีบ้านเรือนไม่กี่หลังใกล้ชายแดนของหมู่บ้าน การเหยียบย่ำมายังเหนือเนินเขานั้นมีหน้าผาสูงชัน ประมาณ 1,000 ฟุต ในระดับเท่าที่มองเห็น ไม่มีที่ไหนเลยที่จะขอยืมกำลังได้ คุณ
จะพบว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะปีนไปเหนือมันได้ หน้าผานั้นเต็มไปด้วยโขดหินมากมายและยังมีทั้งสัตว์และสมุนไพรดังนั้นชาวบ้านจึงมีสมุนไพรพวกนี้กลับติดไม้ติดมือไป ระหว่างหน้าผาและผาลาดเป็นช่องกลวงๆ ปกคลุมพื้นที่ประมาณ 100 ตารางเมตรและมีพุ่งไม้รกหนาทึบ แม้แต่พุ่มไม้สั้นๆก็ยังสูงพอที่จะปิดเด็ก 3-4 ขวบมิด และสิ่งเหล่านี้ป้องกันเด็กๆจากการถูกค้นเจอ ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะมีใครอยากไปยังสถานที่เงียบเช่นนี้
นั้นคือที่ที่เขาฝึกซ้อมทุกวัน
ชิบะน้อยนั้นฝึกฝนพลังชี่ที่ผิดแปลกไป เป็นเวลา 4 ชม. ขณะที่เขากำลังตื่นจากการทำสมาธิพระอาทิตย์ก็กำลังไปทางทิศตะวันตก เขาลุกขึ้นยืนและฝึกไทเก๊ก เพลงหมัดเบื้องต้น นั้นมี 8 กระบวนท่า และแค่ 2 นาทีก็เพียงพอที่จะร่ายหมัดเสร็จสำหรับเขาในชีวิตก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันการฝึกซ้อมตั้งแต่กระบวนท่าแรกจนถึงกระบวนท่าที่ 5 - อาชาแห่งพงไพร ได้ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ในกระบวนท่าที่ 5 เขาได้กุมมือตนเองในการซ้อม หัตถ์เมฆา ในขณะนั้นเขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังถือบางสิ่งที่มีน้ำหนักถึง 500 กิโลกรัม เหงื่อที่ย้อยลงมาบนหน้าผากมันเหมือนไข่มุกใต้แสงแดด เขาค่อยๆใช้แขนร่ายไปบังกระบวนท่าที่ 6 – นกกระสาทรงตัว และเร่งการฝึกของเขา เมื่อไปถึงกระบวนท่าสุดท้าย – หัตถ์กางเขน ชิบะน้อยก็ได้นอนแช่เหงื่อที่ออกมาทั่วตัวและเข้าสู่สภาวะผ่อนคลาย
โอ้ ฉันไม่มั่นใจว่ายังเหลืออาหารอยู่หรือไม่ แต่ฉันแน่ใจว่าฉันจะโดนดุอย่างแน่นอน!
มือเล็กๆของชิบะน้อยได้วางลงบนพื้นและถอนหายใจเล็กน้อยและพูดพึมพำว่าชาวบ้านชาวภูเขามีมื้ออาหารแค่ 2 มื้อต่อวันเท่านั้น และเวลาอาหารทั้ง 2 มื้อนั้นก็ดันตรงกับเวลาที่เขาฝึกฝนพลังชี่ ดังนั้นเขาจึงต้องแบ่งเวลาให้ดีและปล่อยวางบ้างในเรื่อง หมัดไทเก๊ก มิฉะนั้น หากไม่ได้กินข้าวที่เพียงพอ ผลของมันจะทำให้ร่างกายแย่ลง
โอ้ มันเป็นความผิดของ หยาเอ๋อร์ ทั้งหมด! เด็กสาวควรรู้ดีเกี่ยวกับการวิ่งตามหาเด็กผู้ชาย! เพราะเธอคนเดียว ตอนนี้ฉันก็เลยต้องมาทนทุกข์ทรมาน!
เวลาที่ดีที่สุดในการฝึกฝน พลังชีภายใน คือในตอนเช้า ในช่วงเวลานี้นั้นมันเหมาะสมกับ พลังชี่ภายในที่สุด สำหรับพลังภายในระดับผิวเผินอย่าง พลังแก่นแท้แห่งชี่กง จะไม่มีผลใดๆ
เหตุผลมันก็คือการฝึกฝนพลังชี่ระดับผิวเผินนั้นไม่จำเป็นจะต้องดูดซับพลังอันบริสุทธ์ของโลก มันเป็นเพียงการกลั้นหลังมาแล้วมาผสมกับพลังชี่ภายในมากกว่า
เมื่อชิบะน้อยปีนขึ้นไปบนเนินเขา เขาก็ตะโกนไปหาแม่ของเขา และรีบวิ่งกลับบ้านด้วยรอยยิ้มบนหน้าของเขา
“ชิบะน้อย มันกี่ครั้งแล้วที่เจ้าทำแบบนี้ แล้วถ้าครั้งต่อไปเจ้าไม่ได้กลับมาอีกล่ะ ถ้าเจ้าโดนหมาป่าจับกินไปล่ะ ไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าชีวิตได้หรอกนะ!”
ชิบะน้อยยืนอยู่ที่ประตูพร้อมกับพยักศีรษะของเขาเพื่อรับฟังคำเทศของแม่ หลังจากที่เทศเสร็จแม่เขาจึงให้บทเรียนกับเขานิดหน่อย เธอได้โบกไม้กวาดในมือเสียงดังลั่น แล้วชี้ไปทางโต๊ะอาหาร
“รีบไปกินอาหารได้แล้ว!”
ชิบะน้อยรีบไปที่ห้องครัวราวกับว่าเขาได้รับการอภัยโทษแล้ว
“ไอ้ตัวน้อยนี้ทำให้ข้าเป็นห่วงอยู่ตลอดจริงๆ” เธอมองไปยังเขาและเผยรอบยิ้มบางๆออกมา