ตอนที่ 59 ทุกสิ่งเปลี่ยนไป
หลิน ฮวง เริ่มเตรียมตัวสำหรับการต่อสู้เมื่อเขาได้เลือกปีศาจ6แขนเป็นเหยื่อของเมล็ดพันธ์ชีวิตเขา
เขาได้ค้นหาข้อมูลทั้งหมดที่เขาสามารถได้รับเกี่ยวกับปีศาจ6แขนบนเครือข่าย รวมถึงวิดิโอต่อสู้ เขาเฝ้าดูวิดิโอซ้ำๆและรู้สึกหวาดกลัวผสมตื่นเต้น
หนึ่งในวิดิโอที่หลิน ฮวง จำได้อย่างชัดเจนคือกลุ่มของนักล่าสำรอง5คนที่บังเอิญปะทะกับปีศาจ6แขนในป่าหวังยู่
ทันทีที่ปีศาจ6แขนค้นพบกลุ่มนักล่าสำรอง เธอก็โจมตีในทันที ในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ทั้ง5คนก็ถูกสังหาร
“เธอเคลื่อนไหวราวกับผีและเธอก็เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แขนแต่ละข้างของเธอคือจักรกลสังหาร…”เขาออกความเห็นขณะเฝ้าดู หลิน ฮวงขมวดคิ้วแน่นทันทีที่เห็นการลงมือของเธอ เขายอมรับว่าปีศาจ6แขนเป็นมอนสเตอร์ที่ทรงพลัง
หลังจากเสร็จสิ้นการรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับปีศาจ6แขนแล้ว หลิน ฮวง ก็ได้ทำการวิจัยเกี่ยวกับเขตสองเขต –ป่าลืมเลือน(เปลี่ยนชื่อ) และที่ฝังศพปีศาจ
ในโลกนี้ ผู้คนที่เข้าไปในหลุมฝังศพโดยปกติแล้วคือผู้ที่ตายไปแล้ว แต่ที่นี่เขากำลังวางแผนที่จะล่ามัน
ในทำนองเดียวกัน ที่ฝังศพปีศาจคือสถานที่ที่เลวร้ายยิ่งกว่านั้น ตลอดหลายปีมานี้ ไม่มีนักล่าระดับหลุดพ้นคนใดที่เข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นแล้วมีชีวิตรอดกลับมา
เขามองผ่านข้อมูลเกี่ยวกับที่ฝังศพปีศาจไปและลบความคิดเกี่ยวกับมันไปจนสิ้น เขาไม่ต้องการไปสถานที่ที่น่าขนลุกเช่นนั้น เขาวางแผนที่จะมีชีวิตให้ยืนยาวกว่านี้
เมมื่อเขาปิดหน้าข้อมูลเกี่ยวกับที่ฝังศพปีศาจลง หลิน ฮวง ก็ตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับป่าลืมเลือน
ป่าลืมเลือนคือพื้นที่พิเศษระดับ4 มันมีคนบอกว่ามอนสเตอร์ระดับหลุดพ้นเคยปรากฏตัวในสถานที่นี้มาก่อนแต่มันได้ถูกฆ่า มอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในป่าคือมอนสเตอร์ระดับทอง มีมอนสเตอร์ระดับทองมากกว่าหนึ่งตัวอยู่ในป่าขณะที่มอนสเตอร์ระดับเงินกระจายอยู่ทั่วทุกหนแห่งในป่า
“เขตดุร้ายระดับ4มันลำบากเล็กน้อย…”หลิน ฮวง ขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อเขาอ่านข้อมูลเกี่ยวกับป่าลืมเลือนเสร็จ
สำหรับ หลิน ฮวง เขตดุร้ายระดับ4เป็นสถานที่ที่มีอัตราการตายสูงมาก ด้วยความสามารถของเขา มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาแม้ว่ามันจะเป็นเขตดุร้ายระดับ2 ก็ตาม มอนสเตอร์ระดับทองแดงแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ระดับเหล็กมาก แม้ว่าหลิน ฮวง จะสามารถฆ่ามอนสเตอร์ระดับเหล็กขั้น3ได้โดยง่าย มันก็ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าเขาจะสามารถเอาชนะมอนสเตอร์ระดับทองแดงได้ นับประสาอะไรกับมอนสเตอร์ระดับเงินและทอง
“เขตดุร้ายนี้มันไกลเกินฉัน มันอยู่ภายในขอบเขตของเมืองขนาดกลางอื่น มันอยู่ห่างจากฉันไปประมาณ20000กิโลเมตร การจะไปยังสถานที่นั้นเองก็เป็นปัญหา...”มันคือครั้งแรกที่หลิน ฮวง ตระหนักว่าโลกนี้มันกว้างใหญ่แค่ไหนและมันก็เกินกว่าที่คนๆหนึ่งจะจินตนาการได้ ระหว่างเมืองขนาดกลางด้วยกัน มันมีระยะที่ห่างกันอย่างน้อย3000กิโลเมตร บางแห่งมันอยู่ไกลออกไปประมาณ5000กิโลเมตร สำหรับเมืองใหญ่ พวกมันอยู่ห่างกันอย่างน้อย20000กิโลเมตร นับประสาอะไรกับโลกก่อนหน้าที่เส้นศูนย์สูตรมีเพียง40000กิโลเมตรเท่านั้น
ไม่มีประตูมิติที่ช่วยการเคลื่อนย้ายในเมืองขนาดเล็ก สำหรับเมืองขนาดกลาง ระยะห่างระหว่างประตูมิติทั้งสองนั้นมีขีดจำกัด โดยทั่วไป มันสามารถเดินทางไปยังเมืองขนาดกลางที่ใกล้ที่สุดได้เท่านั้น หากหลิน ฮวง จะไปป่าลืมเลือน เขาจะต้องใช้ประตูมิติที่มากกว่า6ครั้ง การเปิดประตูมิติเองก็เสียค่าใช้จ่ายมหาศาล นอกจากนี้ จำนวนครั้งที่ประตูมิติสามารถเปิดได้รวมถึงจำนวนของผู้คนที่สามารถเข้าไปได้ก็ยังถูกจำกัดอีกด้วย เมื่อไม่มีการจองล่วงหน้า เขาอาจจะต้องรอนานกว่าสามวัน
มันเป็นไปได้ที่จะเดินทางไปที่นั่นโดยขี่นกอินทรี แต่ทว่า ความสามารถในการบินคือปัญหา และความแข็งแกร่งทางกายมันก็มีขีดจำกัด เขาจะต้องย้ายไปยังแต่ละสถานีของเมืองขนาดกลางและพักที่โรงแรมเนื่องจากเขาใช้เวลากับการเดินทางไปมาก
อีกวิธีหนึ่งคือการนั่งบนยานคริสตัลปีศาจ มันมีห้องสูทอยู่ในยานและความเร็วในการเดินทางของมันเกือบจะเท่าอินทรี แต่ทว่า มันสะดวกสบายกว่าและมันจะหยุดจอดที่เมืองขนาดกลางแต่ละเมืองเพียง5นาทีเท่านั้น หนึ่งในจุดด้อยของยานลำนี้ก็คือตั๋วที่ราคาแพงมาก มันมีที่นั่งจำกัดและภายในหนึ่งอาทิตย์ ยานจะเปิดรับผู้โดยสารเพียงลำเดียวเท่านั้น ตั๋วนั้นมีราคาแพงแต่ความต้องการกับล้นเหลือ
ความไม่สะดวกทำให้หลิน ฮวง รู้สึกอยากจะอัญเชิญมอนสเตอร์ที่สามารถบินได้ แน่นอน เขาเคยคิดที่จะสร้างสมบัติมิติเช่นเดียวกับประตูไม้เขียว แต่ดูเหมือน มันจะเป็นเรื่องที่ยากกว่าสิ่งที่เขาคิดมาก่อนหน้า
หลังจากเปรียบเทียบหลายๆวิธี หลิน ฮวง ก็ตัดสินใจที่จะนั่งบนยานคริสตัลปีศาจ เขาไม่เคยเห็นมันมาก่อนและสงสัยว่ายานคริสตัลปีศาจจะเป็นยังไงในโลกนี้
หลิน ฮวง โชคดีเพราะเขาจองตั๋วผ่านเครือข่ายหัวใจสำเร็จ ยานจะออกจากเมือง7C87และสามวันให้หลัง มันจะมาถึงเมือง7C82 ระยะการเดินทางจะอยู่ที่ประมาณ20000กิโลเมตร ดังนั้น ค่าตั๋วจึงอยู่ที่20000เครดิต
หลังจากที่จองตั๋วแล้ว มันก็เป็นเวลา4โมงเย็น หลิน ฮวง มุ่งหน้าไปยังโรงแรมStableก่อนมื้อเย็น เขาไปที่โรงแรมเพื่อเยี่ยมเจ้าของโรงแรมและแขกของโรงแรมที่สอนทักษะดาบอันล้ำค่าให้แก่เขา
แต่เขาไม่ได้รู้ว่าเจ้าของโรงแรมนั้นจะไม่ใช่คนเดิมและแขกก็ไม่ใช่นักล่าทั่วไปเช่นกัน
เขาต้องใช้เวลา10นาทีในการมาถึงโรงแรมStable สวนมันไม่เหมือนเดิม สวนเล็กได้กลายเป็นร้านอาหารกลางแจ้งที่มีโต๊ะและเก้าอี้วางอยู่
มีลูกค้าหนุ่มสาวหลายคนกำลังเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มของพวกเขาอยู่ที่หน้าโต๊ะเล็กๆ
พนักงานเสิร์ฟได้เดินมาทางหลิน ฮวง และถามเมื่อเขาหยุดตรงหน้าประตู“มีอะไรให้ช่วยไหมค่ะ?”
“ที่แห่งนี้มีเจ้าของใหม่งั้นหรอ?”หลิน ฮวง ถามเมื่อเขาสัมผัสได้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่บอสหยู่จะเปลี่ยนแปลงสวนอันเป็นที่รักของเขา
“คะ มันผ่านมา10วันแล้ว อย่างไรก็ตาม แขกประจำเช่นคุณก็ยังมาและพวกเขาก็ชื่นชมกับอาหารและเครื่องดื่มของทางเรา ว่ามันดีกว่าก่อนหน้า คุณสามารถทดลองได้และฉันมั่นใจว่าคุณจะพึงพอใจกับมัน”พนักงานเสิร์ฟแนะนำเมนูพิเศษใหม่ๆเมื่อเธอรู้ว่าหลิน ฮวง คือแขกประจำของโรงแรมนี้
“ขอบคุณ จริงๆแล้วผมกำลังมองหาบอสหยู่ มันเป็นเรื่องเร่งด่วน…”หลิน ฮวง ถามขณะที่โบกมือเขาให้กับพนักงานเสิร์ฟ เมื่อเขากำลังจะจากไป เขาก็คิดได้ถึงชายที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าเช่นกัน จากนั้นเขาจึงถาม“ขอโทษนะ มีชายร่างสูงที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าพักอยู่ที่นี่ครั้งก่อน เขายังอยู่ที่นี่หรือไม่?”เขาถามพนักงานเสิร์ฟอีกครั้ง
“รอยแผลเป็นบนใบหน้า?ไม่คะ ฉันไม่เคยพบเจอคนเช่นนั้นมาก่อน ฉันจะจำได้หากมีคนเช่นนั้น”พนักงานเสิร์ฟกล่าวและส่ายหัวของเธอ
“อ่า ขอบคุณ”หลิน ฮวง พยักหน้า และเดินจากไป เขาไม่คิดเลยว่าบอสหยู่และชายคนนั้นจะจากเมืองนี้ไปอย่างฉับพลัน เมื่อมองไปยังโรงแรมStable เขากลับรู้สึกผิดหวัง
เมื่อเขากลับบ้านไป เขาก็อ่านข่าวบางส่วน ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเป็นพิเศษ เขาจึงเตรียมอาหารเย็น
อาหารเย็นได้ถูกเตรียมไว้และหลิน ซิน ก็ได้กลับมาจากโรงเรียน
ทั้งคู่นั่งฝั่งตรงข้ามกันขณะที่กินข้าว จากนั้น หลิน ฮวง ก็ถามหลิน ซิน เกี่ยวกับโรงแรมStable
“ซิน เอ๋อร์ โรงแรมStable เปลี่ยนเจ้าของใหม่ตอนไหนหรอ?”
“วันที่สองหลังจากที่พี่ไป บอสหยู่และลุงหน้าดุเองก็จากไปเช่นกัน”หลิน ซิน ตอบกลับ เธอรู้เพราะเธออยู่ที่เมืองตลอดเวลา
“มันเป็นโรงแรมใหญ่ ทำไมเขาจึงขายมันไปในเวลาอันสั้น?มันยังคงดีเมื่อพวกเราพักอยู่ที่นั่น”หลิน ฮวง ถาม ขระที่เขารู้สึกว่ามันแปลกอย่างมาก
“มีคนบอกว่าเขามีปัญหาเรื่องครอบครัวและจำเป็นต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน เขาขายโรงแรมเขาในราคาที่ถูกมากและรีบกลับไปยังเมืองเกิดเขา ลุงหน้าดุถูกจ้างให้เป็นผู้คุ้มกันเขาและพวกเขาก็จากไปพร้อมกัน”หลิน ซิน บอกเขาด้วยข่าวลือที่เธอได้ยิน
“โอ้...”หลิน ฮวง รู้สึกว่ามันผิดปกติ ตอนนี้ เขานึกขึ้นได้ บอสหยู่และชายคนนั้นต้องรู้จักกันมาก่อนหน้านั้น บางทีเขาอาจจะจงใจถามหลิน ฮวง เพื่อให้เขาสนใจกับการฝึกทักษะดาบของชายหน้าดุ ทั้งคู่ได้หายไปและมันก็เป็นการยากที่จะสืบสวนปัญหานี้ในตอนนี้
“ไม่ว่าจะยังไง ฉันก็จะไม่คิดเกี่ยวกับมันอีก ชีวิตของฉันมันวุ่นวายพอแล้ว”เขากล่าวพร้อมกับถอนหายใจ เขาสะบัดหัวและลบล้างความคิดเขา