TWO Chapter 134 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 8
TWO Chapter 134 สงครามโจวหลู่ ตอนที่ 8
โอหยางโชวเปิดลีดเดอร์บอร์ดผลงาน เขาเห็นเพียงชื่อของเขาคนเดียวโดดๆ ด้านล่างของเขายังคงเป็นช่องว่างที่รอชื่อมาเติมเต็ม
การปิดลีดเดอร์บอร์ด นับเป็นการส่งสัญญาณถึงจุดเริ่มต้นของสงครามโจวหลู่ ในเวลานี้ ตี่เฉินเพิ่งออนไลน์ และเขาก็ได้ยินแจ้งเตือนสงครามในทันที เขากล่าวอย่างคลุกกรุ่นว่า “เด็กเหลือขอนั่นนำหน้าอีกแล้ว เขามีโชคมากแค่ไหนกัน?”
“เขาโชคดีมากจริงๆ” ซาโพจุ่นยืนอยู่ข้างๆเขาขณะกล่าว
“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม หลังจากจบสงครามนี้ ข้าจะเร่งอัพเกรดเป็นเมืองขนาดกลางระดับ 1 ในทันที แล้วมารอดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร?” ตี่เฉินกล่าวอย่างเย็นชา ความทรงจำที่เกิดขึ้นในงานประมูลยังคงสดใหม่สำหรับเขา
“จะไม่รีบเกินไปหน่อยหรือ?” จวู่ไต๋เฟิงฮัวขมวดคิ้ว
ตี่เฉินส่ายหัว “เราไม่สามารถรอได้อีกต่อไป อีกไม่นานเมืองซานไห่ก็คงจะอัพเกรดเช่นกัน ถึงจุดนี้ มันสายเกินกว่าจะเสียใจแล้ว ครั้งนี้ เราต้องกำราบความหยิ่งผยองของฉีเยว่หวู่ยี่ให้ได้ ไม่อย่างนั้น เราจะอยู่รอดในภูมิภาคจีนได้อย่างไร?”
จวู่ไต๋เฟิงฮัวเงียบ ตามที่เธอเห็นนั้น ตี่เฉินถูกสยบโดยฉีเยว่หวู่ยี่ และตอนนี้ เหมือนกับว่าเขาถูกครอบงำโดยปีศาจ ไม่ฟังคำแนะนำและคำเตือนใดๆของเธอเลย ซึ่งมันไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย
……………………………………………………………………………
โอหยางโชวออกจากพระราชวังแล้ว ไปตามหาคนอื่นๆ ที่กำลังหาเควสอยู่ในเมืองจักรพรรดิเหลือง
“หวู่ยี่ ท่านได้รับเควสหรือ?” ไป๋ฮัวถาม
โอหยางโชวพยักหน้า “ถูกต้อง ข้ามีเควส 2 อย่าง คือ การส่งจดหมายให้จักรพรรดิไฟ และการสอดแนมกองกำลังของชี่โหยว เราสามารถแชร์เควสระดับแรงค์ B (การสอดแนม) ได้ เพื่อเราจะได้ดำเนินการร่วมกัน”
“นั่นเยี่ยมเลย พวกเราเดินไปรอบๆเมืองแล้ว แต่ยังไม่ได้อะไรเลย” ไป๋ฮัวหัวเราะ โอหยางโชวเปิดเมนูเควส และเปิดการแชร์เควส
“แจ้งเตือนระบบ : โปรดเลือกผู้เล่นที่ต้องการจะแชร์เควสระดับแรงค์ B (หารสอดแนม), คำเตือน : คุณสามารถแชร์ได้มากที่สุด 5 คน”
“ไป๋ฮัว, เฟิงฉิวฮวง, มู่หลานเยว่ และกงเฉิงซี”
“แจ้งเตือนระบบ : แชร์กับผู้เล่น 4 คน หลังจากจบเควส คุณจะได้รับรางวัล 50% ในขณะที่คนอื่นๆจะได้ 25%”
นี่เป็นผลประโยชน์ของการแช์เควส แม้ว่าผลรางวัลของเขาจะถูกตัดออกครึ่งหนึ่ง แต่มันก็ช่วยเพิ่มรางวัลให้กับทีม รวมแล้วมากกว่าที่เสียไปเสียอีก และยิ่งถ้าอัตราความสำเร็จของเควสมีสูงมากพอ ก็จะได้รับรางวัลเพิ่งเติมอีก
“เควสการสอดแนมจะนำโดยหงหยิงและกงเฉิงซี แล้วข้าจะจัดทีมสอดแนมและทีมทหารม้าไว้คอยช่วยเหลือ” โอหยางโชวกล่าว
“ท่านจะไม่ไปดูด้วยตัวเองหรือ?” กงเฉิงซีถามอย่างสงสัย
โอหยางโชวส่ายหัว “ไม่หล่ะ แค่มีเจ้ากับหงหยิง ข้าก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว และข้ายังต้องนำจดหมายไปส่งให้จักรพรรดิไฟอีก”
“โอเค”
หลังจากคุยกันว่าใครจะเป็นผู้ทำเควสนี้ โอหยางโชวก็ออกมา ไป๋ฮัวกับเฟิงฉิวฮวงยังคงค้นหาเควสในเมืองจักรพรรดิเหลืองต่อไป ในขณะที่เขานำกงเฉิงซีและมู่หลานเยว่กลับมาที่ค่ายเพื่อเตรียมตัว
หลังจากกลับมาที่ค่าย เขาก็อธิบายทุกอย่างให้หัวหน้าฝ่ายข่าวกรองซ่าสานและผู้บํญชาการกองร้อยทหารม้าที่ 2 ซุนเถิงเจียวฟัง บอกให้พวกเขาทำงานร่วมกับหงหยิงและกงเฉิงซี ในการทำเควสนี้
สำหรับตัวโอหยางโชวเอง เขาได้พามู่หลานเยว่และกองร้อยทหารม้าที่ 1 ไปที่เมืองจักรพรรดิไฟ
เมืองจักรพรรดิไฟตั้งอยู่ทางตะวันตกของภูเขาเทียซิง ซึ่งห่างจากเมืองจักรพรรดิเหลือง 10 กิโลเมตร ระหว่าง 2 เมืองไม่มีถนน ทำให้ต้องเดินฝ่าหญ้าป่าไปเท่านั้น การเดินทางเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง กว่าจะมาถึงเมืองจักรพรรดิไฟ โชคดีที่ระหว่างทางพวกเขาไม่ได้เจอกับสายลับหรือกองกำลังของชนเผ่าจิวหลี่ของชี่โหยว
รูปแบบสิ่งก่อสร้างของเมืองจักรพรรดิไฟคล้ายกับเมืองจักรพรรดิเหลือง เมื่อโอหยางโชวมาถึงหน้าประตูเมือง เขาก็ถูกหยุดโดยยามทันที “เจ้าเป็นใคร? ระบุชื่อมา!!!”
โอหยางโชวตะโกนว่า “ข้าคือตัวแทนฉีเยว่หวู่ยี่ และมาที่นี่ภายใต้คำสั่งของจักรพรรดิเหลือง เพื่อส่งจดหมายให้กับองค์จักรพรรดิไฟ”
ยอมยังไม่ได้ผ่อนคลาย เขาถามต่อว่า “ท่านมีหลักฐานหรือไม่?”
โอหยางโชวลงจากม้า แล้วหยิบป้ายให้เขาดู
ยามรับป้ายมา และตรวจสอบอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวว่า “ป้ายเป็นของจริง ท่านสามารถเข้ามาได้ แต่กองกำลังของท่านต้องรอยู่ที่นอกเมือง”
โอหยางโชวพยักหน้า เพื่อแสดงออกว่าเขาเข้าใจ นี่เป็นการปฏิบัติปกติ ไม่ได้มีอะไรผิดแปลกเลย เขาหันกลับมา แล้วบอกนายกองหลี่หมิงเหลียงว่า “นายกองหลี่ หาที่ปลอดตั้งค่าย ดูจากเวลาแล้ว ข้าคิดว่าเราคงไม่ได้กลับในวันนี้ เราคงต้องใช้เวลากลางคืนที่นี่”
“รับทราบขอรับ!”
โอหยางโชวนำมู่หลานเยว่และหวังเฟิงเข้าไปในเมืองจักรพรรดิไฟ ตามหลังยามที่คอยนำทางอยู่ด้านหน้า
เมื่อนี่เป็นจดหมายของจักรพรรดิเหลือง ยามก็ไม่กล้าจะประมาท เขาได้พาพวกเขาไปที่พระราชวังโดยตรง
เมื่อเทียบกับพระราชวังของจักรพรรดิเหลือง พระราชวังของจักรพรรดิไฟดูบริสุทธิ์มากกว่า เผ่าของจักรพรรดิไฟเป็นเผ่าที่มีขนาดใหญ่มากในเซิ่นหนง แม้ในขณะที่พวกเขาอ่อนแอ และสูญเสียให้กับเผ่าของจักรพรรดิเหลืองและเผ่าจิวหลี่ของชี่โหยว แต่พระราชวังของพวกเขาก็สร้างมานานแล้ว มันจึงไม่ใช่สิ่งที่พระราชวังของจักพรรดิเหลืองจะเปรียบเทียบได้
หลังจากที่ได้รับรายงานจากยามแล้ว จักรพรรดิไฟก็รอเขาอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ เพื่อรอพบผู้ส่งสาส์น ซึ่งนั่นก็คือตัวโอหยางโชวนั่นเอง
จักรพรรดิไฟนั่งอยู่บนบัลลังก์ในห้องโถงใหญ่ เขาดูอายุราว 40-50 ปี เมื่อเทียบกับจักรพรรดิเหลืองที่ยังหนุ่มแล้ว เขาดูแก่กว่ามาก
เผ่าของจักรพรรดิไฟได้นับถือ ‘ไฟ’ ด้วยความเคารพ ด้วยเหตุนี้ เสื้อผ้าส่วนใหญ่ของพวกเขาจึงมีสีแดงเข้ม สำหรับวิธีการย้อมของพวกเขานั้น ไม่มีใครรูป
เมื่อเทียบกับจักรพรรดิเหลือง จักรพรรดิไฟดูสำอางกว่ามาก สามารถจินตนาการได้เลยว่า เขามีลักษณะเป็นเช่นไรเมื่อตอนยังหนุ่มๆ ผมของเขาถูกหวีอย่างประณีต และหนวดเคาก็ตัดแต่งอย่างเรียบร้อย เห็นได้ชัดว่าเมื่อเทียบกับจักรพรรดิเหลือง จักรพรรดิไฟให้ความสำคัญกับภาพลักษณ์อย่างมาก
กลางหน้าผากของเขาแขวนด้วยหินหยกยาวที่ถูกผูกด้วยโซ่ แม้ว่าเขาจะมีผมและหนวดเคราสีขาว แต่เขาก็ยังคงดูทรงพลังอย่างมาก โดยเฉพาะสายตาของเขา มันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน แสดงให้เห็นว่าเขาคือบุคคลทางประวัติศาสตร์ระดับกษัตรย์คนหนึ่ง เขายังคงพยายามรักษาศักดิ์ศรีและปกป้องเผ่าของเขา
ด้านซ้ายของห้องโถงนั่งด้วยหญิงวัย 30 ปี เธอสวมชุดผ้าลินินสีดำและผมของเธอยาวถึงหัวไหล่ บนหน้าอกของเธอแขวนไว้ด้วยเครื่องประดับสีขาวที่ทำมาจากวัสดุที่ไม่รู้จัก ซึ่งด้านบนของมันเป็นป้ายหยกขนาดใหญ่
สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือสีที่ทาบนใบหน้าของเธอ ส่วนใหญ่จะเป็นสีดำ มีสีขาวที่หางคิ้วและบริเวณกรามของเธอ การทางสีที่หางคิ้วของเธอเป็นรูปลูกศร หน้าของเธอแบ่งเป็น 3 ส่วน ขากรรไกรของเธอเป็นเหมือนกับริบบิ้น ตรงกลางเป็นวงกลม 5 วง เป็นสีดำด้านบน และด้านล่างอีก 4 วง เป็นสีแดง ในวงกลมตรงกลางดูลึกลับมาก
โอหยางโชวเดาว่าผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นแม่มดของเผ่า เธอมีศักดิ์เป็นรองเพียงจักรพรรดิไฟเท่านั้น
“ตัวแทนฉีเยว่หวู่ยี่/มู่หลานเยว่ คำนับองค์จักรพรรดิไฟ” โอหยางโชวและมู่หลานเยว่โค้งคำนับ
“ไม่จำเป็น จักรพรรดิเหลืองส่งพวกเจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุผลใด?” จักรพรรดิไฟถามด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและสุภาพ
โอหยางโชวหยิบจดหมายออกมา แล้วกล่าวอย่างสุภาพว่า “สงครามกำลังจะเกิดขึ้น องค์จักรพรรดิเหลืองร้องขอให้พระองค์นำกองกำลังของพระองค์เข้าร่วมกับกองกำลังหลักในเมืองจักรพรรดิเหลือง นี่เป็นจดหมายที่ทรงเขียนด้วยตนเอง”
โอหยางโชวส่งจดหมายให้กับคนรับใช้คนหนึ่งข้างเขา
จักรพรรดิไฟรับจดหมายจากคนรับใช้แล้วเปิดอ่าน หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ เขาก็กล่าวว่า “ข้าเข้าใจความตั้งใจของเขา ข้าจะรวบรวมกองกำลังของข้าในวันพรุ่งนี้ และเดินทางไปที่เมืองจักรพรรดเหลือง เจ้าสามารถกลับไปพร้อมเราได้”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
หูของโอหยางโชวและมู่หลานเยว่ได้ยินเสียงการแจ้งเตือนเควสสำเร็จ
“แจ้งเตือนระบบ : ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นฉีเยว่หวู่ยี่ ในการทำเควสฝ่ายระดับแรง์ D (การส่งจดหมาย) สำเร็จ, ได้รับรางวัล : คะแนนการกุศล 200 แต้ม, คะแนนคณูปการ 400 แต้ม”
เนื่องจากเควสนี้ได้ยอมรับทั้งโอหยางโชวและมู่หลานเยว่ จึงนับเป็นภารกิจที่แชร์ร่วมกับ ดังนั้น ทั้ง 2 คน จึงได้รับรางวัลเท่ากัน ด้วยเหตุนี้ มู่หลานเยว่จึงกลายเป็นผู้เล่นอันดับที่ 2 ของลีดเดอร์บอร์ด มันทำให้เธอหัวเราะอย่างชอบใจ
ในขณะนั้นเอง ด้านหลังห้องโถงก็มีเด็กหญิงอายุ 7-8 ปี วิ่งออกมา เธออายุน้อยกว่าลูกสาวของจักรพรรดิเหลือง ซวนหวานเหม่ย แต่เธอมีความงดงามไม่แพ้กันเลย เธอมีดวงตาคู่โตที่ดูน่ารักและมีใบหน้าที่ละเอียดอ่อน มองดูเหมือนกับเด็กสาวนิสัยดี เธอยังสวมมงกุฎดอกไม้ไว้บนหัวของเธอและสวมรองเท้าสีแดง ซึ่งมันทำให้เธอดูสง่างามมากขึ้น
“นู่หวา เจ้าไม่เห็นหรือว่าพ่อกำลังประชุมกับแขกอยู่?” เมื่อจักรพรรดิไฟเห็นเด็กสาว เขาก็ทำเป็นเหมือนโกรธ
แต่เธอกลับไม่ได้กลัวจักรพรรดิไฟ และได้วิ่งไปหาเขา พร้อมนั่งบนตักของเขา เธอยื่นมือไปจับเคราของเขา แล้วกล่าวว่า “ท่านพ่อ ท่านไม่ยอมเล่นกับข้าเลย”
ต่อหน้าลูกสาว จักรพรรดิไฟไม่สามารถทำอะไรได้ เขากล่าวอย่างช่วยไม่ได้ว่า “พ่อยังไม่ว่าง เดี๋ยวพ่อจะเล่นกับลูกหลังจากนี้นะ”
เธอหันกลับมามองโอหยางโชวด้วยความโกรธ แล้วกล่าวว่า “เจ้าเป็นคนไม่ดี เจ้าแย่งพ่อของข้าไป”
กับคนที่อยู่ในประวัติศาสตร์แล้ว โอหยางโชวจะโกรธได้อย่างไร เขาหยิบตุ๊กตาผ้าจากถุงเก็บของของเขา แล้วกล่าวว่า “ข้าขอโทษที่ทำให้องค์หญิงโกรธ ข้ามีของขวัญเล็กน้อยจะมอบให้ท่าน หวังว่าท่านจะหายโกรธข้า”
เมื่อเห็นตุ๊กตา ดวงตาของเด็กสาวก็เบิกกว้าง เธอไม่เคยเห็นของขวัญที่ประณีตเช่นนี้มาก่อน เธอตกหลุมรักมันในทันที
สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจก็คือ เธอไม่ได้วิ่งมาคว้าของเล่นไปในทันที เธอหันกลับไปมองจักรพรรดิไฟเพื่อขออนุญาติ จะเห็นได้ชัดว่าระดับความเป็นผู้ใหญ่ของเธอสูงกว่าซวนหยวนเหม่ย
เมื่อเห็นพ่อของเธอพยักหน้า เธอก็รีบวิ่งมาหาโอหยางโชวเพื่อรับตุ๊กตาในทันที แล้วกล่าวว่า “เจ้าเป็นคนดี นู่หวาจะให้อภัยเจ้า”
โอหยางโชวยิ้ม “ตราบเท่าที่องค์หญิงชอบมัน ข้ายินดีแล้ว”
แฟนเพจ : TWOแปลไทย