SH – 25 วิญญาณเหยี่ยวข่าว !
SH – 25 วิญญาณเหยี่ยวข่าว !
เหยี่ยซ่าวหยางเห็นว่าตอนนี้เสี่ยวหม่าได้ตกอยู่ในภาวะที่หลับลึก ซึ่งนั้นเป็นเรื่องยากที่จะพาเขากลับมา ดังนั้น เหยี่ยซ่าวหยางกรีดนิ้วกลางของเขาทันทีและหยดเลือดบนลงหน้าผากของเสี่ยวหม่า จากนั้นเขาก็สวดบทสวดมนต์เพื่อรวบรวมจิตวิญญาณของเขากลับคืนมาและกดมือลงไปบนจุดดันเถียนของเสี่ยวหม่า ซึ่งเป็นจุดที่อยู่บริเวณท้องของเสี่ยวหม่า เสี่ยวหม่าเปิดตาขึ้นอย่างงงงวย จากนั้นเขาก็คว้าเหยี่ยซ่าวหยางและกรีดร้องว่า "ช่วยผมด้วย เสี่ยวเหยี่ย!"
“ไม่เป็นไรๆ คุณไม่เป็นอะไรแล้ว !”
เสี่ยวหม่ามองภาพวาดที่เขาเข้าไปและถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากและพูดว่า "นั่นทำให้ผมกลัวจริงๆ ผมเกือบจะตกลงไปในหุบเขา "
เหยี่ยซ่าวหยางเงยหน้าขึ้นมองภาพวาดและเห็นว่ามันได้กลับสู่สภาพเดิมแล้ว หน้าผาสูงและสมบูรณ์ในขณะที่ศาลาก็ยืนตรง หลังจากที่เสี่ยวหม่าฟื้นตัวเขาบอกกับพวกเขาว่าประสบการณ์ครั้งนี้ค่อนข้างคล้ายกับก่อนหน้านี้ เขาได้ปรากฏตัวที่ด้านล่างของเนินเขาและเริ่มเดินขึ้นไปที่ศาลา ตอนแรกมีสายลมเย็นสบายและทัศนียภาพที่ยอดเยี่ยม แต่หลังจากนั้นก็เริ่มมีแผ่นดินไหว
“แม้ว่าผมอยู่ในความฝันผมยังคงมีสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของผมอยู่ แต่สิ่งที่ตลกก็คือมีกำแพงอากาศที่ขังผมไว้ในศาลา ผมจึงไม่สามารถออกไปไหนได้ หลังจากนั้นพื้นเริ่มแตกแยก โชคดีที่คุณทำให้ผมตื่นก่อนที่ผมจะตาย! ผมรู้สึกขอบคุณคุณมากๆ โปรดให้ผมกลายเป็นสาวน้อยแสนสวยปรนนิบัติคุณจนกว่าชีวิตจะหาไม่ด้วย”
เหยี่ยซ่าวหยางตอบด้วยความหงุดหงิด "คุณคงไม่ได้กลัวความตายจริงๆหรอก ใช่มั้ย? คุณเพิ่งกลับมาจากนรกแต่คุณยังมีอารมณ์ขันอีก "
เสี่ยวหม่า ยิ้มและพูดว่า "ทำไมผมถึงต้องกลัวเมื่อผมมีคุณ?"
เหยี่ยซ่าวหยางคิดว่า ‘เพื่อนคนแรกของผมทำไมเป็นคนแบบนี้ว๊ะ ?’
หลังจากที่กัวได้ฟังการสนทนาของพวกเขา เขาก็กังวลใจและกล่าวว่า "ซ่าวยางนี่เป็นปัญหาใหญ่เลยนะ"
เหยี่ยซ่าวหยางพยักหน้าและพูดว่า "ใช่แล้วอสูรกายตัวนี้สามารถเอาจิตวิญญาณของคนหนึ่งคน มาแล้วลากพวกเขาลงไปในภาพวาดได้ แม้กระทั่งสามารถเปลี่ยนแปลงภาพวาดเพื่อใช้ฆ่าคนได้ ซึ่งหมายความว่าอสูรกายตัวนี้มีพลังมาก ถึงขนาดสามารถพาเสี่ยวหม่าเข้าสู่ภาพวาดได้ทั้งๆที่ผมนั่งอยู่ข้างๆ อย่างไรก็ตามผมไม่ได้สังเกตเห็นอะไรแปลก ๆ เลย ... หรือว่าคนๆนี้จะมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกัน"
จากนั้นเหยี่ยซ่าวหยางก็หันไปให้ความสนใจกับเสี่ยวหม่าและกล่าวว่า "ถ้าครั้งแรกเป็นเรื่องบังเอิญคุณจะอธิบายเรื่องนี้ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองได้อย่างไร? อสูรกายนี้ต้องมีบางอย่างกับคุณดังนั้นลองนึกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้กับคุณสิ คุณเพิ่งทำอะไรแปลก ๆ มารึเปล่าเมื่อเร็ว ๆ นี้? "
เสี่ยวหม่ายกคิ้วของเขาและถามว่า "ใช้กล้องส่องทางไกลเพื่อมองเด็กสาวในหอพักของพวกเขาถือว่าเป็นสิ่งที่แปลกรึเปล่า?"
"คุณช่วยจริงจังหน่อยได้รึเปล่า? อสูรกายตัวนี้ไม่ได้สนใจว่าผมอยู่ข้างๆคุณหรือเปล่า อสุรกายนี้จะพยายามที่จะเอาชีวิตของคุณไปทุกครั้งที่คุณหลับ ถ้าคุณไม่กลัวตาย ผมก็จะไม่สนใจคุณแล้ว ! "
เมื่อเสี่ยวหม่าได้ยินคำพูดเหล่านี้เขาก็เริ่มตื่นตระหนกและคิดถึงเรื่องนี้อย่างหนัก แล้วเขาก็พูดขึ้นด้วยท่าทีไม่มั่นใจ "ผมคิดว่าเร็วๆนี้ผมไม่ได้ทำอะไรแปลกๆเลยนะ ... บางทีมันอาจเป็นสิ่งที่ผมเคยทำมาในอดีต? คุณพอจะให้คำแนะนำบางอย่างกับผมหน่อยได้หรือไม่? "
เหยี่ยซ่าวหยางไขว้แขนของเขาและกล่าวว่า "ถ้าผมรู้เหตุผล ผมจะถามคุณทำไม" แต่เมื่อเหยี่ยซ่าวหยางคิดอย่างละเอียดรอบคอบมากขึ้น เขาจำได้ว่าหลายคนมักจะกระทำผิดโดยไม่เจตนา อย่างไรก็ตามหากพวกเขาขาดเบาะแสทางใดทางหนึ่งไป มันจะเป็นการยากมากที่จะตามรอยอสูรกายตัวนี้ หลังจากที่เขาขบคิดสักครู่แล้ว เหยี่ยซ่าวหยางหันไปหาพี่กัวและถามว่า "มีวิญญาณเหยี่ยวข่าวในเมืองสโตน์แห่งนี้หรือไม่?"
"คุณต้องการที่จะจ้างมัน? ผมรู้จักอยู่ตัวหนึ่งมันไว้ใจได้ "
หลังจากที่พวกเขาจ่ายเงินแล้ว ทั้งสามก็เดินไปที่ห้องของเหยี่ยซ่าวหยาง เมื่อเข้าไปในลิฟท์เสี่ยวหม่าถามขึ้นอย่างฉับพลัน "วิญญาณเหยี่ยวข่าวคืออะไร?"
"โลกใต้พิภพมักส่งวิญญาณไปเก็บข้อความในโลกมนุษย์ วิญญาณเหล่านี้จะเดินเตร่ไปตามพื้นที่ที่เฉพาะเจาะจงและเป็นผู้รับผิดชอบในการนำวิญญาณใหม่ไปสู่นรก เนื่องจากการพักอาศัยเป็นเวลานานในพื้นที่เฉพาะพวกเขามักจะรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์เหนือธรรมชาติทั้งหมดหรือสิ่งมีชีวิตในบริเวณใกล้เคียง พวกเขาเป็นเหมือนปาปารัสซี่ในโลกสมัยใหม่ดังนั้นเรามักเรียกพวกเขาว่าวิญญาณ เหยี่ยวข่าว"
เมื่อพวกเขามาถึงห้องของเขา เหยี่ยซ่าวหยางเอาสิ่งของออกจากโต๊ะและดึงกระจกรูปแปดเหลี่ยมออกมา จากนั้นเขาวางมันลงบนโต๊ะ เขาวาดเส้นแนวตั้งสามเส้นลงบนกระจกด้วยหมึกชาดและเขายังจุดเทียนไว้ทางด้านซ้ายและด้านขวาของกระจก หลังจากนั้นเขาหยิบกระดาษยันต์เปล่าออกมาและส่งให้แก่ศิษย์พี่กัว ผู้ที่จะเขียนชื่อของวิญญาณเหยี่ยวข่าว เหยี่ยซ่าวหยางทำพิธีโดยการเผาเศษกระดาษยันต์กับเทียนไข ขณะที่มันถูกเผาไหม้ควันแผ่ซ่านไปทั่วกระจกเงาแปดเหลี่ยม และก่อตัวเป็นรูปร่างคล้ายคนขึ้นมา มันเป็นชายวัยกลางคนในชุดทักซิโด!
"เป็นดวงวิญญาณที่ทันสมัยอะไรขนาดนี้" เหยี่ยซ่าวหยางพึมพำแบบกระแหนะกระแหน
"พวกเราทำตัวทันสมัยตลอดเวลา" วิญญาณยิ้มและตอบกลับมา จากนั้นวิญญาณขนาดเท่าเหยี่ยซ่าวหยางลุกขึ้นและกล่าวว่า "ท่านนักบุญท่านมาจากนิกายไหน?"
กัวรีบเดินไปข้างหน้าและกล่าวด้วยความเคารพว่า "นี่คือศิษย์น้องของผม เขาเป็นศิษย์ชั้นในของนิกายเหม่าซ่าน และเป็นนักบุญอยู่ในระดับเทวะสวรรค์ เขามีคำถามที่จะถามคุณครับ คุณชาง "
คำเหล่านี้ทำให้ชางตกใจ เขายกมือขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยความนับถือและพูดว่า "ระดับเทวะสวรรค์ตั้งแต่อายุยังน้อย ? และดูเหมือนจะอายุน้อยกว่า เต๋าเฟิงเมื่อตอนเขาลงมาจากภูเขาซะอีก"
"คุณรู้จักกับศิษย์พี่ผม เต๋าเฟิง ด้วยเหรอ?"
ชางหยิบหนังสือเล่มเล็ก ๆ ออกจากกระเป๋าแล้วพลิกไปที่หน้าใดหน้าหนึ่ง จากนั้นเขาตอบว่า "วันที่ 2 ตุลาคมปี 1996 เขามาหาผมและถามเกี่ยวกับผีดิบขนเขียวที่อยู่ทางใต้ เขาเป็นหนี้ผมอยู่ 20 ก้านธูปและบันทึกนรกอีกกองหนึ่ง โปรดช่วยผมทวงเขาด้วยเมื่อคุณพบเขาแล้ว "
เหยี่ยซ่าวหยางยิ้มและพูดว่า "หลังจากที่เราเสร็จสิ้นงานแล้วผมจะจ่ายเงินคุณพร้อมหนี้ของเขาด้วย"
ชางหัวเราะและพูดว่า "เพราะว่าคุณเป็นศิษย์น้องของเขา ผมจะยอมรับการชำระเงินของคุณ ดังนั้นคุณต้องการจะถามอะไรผมอีกมั้ย ? "
เหยี่ยซ่าวหยางรวบรวมความคิดของเขาและกล่าวว่า "มันเป็นสิ่งชั่วร้าย ผมไม่แน่ใจว่ามันคืออะไร แต่ผมสงสัยว่ามันเป็นอสูรกาย มันสามารถนำวิญญาณของผู้คนไปสู่ภาพวาดได้ และมันยังสามารถเปลี่ยนทัศนียภาพของภาพเพื่อใช้ทำลายวิญญาณของใครก็ได้ คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง?
ชางหยิบลูกคิดออกมาและเริ่มคำนวณ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กล่าวว่า "30 ก้านธูปและ บันทึกนรก 15 กอง"
"ไม่มีปัญหา" เหยี่ยซ่าวหยางตอบอย่างรื่นเริงและไขว้นิ้วของเขาไว้ด้านหลัง
ชางยิ้มด้วยความพึงพอใจและกล่าวว่า "เขาเป็นอสูรกาย แต่ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการเกิดของมัน ชื่อของมัน หรือมันมาจากไหน ทำไมเขาถึงมาที่เมืองสโตน์แห่งนี้ ... ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย "
คำตอบของชางเกือบจะทำให้เหยี่ยซ่าวหยางสติแตก "นั้นข้อมูลบ้าอะไร? คุณจะโกงพวกเราเหรอ? "
ชางตอบกลับอย่างใจเย็นว่า "ผมเข้ารับตำแหน่งนี้ในช่วงราชวงศ์ชิง ในช่วงเวลานั้นอสูรกายตัวนี้มีตัวตนอยู่แล้ว เขาไม่เคยผสมกับวิญญาณอื่นใดและเขาไม่เคยรายงานมาหาผม เขายังไม่เคยทำร้ายใครดังนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่ผมจะมาจัดการกับเขา !"
ดวงตาเหยี่ยซ่าวหยางเบิกกว้างขึ้นและเขาถามว่า "เขาไม่เคยทำร้ายใคร?"
ติดตามตอนต่อไป....................