[KotB] บทที่ 67: คลาสที่สอง (3)
บทที่ 67: คลาสที่สอง (3)
ขณะที่เขาเดินก้าวไปข้างหน้า เหล่าภูติผีก็กระจายตัวพุ่งไปกัดกินพวกโอเกอร์ เขาสามารถควบคุมพวกมันได้โดยการสั่งผ่านกระแสจิต
โอกกกกกกกกกก!
พวกโอเกอร์ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
ชิ้ง!
มูยองชักดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวออกมาพุ่งโจมตีตรงเข้าไป
อย่างไรก็ตามใช้เวลาไม่นานนักโอเกอร์ก็สามารถสลัดพวกภูติผีออกได้
ฟุ่บ!
ราวกับรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มูยองเตะไปที่พื้นเพื่อส่งตัวเองลอยขึ้นไปด้านบน
ทันทีที่เขาปีนขึ้นไปบนแขนของโอเกอร์ ดาบก็ถูกตวัดเฉือนลงไปที่ไหล่ของมันทว่ากลับฝากไว้ได้เพียงแค่รอยขีดข่วนเท่านั้น
พวกภูติผีนับพันตัวเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง พวกมันรุมเกาะที่ข้อเท้าของโอเกอร์
อย่างไรก็ตามโอเกอร์เป็นมอนสเตอร์ที่มีแรงต่อต้านสูงมาก
ใช้เวลาไม่นานมันก็เป็นอิสระจากภูติผีทั้งหลาย
'ไม่ใช่ว่าไม่มีหนทางใดที่จะกำจัดโอเกอร์ได้ แต่ ... '
มันคงเป็นเรื่องแปลกสำหรับภูติผีระดับต่ำที่จะสามารถจัดการกับโอเกอร์ได้อย่างรวดเร็ว
ยิ่งกว่านั้นพวกโอเกอร์เหล่านี้ยังเป็นมอนสเตอร์ระดับสูง
มูยองไม่สามารถทำมันได้โดยลำพัง ถ้าเขาเรียกพวกอันเดธทั้งหมดที่มีก็อาจจะจัดการกับมันได้
แต่นอกเหนือจากอันเดธแล้วที่นี่ยังมีโดเกบิอีกนับพันอยู่ทำให้เขาไม่สามารถซี้ซั้วเรียกมันออกมา
'อันเดธ จะเป็นตัวเลือกสุดท้ายของฉัน'
อันเดธจะต้องเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญในการจับเฮดลี่คาว
มูยองประสบความสำเร็จในการลดผู้ต้องสงสัยที่จะเป็นเฮดลี่คาวลงได้จนเหลือเพียง 2 ราย
เมื่อเร็วๆนี้มีราชาโดเกบิ 5 คนที่พึ่งเข้าร่วม และผู้ที่ได้รับความไว้วางใจจากด๊อกซินีอาร์โลเริ่มมีพฤติกรรมแปลกๆ
ขณะที่เขากำลังเฝ้าดูพวกมันดวงตาแห่งอาชูร่าก็ตื่นขึ้นมา ตอนนี้มูยองสามารถสื่อสารกับโลกแห่งความตายได้
อย่างไรก็ตามเหล่าคนตายไม่สามารถเข้าใกล้กับผู้ต้องสงสัย 2 ใน 5 คนนั้นได้อย่างง่ายดาย
มูยองรู้ดีว่า ภูติที่แข็งแกร่งสามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตประเภทวิญญาณได้
นั่นหมายความว่าหนึ่งในสองโดเกบินั้น น่าจะเป็นเฮดลี่คาว
'แค่สองก็พอแล้ว'
ถ้ามีผู้ต้องสงสัยแค่สองราย เขาก็สามารถเฝ้าดู และมีเวลาพอที่จะจับกุมในกรณีฉุกเฉิน
สิ่งที่เฮดลี่คาวต้องการ คือได้รับชัยชนะในสมรภูมิไร้ที่สิ้นสุดนี้
เขาไม่รู้ว่าทำไม แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมันช่วยโดเกบิเพลิงและให้การสนับสนุนพวกมัน
อย่างไรก็ตาม หากมันต้องเผชิญกับอันตรายก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา
ด้วยเหตุนี้ มันเป็นการดีที่จะมอบประสบการณ์อันตรายให้แก่พวกโดเกบิเพลิงและเพื่อถ่วงความสมดุลย์ เขาจะช่วยเซฮุน
โอเกอร์ เป็นนักล่าโดยสมบูรณ์ พวกมันจะโจมตีผู้ที่อ่อนแอที่สุดก่อน
การแสดงออกของพวกมันชัดเจนว่าได้เล็งเป้าหมายไปที่โดเกบิน้ำแข็ง
อย่างไรก็ตามสถานการณ์จะตรงกันข้ามเมื่อมูยองเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา
เขาใช้ทักษะเงาการเคลื่อนย้ายไปอยู่ข้างเซฮุนอีกครั้ง
"เจ้าจะยืนอยู่ตรงนี้และมองดูเฉยๆเหรอ?"
โฮกกกกกกกกกกกก!
มูยองพูดขณะที่มองโอเกอร์คำรามด้วยความกราดเกริ้ยว
พวกมันเป็นมอนสเตอร์ระดับสูงอย่างแท้จริง
มันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการมันเพียงคนเดียว อย่างไรก็ตามถ้าเซฮุน ผู้ปกครองโดเกบิน้ำแข็งช่วยเขา ก็จะสามารถลดจำนวนโอเกอร์ได้ง่ายขึ้น
"นี่ไม่ใช่พลังของโดเกบิน้ำแข็ง"
"ไม่ใช่มีแต่ข้าที่มีพลังพิเศษนี่ พวกโดเกบิเพลิงก็ใช้พลังแปลกๆเหมือนกันไม่ใช่เหรอ"
ไม่มีกฎใดระบุว่าโดเกบิน้ำแข็งจะสามารถใช้ได้แค่ทักษะประเภทน้ำแข็งเท่านั้น
ถึงแม้มันจะทำให้เขาสงสัย แต่มันก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
มันจะเป็นปัญหาได้ถ้ามูยองอัญเชิญเหล่าอันเดธมาที่นี่ แต่การใช้ภูติผีเพื่อยับยั้งการเคลื่อนไหวไม่นับว่าแปลกอะไร
ที่แปลกที่สุดคือความแข็งแกร่งของพวกโดเกบิเพลิงถูกเชื่อมโยงต่อกันเพื่อป้องกันไม่ให้อาร์โลหมดแรงต่างหาก
ขณะนั้นเซฮุนกลืนน้ำลายเมื่อมองไปที่มูยอง
'มันคือพลังจิตวิญญาณแห่งความตาย แม้ว่าเขาจะเป็นคนหยาบคาย แต่ความแข็งแกร่งของเขานั้น ... '
มีโดเกบิมากมายที่สามารถควบคุมวิญญาณของคนตายได้
แต่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถควบคุมวิญญาณเหล่าคนตายได้อย่างอิสระจำนวนมากขนาดนี้
และเซฮุนรู้ว่ามันคือจุดสิ้นสุดของเส้นทางแห่ง 'อาชูร่า'
'โอม' และ 'ฮูม' ทั้งสองหมายความถึงอาชูร่า ซึ่งโดเกบิบูชานับถือ
มีโดเกบิเพียงไม่กี่คนที่รู้จักชื่อดั้งเดิมอย่าง อาชูร่า
พวกเขากล่าวว่า คุณสามารถได้รับตำแหน่งของโอมได้ก็ต่อเมื่อพิชิตการทดสอบจากฮูม แต่มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของพิธีเท่านั้น
อย่างไรก็ตามคุณไม่สามารถเป็นโอมที่แท้จริงได้
และถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่ครั้งที่สอง แต่การปรากฏตัวของมูยองทำให้เขานึกถึงโอมที่แท้จริง มันเหมือนกำลังได้เห็นผู้สืบทอดที่ภักดีของอาชูร่า
'ไม่ มันเป็นไปไม่ได้'
มันเป็นแค่เรื่องเกินจริง เซฮุนส่ายหัวสะบัดความคิดออก
เขาต้องประสาทหลอนจากการหมดแรงแน่ๆ
มูยองเป็นเพียงแค่ผู้ควบคุมภูติผีธรรมดา
“โอเค ก่อนอื่น ร่วมมือกันเพื่อหยุดยั้งโอเกอร์ก่อน”
เซฮุนตัดสินใจ
มูยองแข็งแกร่งกว่าโดเกบิคนอื่น ๆ
เซฮุนรู้สึกว่าเขาจะสามารถเอาชนะโอเกอร์ได้สักหนึ่งหรือสองตัวถ้าร่วมมือกัน
แน่นอนว่ามูยองอ่อนแอกว่าเขา แต่ความจริงที่ว่าเขาเป็นโดเกบิน้ำแข็งนั้นเป็นเรื่องสำคัญ
มูยองพูดด้วยท่าทางไม่ใส่ใจนัก
"ข้าจะจับโอเกอร์ไว้ ส่วนเจ้าไปสะบั้นคอของมันซะ "
ถึงแม้จะเป็นโดเกบิน้ำแข็ง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ให้ความเคารพแก่ผู้อื่นอย่างใด
เซฮุนเดาะลิ้นอยู่ภายในเบาๆ
นี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องอะไรพวกนี้
ตึง! ตึง! ตึง
โอเกอร์ที่กราดเกรี้ยวกำลังใกล้เข้ามา
ตัดไปที่อีกฟากหนึ่ง
วูมมมมมมม
ช่องว่างปรากฏขึ้นในอากาศก่อนที่ภูติตัวเล็กจะโผล่ออกมา
ภูติน้อยมองไปรอบๆก่อนจะยิ้มอย่างสดใส เมื่อเธอพบใครบางคนบนท้องฟ้ารีบมุ่งตรงมาทางเธอ
“พี่สาว”
"โอ้วูฮีเธอมาทำอะไรที่นี่?"
ภูติที่ปรากฏตัวขึ้นนั่นคือ วูฮี
“วูฮีฮี่ หนูอยากมาขอความช่วยเหลือในการสร้างบททดสอบนิดหน่อย”
"นี่เธอยังทำมันไม่เสร็จอีกหรือ?"
"ยังเลยค่ะ คือแบบว่ามันยังไม่ค่อยมีความสมดุลเท่าไหร่ "
เมื่อวูฮี ซึ่งกำลังอยู่ในการสนทนาส่วนตัวมองลงไปด้านล่างก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ
"พวกเขาเป็นโดเกบิรึ?"
"มันคือบททดสอบแรกจากความต้องการของอาชูร่า ใกล้ถึงเวลาจบแล้วล่ะ "
"ฮุฮุ นั่นเขาหนิ! วูฮีฮี”
วูฮีบินไปมารอบๆและยิ้มเล็กน้อยขณะที่เธอพบโดเกบิ
"เธอรู้จักพวกเขาเหรอ?"
"พี่สาวฉันคิดว่าฉันเจอเนื้อคู่แล้ว"
"ห๊ะ เมื่อกี้เธอไม่ได้พูดว่าโดเกบิเป็นเนื้อคู่ของเธอใช่มั้ย?"
ภูติที่วูฮีเรียกว่าพี่สาวขมวดคิ้วของเธอ
จากสิ่งมีชีวิตทั้งหมด สำหรับโดเกบิที่จะกลายมาเป็นเนื้อคู่ของเหล่าภูติ
มันเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่วูฮีดูเหมือนจะไม่สนใจและตอบกลับ
"ใช่แล้วล่ะ."
"วูฮี มีภูติดีๆจำนวนไม่น้อยที่สนใจเธอนะ"
"ไม่ล่ะ พวกนั้นน่าเบื่อจะตาย ให้พวกเขาดื่มนมแพะกันต่อไปเถอะ แม่เคยบอกกับหนูว่า สักวันหนูจะพบกับคนที่แข็งแกร่งพอที่จะดึงดูดความสนใจได้ "
"แม่งั้นเหรอ? อ่า...ราชินีภูติ "
วูฮี น่าจะเป็นคนเดียวที่สามารถเรียกราชินีภูติว่าแม่ได้
เดิมทีเหล่าภูติไม่มีพ่อแม่
พวกเขาเกิดมาจากธรรมชาติ และเป็นสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่นานนับแสนปี
อย่างไรก็ตามราชินีภูติได้ให้คำแนะนำแบบไหนแก่วูฮีกัน?
เมื่อเธอนึกถึงบุคลิกของราชินีก็พอจะนึกภาพออก แต่ยังไงมันก็ยังเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง
วูฮีไม่สนใจอะไรนอกจากยิ้มเท่านั้น
“วูฮีฮี่ เขาต้องเกิดมาเพื่อวูฮีแน่นอน ลองดูเขาสิ เขาเป็นชายที่มีความแข็งแกร่งจริงๆ”
วูฮีกำลังตั้งอกตั้งใจเฝ้าดูโดเกบิ
อย่างไรก็ตามพี่สาวภูติไม่สามารถยอมรับมันได้
ต้องไม่ใช่โดเกบิคนที่เพิ่งตระเวนไปรอบๆซากศพในเวลานี้
เธอไม่เคยเห็นเขาต่อสู้
"วูฮีต้องเข้าใจผิดแน่ๆ"
เธอคิดว่าแม้โดเกบิจะสู้ได้ดี แต่มันก็ไม่น่าจะแข็งแกร่งเท่าไหร่
อย่างไรก็ตามหลังจากที่โอเกอร์ปรากฏตัว เธอก็เห็นเงามืดของเหล่าภูติผีและต้องเปลี่ยนความคิดอย่างช่วยไม่ได้
"ที่รัก! สู้! สู้!"
มันไม่แปลกที่จะเห็นวูฮีกระโดดโลดเต้นส่งเสียงเชียร์ให้เขา
การต่อสู้กำลังเข้มข้น
มีบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาทำให้ใต้ฝ่ามือของผู้จับตามองปรากฎเหงื่อไหลซึม
ตูมมมมม!!!!!!
ร่างของโอเกอร์ระเบิดขึ้น
'ไม่ว่าอะไรก็เป็นไปได้'
มูยองพยักหน้า ขณะที่เขาค้นพบสิ่งใหม่ๆเกี่ยวกับภูติผี
จะมีการระเบิดขึ้นเมื่อเขารวบรวมเหล่าภูติผีเข้าด้วยกัน และทำให้พวกมันพุ่งชนกับตัวอื่น
เขาสามารถสร้างความเสียหายทางกายภาพได้จากระยะไกล
“ตุบ”
เซฮุนทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้น หลังจัดการโอเกอร์หมดไปประมาณครึ่งหนึ่ง
ร่างกายของเขาหมดเรี่ยวแรงเนื่องจากต่อสู้อยู่ที่แนวหน้าเสมอ
มันน่าชื่นชมสำหรับเขาที่สามารถต่อสู้ได้นานขนาดนี้
พลั่ก!!
มูยองเตะเซฮุนจากด้านหลัง
"ลุกขึ้น"
"จะเจ้าสารเลววว…"
"ถ้าเจ้าหยุดโดเกบิน้ำแข็งที่เหลือทั้งหมดจะตาย"
กว่าจะรู้ตัวโดเกบิกว่า 30,000 คน ก็ลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง
ความแข็งแกร่งของเหล่าทหารจะถูกทำลายเมื่อนายพลล้มลง
มูยองหวังว่าเซฮุนจะไม่ตายไปซะก่อน
เพราะเขาสรุปว่ามันจะดีที่สุดถ้าเขายังมีชีวิตอยู่และรักษาความสมดุลระหว่างโดเกบิเพลิงกับโดเกบิน้ำแข็งก่อนที่จะตายและกลายเป็นอันเดธ
“ย้ากกก”
ด้วยคำขู่ของมูยอง เซฮุนที่แทบจะไม่สามารถยืนขึ้นได้จึงฝืนตัวเองอีกครั้ง
เซฮุนไม่ใช่แค่หัวหน้าสำหรับเหล่าโดเกบิน้ำแข็ง แต่ยังเป็นเสาหลักในการสนับสนุนด้วย
ถ้าเซฮุนล้มลงเหล่าโดเกบิน้ำแข็งจะต้องพินาศในทันที
นั่นเป็นเหตุผลที่มูยองกระตุ้นและผลักดันให้เซฮุนก้าวต่อไป
ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงสามารถจัดการกับโอเกอร์ได้รอดอย่างปลอดภัย
<คลื่นที่ 30 ได้เริ่มขึ้น>
<ทหารโครงกระดูกมังกร 10 >
มูยอง ขมวดคิ้วกับคลื่นที่เกิดขึ้น
ทหารโครงกระดูกมังกร
พวกมันเป็นทหารที่สร้างขึ้นมาจากกระดูกของมังกร
แน่นอนว่าเป็นอันเดธประเภทหนึ่ง แต่แม้กระทั่งในหมู่อันเดธพวกมันก็ยากยิ่งที่จะสามารถสร้างขึ้นมาได้
ทหารโครงกระดูกมังกรนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ว่ากันว่าพวกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องรังที่เก็บภูมิปัญาของเหล่ามังกรเอาไว้
พวกมันใช้รูปแบบการโจมตีแบบเวทมนตร์ และสามารถลบล้างการโจมตีทางกายภาพได้
แกร่กกก แกร่กกกกก
แค่เพียง 10 ตัวเท่านั้น แต่ก็เพียงพอที่จะครอบงำเหล่าโดเกบินับหมื่น
ต้องถือโอกาสโจมตีพวกทหารโครงกระดูกมังกรก่อนที่ตัวเองจะเป็นฝ่ายถูกทำลาย
สัญชาตญาณต่างเตือนทุกคนให้รู้ตัว และคนแรกที่ทำเคลื่อนไหวก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนผู้นั้นก็คือมูยอง
'ถึงเวลาที่เราต้องแยกทางแล้ว'
ที่นี่ ผู้ที่กำชัยชนะจะได้รับการตัดสิน
ขณะที่เขาตระหนักถึงมัน ร่างกายของเขาก็เคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณ
ฟ้าววววว!
ภูติผีบินวนรอบมูยอง และ มูยองก็คว้าหนึ่งในภูติผีเหล่านั้นไว้
<ชั่วขณะที่ได้ครอบครองวิญญาณของโอเกอร์>
<ความแข็งแกร่งจะเพิ่มขึ้น 30 ในเวลา 10 นาที >
แค่ 10 นาทีก็เพียงพอ
มูยองไม่ใช่คนบ้าที่คิดว่าตัวเองจะสามารถจัดการกับทหารโครงกระดูกมังกร 10 ตัวได้ด้วยตัวคนเดียว
มันจะเป็นอะไรที่เกินกว่าความบ้า เรียกว่าโง่คงจะเหมาะสมกว่า
และเขาจะไม่ทำอะไรโดยที่ปราศจากการวางแผน
มูยองกำลังวางแผนที่จะกันทหารโครงกระดูกมังกรออกไปและเปลี่ยนทิศทางของมันเล็กน้อย
“อ๊าก! พวกโครงกระดูก!”
มุ่งตรงไปยังทิศทางของโดเกบิเพลิง
การเคลื่อนไหวของมูยองเป็นไปอย่างธรรมชาติจนไม่มีใครรู้สึกว่าการกระทำของเขาเป็นไปโดยความตั้งใจ
ทุกคนต่างหวาดกลัวกับการปรากฏตัวของทหารโครงกระดูกมังกร, อาร์โลผู้นำของโดเกบิเพลิงที่ไม่ได้สงสัยการกับการกระทำของมูยองเริ่มเคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตามแม้อาร์โลไม่สามารถต่อสู้กับทหารโครงกระดูกมังกรได้แบบตัวต่อตัว แต่เขาก็สามารถยืนหยัดอยู่ด้วยความอึดไม่มีที่สิ้นสุดได้
‘นานแค่ไหนกว่าเขาจะเป็นคนสุดท้าย?’
มูยองได้เฝ้าดูทหารโครงกระดูกมังกรสังหารเหล่าโดเกบิเพลิงขณะที่เขาเฝ้าจับตามองสองคนซึ่งน่าจะเป็นเฮดลี่คาว
ถ้าหนึ่งในสองคนนี้คือเฮดลี่คาว มันจะไม่จบเพียงแค่เฝ้าดูสถานการณ์อย่างเงียบ ๆ เท่านั้น
ถ้าสถานการณ์ยังคงเป็นที่ชัดเจนว่ามันจะจบลงด้วยการพังทลายของโดเกบิเพลิง
ยังไงก็ตามไม่ได้หมายความว่าโดเกบิอื่นๆจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ดี แต่มันหมายความว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือโดเกบิเพลิง
มันคงเป็นเรื่องลำบากใจสำหรับเฮดลี่คาวที่จะอยู่เฉยๆ
เป้าหมายของเฮดลี่คาวคือการเอาชนะการทดสอบฮูม อย่างน้อยมูยองก็มั่นใจเช่นนั้น
เขามั่นใจว่ามันจะต้องซ่อนตัวอยู่ในหมู่โดเกบิเพลิง เนื่องจากพวกเขามีแนวโน้มที่จะชนะมากที่สุด
มันจะต้องแสดงปฏิกิริยาบางอย่างออกมา
และ...การคาดการณ์ของมูยองก็ไม่ผิด
ฟรึบบบบบ!
ระหว่างทั้งสอง มีคนหนึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลง
มันหยุดการเคลื่อนไหว และความหนาแน่นของกล้ามเนื้อเริ่มเปลี่ยนไป
ในที่สุดมันก็เปลี่ยนรูปร่างไปเป็นบางอย่างที่เหมือนกับด๊อกซินี
โดเกบิคนอื่นๆอาจเห็นและคิดว่าเขาคงจะพัฒนาขึ้นในขณะที่ต่อสู้ แต่มูยองมั่นใจ
มันไม่ใช่การวิวัฒนาการ มันแตกต่างจากกระบวนการแบบนั้น
'ฉันเจอมันแล้ว.'
มูยองเม้มริมฝีปากของเขา
มันกลายเป็นด๊อกซินีเพื่อที่จะเอาชนะอันตราย แต่นี่กลับกลายเป็นหลักฐานสำหรับมูยอง
หนึ่งเดียวเท่านั้น
ภูติที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างอิสระ
เฮดลี่คาว!
ในที่สุดเขาก็ได้พบมัน