SH – 24 ภาพวาดประหลาด !
SH – 24 ภาพวาดประหลาด !
เหยี่ยซ่าวหยางและศิษย์พี่กัวต่างมองหน้ากัน เจ้านั้นมันโง่จริงๆ ของโบราณต้องมีค่ามากกว่าทองคำอยู่แล้ว
จากนั้นเหยี่ยซ่าวหยางสังเกตเห็นของพิเศษอีกชิ้นหนึ่ง มันเป็นเหรียญรูปนกฟีนิกซ์ที่ทำจากหยก เขาหยิบมันขึ้นมาและเห็นว่ามันเป็นหยกบริสุทธิ์และสีของมันมันวาวมาก นอกจากนี้ช่างฝีมือที่ทำยังทำลวดลายได้ละเอียดอ่อนงดงาม ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะหยิบมันไปอีกชิ้นหนึ่ง เมื่อเสี่ยวหม่าเห็นว่าเหยี่ยซ่าวหยางหยิบอีกชิ้นหนึ่ง เขาก็เริ่มรู้สึกอิจฉาและพูดว่า "เฮ้ ทำไมคุณถึงหยิบมันสองชิ้น? คุณบอกทุกคนว่าหยิบได้คนละชิ้นไม่ใช่เหรอ! "
เหยี่ยซ่าวหยางตอบกลับอย่างดุดันว่า "ผมทำงานอย่างหนักในภารกิจนี้ ผมทำงานนี้เองเกือบทุกอย่าง คุณเพียงแต่สั่งกระดิ่งอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นคุณโชคดีมากแล้วที่ได้ของกลับไปชิ้นหนึ่ง! "
เสี่ยวหม่ารู้สึกว่าไม่รู้จะตอบกลับไปยังไงดี ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้อะไร
จากนั้นเหยี่ยซ่าวหยางก็หยิบเข็มทิศหยินหยางของเขาออกมาและเดินไปรอบ ๆ ห้องหลักและห้องด้านข้างเพื่อตรวจสอบหาสิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย โชคดีที่ไม่มีอะไรมาก เสี่ยวหม่าได้พบทางเดินในห้องข้างเคียงอย่างบังเอิญและมันกระตุ้นให้เขาอยากสำรวจ แต่เหยี่ยซ่าวหยางเตือนเขาว่า "ปกติในสุสานโบราณมักมีกับดักจำนวนมาก เราโชคดีมาก ที่พวกเราไม่เจอกับดักระหว่างทาง แต่ถ้าคุณต้องการจะไปลองกับดักก็ได้นะ? "หลังจากนั้นทั้งสามคนก็ปีนออกจากสุสานและใช้เส้นทางที่พวกเขามา เมื่อพวกเขาออกจากอุโมงนี้ พวกเขาสูดหายใจเต็มๆปวดเพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ พวกเขาทั้งหมดรู้สึกขอบคุณมากที่ยังมีชีวิตรอดมาได้
เจ้าหน้าที่เดินเข้ามาและทักทายทั้งสามอย่างอบอุ่น เจ้าหน้าที่พาพวกเขาไปที่รถตำรวจของเขาและสั่งให้เจ้าหน้าที่อีกคนขับรถของศิษย์พี่กัว เมื่อพวกเขาเดินกลับบ้าน ศิษย์พี่กัวได้เล่าถึงประสบการณ์ในอุโมงให้กับเจ้าหน้าที่ฟัง แน่นอนเขาพยายามที่จะทำให้มันน่ากลัวมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อที่จะขู่เจ้าหน้าที่ "หัวหน้าฉางนี่คือเขี้ยวของผีดิบเพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าผมไม่ได้บ้า" กัวพูด จากนั้นเขาก็วางเขี้ยวบนต้นขาหัวหน้าฉาง เขารู้สึกกลัวจนตัวสั่นขณะที่เขี้ยววางลงบนต้นขา เขาไม่กล้าที่จะมองไปที่มัน "เอามันออกไปที! ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ ผมเชื่อในตัวคุณ! เมื่อได้เงินมาแล้ว ผมจะส่งให้คุณทันที! "
"ผมคิดว่า 5 หมื่นหยวนคงไม่พอ" กัวพยายามเจรจาต่อรองเพื่อเหยี่ยซ่าวหยาง และเขาหันมายิ้มให้ "50,000 เป็นเงินสำหรับผีดิบขนขาว แต่เรายังพบกับดวงวิญญาณอีก 2 ดวงด้วย นอกจากนี้ยังมีผีดิบที่มีดวงวิญญาณอีก 2 ตน แต่เห็นว่าพวกเราเป็นเพื่อนเก่ากัน เราจะให้ส่วนลดแก่คุณ ให้ผมอีก 20,000 คุณคิดว่าไง? "
หัวหน้าฉางตอบว่า "ผมไม่สามารถทำแบบนั้นได้ คุณควรทราบว่าการชำระเงินทั้งหมดจะได้รับในอัตรามาตรฐาน ตอนนี้ผมต้องจ่ายเงินให้ห้าหมื่นหยวนมันเป็นเงินจำนวนมากแล้ว ... ”
"ดีดี ผมจะไม่ช่วยคุณอีกในครั้งต่อไปแล้ว โอ้ใช่ผมเพิ่งจะนึกออกว่าผมมีหนอนมรณะอยู่ที่นั่นด้วย คุณอยากจะดูหรือเปล่า? " กัวทำราวกับกำลังมองหามันอยู่ในกระเป๋าของเขา" แต่คุณต้องระวังตัวด้วย ถ้ามันกัดคุณคุณจะกลายเป็นผีดิบทันที ! "
“ไม่ไม่ไม่ ผมไม่อยากเห็นมัน!” หัวหน้าฉางเกือบกระโดดออกจากรถ “ผมเชื่อว่าพวกคุณทำงานที่น่าประหลาดใจได้สำเร็จ ให้เวลาผม 1 สัปดาห์และผมจะส่งเงินให้คุณ 7 หมื่นหยวน!”
"ฮิฮิ คุณเป็นคนคุยง่ายคุณหัวหน้าฉาง" กัวตอบอย่างร่าเริง
หัวหน้าฉางพาพวกเขาไปที่โรงแรมและให้เงินพวกเขา 10,000 หยวน จากนั้นเขาก็หาข้ออ้างที่จะกลับอย่างรวดเร็ว ทั้งสามคนเช่าห้องสามห้องพวกเขาเข้าห้องพักและอาบน้ำทันที จากนั้นพวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่ร้านอาหารของโรงแรม พวกเขาสั่งซื้อทั้งอาหารรสเลิศและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หนึ่งขวดเพื่อเฉลิมฉลองการทำงานร่วมกันครั้งแรกของพวกเขาประสบความสำเร็จ
หลังจากที่ทั้งสามคนดื่มด่ำไปกับอาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ลุงกวนหยิบเงิน 1 หมื่นหยวนที่หัวหน้าจางได้มอบให้เขาและส่งให้ เหยี่ยซ่าวหยาง "ซ่าวยางเอาเงิน 10,000 เหรียญนี้ไปก่อนนะ ผมจะเอามาให้อีก 6 หมื่นเมื่อมันมาถึง "
เหยี่ยซ่าวหยางจ้องมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่าและถามว่า "คุณหมายถึงอะไร? แล้วคุณจะได้อะไร?"
กัวหัวเราะและตอบว่า "ผมจะเอาเงินจากความร่วมมือครั้งแรกของเราได้อย่างไร? นอกจากนี้คุณควรจะได้มากที่สุดเพราะคุณทำมากที่สุด ผมแค่ช่วยนิดหน่อยเอง "
"คุณพูดอย่างนั้นได้อย่างไร? คุณให้โอกาสผมในการทำงานนี้ ดังนั้นคุณควรได้อย่างน้อย 2 หมื่น "
เสี่ยวหม่าที่นั่งอยู่ข้างๆเริ่มหงุดหงิด เขาเคาะโต๊ะด้วยนิ้วของเขาและถามว่า "เฮ้ พวกคุณดูเหมือนจะกำลังสนุกกับการโยนเงินกันไปมานะ แต่เรื่องนี้เกี่ยวกับผมด้วย? แล้วส่วนแบ่งของผมหล่ะ? "
เหยี่ยซ่าวหยางเหลือบตามองและกล่าวอย่างช้าๆว่า "เราบอกแล้วว่าจะให้ทองนายที่นายหยิบไปและเราจะจ่ายเงินให้นายด้วยอีก 3,000 หยวน"
หลังจากที่เขาได้ยินดังนั้น เสี่ยวหม่าได้ทำการคำนวณในหัวของเขาอย่างรวดเร็ว ก้อนทองคำมีน้ำหนักอย่างน้อย 100 กรัม แม้ว่าราคาทองคำได้ลดลงเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่ก็ยังคง 200-300 หยวนต่อกรัม เมื่อเขาได้ข้อสรุปแล้วเขาก็ยิ้มและพูดว่า "ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องสนใจผม คุยกันต่อได้เลย"
จากนั้นเหยี่ยซ่าวหยางก็นึกถึงงานที่อาจารย์ของเขาให้ไว้ก่อนที่เขาจะลงจากเขามาชิงหยุ่นซื่อสั่งให้เขาค้นหารุ่นพี่ของเขาเต๋าเฟิงเขาจึงถามศิษย์พี่กัวว่า "อาจารย์ของผมบอกผมว่ารุ่นพี่เต๋าเฟิงเข้ามาในเมืองสโตลน์ตั้งแต่เขาลงมาจากหุบเขา เขาเคยไปเยี่ยมคุณบ้างรึปล่าว ? "
กัวพยักหน้าและพูดว่า "เขามา ผมเคยช่วยเหลือเขาด้วย ช่วยเขาหาของบางอย่าง นั่นคือตอนที่ผมกำลังสร้างชื่อให้กับตัวเองและเริ่มต้นร้านค้าของผม ที่ผมมีทุกวันนี้ได้เพราะเต๋าเฟิง"
จากนั้นเหยี่ยซ่าวหยางถามว่า "แล้วเขาไปที่ไหน?"
กัวคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า "ผมจำได้ว่าเขาบอกว่าเขาต้องการจะไปที่มณฑลเสฉวนเพื่อไปทำงานที่เสี่ยงอันตราย เขาบอกว่าเขาไม่ต้องการที่จะพาผมไปด้วยเพราะงานนั้นมันเสี่ยง ผมคิดว่าเขาน่าจะกลับไปที่นิกายเหม่าซ่าน ก่อนที่เขาจะจากไป เขาบอกว่าเขาต้องการที่จะยืมเครื่องรางขนอาชาจากอาจารย์ของคุณ หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ติดต่อกับเขาอีกเลย "
เหยี่ยซ่าวหยางยิ้มอย่างขมขื่น เขาจำได้ว่าอาจารย์ของเขาไม่ได้ให้เต๋าเฟิงยืมเครื่องรางขนอาชาเลยสักนิด เขาขโมยมันมาต่างหาก เขาจำได้ว่าตอนที่เขายังเด็กอยู่ เต๋าเฟิงก็กลับไปที่ภูเขาและมอบแท่งถางฮูลู่ให้กับเขา จากนั้นรุ่นพี่ก็ขอให้เขาคอยเฝ้าดูต้นทาง เหตุการณ์นี้ทำให้อาจารย์ของเขาลงโทษเหยี่ยซ่าวหยางเป็นเวลาครึ่งเดือนต่อมา ชิงหยุ่นซื่อปล่อยเหยี่ยซ่าวหยาง เพราะเขาต้องการคนที่จะทำอาหารและซักเสื้อผ้า ทุกครั้งที่เขาเล่าเรื่องนี้เขารู้สึกอับอายมากแท่งถางฮูลู่เพียงไม่กี่อันแลกกับหนึ่งในสมบัติล้ำค่าของนิกายเหม่าซ่าน
"โอ้ใช่ ยังมีอีกอย่าง เมื่อเต๋าเฟิงไปถึงมณฑลเสฉวนมันเป็นช่วงเทศกาลเรือมังกร ดังนั้นเขาส่งซ้งฉื่อมาให้ผมด้วย แต่เมื่อผมเปิดซ้งฉื่อมีแผนที่บนใบไม้ที่วาดด้วยหมึกสีชาด มันเปราะบางมาก ดังนั้นผมจึงคัดลอกลงบนแผ่นกระดาษอยู่ในร้าน ผมจะนำมันมาแสดงให้คุณดูเมื่อเรากลับไป "
เรื่องนี้เหยี่ยซ่าวหยางงงงวยมากและเอ่ยถามขึ้นว่า "แผนที่? แล้วที่นั้นคือที่ไหน? "
"ผมไม่รู้ ผมจะรู้ได้อย่างไรล่ะ ในเมื่อผมไม่เข้าใจมันเลย "
แล้วเหยี่ยซ่าวหยางคิดกับตัวเอง ‘เหตุผลที่เขาใช้ซ้งฉื่อเพื่อส่งข้อความครั้งนี้ เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดทีเดียวว่าเขาต้องการเก็บความลับนี้ไว้ นอกจากนั้นยังมีข้าวเหนียวในซ้งฉื่อที่มีความสามารถในการปัดเป่าความชั่วร้ายอีกด้วย การทำเช่นนี้เขากำลังพยายามที่จะป้องกันไม่ให้สิ่งชั่วร้ายมองเห็นแผนที่ที่แห่งนี้ แต่ทำไม?’
"นอกเหนือจากแผนที่มีอะไรอีกไหม" เหยี่ยซ่าวหยางถาม
กัวส่ายหัวและพูดว่า "ไม่มีอย่างอื่นเลย มีแค่แผนที่"
เหยี่ยซ่าวหยางคิดถึงทุกสาเหตุที่เป็นไปได้ จากนั้นเขาก็สรุปได้เต๋าเฟิงต้องพบสถานที่ลับ ๆ อาจเป็นรังของวิญญาณที่โกรธหรือที่ซ่อนของผีดิบเทวะราชัน เขาต้องเข้าต่อสู้กับอสูรกาย แต่เขาก็ยังอยากให้คนอื่นรู้ว่าเขาไปที่ไหน ในกรณีที่มีเหตุการณ์ที่โชคร้ายเกิดขึ้น อย่างไรก็ตามส่วนที่ทำให้เหยี่ยซ่าวหยางงงงวยมากที่สุดคือ การที่เขาส่งแค่แผนที่มาให้ศิษย์พี่กัว แต่ถ้าแผนที่เสียหายละ? ศิษย์พี่กัวจะสามารถทำอะไรได้บ้าง มีบางสิ่งบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากนี้เรามีข้อมูลน้อยเกินไป เหยี่ยซ่าวหยางจึงตัดสินใจที่จะขอดูแผนที่ก่อนและค่อยสืบหาข้อมูลต่อไป
“ศิษย์พี่กัว ผมต้องการให้คุณช่วยผมหน่อย ผมลงมาจากภูเขาโดยไม่ได้นำของที่สำคัญออกมาด้วย ดังนั้นพี่จะสามารถหาของให้ผมแล้วหักจากเงินค่าจ้างของผมได้รึเปล่า?”
เหยี่ยซ่าวหยางเงยหน้าขึ้นหลังจากที่เขาพูดเสร็จแล้วและเห็นว่าศิษย์พี่กัวกำลังจ้องมองบางอย่างข้างหลังเขาอยู่ เขาจึงหันหลังไปทันที แต่ไม่เห็นอะไรที่อยู่ข้างหลังเขา เขารีบถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดว่า "ศิษย์พี่กัว คุณกำลังทำผมกลัว"
กัวเหล่ตามองเขาและพูดว่า "ไม่ไม่ ผมกำลังมองภาพบนผนังนั้น ทำไมมันถึงดูเหมือนคนในภาพเคลื่อนไหว?”
"บางทีมันอาจจะเป็นแค่แมลง คุณคงจะเหนื่อยเกินไป "เหยี่ยซ่าวหยางดื่มเหล้าเข้าปากและมองย้อนกลับไปที่ภาพอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นภาพบนกำแพงเขาก็สำลักเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ดิ่มเข้าไปทันที มันเป็นภาพวาดของหน้าผาและมีถนนเล็ก ๆ และคดเคี้ยวไปมา และที่ด้านบนของหน้าผามีศาลาจีนขนาดเล็ก คนที่ศิษย์พี่กัวกล่าวถึงกำลังเดินไปรอบ ๆ ศาลา จากระยะไกลมันก็เหมือนกับการบินบนภาพวาด ขณะที่พวกเขาเฝ้าดูและครุ่นคิด มีรอยแตกขนาดใหญ่เริ่มก่อตัวขึ้นที่ด้านล่างของหน้าผา รอยแตกโตขึ้นและใกล้ชิดกับด้านบนมากขึ้น และมันยังคงแตกต่อไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็จะถึงด้านบนและคนที่อยู่ด้านบนจะตกลงไปในหุบเขา !
"ว้าว นี้ไม่ใช่ภาพวาดใช่รึเปล่า? มันเป็นหน้าจอ LED แสดงภาพเคลื่อนไหวใช่หรือไม่? " ศิษย์พี่กัวถามด้วยความตกใจ เหยี่ยซ่าวหยางรีบเข้าไปดูเสี่ยวหม่าอย่างรวดเร็ว เขาจับที่ทองคำและโยนมันไปที่โซฟา เหยี่ยซ่าวหยางมัวแต่ยุ่งอยู่กับการคุยกับศิษย์พี่กัวจนเขาลืมเสี่ยวหม่าไปเลย ตอนนี้ใบหน้าของเสี่ยวหม่าเขียวมากและเขาดูเหมือนจะเจ็บปวดอย่างมาก หน้าผากของเขาก็มีเหงื่อและบางครั้งก็ตัวสั่น!
เขาได้เข้าสู่ความฝัน! ทั้งๆที่เขาอยู่ใกล้กับเหยี่ยซ่าวหยางแท้ๆ เขากลับเข้าไปในความฝัน! วิญญาณของเสี่ยวหม่าเป็นคนที่เดินรอบ ๆ ศาลาจีนนั่น !
ติดตามตอนต่อไป...........