[KotB] บทที่ 65: คลาสที่สอง (1)
บทที่ 65: คลาสที่สอง (1)
จำนวนของภูตผีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
นั่นหมายถึงเหล่าโดเกบิกำลังล้มตายเป็นจำนวนมาก
ในที่สุดโดเกบิก็ได้เผชิญหน้ากับคลื่นลูกที่ 8
อย่างไรก็ตาม มูยองยังไม่ยอมเป็นส่วนหนึ่งของการรบเช่นเดิม
‘วิญญาณจะแยกตัวออกจากโดเกบิที่ตายแล้วหลังจากเวลาผ่านไปสักพัก’
เขาไม่สามารถเปลี่ยนวิญญาณให้กลายเป็นภูตผีหลังจากที่วิญญาณหลุดออกจากร่างได้ทันที
ใช้เวลา 2 วันเพื่อให้มาถึงคลื่นลูกที่ 8 และตอนนี้มูยองมีภูตผีอยู่ทั้งสิ้น 1,000 ตน
สถานที่แห่งนี้เป็นเสมือนขุมทองสำหรับมูยอง
ซวาาาาาาา!
วิญญาณลอยออกจากศพของโดเกบิที่ตายแล้ว และหายเข้าไปยังร่างของมูยองทันที
<อัตราการพิชิตเส้นทางแห่งอาชูร่า 14.7%>
เส้นทางแห่งอาชูร่า
อัตราการเติบโตของกลุ่มวิญญาณร้ายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อัตราการพิชิตเพิ่มสูงขึ้นพร้อมกับจำนวนภูตผีที่เพิ่มมากขึ้น
–ยังไม่พอ ข้าต้องการภูตผีมากกว่านี้อีก!
เมอร์ดูดันกษัตริย์แห่งเมอร์รอครู้สึกตื่นเต้นที่จะเข้าสู่สนามรบด้วยการเป็นผู้นำของเหล่าวิญญาณร้าย ถึงจะอยู่ในสภาพอันเต็มเปี่ยมไปด้วยความเร่าร้อน แต่เขาก็พยายามที่จะไม่รบกวนอะไรมูยองมากนัก
ถ้าหากเขายังคงเป็นเช่นนี้ การพิชิตเส้นทางแห่งอาชูร่าก็ดูเหมือนจะใกล้แค่เอื้อม
'ถึงจะแค่หนึ่งของโลกทั้งหก แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ'
เส้นทางแห่งอสูร(อาชูร่า) เส้นทางแห่งเปตา(เปรต) เส้นทางแห่งนรกานต์(นรก) เส้นทางแห่งเดรัจฉาน(สัตว์) เส้นทางแห่งมานพ(มนุษย์) และเส้นทางแห่งเทวา(เทพ)
มูยองเหลือบมองแต่ละเส้นทาง
ทุกเส้นทางต่างก็เต็มไปด้วยความน่าสะพรึงกลัว และให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าหากใครก็ตามที่เอาชนะสถานที่เหล่านั้นได้ก็จะกลายเป็นเทพเจ้า
หรืออย่างน้อยๆ นั่นก็เป็นสิ่งที่มูยองรู้สึกยามเมื่อเขามองไปยังเส้นทางแห่งอาชูร่า
‘แสงเจิดจ้าของการเผาไหม้’
มีเพียงไม่กี่คนที่จ้องมองไปยังมูยอง ผู้ซึ่งไม่มีส่วนร่วมใดๆในการต่อสู้และทำเพียงเดินไปรอบๆโดเกบิที่ตายแล้วเท่านั้น
ถึงจะไม่มากนัก แต่เขาก็ยังเป็นจุดที่น่าสนใจอยู่ดี
‘ฉันต้องเปลี่ยนวิธีใหม่’
ถ้าเขายังเปิดเผยการอัญเชิญอันเดธไปมากกว่านี้ มันอาจทำให้เขากลายเป็นศัตรูของทุกคน
โดเกบิทั้งหมดจะเห็นมูยองเป็น ‘ศัตรู’ จากนั้นพวกมันคงเข้าจู่โจมเขาในทันที
ต่อให้มูยองจะเก่งกาจเพียงใดก็ไม่มีทางรอดชีวิตไปจากโดเกบิกว่า 30,000 ตัวได้แน่นอน ยิ่งภายในพื้นที่อันจำกัดนี้ด้วยแล้ว
มีความเสี่ยงมากเกินไป และนั่นจึงทำให้เขาต้อง ‘ลักลอบ’ ทำให้พวกมันกลายเป็นอันเดธ
แปะ!
เมื่อไม่มีทางเลือกมูยองจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนวิธีการ
เขาพนมมือกันราวกับว่ากำลังอธิษฐาน
มันดูเหมือนกับเขากำลังสวดมนต์ต่อผู้ล่วงลับ
‘นี่ยังใช้ได้ดี’
เขาเก็บศพที่ยังคงสภาพเดิมออกมากองซากไร้ชีวิต จากนั้นปลุกชีพพวกมันให้กลายเป็นอันเดธ
แต่เขาไม่อนุญาตให้พวกมันเคลื่อนไหวไปไหน เนื่องจากอยู่ในสมรภูมิไร้จุดจบ เขาไม่มีเวลาที่จะควบคุมพวกมันเท่าไหร่
สู้และตาย จากนั้นคุณก็จะกลายเป็นอันเดธ
เมื่อเขาเปลี่ยนโดเกบิ 200 ตัวให้กลายเป็นอันเดธการเปลี่ยนแปลงบางอย่างก็เกิดขึ้น
<กลุ่มโดเกบิหลากชนิดได้ถูกสร้างขึ้น>
<คะแนนศิลปะ 67>
<ชื่อ : กลุ่มโดเกบิหลากชนิด (200 ตัว)
ระดับ : 60
ประเภท: กูล
Str 66
Agi 55
Sta 66
Int 66
Wis 65>
เหมือนเจ้าชายที่เป็นดาร์คกูล และเหล่าผู้ล้างแค้น ดูเหมือนว่าพวกมันจะได้รับการยอมรับให้เป็นกลุ่มเดียวกัน
มูยองสร้างยันต์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ขณะที่เขาเปลี่ยนโดเกบิเป็นยันต์ ร่างที่กลายเป็นอันเดธนั้นๆก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทั้งหมดต่างถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปแบบของยันต์
“นี่ข้าตาฝาดไปรึ? ข้าคิดว่าข้าเห็นพวกศพหายไปนะ”
"เจ้าไม่เห็นเหรอว่าศพที่เกิดขึ้นในพิธีนี้หายไป? หรือมันจะเป็นรูปแบบเฉพาะของสถานที่แห่งนี้ "
มูยองพยักหน้าหลังจากที่ได้ยินบทสนทนาของพวกมัน
ย่อมไม่แปลกที่โดเกบิจะไม่คุ้นเคยกับความพิเศษของยันต์นี้ และได้แต่คิดว่ามันเป็นรูปแบบเฉพาะของ ‘สรภูมิไร้จุดจบ’
นับว่าเป็นวิธีที่ดี มูยองสามารถสร้างอันเดธได้เพียงแค่ 50 ถึง 100 ตนในหนึ่งวัน แต่ด้วยความเข้าใจผิดนี้ ทำให้เขาสามารถเร่งความเร็วขึ้นได้อีก
“เจ้าโดเกบินั่นกำลังทำอะไรน่ะ?”
“เขากำลังพยายามชำระล้างดวงวิญญาณหรือ?”
“เขาคงจะกลัว นี่แหละเหตุผลว่าทำไมพวกโดเกบิน้ำแข็งถึงได้…”
แน่นอนว่ามีโดเกบิบางตัวที่ไม่คิดว่ามูยองเป็นพวกที่มีดีอะไร
พวกมันเดาะลิ้นของตน พลางมองไปยังมูยองด้วยความรังเกียจ
ตั้งแต่ที่เขาไม่เคยเข้าร่วมการรบ พวกมันทุกตัวก็ตราหน้าไว้แล้วว่าเขาเป็นพวกขี้ขลาด
อย่างไรก็ตามมูยองไม่สนใจ
เขาไม่ได้หลงไปกับการยั่วยุของพวกมันเลยแม้แต่น้อย
แค่ร่วมรบในตอนท้ายของสงครามก็พอแล้ว ตอนนี้เขาอยากให้ความสำคัญกับการสร้างอันเดธและภูตผีเท่านั้น
'ฉันเคลื่อนไหวเร็วเกินไป'
มูยองไม่ลืมที่จะสังเกตสถานการณ์ของสนามรบอย่างต่อเนื่อง
คลื่นที่ 10 แล้ว
มอนสเตอร์ระดับบอสปรากฏตัวขึ้น
โดเกบิประมาณ 2,000 ตัวเสียชีวิตเมื่อพวกมันเผชิญหน้ากับคลื่นลูกที่ 10
เป็นเพราะพวกเขาไม่รู้จักเทคนิคใด ๆ และกำลังแข่งขันกันอยู่
ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปพวกมันก็อาจจะสามารถพิชิตคลื่นที่ 20 ได้ แต่คงไม่ใช่กับคลื่นลูกต่อๆไป
“มูยอง เจ้าเหมือนกับหัวหน้านักบวชเลย”
ในตอนนั้นเองที่ราชาแห่งชนเผ่า ‘ดินแดนเยือกแข็ง’ เดินเข้ามาใกล้มูยอง
เขาได้รับบาดเจ็บที่แขนของเขา
"หัวหน้านักบวช?"
“แม้แต่ผู้มอบคำพยากรณ์ถึงการจุติของโอมก็ยังเป็นหัวหน้านักบวช พวกเขาทำงานร่วมกับเหล่าวิญญาณ และได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึงมิติภพของจักรวาล ก็เหมือนกับสิ่งที่เจ้ากำลังทำอยู่นั่นแหละ บทบาทของเขาก็คือการอธิษฐานแด่ผู้ล่วงลับทั้งหลาย แต่ยังไงก็เถอะ”
กาออนถอนหายใจเข้าลึก ๆ และพูดต่อ
“ตอนนี้เรายังไม่จำเป็นต้องมีหัวหน้านักบวช เวลานี้สมควรต้องออกไปรบร่วมกับแนวหน้า แม้ว่าเจ้าจะเป็นราชาที่หลงทาง แต่ถ้าราชาอย่างเจ้าเอาแต่หลบอยู่แนวหลัง พวกเราเหล่าโดเกบิน้ำแข็งก็จะพลอยเสียหน้ากันไปทั้งหมดด้วย”
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถทนพฤติกรรมแปลกๆของมูยองได้อีกต่อไปจึงได้แนะนำออกมา
ในขณะที่พวกมันอยู่แต่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยโดเกบิเพลิง พวกมันย่อมต้องเอาใจใส่สายตาของคนอื่น
อย่างไรก็ตาม มูยองยังทำสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ต่อไปอย่างเงียบๆ
เวลามีค่ามากเกินกว่าจะไปใส่ใจเรื่องความคิดของโดเกบิ
“ไม่ใช่ราชาทุกคนที่แข็งแกร่ง มูยอง ข้าเข้าใจว่าเจ้าเป็นนักบวชและไม่เคยสู้รบ อย่างน้อยแค่ทำตัวเหมือนที่เจ้ากำลังต่อสู้ก็ได้ ข้า กาออน ราชาแห่ง ‘ดินแดนเยือกแข็ง’ จะดูแลความปลอดภัยของเจ้าเอง”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องมารับผิดชอบชีวิตข้าหรอก”
มูยองตบที่เอวเบาๆ หนึ่งครั้ง
เขาแกว่งดาบแห่งความโกรธเกรี้ยวข้างเอวโชว์ให้กาออนดู
กาออนทำได้เพียงแค่ส่ายหัวเท่านั้น
"เซฮุน กำลังต่อสู้อยู่เพียงลำพังและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ถ้าแม้แต่ศักดิ์ศรีของเรายังไม่มี เช่นนั้นทุกสิ่งทุกอย่างคงกลายเป็นของโดเกบิเพลิงทั้งหมด“”
“แค่เหลือไว้ 1 ตัว”
“…?”
“ถ้าเจ้าฆ่าศัตรูจนหมด คลื่นลูกถัดไปก็จะเริ่มขึ้นทันที แต่ในทางกลับกันถ้าเจ้าปล่อยให้มีหนึ่งชีวิตที่รอดตาย เจ้าจะได้รับเวลาพักผ่อน”
ถ้าพวกมันมีเวลาพักผ่อนมากขึ้นก็สามารถลดจำนวนผู้เสียชีวิตลงได้
มีความจำเป็นที่จะต้องเดินไปบนเส้นทางที่ปลอดภัยที่สุด เนื่องจากโดเกบิน้ำแข็งนั้นขาดแคลนกำลังพล
กาออนเบิกตากว้าง จากนั้นถามอีกครั้ง
“เป็นความจริงหรือ?”
“ข้าจะได้อะไรจากการโกหกเจ้ากันล่ะ?”
มูยองไม่ได้สนใจท่าทีของกาออน
นี่เป็นแค่คำแนะนำ
การยอมรับหรือไม่เป็นทางเลือกของพวกเขา
“อืม…ถ้านี่เป็นเรื่องจริง ข้าก็จะลองบอกเซฮุนดู”
อีกครั้ง กาออนได้เข้าร่วมสนามรบอย่างรวดเร็ว
และ มูยอง ก็เริ่มอธิษฐานอีกครั้ง
“เจ้านั่นเป็นคนที่แปลกจริงๆ”
“ใครจะไปให้ความสนใจกับโดเกบิขี้ขลาดแบบนั้นกัน? ศัตรูที่โผล่ออกมาคราวนี้ดูแล้วคงไม่ง่าย ข้าว่าเรารีบไปรวมตัวกับคนอื่นๆ เร็วๆ เถอะ”
สุดท้ายความสนใจที่มูยองได้รับก็หายไปอย่างรวดเร็ว
แปะ!
จำนวนของวิญญาณร้ายก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นกองทัพอันเดธ
สุดท้ายคำแนะนำของมูยองก็ไม่ได้รับการยอมรับ
มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
ถ้ามีเพียงแค่โดเกบิน้ำแข็งก็อีกเรื่อง แต่พวกมันอยู่กับคู่ปรับตลอดกาลอย่างโดเกบิเพลิง
ถึงพวกเขาจะพยายามปล่อยให้มอนสเตอร์ตัวหนึ่งให้มีชีวิตอยู่ แต่พวกโดเกบิเพลิงก็จะสังหารพวกมันอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้นพวกมันกลับเพิ่มความเร็วในการต่อสู้เพื่อผลักดันพวกตนไปจนถึงขีดสุดแทน
เหมือนกับการเดินบนเส้นทางแห่งการทำลายตัวเอง ด้วยการปล่อยให้ความคิดชั่ววูบครอบงำจิตใจ
<คลื่นลูกที่ 19 เริ่มขึ้นแล้ว>
<มิโนทอร์ 200 ตัว>
มออออออ!
มอนสเตอร์ขนาดยักษ์กู่ร้องคำราม
ตามที่เหล่าโดเกบิเห็น พวกมันเป็นมอนสเตอร์ที่ยืนด้วยสองเท้าและมีหัวเหมือนกระทิง ราวกับว่านี่เป็นนักล่าตามธรรมชาติของพวกมัน
พวกมันมีความต้านทานต่อเวทย์มนตร์สูง และด้วยผิวหนังที่เหนียวทำให้การโจมตีส่วนใหญ่ไม่ได้ผล
คนเดียวที่สามารถเผชิญหน้ากับมิโนทอร์ได้ก็คือราชาโดเกบิ และด็อกซินี
ตึง! ตูม! ตูม! ตู้มมมมมม!
ด็อกซินีผู้ปกครองโดเกบิน้ำแข็ง เซฮุนกำลังแสดงพลังทำล้างที่สูง
สิ่งใดก็ตามที่สัมผัสกับกำปั้นของเขาจะถูกแช่แข็งและแตกกระจาย ความแข็งแกร่งที่โด่ดเด่นทำให้แม้กระทั่งมิโนทอร์ก็ยังถูกดันกลับไป
อย่างไรก็ตามเซฮุนค่อยๆหมดแรงลงไปเรื่อยๆ
คนอื่นอาจจะมองไม่เห็น แต่ร่างกายของเขากลับเสื่อมสภาพลงทีละน้อย
'อาร์โล.'
เซฮุนขยับสายตาไปมอง
อาร์โลผู้ปกครองของโดเกบิเพลิง
เซฮุนไม่สามารถแสดงความอ่อนแอในขณะที่คนๆนี้ยังมีชีวิตอยู่
เหมือนเซฮุน มันพัฒนาเป็นด็อกซินีมาจากโดเกบิ
ทั้งสองเป็นปรปักษ์ต่อกันมานานแล้ว
พวกมันต่อสู้กันนับครั้งไม่ถ้วน แต่ผลกลับไม่เคยชัดเจน
คล้ายกับว่าพวกมันสู้กันมากี่ครั้งก็เสมอกัน
นั่นเป็นสิ่งที่ทำอะไรไม่ได้
พวกเขามีพลังทัดเทียมกัน
เห็นได้ชัดว่าถ้าอีกคนตายอีกคนก็จะอยู่ในสภาพใกล้ตาย การต่อสู้ของพวกมันจึงมักจะจบลงด้วยการเสมอ
‘ครั้งนี้ข้าจะชนะเจ้าให้ได้’
อย่างไรเสีย คราวนี้จะแตกต่างออกไป
ถ้าอยากชนะเซฮุนต้องฝืนขีดจำกัดของตัวเอง
แต่ถ้าเขาฝืนตัวเอง เช่นนั้นอาร์โลก็ต้องกำลังฝืนตัวเองอยู่เช่นกัน
ถึงแม้อาร์โลจะดูสบายดี แต่มันต้องกำลังประสบปัญหาอยู่แน่ๆ
อย่างไรก็ตาม หลังจากต่อสู้กับมิโนทอร์มาอย่างต่อเนื่อง เขาก็พบว่ามันไม่ใช่แบบนั้น
อาร์โลไม่รู้สึกเหนื่อยเลย
ในทางกลับกัน เป็นเซฮุนที่เริ่มหมดแรง
นี่เป็นไปได้อย่างไร?
‘โดเกบิเพลิงแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?’
ตอนนั้นเองที่เซฮุนตระหนักถึงสิ่งแปลกประหลาด
โดเกบิเพลิงกำลังเสริมความแข็งแกร่งให้แก่กัน
ถูกต้อง พวกเขา “แบ่งปัน” ความแข็งแกร่งร่วมกัน
อาร์โลดูไม่เหนื่อยเลย ถ้าเขาสามารถใช้ความแข็งแกร่งของโดเกบิตัวอื่นได้
มันเป็นทักษะที่ไม่ธรรมดา
เขาไม่รู้ว่าพวกมันมีทักษะแบบไหน แต่พูดได้ว่าอาร์โลไม่ใช่ผู้ปกครองที่ดีนัก
<คลื่นลูกที่ 20 เริ่มต้นขึ้นแล้ว>
<มีสิ่งพิเศษบางอย่างเกิดขึ้น>
<ดาบผีสิง, ออร์คลอร์ด 1 ตัว และแม่ทัพออร์ค 50 ตัว>
เซฮุนขมวดคิ้วหลังจากเห็นศัตรูที่เพิ่งปรากฏตัว
ออร์คลอร์ด และแม่ทัพออร์ค
พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่อ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ออร์คลอร์ดที่คล้ายคลึงกับด็อกซินีซึ่งแข็งแกร่งมากกว่าออร์คทั่วไป
โดเกบิเพลิงเป็นพวกเดียวที่ดูปิติยินดี
เซฮุนขบกรามแน่น ถ้าเขาแพ้ก็ไม่ต่างอะไรกับการยกตำแหน่ง ‘โอม’ ให้กับมัน
โอมคือผู้เดียวเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับจากทุกคน
‘ข้าจะมามัวอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว’
เซฮุนเริ่มเคลื่อนไหว
ฟู่ววววววววว!
เชว้งงง!
ออร์คลอร์ดฟันเปลวไฟของผู้ปกครองโดเกบิเพลิงอาร์โลแตกกระจายไปในอากาศ
มันแกว่งดาบขนาดใหญ่กราดดันไปยังด้านหน้า
แม้จะเป็นอาร์โล แต่การปะทะกับออร์คลอร์ดตัวต่อตัวก็ยังถือเป็นเรื่องยาก
โดเกบิเพลิง 2-3 ร้อยตัวรวมตัวกันอย่างรวดเร็วเพื่อยิงเปลวไฟออกไป แต่ทว่าด้วยการกวัดแกว่งดาบเพียงครั้งเดียวลมกรรโชกแรงก็พัดเเปลวไฟจนต้องกระจายหาย
โดเกบิเพลิงทั้งหมดตกอยู่ในความระส่ำระสาย อาร์โลก็ไม่แตกต่างกัน
ซูมมมมมมม!
บรึ้มมมม!
มวลน้ำแข็งขนาดใหญ่บนท้องฟ้า ฟาดกระหน่ำลงมายังออร์คลอร์ด
มันเป็นการโจมตีอันยอดเยี่ยมของเซฮุน
เปรี๊ยะ แคล้ง!
อย่างไรก็ตามออร์คลอร์ดสามารถผ่าก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นออกเป็นสองส่วนได้อย่างง่ายดาย
เขาคิดว่าเมื่อกี้ต้องโจมตีโดนแล้วแท้ๆ
แต่ทว่าฝ่ายตรงข้ามที่ปรากฏตัวหน้าพวกมันไม่ใช่ออร์คลอร์ดธรรมดา
ดาบผีสิง!
มันเป็นชื่อของผีซึ่งสิงอยู่ในดาบ
นั่นหมายความว่ามันเป็นดาบที่มีทักษะการฟันอันเชี่ยวชาญ
ไม่มีเวลาให้โดเกบิได้ตั้งหลัก ออร์คลอร์ดและแม่ทัพออร์คก็กดดันพวกเขาจนถอยร่นไปพร้อมกับกองทัพโดเกบินับหมื่น
“ไม่เห็นเขาแล้ว”
ราชาโดเกบิน้ำแข็งตัวหนึ่งเข้ามายืนข้างๆเซฮุน
เซฮุนเอียงศีรษ จากนั้นมองไปที่โดเกบิที่เดินเข้ามาอยู่ใกล้เขา
“ถ้าเจ้าต้องการจัดการกับเป้าหมายทั้งสองในเวลาเดียวกัน เราต้องร่วมมือกับด็อกซินีที่เป็นผู้นำของโดเกบิเพลิงถึงจะชนะได้”
โดเกบิน้ำแข็งทั้งหมดต่างก็แสดงความเคารพในตัวซฮุน
อย่างไรก็ตามโดเกบิที่อยู่ข้างหน้าเขาไม่ได้แสดงอาการเหล่านั้น
เขาเหมือนจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
เซฮุนพึ่งจะรู้ตัวว่าเขาต้องตกใจ
‘ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่มันมาอยู่ข้างๆข้า?’
เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการคงอยู่ของเขามาก่อนจนกระทั่งอยู่ใกล้ๆ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้สังเกต แต่มันก็ยังไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปได้อยู่ดี
‘ชายคนนี้คือใครกัน?’