ตอนที่แล้ว[KotB] บทที่ 63: เฮดลี่คาว (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[KotB] บทที่ 65: คลาสที่สอง (1)

[Kotb] บทที่ 64: เฮดลี่คาว (จบ)


บทที่ 64: เฮดลี่คาว (จบ)

โดเกบิจัดเป็นมอนสเตอร์ที่อยู่ในระหว่างระดับต่ำถึงกลาง

แม้ว่าโดยทั่วไปพวกมันจะไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ แต่ท่ามกลางพวกมันก็พอมีสายพันธุ์ที่โดดเด่น

สำหรับโดเกบิที่มีเขาจะรู้จักกันในฐานะ "ราชา"

และพวกเขาจะมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ตามลักษณะที่ปรากฏให้เห็น

คุณสามารถแยกความแตกต่างได้ง่ายๆโดยการสังเกตุที่สีผมของพวกเขาเอง เช่น โดเกบิน้ำแข็งจะมีผมสีขาวเหมือนมูยอง

มูยองพบสถานที่ที่มีโดเกบิน้ำแข็งอยู่รวมกัน

'พวกมันมีจำนวนน้อยมาก'

เต็มที่ก็ประมาณ 5,000?

พวกมันมีเพียงครึ่งหนึ่งของจำนวนเผ่าอื่นๆ

“อา-อูม! อา-ฮูม! อา-อูม! อา-ฮูม!”

ราวกับผู้เชียวชาญด้านการสวดมนต์ โดเกบิตะโกนขึ้นอย่างพร้อมเพรียง

เมื่อมูยองเดินเข้าไปตอนนี้ไม่มีใครขัดขวางเขาเหมือตอนแรกแล้ว

ยกเว้นบางกลุ่มที่มองเขาด้วยความประหลาดใจเท่านั้น

"ทำไมเขาถึงมาคนเดียว"

"เขาเป็นราชาที่หลงทางมาเหรอ?"

โดยปกติราชาโดเกบิจะมีโดเกบิในกลุ่มประมาณ 1-200 คน

มันช่วยอะไรไม่ได้ที่มูยองจะดูโดดเด่นเพราะเขาอยู่คนเดียว

อย่างไรก็ตามไม่มีศัตรู หากมีสิ่งใดมันก็เป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม

เนื่องจากจำนวนของโดเกบิน้ำแข็งมีน้อย พวกเขาจึงดีใจที่จะมีพวกเพิ่ม แม้จะเป็นเพียงคนเดียวก็ตาม

มูยองครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

'การจุติของโอม จุติ หมายถึงการกลับมา  มีความเป็นไปได้สูงที่โอมจะเป็นโดเกบิที่มีสถานะสำคัญ'

ก่อนอื่น เขาต้องทำความเข้าใจกับพิธีนี้ก่อน

เพื่อให้สามารถหาเฮดลี่คาวโด้โดยไม่เป็นที่น่าสงสัย

"เจ้าเคยเห็นโอมมาก่อนหรือเปล่า?"

เขาลองถามโดเกบิตัวหนึ่งที่อยู่ข้างๆ

"ตำแหน่งของโอมว่างมาเป็นเวลากว่า 1,000 ปีแล้ว"

อาา!

มูยองพยักหน้าเข้าใจ

โอมไม่ได้หมายถึงบุคคล แต่หมายถึงตำแหน่ง

แต่เป็นเวลา 1,000 ปีมาแล้ว

ดูเหมือนว่าพวกเขาวางแผนที่จะตัดสินใจหาผู้นำที่แท้จริงของพวกเขาที่นี่

เขาถามลึกลงไปอีกนิดหนึ่ง

"แล้ว...เจ้าคิดว่าใครจะได้ครองตำแหน่งโอม"

"แน่นอนว่าเป็น 'เซฮุน' เขาเป็นราชาที่ปกครองโดเกบิกว่า 3,000 คน เจ้ามาจากแถวชายแดนเหรอ?"

เซฮุน

มูยองหันไปมองเล็กน้อย

มีโดเกบิที่ยืนอยู่มากกว่าพวกที่นั่งพัก

โดเกบิผิวสีฟ้ากำลังถูกจับจ้องและได้รับความสนใจจากคนอื่น

"เขาดูคล้ายกับพวกยักษามากกว่าโดเกบิ"

ยักษา พวกเขาเป็นสายพันธุ์ที่เรียกว่าด็อคซินี ซึ่งวิวัฒนาการมาจากโดเกบิ

มูยองได้ยินเรื่องนี้มาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบตัวจริง

และตอนนี้มีด็อคซินีอย่างน้อย 5 ตัวที่นี่

มูยองเงยหน้าขึ้นและตอบอย่างเรียบเฉย

“ถูกต้อง นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับพิธีนี้มากนัก”

โดเกบิเดาะลิ้น

โชคดีที่เขาไม่ได้ติดใจสงสัยอีก และยังคงพูดไปต่อ

"จะมีดาวสีดำที่เรียกว่า "ฮูม" ตกลงมาจากฟ้า จากนั้นพิธีก็จะเริ่มขึ้น โดเกบิทุกตัวจะสามารถท้าทายตำแหน่ง 'โอม' ได้  ยังไงก็ตามครั้งนี้เห็นจะเป็นเรื่องยากเพราะว่ามีเซฮุนร่วมพิธีด้วย"

เป็นการคุยโวอย่างออกนอกหน้า

เขาคงมั่นใจในตัวเซฮุนมาก

'ดาวสีดำจะตกลงมาจากฟากฟ้า?'

เขานึกภาพไม่ออกเลย

อย่างไรก็ตามดูเหมือนพวกเขาจะไม่รุกรานกันจนกว่าดาวสีดำจะตกลงมาจากฟ้า

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมโดเกบิเพลิงถึงไม่พอใจเขา

"ขอบคุณสำหรับคำอธิบาย ข้าชื่อ มูยอง "

"ข้าชื่อกาออน ผู้นำเผ่า 'ดินแดนเยือกแข็ง' ดูเหมือนว่าเจ้าเป็นแค่ราชาที่หลงทาง อย่าทำอะไรที่ไร้ประโยชน์หล่ะ และมันจะดีที่สุดสำหรับเจ้าหากช่วยสนับสนุนเซฮุน "

ทั้งสองจับมือ

อย่างไรก็ตามมูยองไม่ได้ใส่ใจคำพูดของกาออนแม้แต่น้อย

'ถ้าเป็นด็อคชินีเขาจะต้องอยู่ในเผ่ามาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นตัดเป้าหมายที่เป็นด็อคชินีออกไปได้เลย เฮดลี่คาวต้องเป็นหนึ่งในโดเกบิที่เพิ่งเข้าร่วมเท่านั้น'

อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถถามเรื่องนี้จากใครได้อย่างง่ายดาย

หากโชคร้ายเฮดลี่คาวอาจตระหนักได้ว่ามีใครบางคนพยายามค้นหาพวกมัน ซึ่งเป็นผลที่เลวร้ายที่สุด

'โดเกบิบิที่พึ่งเข้าร่วม ด็อคซินีน่าจะมีข้อมูลนี้'

ดวงตาของมูยองดูมืดมน

แม้ว่าด็อคซินีจะถูกตัดออกจากผู้ต้องสงสัย แต่ในทางกลับกันดัวด็อคซินีต้องรู้แน่นอน เกี่ยวกับโดเกบิที่พึ่งเข้าร่วมและติดตามพวกมัน

วิธีที่ดีที่สุดคือการถามพวกเขาโดยตรง

อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถทำได้ในตอนนี้

หากเขาแสดงตัวมากเกินไปมันจะดูมีพิรุจ

หลังจากการคัดเลือกเริ่มขึ้น

ดูเหมือนนั่นจะเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเข้าใกล้พวกมัน

พิธียังคงดำเนินต่อไปประมาณ 2-3 วัน

พลังงานภายในหุบเขาวิญญาณแน่นหนาขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวัน และระหว่างนั้นทุกคนต่างมุ่งเน้นไปที่การตะโกนร้อง 'อา-อูม! อา-อูม!

เป็นเวลาเจ็ดวันแล้วนับตั้งแต่มูยองเข้าร่วมงานกับพวกเขา

ตูมมมมมม-!

จากท้องฟ้า 'ฮูม' ตกลงมากระแทกกับพื้นเสียงดังสนั่น

ฮูม ดาวสีดำที่เป็นสัญญาณเริ่มต้นแห่งการคัดเลือก สิ่งที่ใช้เพื่อค้นหาว่าใครจะเป็น โอม ที่แท้จริง!

อย่างไรก็ตามไม่ได้มีฮูมแค่ลูกเดียวเท่านั้น

มีดาวสีดำสองลูกตกลงมาจากฟากฟ้า

"มันแปลกมาก "ตามคำทำนายฮูมเพียงหนึ่งดวงเท่านั้นที่จะตกลงมา"

กาออนเอียงศีรษะ

"ไม่มีทางที่คำพยากรณ์จะถูกต้องเสมอไป"

มูยองมั่นใจ

มีหลายครั้งที่คำพยากรณ์นั้นคลุมเครือ

ไม่สิ มีหลายครั้งแล้วที่พวกนั้นผิดพลาด

เป็นเพราะคำพยากรณ์จะได้รับผ่านทาง "ผู้สืบทอดของเหล่าเทพ"

มีโอกาสสูงที่ขึ้นตอนเหล่านี้จะถูกบิดเบื่อนไป

"ยังไงก็ตาม ... ตอนนี้พิธีได้เริ่มต้นแล้ว"

กาออนนำชนเผ่า 50 เผ่าเข้าร่วมกับพวกเขา

แน่นอนว่าเซฮุนผู้เป็นด็อคซินีประจำตำแหน่งอยู่ด้านหน้าสุด

โดเกบิประเภทอื่นๆก็ทำตามคล้ายๆกัน

ดาวสองดวงตกลงกลางหุบเขา

อย่างไรก็ตาม มันเหมาะที่จะเรียกว่าอุกกาบาตมากกว่าดาว

แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้เกิดผลกระทบใดๆสำหรับอุกกาบาตสองลูกบนยอดเขา

เกิดช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างอุกกาบาตทั้งสอง

"มูยอง แล้วเจ้าจะเอาไงต่อ? เจ้าเป็นราชาที่หลงทางมา พวกเราไม่สามารถบังคับเจ้าได้ "

เนื่องจากเขาไม่มีกลุ่มของตัวเอง ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร

อย่างไรก็ตามมูยองดูมั่นใจแปลกๆ

"ข้าจะตามไป"

"ดี มูยอง ถ้างั้นก็ตามข้ามา เจ้าเป็นแขกของเผ่าดินแดนเยือกแข็ง "

การบอกให้ตามเขาไปก็เหมือนกับเป็นผู้ติดตามเซฮุนไปด้วย

ผู้นำทุกคนรวมถึงเซฮุนอยู่ที่ด้านหน้าสุด

ทางเลือกต่างๆขึ้นอยู่กับพวกนั้น และพวกเขามุ่งหน้าเข้าไปสู่ช่องว่างระหว่าง 'อูม'

ขณะที่มูยองเดินตามเข้าไปข้อความก็ปรากฎขึ้น

<คุณได้เข้าสู่ 'สมรภูมิไร้จุดจบ'>

<จำนวนผู้เข้าร่วม 35,469 คน>

<คุณไม่สามารถออกไปได้ จนกว่าจะเหลือผู้เข้าร่วม 350 คน>

'สมรภูมิไร้จุดจบ?'

มูยองขมวดคิ้ว

มีทางเข้าหลายแห่งในการเข้าสมรภูมิไร้จุดจบ มันพึ่งผ่านมาไม่นานนี่เอง นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาได้เข้าร่วม

ครั้งแรกเขาเข้ามาผ่านทางหินอ่อนขนาดใหญ่ของพวกไฟทาร์

และตอนนี้ต้องผ่านดาวสีดำที่พวกโดเกบิเรียกว่า 'ฮูม'

'หืม'

เขามองไปที่ไหล่ซ้ายของตัวเอง

มีเลข 18 เขียนกำกับไว้

นั่นหมายความว่า เขาได้เคลียร์คลื่นลูกที่ 18 มาแล้ว และตัวเลขจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่อเขาสร้างสถิติใหม่

'ถ้างั้นการทดสอบของฮูม หมายถึง สมรภูมิไร้จุดจบ'

เขาไม่แน่ใจซะทีเดียว

ฮูมทั้งสองลูกร่วงลงมาสู่พื้น

สำหรับคนอื่นอาจจะได้รับโอกาสที่แตกต่างไปกันไป

“แต่มันเป็นไปได้หรือที่คนหลายคนจะเข้าสู่สมรภูมิไร้จุดจบได้พร้อมกัน?”

มูยองมองไปรอบ ๆ

จำนวนผู้คนกว่า 30,000

มันเป็นจำนวนสุดท้ายของโดเกบิที่ตัดสินใจเข้ามายังที่นี่

มันมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับจำนวนโดเกบิทั้งหมด แต่เมื่อจำนวนที่ว่ามารวมกันในที่แห่งนี้ก็ดูไม่น้อยเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม ตามความเข้าใจของมูยองสมรภูมิที่ไร้ที่สิ้นสุดนี้สามารถเข้าร่วมได้ครั้งละคนเท่านั้น

“ถึงจะแตกต่างอยู่บ้างแต่ก็มีจุดหลักเหมือนกัน”

เขาไม่เคยได้ยินว่าสมรภูมิไร้จุดจบ จะสามารถมีผู้เข้าร่วมจำนวนมากในคราวเดียวกัน

มันดูเหมือนจะเป็นรูปแบบพิเศษของสมรภูมินี้

อย่างไรก็ตามบริบทของสมรภูมิไร้จุดจบนี้ก็ไม่เปลี่ยนแปลง

"ข้าเคยได้ยินว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่เราต้องต่อสู้จนกว่าจะตาย มันจะเป็นยังไงนะ? "

ขณะที่กาออนพึมพำอยู่กับตัวเอง มูยองตอบกลับเขาด้วยเสียงเรียบเฉย

"อีกไม่นานพวกมันจะออกมา"

“…? มูยอง เจ้ารู้อะไรบางอย่างเหรอ?”

"พวกมันออกมาแล้ว"

<คลื่นลูกที่หนึ่งเริ่มต้นขึ้นแล้ว>

<ก๊อบลิน 2,500 ตัว>

ที่ราบกว้างขนาดใหญ่

จากระยะสายตาสามารถเห็นก๊อบลิน 2,500 ตัว กำลังเดินเข้ามาเรื่อยๆ

และ เซฮุนเป็นคนแรกที่วิ่งเข้าไปปะทะกับพวกมัน

เข้าปะทะ!

เขากระโดดขึ้นสูงและพุ่งไปสู่ใจกลางของกลุ่มก๊อบลิน

พื้นดินเริ่มสั่นสะเทือนขณะที่เขากระแทกลงพื้น

ด็อคซินี คือความแข็งแกร่งหนึ่งเดียวที่พัฒนามาจากโดเกบิ

"สำหรับการทดสอบของฮูมเป็นเพียงการฆ่าก๊อบลินเท่านั้น"

กาออนพูดราวกับว่าผิดหวังมาก

ดูคล้ายว่าเขาจะจินตนาการถึงความมหัศจรรย์ของดาวสีดำ ฮูม ไว้ไม่น้อย

เนื่องเขาไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นจึงไม่สามารถอ่านข้อความผ่านตัวแสดงสถานะได้

โดเกบิทั้งหมดไม่สามารถเห็นข้อมูลการคัดเลือกเหมือนที่มูยองเห็น

ดังนั้นมูยองจึงให้คำแนะนำแก่พวกเขา

"มันยังไม่จบ"

นับตั้งแต่ที่เขาได้เข้ามา เขาก็ต้องการที่จะเห็นว่ามันจะสิ้นสุดลงตรงไหน

โดเกบิตั้ง 30,000 ตัว พวกมันควรจะสามารถผ่านคลื่นที่ 18 ไปได้

แต่การทำแบบนี้ เขาจะต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก

"อืม ถึงเจ้าจะบอกว่ามันยังไม่จบก็เถอะ พวกมันก็แค่ก๊อบลิน ถึงจะออกมามากแค่ไหนมันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเรา พวกเราก็เข้าไปร่วมด้วยเถอะอย่าปล่อยให้เซฮุนเอาคะแนนไปหมด"

ด้วยจำนวนและความแข็งแกร่ง โดเกบิเหนือกว่าพวกมันอย่างเห็นได้ชัด

ก๊อบลิน 2,500 ตัวตายเรียบภายในเวลาไม่ถึง 20 นาที

ในเวลาเดียวกันคลื่นต่อไปก็เริ่มขึ้น

<คลื่นลูกที่สองได้เริ่มขึ้น>

<มดศึก 2,000 ตัว>

"มันยังไม่จบอีกเหรอ"

กาออนที่กำลังเบิกบานกับความรู้สึกของชัยชนะกระพริบตาของเขาถี่ๆ

ไม่ใช่แค่กาออน

แม้จะเป็นแค่เหาก็ตาม แต่สนามรบก็ยังเป็นสนามรบ

โดเกบิส่วนใหญ่กำลังเบิกบานอยู่กับชัยชนะ

จากนั้นพวกเขาก็ต้องตะลึง เมื่อสังเกตเห็นมอนสเตอร์อีกชนิดปรากฏขึ้น

"มันยังไม่จบหรอก"

"อะไรนะ"

"สนามรบนี้ไม่มีวันจบ"

จำนวนคลื่นที่พวกเขาสามารถเคลียร์ได้ มันไม่ได้สำคัญเลย

มูยองจำประโยคที่ปรากฏขึ้นในตอนแรกได้

'เพียง 350 คนเท่านั้นที่สามารถออกจากที่นี่ได้'

มันคือ 1% ของจำนวนโดเกบิที่เข้ามาทั้งหมด

นั่นหมายความว่าพวกมันต้องต่อสู้ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเหลือเพียง 350 ตัวเท่านั้น

มูยองมองไปด้านหน้า

พวกนี้เข้ามาพร้อมกับโดเกบิเพลิง และมีจำนวนประมาณ 10,000 ตัว

เช่นเดียวกับเซฮุน คนที่นำพวกมันคือด็อคซินีเหมือนกัน

ถ้าพวกมันต้องการจะพิชิตสมรภูมิรบนี้…

'พวกมันจะต้องปะทะกันแน่นอน'

เมื่อพวกมันตระหนักถึงเงื่อนไขของสนามรบนี้เมื่อไหร่ พวกมันจะต้องห้ำหั่นกันเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โดเกบิน้ำแข็งกับโดเกบิไฟยิ่งไม่ค่อยถูกกันเท่าไหร่

เนื่องจากพวกเขามีจำนวนต่างกันมาก เห็นได้ชัดว่าใครจะถูกโจมตีก่อน

‘ฉันต้องเตรียมพร้อมให้ดี’

มูยองมีข้อสงสัยว่าเฮดลี่คาวอาจจะเป็นพวกโดเกบิเพลิง

แม้กระทั่งผู้เข้ารับตำแหน่งโอมเมื่อ 1,000 ปีก่อนก็ยังเป็นโดเกบิไฟ

ครั้งแรกคงเป็นเรื่องยาก แต่ครั้งที่สองจะง่ายดายยิ่งกว่า

พวกมันจะมีข้อมูลมากกว่าคนอื่นๆ

สิ่งที่แตกต่างจากโดเกบิอื่นๆนั่นคือ โดเกบิเพลิงดูไม่ตกใจกับสถานการณ์ตรงหน้านัก

นั่นหมายความว่าพวกมันคาดหวังได้ในระดับหนึ่ง

ถ้าเป้าหมายคืออะไรบางอย่าง ชัดเจนว่าต้องเป็นโดเกบิเพลิง

นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม มูยองจึงตัดสินใจเตรียมตัวอย่างเงียบ ๆ

อีกอย่างสรภูมิไร้จุดจบ คงจะสิ้นสุดลงในอีกไม่กี่วัน

ยังมีเวลาเหลือเพื่อให้วางกับดักได้อย่างสบายๆ

มูยองเดินอย่างเงียบๆไปยังโดเกบิที่ตายแล้ว

‘โดเกบิเหล่านั้นเริ่มกลายสภาพเป็นวิญญาณ’

ตามปกติแล้วโดเกบิก็เป็นมอนสเตอร์ที่เริ่มต้นมาจากวิญญาณ

นี่สามารถแสดงให้เห็นถึงวัฐจักรของธาตุทั้งห้าตามธรรมชาติ และอำนาจจากผืนดิน

ความสัมพันธ์ระหว่างวิญญาณและภูตผีใกล้ชิดกันมาก บางครั้งคุณก็เรียกการเสื่อมโทรมของวิญญาณ ว่าเป็นภูตผี

เขากำลังเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นภูตผีเพื่อที่จะใช้งาน

'จงตื่น'

เส้นทางทั้งหก

ท่ามกลางพวกมันเหล่านั้น เขาเปิดเส้นทางของอาชูร่าขึ้นและเริ่มดูดกลืนวิญญาณ

วิญญาณมากมายลอยตัวอยู่เหนือซากศพของโดเกบิ จากนั้นก็ถูกดูดกลืนเข้าสู่เส้นทางแห่งอาชูร่าทีละตัวทีละตัว

และเมื่อมูยองเห็นสิ่งนี้ มุมปากของเขาก็เริ่มกระตุกยิ้ม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด