[KotB] บทที่ 63: เฮดลี่คาว (2)
บทที่ 63: เฮดลี่คาว (2)
เขาหยิบมุมหนึ่งของวัตถุรูปทรงคล้ายเมฆขึ้นมา
เพียงแค่ 1/3 ของมัน
อึก !
เขากลืนมันลงไปอย่างไม่ลังเล
ร่างกายของมูยองสั่นสะท้านชั่วครู่หนึ่ง
จากนั้นดวงตาทั้งสองก็มีเลือดไหลออกมา ทุกรูขุมขนบนร่างกายของเขาต่างมีเลือดไหลซึม
พรสามประการ
ไม่ว่ามันจะเรียกว่าอะไรก็ตาม หากสิ่งที่คุณปรารถนากลายเป็นจริงมันก็ไม่ไกลจากคำว่า 'ปาฏิหาริย์' มากนัก
ความมหัศจรรย์แบบนั้นไม่มีทางที่จะเป็นจริงได้เพียงเพราะคุณใช้มัน
มันขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นคนที่ทำให้เกิดปาฏิหาริย์นั้นด้วย
มีคนมากมายที่ต้องการทำให้ความปรารถนาเป็นจริงและพร้อมจะจ่ายในราคาที่เหมาะสม
พรสามประการ ทำให้ร่างกายของผู้ใช้ต้องรับภาระหนักสำหรับการรับรู้ถึงความปรารถนา
คล้ายกับความคิดที่ว่า มีแสงบางอย่างวิ่งทะลุผ่านหัวใจยามเมื่อใครสักคนกำลังใกล้ตาย อาจกล่าวได้ว่าในการใช้พรสามประการสามารถเผาผลาญจิตวิญญาณโดยตรงได้อย่างมหาศาล
จากนั้นบางสิ่งบางอย่างก็เอ่ยขึ้นทักทายกับมูยอง
"คุณปรารถนาสิ่งใด?"
หญิงสาวหน้าตาสละสลวย นั่งอยู่บนพื้นหญ้า
ร่างของเธอเปลือยเปล่า ปีกสีขาวบริสุทธิ์กระพือขึ้นลงในขณะที่เธอจ้องมองมายังมูยอง
ทุกกระเบียดนิ้วของเธอดูคล้ายกับฑูตสวรรค์ แต่ทว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
เธอไม่ได้มีอยู่จริง มันก็แค่ถูกตั้งค่ามาให้อยู่ในรูปร่างแบบนี้เท่านั้น
รูปลักษณ์ของเธอเป็นสิ่งสมมุติที่เกิดจากนักบวชหลายหมื่นคนแห่งเมืองศักดิ์สิทธิ์มูลาลันสร้างขึ้น
อันเดอร์เวิลด์เป็นสถานที่ที่มีแต่มอนสเตอร์ และปีศาจเท่านั้น
นักบวชเหล่านั้นจะสามารถสร้างฑูตสวรรค์ได้ยังไง ในเมื่อสิ่งที่พวกเขาเคยเจอมีแต่ปีศาจนับไม่ถ้วน และไม่เคยพบเจอฑูตสวรรค์มาก่อน
ดังนั้นพวกเขาจึงเพียงเชื่อและทำตามสิ่งที่ศาสนาของตนสอนไว้เท่านั้น
มูยองเป็นคนหนึ่งที่คิดว่าผู้ที่มอบพลังแก่พวกเขาไม่ใช่ฑูตสวรรค์หรือเทพใดๆ มันต้องเป็นบางอย่างที่แตกต่างไปจากนั้นอย่างสิ้นเชิง
"ฉันกำลังตามหาเฮดลี่คาว"
"ความปรารถนาของคุณจะเป็นจริง"
เมื่อมูยองถามจบ ผู้มาเยือนก็จางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ถึงเขาไม่เข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าว แต่มันคงทำเพื่อให้ทุกอย่างดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น
'ทิศตะวันตก'
หลังจากผู้มาเยือนได้หายไป เส้นลูกศรสีแดงก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของมูยองบ่งชี้ไปทางทิศตะวันตก
ในขณะเดียวกันสายตาของมูยองก็กว้างขึ้น เมื่อมีฉากบางอย่างปรากฏอยู่เบื้องหน้า
เหล่าโดเกบิกำลังอพยพไปทางทิศตะวันตก
เป็นการย้ายถิ่นฐานของโดเกบิจำนวนมาก
ดูจากจำนวนของพวกมันน่าจะมีมากกว่าแสนตัว
พวกมันกำลังเดินทางไปยังสถานที่บางแห่ง
เหล่าราชาซึ่งมีเขาบนหัวเป็นเอกลักษณ์ กำลังฝูงของมันทั้งหมดไปยังสถานที่เดียวกัน
มูยองจำคำพูดของโอการ์ได้เมื่อพบกันครั้งแรก
'การจุติของโอม!'
เขาไม่รู้ว่ามันเป็นพิธีอะไร
ตอนนั้นโอการ์ซึ่งคิดว่ามูยองเป็นโดเกบิ ได้กล่าวว่ากลุ่มของโดเกบิกำลังเคลื่อนที่ไปทางตะวันตก
ดูเหมือนว่าเฮดลี่คาวซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มพวกนั้น
ทำไมมันถึงออกเดินทางไปกับกลุ่มของโดเกบิ?
อย่างไรก็ตามเขามั่นใจในสิ่งหนึ่ง
จากจำนวนที่เห็นทั้งหมดคือโดเกบิ ไม่มีสายพันธุ์อื่นนอกจากนั้น
ดังนั้นมีโอกาสที่เฮดลี่คาวจะเปลี่ยนร่างกลมกลืนไปกับพวกมัน
'เหตุผลที่ว่าทำไม เฮดลี่คาวถึงเปลี่ยนร่างเป็นโดเกบิ....'
ถ้าคุณมองให้กว้างขึ้นจากการที่เฮดลี่คาวเป็นภูติชนิดหนึ่ง
มันอาจจะทำแบบนั้นเพื่อความสนุก หรือบางอย่างซึ่งเกี่ยวข้องกับการจุติของโอม
และเขาต้องไปตรวจสอบด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตามเขาต้องการพักสักหน่อย
ร่างกายของเขารู้สึกร้อนเหมือนอยู่ในกองไฟ และยังรู้สึกวิงเวียน คลื่นไส้
มูยองเอนตัวลงบนกำแพง และหลับตาลงชั่วครู่
เขารู้ดีว่ามันต้องมีผลข้างเคียง แต่ไม่เคยคิดว่ามันจะส่งผลกระทบมากขนาดนี้
'ฉันอาจจะรู้สึกดีขึ้นกว่านี้หากได้งีบหลับ'
มูยองรู้ดีเกี่ยวกับสภาพร่างกายปัจจุบันของตัวเอง
เนื่องจากเขารู้แล้วว่าเฮดลี่คาวอยู่ที่ไหน และมันกำลังเคลื่อนไปในทิศทางใด เขาจึงไม่รีบร้อนและต้องการพักฟื้นก่อนจะเดินทาง
กลางดึกคืนนั้น
ในเงามืดของท้องฟ้ายามค่ำคืน มูยองค้นหาเส้นทางผ่านร่องรอยตามผืนทะเลทราย
เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของจิตวิญญาณที่กำลังดิ้นรนต่อการมีชีวิต แม้ว่าท่ามกลางเสียงนั้นจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความตายก็ตาม
'บาลตัน'
นั่นมันเขานิ
เขากำลังจะตาย
ความจริงที่ว่าบาลตันไม่ได้รับการรักษาในทันที ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ
ตอนนี้บาลตันยึดมั่นอยู่กับความตั้งใจอันบริสุทธิ์เท่านั้น
มูยองเจอสถานที่นี้ได้โดยสัญชาตญาณ
เขาได้เห็นการตายมาแล้วนับไม่ถ้วน ดังนั้นสถานที่นี่ก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่นัก
“ท่านลอร์ด.. ?”
"ท่านดูเหมือนไร้เรี่ยวแรง"
"ฉันขอโทษที่มันดูเป็นอย่างนี้"
เสียงของเขาแหบพร่า
ใบหน้าที่ซีดขาวไม่ต่างจากซากศพ
บาลตันหัวเราะอย่างงุ่มง่ามในขณะที่เขาพูด
"แต่มันน่าทึ่งมาก ผมคิดว่าเทพแห่งความตายจะปรากฏตัวขึ้น แต่กลับกลายเป็นท่าน"
"ไม่มีความหวังอีกแล้ว ทำไมนายถึงยังทนมาจนถึงตอนนี้? "
บาลตันเอ่ยปากพูดออกมาอย่างทรมาน
"เป็นเพราะเธอคนนี้"
แล้วเขาก็ลูบหัวไอรีนที่หลับอยู่ข้างๆ
ดูเหมือนว่าตอนนี้เธอยังไม่ตื่น เพราะเธอไม่ได้พักผ่อนเลยในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
"ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด มันคงเป็นเรื่องยากที่ผมจะผ่านวันนี้ไป อย่างมากสุดคงอีกแค่ครึ่งวัน....ผมขอโทษที่ไม่สามารถช่วยอะไรท่านได้อีก"
"ฉันไม่ได้คาดหวังอะไรตั้งแต่แรก"
"ผมรู้ ผมแค่หวังจะพึ่งพาท่าน พวกเราอ่อนแอ และคงไม่สามารถเอาชีวิตรอดได้เองภายในดินแดนเทพปีศาจ"
แค่ก! แค่ก!
บาลตันไอออกมาอย่างรุนแรง
และแล้วเขาก็มาถึงจุดที่เกินจะทนไหว
"ตอนแรกผมวางแผนที่จะจากไปอย่างเงียบๆ แต่ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมมีสิ่งที่อยากขอร้อง? มันเป็นแค่เรื่องง่ายๆสำหรับท่าน"
สายตาของบาลตันเต็มไปด้วยความปราถนาท่ามกลางความสิ้นหวัง
จากนั้นมูยองก็รู้ว่าทำไมบางอย่างถึงพาเขามาที่นี่
ผู้ปกครองแห่งความตาย
แน่นอนมันเป็นเพราะผลกระทบจากมัน
เขาสามารถเข้าใจได้โดยธรรมชาติ ว่าอะไรที่เขาสมควรทำ
"มันต้องแลกมาด้วยชีวิตของนาย"
บาลตันเข้าใจความหมายในคำพูดของมูยอง
เป็นเพราะเขาเคยเห็นมูยองควบคุมอันเดธ
ถึงอย่างนั้นบาลตันก็ยังพยักหน้า
"ผมกำลังจะตาย แต่แทนที่ผมควรจะกลัวมัน เมื่อมีความตายเข้ามาใกล้ผมกลับรู้สึกถึงความชัดเจนของตัวเองยิ่งขึ้น "
ขณะนั้น
<ด้วยอำนาจของเดธลอร์ด> "สัญญาแห่งความตาย" ถูกเรียกใช้
<'สัญญาแห่งความตาย' เป็นสัญญาที่ใช้ชีวิตของพวกเขาเป็นหลักประกัน มันเปิดใช้งานเมื่อผู้ทำสัญญาต้องการพลังท่ามกลางความสิ้นหวัง หลังจากทำสัญญาเสร็จสิ้นแล้ว ค่าศิลปะที่เพิ่มจะขึ้นอยู่กับเรื่องราวของผู้ทำสัญญา เมื่อผู้ทำสัญญาตายและถูกทำให้กลายเป็นอันเดธ พลังความแข็งแกร่งที่มากขึ้นจะปรากฎ>
ใช่ มันเป็นแบบนั้น
หลังจากพ่อของซูจี อำนาจของพลังนี้ก็เกิดขึ้นกับบาลตัน
สัญชาตญาณต่อสายใยแห่งความตาย ทำให้ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวโดยอัตโนมัติ นี่เป็นโอกาสทองที่จะทดสอบอำนาจนี้
"พูดสิ มันคืออะไร"
เขาจะขอให้ตัวเองรอดชีวิต?
หรือขอให้ปกป้องไอรีน?
บาลตันยกร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บขึ้น และคุกเข่าลง
"ให้ผมเป็นอัศวินของท่าน " ผมอยากจะปกป้องสถานที่แห่งนี้ไม่ว่าจะมีชีวิตอยู่หรือไม่"
เป็นสิ่งที่ไม่คาดฝัน
เขาได้ตระหนักถึงความตาย และอาสาที่จะกลายเป็นอันเดธ
'อัศวิน'
มูยองดูแคลนเขาอยู่ในใจ
หากว่ากันตรงๆ สเตตัสทางกายภาพของบาลตันนั่นห่วยแตก สภาพร่างกายของบาลตันไม่มีดีพอที่จะกลายเป็นดาบคอยปกป้องมูยองได้ และเขาเองน่าจะรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
การที่จะกลายเป็นอัศวินก็เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น และสิ่งที่เขาต้องการจริงๆก็คือการได้รับอนุญาตให้ปกป้องอาณาเขตนี้
บาลตันต้องการปกป้องคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเช่นนี้
"การเสียสละที่ไร้ประโยชน์"
"ผมบอกกับตัวเองมาตลอด ที่อันเดอร์เวิล์ดแห่งนี้เป็นสถานที่ที่อันตราย คนที่มีจิตใจดีต่างตายไปหมด เหลือเพียงคนที่เห็นแก่ตัวเท่านั้นที่มีชีวิตรอด แม้แต่ตอนนี้ความคิดของผมก็ยังไม่เปลี่ยน แต่"
บาลตันกัดฟันแน่น
"เราไม่สามารถเพียงนั่งอยู่เฉยๆ แล้วยอมรับมัน เราต้องยืนหยัดด้วยตัวเองเมื่อมาถึงสถานที่แห่งนี้ นั่นคือสิ่งที่ไอรีนแสดงให้ผมเห็น"
"นายเชื่อว่าการตายของนายจะเปลี่ยนสถานที่แห่งนี้เหรอ?"
"ใช่"
เขาไม่ได้ลังเลเลยสักนิด
มันคือความเย่อหยิ่ง
แต่มันก็คุ้มค่าที่จะชมเชยในข้อเท็จจริงที่เขาต้องการยืนหยัดด้วยตัวเอง โดยไม่ซ่อนตัวอยู่หลังคนอื่น
อย่างน้อยที่สุด เขาก็ไม่สามารถเยาะเย้ยเรื่องนี้ของบาลตันได้
มูยองหันหลังกลับไป
"เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นนายจะเกิดใหม่อีกครั้ง"
เหมือนคำทำนาย เขาพูดคำเหล่านั้นก่อนจะจากไป
และในวันรุ่งขึ้น
บาลตันผู้พิทักษ์อาณาเขตก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมา
*
<จุดมุ่งหมายที่เหนือล้ำความตาย>
<ความตายอันน่ายกย่อง! เขาเดินหน้าสู่ความตายจนได้กลายเป็นผู้พิทักษ์ของอาณาเขต>
<อำนาจของเดธลอร์ด 'สัญญาแห่งความตาย' เสร็จสมบูรณ์แล้ว ด้วยพลังอำนาจจากเดธลอร์ดทำให้ค่าสเตตัสของเขาเพิ่มเป็นอย่างมาก>
<คะแนนศิลปะเท่ากับ 84>
<ผู้พิทักษ์ อัศวินผู้พิทักษ์ถูกสร้างขึ้น!>
<ชื่อ: บาลตัน
เลเวล 101
ประเภท : อัศวินผู้พิทักษ์
Strength 112 (92 + 20) Agility 115 (95 + 20) Stamina 160 (140 + 20)
Intelligence 94 (74 + 20) Wisdom 92 (72 + 20) Indomitable(ความทรหด) 80 (60 + 20) >
+ ผู้พิทักษ์อาณาเขต (ภายในอาณาเขตที่กำหนดไว้ สถานะทั้งหมด +20)
+ เสียงตะโกนของผู้พิทักษ์ (ภายในอาณาเขตความอดทนของ 'พันธมิตร' เพิ่มขึ้นเล็กน้อย)
+ เพิ่มศักยภาพ (คุณจะแข็งแรงขึ้นเมื่อคุณต่อสู้เพื่อปกป้อง)
+ อัตราอนุรักษ์นิยมสูง (มีความอิสระสูง)
มูยองทำให้บาลตันตื่นขึ้นมาจากความตาย และมอบหน้าที่ผู้พิทักษ์อาณาเขตแก่เขา
เขาได้รับคะแนนศิลปะถึง 84 คะแนน เนื่องจากเรื่องราวความเป็นมาของบาลนั้นลึกซึ้ง รวมกับพลังอำนาจของเดธลอร์ด
ถึงแม้เขาจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น แต่สเตตัสของเขาก็อยู่ในระดับนี้เท่านั้น เพราะเขาไม่ใช่วัตถุดิบที่ดีนัก แต่ยังไงมันก็น่าทึ่งแล้ว
นอกจากนี้ไม่มีทางที่บาลตันจะทรยศเขา
มูยองคิดว่าบาลตัน จะทำหน้าที่ปกป้องสถานที่แห่งนี้ได้ดีเนื่องจากความทรงจำของบาลตันยังคงอยู่
'เพิ่มศักยภาพและมีความเป็นอิสระสูง'
ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะเป็นอันเดธ แต่เขาก็มีทั้งสองอย่างที่หาได้ยาก
นี้คือพลังจากผู้ควบคุมอำนาจ (พลังของเดธลอร์ด)
แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็ยังคงอ่อนแอกว่าไฮเดกเกอร์ มันดูเป็นผลเสียมากกว่าที่มอบหน้าที่ผู้พิทักษ์อาณาเขตให้เขา เนื่องจากตำแหน่งนี้มีเพียงหนึ่งที่เท่านั้นสำหรับหนึ่งอาณาเขต
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้จะเปลี่ยนไปหากเขาคิดเป็นและเติบโตขึ้น
ตอนนี้เขาสามารถฟื้นฟูร่างกาย รวมถึงสามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว
"บาลตันจะมาทำหน้าที่เป็นลอร์ดแทนฉันสักระยะหนึ่ง"
มูยองประกาศอย่างเงียบ ๆ
ทุกคนที่นี่ไว้ใจบาลตัน
และมูยองยังให้ดาร์คกูลกับเหล่าผู้ล้างแค้นประจำการอยู่ที่นี่
มันคงมีประโยชน์ยิ่งขึ้นหากมีอันเดธ 10-20 ตัวคอยดูแลอีกชั้นนึง
"บาลตันเกิดใหม่อีกครั้งในฐานะอัศวินของฉัน ในขณะที่ฉันไม่อยู่ที่นี่ จงเชื่อฟังบาลตัน พัฒนาดันเจี้ยนรวมถึงดูแลพื้นที่รอบๆด้วย"
"ผมจะทำตามคำสั่งของท่าน"
คนแรกที่ตอบสนองคือบาลตัน
น่าประหลาดใจที่เขาไม่ได้พูดงุ่มง่าม
แม้แต่ดวงตาของเขาก็มีประกายราวกับว่ายังมีชีวิตอยู่
"ท่านลอร์ด ท่านกำลังจะไปที่ใด?"
ชายชราไม่สามารถซ่อนความกังวลใจเอาไว้ได้จึงถามออกมา
มูยองมองไปทางเส้นสีแดงในอากาศและตอบสั้น ๆ
"ฉันจะไปที่หุบเขาวิญญาณ"
หุบเขาวิญญาณ มันเป็นสถานที่ที่โดเกบิกำลังดำเนินพิธีกรรมของพวกมัน
และเฮดลี่คาวก็ถูกซ่อนตัวอยู่ในสถานที่นั้น ...
มูยองกำลังวางแผนที่จะเข้าร่วมในฐานะนักล่า
*
เส้นลูกศรสีแดงชี้ไปทางทิศตะวันตก
เมื่อเวลาผ่านไป มันก็ค่อยๆจางหาย
'นี่ฉันมาถึงแล้วเหรอ?'
โดเกบิมากกว่าแสนเดินทางมาเป็นแถว ดูเหมือนทุกคนจะมาถึงปลายทางแล้ว
'คงถึงเวลาที่ต้องใช้อาชานรก'
มูยองขมวดคิ้ว
มันเป็นความคาดหวังเล็กๆ แต่เขาไม่สามารถรู้สึกได้ถึงตัวตนของอาชานรกเลย
ดูเหมือนอาชานรกยังอยู่ในตำแหน่งเดิม ก่อนที่เขาจะใช้ไอเทมเทเลพอร์ตทางไกล
ความคล่องตัวของอาชานรกอาจจำเป็นต่อการตามจับเฮดลี่คาว
และในฐานะที่มันเป็นถึงอาชานรก มันสามารถสร้างแรงกดดันให้เฮดลี่คาวที่กลายร่างเป็นฟีนิกซ์ได้
"ยังไงฉันก็ต้องพยายามเองดูก่อน"
เขาไม่มีทางเลือก
เขาต้องการที่จะลองด้วยตัวเอง แม้จะไม่มีความช่วยเหลือของอาชานรก
มูยองเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันตก
หุบเขาวิญญาณอันใหญ่โต
มีโดเกบินับแสนรวมตัวกันอยู่
“อา-อูม! อา-ฮูม! อา-อูม! อา-ฮูม!”
“อา-อูม! อา-ฮูม! อา-อูม! อา-ฮูม!”
ตึ่ม! ตึ่ม! ตึ่ม! ตึ่ม!
พวกเขาร้องขณะที่กระแทกเท้าลงพื้น
เสียงดังกึกก้องไปทั่วหุบเขา
โดเกบิหลากชนิดหลายสายพันธ์ุต่างรวมตัวกันอยู่ที่นี่
"ผมสีขาวกับเขา เจ้าเป็นราชาโดเกบิเผ่าน้ำแข็งหนิ? มาทำอะไรที่เผ่าไฟของข้า? หลงทาง!! หากเราไม่ได้อยู่ในพิธีการจุติของโอมข้าคงไม่ปล่อยให้เจ้าจากไปง่ายๆแบบนี้แน่ "
มีบางคนจับที่ไหล่ของมูยอง
มันคือราชาโดเกบิที่มีผมสีแดงสว่างไสว
พร้อมกับรูปร่างที่สูงใหญ่
สถานการณ์ของโดเกบิน้ำแข็งและโดเกบิไฟนั้นไม่ค่อยสู้ดีนัก
"โดเกบิน้ำแข็งรวมตัวกันอยู่ที่ไหน?"
"ฮะ ดังนั้นเจ้าเป็นเพียงราชาโง่ที่เอาแต่วิ่งเล่นไปรอบๆสินะ มันอยู่ทางนั้น "
“ขอบคุณ”
"หืม อะไรนะ?"
ท่าทางของเขาดูสับสนกับคำว่าขอบคุณจากโดเกบิต่างฝ่าย
มูยองไม่ได้สนใจ และมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่โดเกบิไฟชี้
'ในบรรดาโดเกบิเหล่านี้ มีเฮดลี่คาวแฝงตัวอยู่'
มูยองมั่นใจ
เขาไม่รู้จักพิธีการจุติของโอม แต่ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องธรรมดา
แผ่นดินและเวทมนตร์สั่นสะเทือน
เพียงแค่อยู่ใกล้ๆ ก็รู้สึกราวกับว่าวิญญาณของเขาอาจถูกดูดเข้าไป
มันเป็นเหตุผลว่าทำไมมีเพียงโดเกบิอยู่ที่นี่ในหุบเขากว้างนี้
และดูเหมือนเฮดลี่คาวจะเข้าร่วมพิธีเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น
ต้องมีบางอย่างที่มันต้องการผ่านการจุติของโอม
‘รอก่อนเถอะ’
ใครสักคนในหมู่โดเกบินับแสน อาจเป็นเฮดลี่คาว?
ความจริงจังปรากฏขึ้นในแววตาของมูยอง