[KotB] บทที่ 62: เฮดลี่คาว (1)
บทที่ 62: เฮดลี่คาว (1)
สุสานกษัตริย์เมอร์ดูดันแห่งเมอร์รอคที่ซึ่งถูกปิดผนึก
ด้านข้างมีประตูขนาดเล็กโผล่ขึ้นมา
การคาดการณ์ของเขาถูกต้อง ดันเจี้ยนทุกที่จะปรากฎประตูทางออกเมื่อพวกเขาเคลียร์ชั้นสุดท้ายสำเร็จ
มูยองหันกลับไปด้านหลัง
"พวกเธอสามารถออกไปจากที่นี่ได้ทันทีเมื่อผ่านประตูบานเล็ก"
คำพูดประโยคสั้นๆ
"ในทางกลับกันเธอสามารถได้ไอเทมดีๆหากเข้าไปที่ประตูใหญ่"
มูยองให้ทางเลือกแก่พวกเขา
เหตุผลที่มูยองพาทั้งสองคนมาด้วยง่ายๆเพราะเป็นไปได้มากที่พวกชาวบ้านอยากให้ทั้ง 2 คนเป็นศูนย์กลางของพวกเขา
เมื่อชายชรามองเห็นถึงศักยภาพจึงส่งพวกเขาไปกับมูยอง
ดันเจี้ยนไม่ได้หายไปเพียงเพราะคุณเคลียร์มัน
มูยองวางแผนให้พวกเขาสำรวจทุกชั้นของดันเจี้ยนและทำความเข้าใจกับโครงสร้างต่างๆก่อนที่จะนำทางคนอื่นๆเข้ามาเครียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้ต่อไป
การลงดันเจี้ยนสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้มากกว่าการวิ่งเก็บประสบการณ์รอบๆดินแดนเทพปีศาจ
มีโอกาสเล็กน้อยสำหรับตัวแปรเหล่านี้ที่อาจทำให้ได้รับผลประโยชน์เพิ่มเติม
นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้พลเมืองของเขาแข็งแกร่งขึ้น
'ทางเลือกของพวกเธอคือ?’
ในขณะเดียวกัน ... เขาก็อยากรู้คำตอบ
เป็นเพราะมันเป็นเวลาเพียงหนึ่งปีนับตั้งแต่ที่พวกเขาเข้าอันเดอร์เวิลด์?
ไอรีนดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความยุติธรรม
ถึงเธอจะดูซื่อบื้อ แต่มันก็น่าทึ่งที่ได้เห็นใครบางคนมีบุคลิกตรงไปตรงมาในสถานที่ที่ผู้คนต่างสูญเสียมโนธรรมเช่นนี้
นอกจากนี้เธอยังคงความสดใสของเธอไว้ได้ แม้ในขณะที่ถูกใช้เป็นทาสภายใต้ไฮเดกเกอร์ นั่นหมายความว่ามันคือนิสัยโดยธรรมชาติของเธอ
ถึงลักษณะจะไม่เหมือนกับเหล่าฮีโร่เท่าไหร่ แต่มูยองรู้ว่าเหล่าฮีโร่ก็มักจะเกิดขึ้นจากบุคคลประเภทนี้
เขาเพียงหัวเราะอยู่ในใจ
'เธอดูแตกต่าง'
ถ้าเป็นตอนที่เขาพึ่งกลับมาจากอดีตใหม่ๆ เขาคงจะฆ่าบาลตันทันทีที่ถูกสารพิษ
มูยองช่วยเขาไว้และตอนนี้ไอรีนมีโอกาสที่จะเลือก
มันหมายความว่าเขาได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยจากคนอํามหิตในอดีต
เขาไม่ลังเลที่จะฆ่าหากมีเหตุผล แต่ยังไงทั้งสองคนนี้ก็เป็นพลเมืองของเขา
ดันเจี้ยนเมอร์รอค
ด้วยความความทะนงตนของตัวเองหากจะไล่เด็กพวกนี้ไปเพียงเพราะพวกเขาเป็นภาระเพิ่มก็ยังไงอยู่
แน่นอนว่าภาพที่เขาคิดไว้เกี่ยวกับไอรีนมันจะจบ หากเธอเลือกเข้าประตูใหญ่เพื่อแสวงหาผลประโยชน์
มันจะเผยให้เห็นว่ามูยองผิดพลาดกับเรื่องง่ายๆ
เพราะหนึ่งในสัญชาตญาณตามธรรมชาติของมนุษย์ มักคิดว่าต้องได้รับรางวัลหลังจากที่ประสบกับความลำบาก
แต่ยังไงก็ตามเขาไม่คิดที่จะตำหนิเธอ
"ท่านลอร์ด ข้าจะผ่านประตูบานเล็ก "
ไอรีนมีความลังเลเล็กน้อยขณะเดินตรงไปที่ประตู
มูยองดูเหมือนพึงพอใจเงียบๆ
เขาได้พิสูจน์แล้วว่าภาพที่เธอแสดงออกมาจนถึงตอนนี้ไม่ใช่การเสแสร้ง
ในไม่ช้าทั้งชั้นก็เหลือเพียงแต่ความเงียบสงบ
"ถ้างั้น"
จากหนึ่งทางเลือก มูยองจึงเป็นคนเดียวที่เหลือ
มูยองเดินเข้าไปใกล้ประตูบานใหญ่
ขณะที่พวกเด็กๆเดินผ่านประตูบานเล็ก ทางออกของดันเจี้ยนก็ปรากฎสู่สายตา
'พวกเราออกมาได้แล้ว!'
เธอเกือบจะหมดสติไปหลายครั้งจากความอ่อนเพลีย แรงเฮือกสุดท้ายที่เธอมีพอแค่จะเคลื่อนที่ออกไปเท่านั้น
ทันทีที่เธอเห็นชายชรา เธอรีบขอเขาให้รักษาบาลตัน
ผู้เฒ่าคนนี้เป็นเพียงคนเดียวที่มีความรู้ด้านการรักษา
อย่างไรก็ตามย่อมมีข้อจำกัดในการรักษาในสถานที่ที่ขาดแคลนสมุนไพรและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ท่าทางเคร่งขรึมของชายชรา ทำให้ไอรีนเริ่มอึดอัดใจ
และในขณะนั้นเองที่บาลตันลืมตาขึ้น
“บาลตัน!”
“ไอรีน...”
"นายตื่นแล้ว? รอเดี๋ยว นายกำลังจะได้รับการรักษา "
บาลตันยิ้มอย่างอ่อนโยน เขารู้ดีเกี่ยวกับสภาพร่างกายของตัวเอง
“ไอรีน”
"เก็บคำพูดของนายไว้ เลือดของนายออกมาเยอะมาก "
"ท่านลอร์ด อย่าโทษเขา เขาช่วยฉันอย่างดีที่สุดแล้ว "
“นายหมายความว่าไง?”
"ฉันไม่ได้เสียสติตอนอยู่ในดันเจี้ยน ฉันดูอยู่ตลอด "
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ความแข็งแแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
มันเหมือนกับผู้คนที่ได้รับพลังเมื่อพวกเขาเคยผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย
บาลตันใช้เวลาในการพูดต่อ
"ผิวของฉันเน่าเปื่อยทันทีเมื่อสัมผัสกับสารพิษ ถ้าตอนนั้นเขาไม่ได้ตัดมันออกไป ผิวหนังและอวัยวะทั้งหมดคงเน่าไปหมดแล้ว และฉันต้องตายด้วยความทรมาน เช่นเดียวกับตอนที่เธอพยาพยามจะสกัดพิษออกจากแผลของฉัน ถ้าเขาไม่หยุดเธอ ทันทีที่เธอสัมผัสโดนพิษ มันจะทำให้ร่างกายของเธอเน่าเปื่อยเหมือนกัน "
"นายบอกว่า เขาตัดมันออกเพื่อช่วยชีวิตนาย ?"
ไอรีนมองราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด
อย่างไรก็ตามบางสิ่งไม่ควรปล่อยให้เข้าใจผิด
อย่างน้อยบาลตันต้องการแก้ไขความเข้าใจผิดของเธอ
"หลังจากที่ฉันบาดเจ็บ พวกเรามุ่งหน้าไปยังชั้นสุดท้ายโดยไม่ได้พัก เขารู้ว่าประตูที่นำไปสู่ทางออกจะปรากฏขึ้นเมื่อบอสตายหากไม่ใช่แบบนี้ก็ไม่มีเหตุผลอะไรแล้วที่ทำให้เขาต้องทำอะไรเสี่ยงๆ "
เขายังคงพูดต้อในขณะที่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
"ถึงเรื่องมันจะไม่เป็นแบบนั้น แต่เราก็ต้องเชื่อในตัวเขา ถ้าไม่ใช่เขา เราคงจะตายกันหมด เธอคงรู้ว่าถ้าหากเป็นไฮเดกเกอร์เขาจะทำยังไง ดังนั้นเธอไม่ควรมองเขาในแง่ร้าย อีกอย่างเราไม่ได้ช่วยอะไรเขาสักนิดเลย "
"ok ok ฉันเข้าใจแล้ว นายพูดมากเกินไปจนแผลเริ่มเปิดแล้วเนี้ย "
"สัญญากับฉันก่อน ว่าเธอจะไม่ตำหนิเขา เธอจะไว้ใจและติดตามเขา "
"ฉันไม่ได้โทษเขาตั้งแต่แรกซะหน่อย! ฉันแค่คิดว่าเขาเป็นคนใจร้าย เอาเป็นว่าฉันจะไม่คิดแบบนั้นอีกแล้วกัน จากนี้ไปท่านลอร์ดจะเป็นดั่งท้องฟ้าของฉัน เป็นดวงอาทิตย์ และมหาสมุทร! นายพอใจยัง ? โธ่ บาลตันอย่าโกรธฉันสิ "
"ฉันอยากได้ยินแบบนั้นแหละ ^^"
บาลตันยิ้มขณะโล่งใจ
มีคนจำนวนมากที่ได้รับการช่วยเหลือจากนิสัยของไอรีน บาลตันก็เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้นด้วย
เขาไม่สามารถปล่อยให้เธอตัดสินใจผิดๆได้
แม้ชีวิตของเขาจะอยู่ที่ปากเหว แต่เขาก็อยากทำสิ่งที่ถูกต้องแม้ว่ามันจะหมายถึงการผลักตัวเองไปข้างหน้าก็ตาม
'โปรดช่วยเหลือพวกเราด้วยเถอะ'
บาลตันอธิษฐานในใจ
<คุณได้เข้าสู่ 'สุสานกษัตริย์เมอร์รอค '>
<สำหรับการเป็นคนแรกที่เข้ามา คุณสามารถเลือกไอเทมได้สองอย่าง>
ขณะที่เดินเข้าไปในสุสานข้อความก็แสดงขึ้น
คนแรกที่เข้ามา ไม่ว่าจะเป็นอะไรคนแรกมักได้รับรางวัลมากที่สุดเสมอ
มูยองมองไปรอบ ๆ
กลิ่นฝุ่นคละคลุ้ง ไอเทมประเภทต่างๆกองอยู่อย่างกระจัดกระจาย
‘ต่างจากห้องเก็บสมบัติของไฟทาร์จริงๆ’
อย่างน้อยสถานที่แห่งนั้นก็ถูกจัดระเบียบเป็นอย่างดี แต่สถานที่แห่งนี้ ไม่ต่างอะไรกับกองขยะที่ถูกทิ้ง
มูยองค่อยๆมองไปรอบๆ และเลือกไอเทมแต่ละชิ้น
‘เก่ามาก’
ไม่มีอะไรที่ไม่ขึ้นสนิม
พวกมันคงอยู่เช่นนี้เป็นเวลาหลายพันปีนับตั้งแต่สุสานถูกสร้าง
และเนื่องจากไม่มีใครได้ดูแลพวกมัน
อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกชิ้นที่เป็นแบบนั้น
มีบางชิ้นยังคงรูปเดิมหลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน
'นี่มัน'
ท่ามกลางไอเทมสวมใส่น้อยกว่า 10 ชิ้นที่ยังอยู่ในสภาพดี และหนึ่งในนั้นกำลังดึงดูดความสนใจของเขา
มูยองถือสร้อยคอรูปกะโหลกอยู่ในมือ
ชื่อ: สร้อยหัวกะโหลก
ระดับ: A
ประเภท: อุปกรณ์สวมใส่
ความทนทาน 1,988
ผลกระทบ: เป็นเครื่องประดับที่ถูกใช้โดยลิซผู้มีสติวิปลาส ตอนนี้มีกะโหลกเพียงอันเดียว แต่คุณสามารถเพิ่มจำนวนกะโหลกได้สูงสุด 5 กะโหลก ในการเพิ่มจำนวนคุณต้องตัดหัวของฝ่ายตรงข้ามและใช้สร้อยคอนี้กดลงไป ขนาดจะถูกย่อส่วนลงโดยอัตโนมัติก่อนที่มันจะถูกเพิ่มลงบนสร้อยคอ
* สเตตัสของคุณจะเพิ่มขึ้นจากคุณภาพและจำนวนหัวที่ตัดมาติดตั้ง
* ปัจจุบันมี 1 หัวที่ถูกติดตั้งอยู่
* หัวของ จุงจิโฮ [1] (Strength, Agility +4)
เนื่องจากความเก่าแก่ ค่าทนทานของมันจึงต่ำเตี่ยเรี่ยดินแต่การแสดงผลของมันกลับดีมาก
และจากคำอธิบายนั่นหมายความว่าเขาสามารถสร้างเครื่องประดับขึ้นจากคนที่เขาฆ่า
สเตตัสและค่าอื่นๆที่เพิ่ม ขึ้นอยู่กับคุณภาพของหัวที่นำมาติดตั้ง
'เหตุผลที่ในอดีตไฮเดกเกอร์ถูกไล่ล่าโดยกลุ่มใหญ่ๆทุกกลุ่ม'
มันเป็นแบบนี้นี่เอง
สร้อยคอกะโหลกนี้เป็นหนึ่งในเครื่องประดับที่ไฮเดกเกอร์เคยสวม
เมื่อเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นนั้นก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ไฮเดกเกอร์เริ่มเคลื่อนไหว เขาออกล่า "หัว" เพื่อเพิ่มความสามารถของสร้อยคอ
เขาสะสมหัวของสมาชิกที่แข็งแกร่งจากเก้ากิลด์ดังและห้าตระกูลใหญ่
เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นเขาจึงได้ชื่อว่า 'นักล่าหัว'
"มันเคยมาที่นี่"
หลังจากสงบใจลง มูยองก็สวมสร้อยคอไว้
ถึงความทนทานจะห่วย แต่มันก็น่าจะมีวิธีซ่อมนะ
'ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนฉันต้องตามหาพันธมิตรพลั่วสามกระสอบหลังจากจับเฮดลี่คาว '
ถึงเวลาแล้วที่จะสร้างอุปกรณ์ด้วยวัสดุทั้งหมดที่เขามีหลังจากได้เฮดลี่คาวในร่างฟีนิกส์
เมื่อต้องทำเช่นนี้เขาก็นึกถึง 'พันธมิตรพลั่วสามกระสอบ'
พันธมิตรที่สร้างขึ้นโดยคนแคระ!
คนแคระเป็นสิ่งมีชีวิตที่มักถูกตามหา แต่พวกเขาหลบซ่อนตัวอาศัยอยู่ในสถานที่ลึกลับทำให้ตามตัวได้ยาก
ยังไงก็ตามมูยองรู้ว่าจะไปหาพวกเขาได้ที่ไหน
หากเป็นการสร้างอาวุธและชุดเกราะไม่มีใครสามารถทัดเทียมฝีมือของคนแคระได้
ด้วยรูปแบบฟีนิกซ์เขาสามารถสร้างอุปกรณ์ที่มีระดับอย่างน้อยก็ A ++ ขึ้นไป
แม้แต่อุปกรณ์ที่ใกล้พังก็สามารถซ่อมแซมได้เหมือนใหม่
มูยองยังคุ้ยหาไอเทมชิ้นต่อไป
และตอนนี้เขาหยุดอยู่หน้าหม้อเล็กๆใบหนึ่ง
‘ดูเหมือนมันยังอยู่ในสภาพดี’
มันไม่สมเหตุสมผลสำหรับไอเทมชิ้นอื่นที่ต่างเต็มไปด้วยสนิมในขณะที่หม้อใบนี้อยู่ในสภาพดี
ตอนแรกเขาเดินผ่านมันไป แต่ลวดลายที่สลัก มันสะกิดความสนใจของเขา
และนอกเหนือจากนั้น ...
‘พวกวิญญาณมีปฏิกิริยาบางอย่าง’
เหล่าวิญญาณในเส้นทางของอาชูร่ากำลังทำปฏิกิริยากับหม้อ
เป็นที่แน่นอนนั่นว่าต้องเป็นบางสิ่งที่อยู่ในนั้น
มูยองหยิบหม้อขึ้นมาและล้วงมือเข้าไปข้างใน
หินอ่อนสีดำเหมือนหมึก
‘นี่คือ?’.
ไม่มีคำอธิบายปรากฏขึ้น ไม่มีแม้กระทั่งตอนเขาใช้ทักษะ 'เนตรนภา'
มูยองลองปล่อยดวงวิญญาณออกมาข้างนอก
ทันทีที่พวกมันออกมา วิญญาณทั้งหมดก็เริ่มโจมตีหินอ่อน
แคร๊ก! แคร่ก!
เมื่อหินปรากฎรอยแตกร้าว แสงสีน้ำเงินก็ส่องออกมาจากด้านในสู่ภายนอก
“เมอร์ดูดัน?”
มูยองขมวดคิ้ว
ภาพที่คุ้นเคยรวมตัวขึ้นภายใต้แสงสีน้ำเงิน
ไม่มีใครอื่นนอกจากกษัตริย์แห่งเมอร์รอค เขาคือเมอร์ดูดันที่เคยกล่าวถึงในตำนาน
มูยองยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้เหล่าวิญญาณหยุดการโจมตี
-โฮ่โฮ่เจ้ารู้จักข้างั้นเหรอ?
"กษัตริย์แห่งเมอร์รอคทำไมคุณติดอยู่ในหม้อ?"
- ข้าติดอยู่ในนั้นเหรอ? ไม่รู้สิ ข้ากำลังคุยอยู่กับดันดาเลี่ยน
"ดันดาเลี่ยน? คุณกำลังพูดถึงลำดับที่ 71? "
-ช่าย นั้นเป็นสหายของข้าเอง เขาพูดว่าจะเล่าความลับเกี่ยวกับต้นกำเนิดของข้าให้ฟัง ด้วยความอยากรู้ช้าจึงตกลงทันที สำหรับข้าการเป็นราชาแห่งท้องทะเลเฉยๆมันเป็นสิ่งที่น่าเบื่อ
นานเท่าไหร่แล้วที่พวกเขาคุยกัน?
มูยองช่วยไม่ได้ที่จะสงสัย
ไม่ใช่ว่าอันเดอร์เวิลด์พึ่งเริ่มเปิดออก 100 ปีที่ผ่านมาเองรึ?
"....หืม? ร่างของข้าหายไปไหน?
"คุณตาย นานมาแล้วหล่ะ"
"หืมข้าตายแล้วเหรอ? มิน่าละะข้าถึงไม่มีความรู้สึกทางกายภาพอะไรเลย
เมอร์ดูดันตกใจหลังจากตรวจสอบร่างกายของตัวเอง
-เจ้าไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหม?
"ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมจะพาไปดูบางอย่าง"
มูยองเดินออกจากห้องเก็บชิ้นส่วน
เขาเดินลงไปยังชั้นที่มีฝูงเมอร์รอคอยู่
บางทีอาจเป็นเพราะวิญญาณของเมอร์ดูดัน ยังไงก็ตามพวกเมอร์รอคไม่ได้โจมตีมูยอง
และหลังจากตรวจสอบสภาพของเมอร์รอคทั้งหมด เมอร์ดูดันกระแทกพื้นด้วยความเสียใจ
- พวกมันไม่ใช่เมอร์รอค! ทำไมพวกมันทั้งหมดกลายเป็นพวกโง่เง่าอย่างนี้!
"พวกเขาต่างจากอดีตสินะ ตามที่คาดไว้ความรุ่งเรืองของเหล่าเมอร์รอค ถอยลงหลังจากที่คุณเสียชีวิตแล้ว "
-อ๊ากก! ดันดาเลี่ยน เจ้าสารเลว! เจ้าหลอกข้า!
เมอร์ดูดันผู้ที่ตระหนักถึงความจริงที่สายเกินไป สั่นเทาด้วยความโกรธ
-อ๊าาาา! ข้าจะบดขยี้ร่างของมันแล้วโยนทิ้งเป็นอาหารปลา!
เขาเสียชีวิตโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะความใจกว้างของเมอร์ดูดัน แต่ความสามารถของเทพปีศาจดันดาเลี่ยนก็น่าทึ่งเช่นกัน
'คุณไม่สามารถฟังความลับจากเขาได้'
ถ้าคุณฟังความลับของดันดาเลี่ยน ร่างกายของคุณจะถูกผนึก
ดูเหมือนเมอร์ดูดันไม่รู้เรื่องนี้
"คุณจะทำอะไรต่อจากนี้? ถ้าตอนนี้คุณตัดสินใจที่จะจากไป ผมจะไม่หยุดคุณ แต่ถ้าคุณติดตามผม ผมจะช่วยแก้แค้นดันดาเลี่ยนให้ "
-ดูเหมือนจะไม่ไช่การติดตามธรรมดา ยังไงก็เถอะบ้าเอ้ย ข้าไม่มีทางเลือก!
เขาโกรธที่ดันดาเลี่ยนหลอกเขา
หลังจากคิดเป็นเวลานาน เมอร์ดูดันก็พูด
-ตกลง ถ้าสามารถฆ่าดันดาเลี่ยน ข้าทำได้ทุกอย่าง!
ไม่นานหลังจากนั้นเมอร์ดูดันก็ทำให้เมอร์รอครอบๆเชื่อฟังก่อนจะค่อยๆลอยเข้าไปในร่างของมูยอง
<วิญญาณของเมอร์ดูดัน กษัตริย์แห่งเมอร์รอคได้เข้าสู่เส้นทางของอาชูร่า>
<อัตราพิชิต 5.5%>
<การคงอยู่อันยิ่งใหญ่ของเส้นทางอาชูร่าเริ่มมีความระมัดระวัง>
<คุณได้พิชิต 'ดันเจี้ยนของกษัตริย์เมอร์ดูดัน'>
<'ผู้สืบทอดของเมอร์รอค' ถูกกระตุ้นใช้งาน เมอร์รอคกำลังเติบโตอย่างช้าๆ>
การเติบโตของเมอร์รอค
"พวกเขาจะเป็นคู่ปรับที่ดีต่อกัน"
พลเมืองและฝูงเมอร์รอคจะแข่งขันกับในแต่ละด้านเพื่อความอยู่รอด
ดูเหมือนว่ามันจะไม่เลวร้ายเท่าไหร่ ถ้าพวกเขาทั้งสองเติบโตขึ้นจากแข่งขัน
ไม่นานหลังจากนั้นเมอร์ดูดันก็ลอยมาจากร่างของมูยอง
ไม่เหมือนวิญญาณดวงอื่นๆ เมอร์ดูดันค่อนข้างมีอิสระ
- เส้นทางอาชูร่า? สถานที่แห่งนี้คืออะไร? มันเต็มไปด้วยวิญญาณที่บ้าคลั่ง ถ้าสัญชาตญาณของข้าถูกต้องดูเหมือนว่าเจ้าควรพิชิตสถานที่แห่งนี้เป็นอันดับแรก... อย่างไรก็ตามจำนวนวิญญาณในนั้นมีให้ข้าจัดการน้อยเกินไป!
"ผมจะเพิ่มจำนวนพวกมันในไม่ช้านี้"
-ดูเหมือนว่าบางอย่างจะเกิดขึ้นเมื่อเจ้าพิชิตมันได้ แน่นอนมันจะเสริมความแข็งแกร่งต่อวิญญาณของข้าด้วย และมันจะส่งผลดีต่อเจ้าเช่นกัน คุ ฮ่าฮ่า! นานมากแล้วที่ข้าไม่ได้ก้าวสู่สนามรบแบบนี้!
เมอร์ดูดันตื่นเต้นมาก
ดูเหมือนว่าเขาได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากความบ้าคลั่งในเส้นทางอาชูร่า
เมอร์ดูดันกลับเข้าไปข้างใน ก่อนที่มูยองจะออกจากดันเจี้ยน
****
หลังจากที่เขาออกจากดันเจี้ยน มูยองยังอยู่ในอาณาเขตของตัวเองราวๆ 2-3 วัน
ถึงบาลตันยังอยู่ในสภาพวิกฤติ แต่สายตาหรือการกระทำของไอรีนที่มีต่อมูยองก็เปลี่ยนไป
เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันนัก แต่ยังไงมันก็คือการเปลี่ยนแปลงที่สามารถรับรู้ได้
แม้ว่าจะเป็นอาณาเขตของตัวเอง แต่เขาก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้นาน เพราะยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก
'พรสามประการ'
มูยองเอาวัตถุรูปทรงคล้ายเมฆออกมา
ไอเทมที่อนุญาตให้ 3 ความปรารถนาเล็กๆเป็นจริง
ถึงเวลาแล้วที่เขาจะตามหาเฮดลี่คาว