ตอนที่แล้วChapter 131: ไป๋ปิงไฮ่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 133: ความกล้าหาญที่เทียบเท่าการท้าทายสวรรค์

Chapter 132: เกมไล่ล่ากระต่าย


“น้องชาย นายพูดถูก ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงในชุดดำนั้นลอบทำร้ายฉันละก็ฉันก็จะไม่พ่ายแพ้แน่ๆ”ไป๋ซานชานพูดและก็พยักหน้า

 

“ส่วนไอ้ผู้ชายที่ดูเหมือนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการยิงปืน ร่างกายของเขาจะต้องอ่อนแอมากแน่ๆ เขานั้นใช้อาวุธที่ยิงในระยะไกลเพื่อที่จะทดแทนความอ่อนแอทางด้านร่างกาย สำหรับผู้คนเช่นนี้ในสายตาของฉัน เขาก็เหมือนกับเป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ถ้าเขานั้นฝันว่าเขานั้นจะยิงโดนฉันละก็ ฉันจะไม่ให้โอกาสเขาแม้แต่เพียงเล็กน้อยเลย!”

 

“คนสุดท้าย เด็กผู้หญิงที่ควบคุมกระแสไฟฟ้าได้ มันไม่เหมือนกับว่าเธอนั้นสามารถที่จะใช้มันได้ในระดับสูงมากสักเท่าไหร่ ความสามารถของเธอนั้นก็ยังด้อยกว่าของนายใช่ไหม น้องชาย?”

 

“พี่ชาย ไม่ต้องกังวลอะไรไป ฉันสามารถที่จะจัดการสองคนได้ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นฉันจะปล่อยที่เหลือไว้ให้พี่จัดการ พวกเรานั้นมีจำนวนมากกว่าพวกมัน ดังนั้นมันก็กันเหมือนกับช้างเหยียบย่ำลงไปที่มดละ!”

 

เมื่อฟังคำพูดของไป๋ปิงไฮ่แล้ว ความจริงแล้วไป๋ซานชานก็ไม่ได้รูสึกสบายใจสักเท่าไหร่ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นมานั้นเขาก็ได้รับบาดเจ็บและเขาก็วิ่งหนีไปเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด แต่น้องชายของเขานั้นพิจารณาพวกมันว่าเป็นสิ่งที่เลวร้ายและไม่ได้สำคัญอะไร ดังนั้นเขานั้นก็ปรึกษากับตัวเองเกี่ยวกับเรื่องที่น้องชายของเขาได้พูดว่าเขานั้นพ่ายแพ้เพราะว่าเขาไม่ได้ระมัดระวังตัว

 

“ในตอนนี้ คำถามก็คือพวกเราจะหาพวกมันเจอได้ยังไง?”ไป๋ซานชานพูด

 

รถมินิบัสของพวกมันนั้นถูกปรับแต่งจนเร็วเหมือนกับรถสปอร์ต พวกมันนั้นหายไปไร้อย่างไรร่องรอยแล้วในตอนนี้

 

ไป๋ปิงไฮ่ยิ้มและพูดเบาๆ “โจวจิง!”

 

“ผมอยู่ที่นี่ครับ” ชายวัยกลางคนที่ดูเกเรซึ่งมีแก้มที่ซูบผอมพุ่งออกมาจากฝูงชน โจวจิงนั้นมีบุหรี่คาบอยู่ในปากของเขาและร่างกายของเขาก็มีกลิ่นบุหรี่ที่เหม็นสาบ ไม่มีแม้แต่ฟันสีขาวที่สามารถหาเจอได้ในปากของเขา พวกมันทั้งหมดไม่เหลืองหรือก็ดำแทน

 

ไป๋ซานชานรู้ว่าเขานั้นไม่ควรที่จะตัดสินคนแค่เพียงรูปร่าง ความสามารถของเขาควรที่จะเป็นข้อยกเว้น มิฉะนั้นละก็มันจะไม่มีทางหรอกที่คนแบบเขานั้นจะได้อยู่ในทีมของน้องชายเขา

 

“โจวจิงนั้นทำงานในกองกำลังตำรวจสากล แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างนั้นทำให้เขานั้นไม่เคยได้รับการเลื่อนตำแหน่งเลย ยิ่งไปกว่านั้นเขานั้นมีประสบการณ์เกี่ยวกับการแกะรอยผู้คนและความสามารถที่ตื่นขึ้นของเขาอีกด้วย ใครละที่จะหนีไปจากเขาได้?”ไป๋ปิงไฮ่พูดอย่างสบายๆ แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในความสามารถของลูกน้อง

 

โจวจิงนั้นเพียงแค่ยิ้มและมองไปรอบๆโดยไม่ได้พูดอะไรเลยเพียงเวลาไม่นานสายตาของเขาก็กวาดผ่านผู้คน ผู้คนที่โดนโจวจิงกวาดตามองนั้นก็รู้สึกเหมือนกับมีงูที่กำลังจ้องมาที่พวกเขา สายตาของเขานั้นเหมือนกับมีแรงกดดันที่มองไม่เห็นอยู่ด้วย

 

มันเป็นเรื่องที่แน่ชัดว่าคำพูดของไป๋ปิงไฮ่นั้นคือคำเตือนที่ว่าไม่ต้องคิดว่ากลุ่มเทพเจ้าทั้ง7และกองกำลังตำรวจติดอาวุธนั้นจะอ่อนแอหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

 

ไป๋ปิงไฮ่ก็พูดต่อไปว่า “ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้ว่ารถของพวกมันนั้นวิ่งเร็วมาก พวกมันก็จะต้องหยุดพักในช่วงค่ำคืนอยู่ดี ซอมบี้นั้นจะกระหายเลือดและกระตือรือร้นในช่วงเวลากลางคน พวกมันไม่มีโอกาสเลยที่จะรอดชีวิตไปจากพวกมัน ดังนั้นมันก็มีเพียงแค่สองตัวเลือกที่เหลือไว้ หนึ่งก็คือกลายเป็นอาหารของพวกซอมบี้หรือไม่ก็ถูกจับโดยพวกเรา!”

 

ดวงตาของไป๋ซานชานนั้นก็ส่องสว่างขึ้น “ยอดเยี่ยมมาก! ถ้าพวกเราจับมันได้ละก็ ฉันจะทำให้มันได้รู้สึกเสียใจที่ได้เกิดมาในโลกใบนี้ ปิงไฮ่ฉันเชื่อในตัวน้องนะ!”

 

“ไม่มีปัญหาครับพี่ มันก็เป็นโอกาสสำหรับผมเหมือนกันในการฝึกซ้อม”เขานั้นถือมีดบาลิซองและกำลังควงมันเล่นอยู่ กระบวนการของมันนั้นเร็วมากและน่างงงวย เมื่อเห็นถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมในการใช้มีดของเขาแล้วทำให้ผู้คนรอบเขาๆนั้นรู้สึกถึงความหวาดกลัว

 

“ในเวลาอีกไม่นาน พวกเราจะออกไปไล่ล่าพวกมัน ฉันขอเชิญทุกคนที่อยู่ที่นี่เข้าร่วมกับพวกเราและคิดเหมือนกับว่ามันเป็นแค่เกมๆหนึ่ง พวกเราต้องไล่กระต่ายออกจากหลุมให้ได้ก่อนที่พวกเราจะฆ่ามัน โลกใบนี้มันช่างน่าเบื่อหน่ายเสียเหลือกัน มาทำอะไรสนุกๆกันเถอะ พวกนายคิดยังไงกันละ?”ไป๋ปิงไฮ่พูดและหันไปมองทีมอื่นรอบๆ ทุกคนนั้นมองหน้ากันและกัน พวกเขารู้ว่าไป๋ปิงไฮ่นั้นต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่าใครกันแน่ที่เป็นหัวหน้า ถ้าเขาต้องการที่จะเชือดไก่ให้ลิงดู ใครละจะกล้าที่จะปฏิเสธมัน?

 

พี่สาวฮงนั้นนอนน้อยมากเพราะว่าหลันซิหยู่ ในตอนแรกเธอนั้นคิดว่าเธอสามารถที่จะขายหลันซิหยู่ได้ในราคาที่ดี แต่ใครจะไปคิดละว่าเจียงลู่ฉีนั้นจะลักพาตัวเธอไป เพราะว่าเธอนั้นนำตัวหลันซิหยู่มาดังนั้นมันก็เหมือนกับทำให้เรื่องต่างๆนั้นเกิดขึ้น เธอนั้นกำลังคิดอยู่เลยว่าจะขอโทษยังไงดีกับไป๋ซานชาน เธอนั้นไม่ต้องการที่จะตัดเส้นทางของเธอที่จะหลบหนี

 

“ฉันจะติดตามไปด้วย! กูต้องการที่เห็นไอ้บัดซบนั้นคุกเข่าลงกับพื้น ร่ำร้องขอความเมตตา กูเกลียดแม่งไปถึงแก่นเลย!”หัวหน้าหยวนนั้นพูดอย่างโกรธและถุยน้ำลายลงพื้น ตามจริงแล้วเจียงลู่ฉีนั้นทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนก เขานั้นหมอบแนบไปกับพื้นเพื่อที่จะเอาชีวิตรอด โชคดีที่ไม่มีใครนั้นสังเกตเห็นเขา มิฉะนั้นละก็เขาจะได้รับความอับอายมาก ดังนั้นเขานั้นจึงตื่นเต้นมากกับโชคร้ายของเจียงลู่ฉีที่กำลังจะเกิดขึ้น หลังจากการวิเคราะห์ของไป๋ปิงไฮ่แล้ว เขาก็ตกลงไปกับเขา ถ้ากลุ่มของเจียงลู่ฉีนั้นแข็งแกร่งละก็ ทำไมพวกเขาจะต้องหลบหนีไปด้วยละ?

 

“นาย! ไปเอารถของฉันมาที่นี่! ฉันจะติดตามหัวหน้าซานชานไปและไล่ตามจับไอ้เหี้...พวกนั้น”หัวหน้าหยวนนั้นหันไปหาลูกน้องและพูดขึ้น

 

สำหรับทีมอื่นนั้นก็ทำแบบเดียวกัน.....

 

ไป๋ซานชานนั้นเยาะเย้ยอยู่ในใจ เขานั้นค่อนข้างที่จะพึงพอใจกับสถานการณ์ที่กำลังจะดำเนินไป เขานั้นกำลังจินตนาการถึงใบหน้าอันซีดขาวของเจียงลู่ฉีที่ถูกเขาไล่ล่าเหมือนกับกระต่ายตัวน้อยๆ

 

“ไปกันเถอะ กูต้องการที่จะเห็นไอ้เด็กนั้นตายแล้ว!”หัวหน้าหยวนก็นั่งไปที่นั่งข้างคนขับ ในขณะที่รถทั้งคันก็สั่นไปมา

 

“วู้วววว!”เมื่อเห็นหัวหน้าหยวนนั้นขับรถนำ พี่สาวฮงก็รีบที่จะไล่ตามไปอย่างกระชั้นชิด

“เตรียมพร้อมสำหรับการออกเดินทางได้!”ไป๋ซานชานพูด “น้องโจวจิง เราไปกันเถอะ!”

 

“ทำให้มันเรียบง่ายเถอะครับ ผมจะทำให้ดีที่สุด”โจวจิงนั้นไม่ได้เร่งรีบอะไร เขานั้นเป็นผู้ชายที่อดทน ชื่อเล่นของโจวนั้นก็คือนักล่า เขานั้นมีความสามารถในการแกะรอยติดตามที่แข็งแกร่งซึ่งมันขึ้นอยู่กับกลิ่น

 

ในขณะที่เขาเดินไปที่ด้านหน้าประตูของตลาดมืด ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาก็มองไปที่ประตูอย่างไม่น่าเชื่อ

 

ในเวลานั้นเอง หัวหน้าหยวนที่นำอยู่ด้านหน้าซึ่งกำลังจะพุ่งออกไปจากตลาดมืด รอยยิ้มของเขานั้นมันคล้ายกับการล่าเหยื่อที่เหมาะสมกับการลิ้มรสของเขา อย่างไรก็ตามรอยยิ้มของเขาก็จางหายไปและหลังจากนั้นเขาก็มองไปที่ด้านหน้าอย่างโง่เขลา

 

ในระยะอันห่างไกล รถมินิบัสกำลังพุ่งมายังตำแหน่งของพวกเขาเหมือนกับสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่ง!

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด