SH – 21 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย !
SH – 21 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย !
เป็นความรู้ขั้นพื้นฐานอยู่แล้วที่ดาบไม้ไม่สามารถเจาะเกราะโลหะได้....
ผีดิบขนขาวเหวี่ยงมือของมันเพื่อมาโจมตีเหยี่ยซ่าวหยาง ทันทีที่เขาเห็นการโจมตีของผีดิบ เขาหันมาใช้ดาบไม้ของเขาป้องกันการโจมตีทันที ถึงแม้ดาบไม้จะพังไปแต่แรงผีดิบยังคงผลักเหยี่ยซ่าวหยางต่อไปจนเขาหงายหลังลงกับพื้น
หลังจากที่มันผลักเหยี่ยซ่าวหยางออกไปแล้ว ผีดิบเริ่มมองหาเหยื่อของมันอีกครั้ง ผีดิบไม่ค่อยมีความคิดซักเท่าไหร่ เมื่อพวกมันโกรธจัดมันจะสนใจจุดมั่งหมายแรกเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ พวกมันก็จะไม่พักจนกว่าจะฆ่าเหยื่อได้
เสี่ยวหม่าไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ดังนั้นเขาจึงสามารถทำได้เพียงวิ่งหนีและตะโกน "เหี้Xเอ้ย ! ทำไมเจ้านั้นมาหาผมอีกครั้ง คุณยังโกรธผมอยู่ใช่ไหม ! " เสี่ยวหม่าวิ่งด้วยแรงทั้งหมดที่เขามี
แต่น่าเสียดายที่ผีดิบเร่งการเคลื่อนที่ให้เร็วขึ้น ดังนั้นมันจึงสามารถจับตัว เสี่ยวหม่าได้เพียงแค่วิ่งตาม 2-3 ก้าวเท่านั้น มันสามารถจับเหยื่อของมันได้อีกครั้งและคว้าเข้าที่คอของ เสี่ยวหม่าด้วยมือข้างหนึ่งขณะที่อีกฝ่ายพยายามดึงศีรษะของเขา.......
ในเวลานั้นมี ดาบจูโจ้วพุ่งเข้ามาและแทงเข้าที่คอของมัน เนื่องจากเกราะโลหะไม่สามารถปกปิดบริเวณคอของมันได้ทำให้ดาบไม้สามารถเจาะเข้าไปในเนื้อได้โดยตรง
"โอ้สวรรค์และโลกอันยิ่งใหญ่ด้วยพลังของหยินหยาง จงทำลายเหล่าปีศาจ !" เหยี่ยซ่าวหยางพึมพัมร่ายมนต์ ทำให้ดาบไม้ของเขาเรืองแสงเป็นสีแดงเหมือนชิ้นเหล็กร้อนฉ่า จากนั้นมันก็เริ่มเผาเนื้อของผีดิบขนขาว การโจมตีครั้งนี้ทำให้เกิดความเสียหายอย่างมากกับผีดิบตนนี้ มันถูกบังคับให้วางตัวของเสี่ยวหม่าลงแม้ว่ามันจะไม่สามารถพลิกหัวกลับมาเผชิญหน้ากับเหยี่ยซ่าวหยางได้ แต่ร่างกายของมันยังคงสามารถบิดกลับมาต่อสู้กับเหยี่ยซ่าวหยางได้อยู่ จากนั้นมันกำมือประสานกันแล้วปล่อยหมัดไปยังเหยี่ยซ่าวหยาง
เหยี่ยซ่าวหยางก้มตัวต่ำอย่างรวดเร็วเพื่อหลบการโจมตีของมัน ทำให้มือของมันชกเข้าที่ผนังด้านหลังของเหยี่ยซ๋าวยางแทน แรงของมันครั้งนี้สร้างรูโหว่ขนาด 2 นิ้วขึ้นที่กำแพง !
"ให้ตายเถอะ ผีดิบอะไรแรงเยอะขนาดนี้!" เสี่ยวหม่ารู้สึกชื่นชมพลังของผีดิบในขณะที่เขาหลบซ่อนตัวอยู่ไกลออกไป…….
เหยี่ยซ่าวหยางไม่ได้รอให้ผีดิบขนขาวดึงมือออกจากกำแพง เขาใช้เชือกที่สร้างจากเลือดผูกมือมันเอาไว้ อย่างไรก็ตามผีดิบยังคงสามารถขยับศีรษะและเปิดปากของมันได้ มันพยายามที่จะกัดเหยี่ยซ่าวหยาง
"เวลานี้แหละ ! นี่เป็นขนมเล็กน้อยสำหรับแก !" เหยี่ยซ่าวหยางเอายาเม็ดจตุโลหิตขั้น 4 ออกมาและโยนเข้าไปในปากของผีดิบ จากนั้นเขาก็วางแผ่นกระดาษลงบนปากของมันและเริ่มร่ายมนต์ "ในนามของเทพเจ้าทั้งสามองค์ลัทธิเต๋า ในนามของข้าขอสั่งให้ความชั่วร้ายทั้งหมดถูกทำลายจนหมดสิ้น !"
ทันใดนั้นเกิดเสียงดังขึ้นทันทีจากในร่างผีดิบขนขาว.......
ผีดิบขนขาวเปิดปากและปล่อยเสียงคำรามดังสั่นสะเทือนแผ่นดิน มันส่ายร่างและมือของมันอย่างรุนแรงในขณะที่มันพยายามที่จะดิ้นให้หลุดออกจากพันธนาการนี้ หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีมันก็สามารถหลุดออกมาได้ มันต้องการที่จะเอายาออกจากร่างกายของมัน
ขั้นแรกมันฉีกเสื้อผ้าที่มันใส่อยู่ออก จากนั้นก็ถอดเสื้อเกราะออก ท้ายสุดก็ใช้มือของมันล้วงเข้าไปในกระเพาะอาหารและฉีกมันออก เลือดสีดำและหนอนขาวนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาในขณะที่ของเหลวสีเขียวก็หลั่งออกมาด้วย ผีดิบขนขาวหันกลับไปอย่างรวดเร็วในทิศทางที่มันจากมาและวิ่งหนีไป มันใช้มือทั้งสองข้างของมัน การเคลื่อนไหวของมันช้าและไม่มั่นคงเหมือนคนเมา ศิษย์พี่กัวดึงดาบจูโจ้วออกมาและตะโกนว่า "มันยังมีลมหายใจเฮือกสุดท้ายอยู่สักครู่หนึ่ง ดังนั้นเรามาจบเรื่องทั้งหมดที่นี่กันเถอะ"
"ไม่จำเป็น" เหยี่ยซ่าวหยางห้ามเอาไว้ "มันจะต้องกลับไปที่สุสานและพักฟื้น นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเราที่จะตามมันไปที่หลุมฝังศพของมัน จากนั้นเราจะสามารถยุติทุกอย่างได้ "
เหยี่ยซ่าวหยางเดินมาถึงกองซากกระเพาะอาหารของผีดิบ จากนั้นเขาเอาถุงขี้เถ้าโยนมันลงบนกองกระเพาะเหล่านั้น จากนั้นเขาใช้กระดาษยันต์เพื่อทำลายมัน การเผาไหม้ครั้งนี้ได้เผาไหม้พวกหนอนที่อยู่ในกองกระเพาะ พวกมันระเบิดเป็นของเหลวสีเขียว หลังจากชั่วครู่หนึ่งทุกอย่างลุกเป็นไฟ ฉากนี้สร้างความประหลาดใจให้กับเสี่ยวหม่าเป็นอย่างมากจากนั้นเขากล่าวว่า "ราชันผีดิบคงมีพลังมาก แม้แต่หนอนในกระเพาะอาหารของมันยังตัวใหญ่เลย !"
"พวกนี้ไม่ใช่หนอนธรรมดา พวกมันเป็นหนอนมรณะ " เหยี่ยซ่าวหยางอธิบายอย่างไม่เต็มใจ
หนอนมรณะเกิดขึ้นจากพลังปราณจากผีดิบ หนอนเหล่านี้ถือว่าเป็นพวกอสุรกาย แต่มีระดับต่ำสุด แม้ว่าหนอนเหล่านี้จะอาศัยอยู่นอกร่างกายของคนตายไม่ได้แต่มันก็ยังใช้ชีวิตอยู่ได้อีกหลายวัน ดังนั้นการเลือกทำลายพวกมันก็เป็นวิธีที่ดีที่สุด !"
หลังจากที่พวกเขาจัดการกับหนอนมรณะแล้ว ทั้งสามก็ไปหาผีดิบขนขาวทันที แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่เห็นผีดิบแล้ว แต่ก็ยังมีรอยเลือดที่หยดตามทางเหลือให้ติดตามอยู่
"คอผมรู้สึกแปลก ๆ เสี่ยวเหยี่ย คุณสามารถช่วยผมดูหน่อยได้รึเปล่า? "
เหยี่ยซ่าวหยางส่องไฟฉายไปที่คอของเสี่ยวหม่า มีรอยแดงอยู่ที่คอของเขาและเลือดที่ไหลออกมาจากบาดแผลก็มีสีดำ เหยี่ยซ่าวหยางรู้ได้ทันทีว่านี่คือพิษของผีดิบ ดังนั้นเขาจึงเอาข้าวเหนียวออกมาและกดมันลงบนแผล........
"ผมโคตรโชคร้ายเลย เมื่อวานนี้ผมถูกจับโดยผีดิบที่จมน้ำตาย และในวันนี้ผมยังโดนราชันผีดิบจับผมมาอีกครั้ง เหี้Xเอ้ย ... . "ในขณะที่เขาบ่นไป เขาก็จำอะไรบางอย่างได้ จากนั้นมือของเขาเอื้อมมือออกไปหาศิษย์พี่กัวและเขาก็ถามว่า "สามพัน ให้ผมเลยตอนนี้เลย !"
กัวกลอกตาของเขาแล้วพูดว่า "งานเรายังไม่เสร็จ ผมจะให้เมื่อเราออกไปข้างนอกแล้ว ! "
"’งานเรายังไม่เสร็จ? แม่งเอ้ย ! พวกคุณคิดว่าจะใช้ผมเป็นเหยื่ออีกครั้ง? โอ้ใช่ ทำไมถึงอยากเข้าไปในสุสานโบราณแห่งนี้ล่ะ ? เราจะไปหาสมบัติกันหรอ ? " ความคิดที่จะไปขุดหาสมบัติมากมายในสุสานได้ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดทันที
เหยี่ยซ่าวหยางตอบว่า "ผีดิบขนขาวตัวนี้สวมเกราะ ซึ่งอาจหมายถึงว่าเขาเป็นผู้ครอบครองสุสาน ถ้าเจ้านี้มีหญิงสาวคนหนึ่งฝังอยู่กับเขานั่นหมายความว่าน่าจะมีคนรับใช้มากกว่านี้ ในอดีตพวกเขามักจะฝังหญิงสาวคนหนึ่งและเด็กชายคนหนึ่งด้วยกัน ดังนั้นวิญญาณที่ถูกพันธนาการเอาไว้จะต้องถูกทำลายไปพร้อมๆกัน มิฉะนั้นพวกมันจะลุกขึ้นมาทำร้ายผู้คนในภายภาคหน้าได้ ! "
เสี่ยวหม่าถามขึ้นว่า "อะไรคือผีดิบที่วิญญาณถูกพันธนาการไว้ ?"
"คนรับใช้ชายจะได้รับการเลี้ยงดูที่แตกต่างออกไป ซึ่งพวกเขาอาจจะกลายเป็นผีดิบที่วิญญาณถูกขังไว้ตัวใหม่แทน พวกเขามักเลือกเด็กผู้ชายอายุแปดขวบมาฝังไว้ จากนั้นวิญญาณจะติดอยู่ที่จุดกุ่ยเหมิงการกระทำนี้จะสามารถกักขังจิตวิญญาณของพวกเขาไว้ข้างในได้ หลังจากนั้นพวกเขาก็จะใช้วิธีการบางอย่างเพื่อยกระดับพวกเขาขึ้นในฐานะผีดิบที่แข็งแกร่งขึ้น ! เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องยากที่จะรับมือกับมันได้ เนื่องจากพวกเขามีพลังปราณของผีดิบและมีสติปัญญาของจิตวิญญาณ " เหยี่ยซ่าวหยางกล่าวความจริงเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกลำบากใจเป็นอย่างมาก
"เด็กชายอายุแปดขวบ ... ? โหดร้ายจังว่ะ สถานที่แห่งนี้สมควรที่จะถูกทำลาย! " เสี่ยวหม่ากล่าวด้วยความโกรธ จากนั้นเขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างและถามว่า "เสี่ยวเหยี่ย ผีดิบที่ถูกกักวิญญาณไว้มีพลังมากกว่าผีดิบขนขาวรึเปล่า?"
"แน่นอนว่าไม่ พวกมันเพียงฉลาดและเร็วขึ้นเล็กน้อย แต่ถ้ามีสองตัวก็คงรับมือยากสักหน่อย "
ขณะที่พวกเขาคุยกันทั้งสามคนก็มาถึงทางเดินขนาดใหญ่ พวกเขาเดินตามเลือดและท้ายที่สุดก็ลงเอยด้วยหลุมเล็ก ๆ ในกำแพง พวกเขาปีนผ่านมันไปและใช้ไฟจุดเพื่อส่องให้พื้นที่สว่างขึ้น มีร่างร่างหนึ่งอยู่ที่นี้ มันคือผีดิบขนขาว มันเคลื่อนไหวช้าลงเรื่อยๆจนในที่สุดก็ไม่เคลื่อนไหว เหยี่ยซ่าวหยางเดินไปสำรวจอย่างช้าๆ จากนั้นเขาก็สังเกตอย่างรอบคอบก่อนที่เขาจะบ่นว่า "เจ้าโง่นี้มันใช้พลังปราณหมดแล้ว ตอนนี้มันตายแล้วล่ะ มันไม่สามารถเดินไปที่สุสานได้แล้ว "
หลังจากที่เขาได้ยินว่าผีดิบได้ตายไปแล้วเสี่ยวหม่าก็เตะผีดิบและหัวเราะออกมา "ดีดี ตอนนี้ผมสามารถโม้คนอื่นได้แล้วว่าผมได้เตะผีดิบแบบต่อหน้ามันเลยได้แล้ว"
ทั้งสามทิ้งผีดิบที่มีขนสีขาวและใช้ไฟส่องต่อเพื่อหาทางไปข้างหน้า แล้วเขาก็เห็นหลุมขนาดใหญ่บนพื้นอยู่ห่างจากจุดที่พวกเขายืนน้อยกว่า 50 เมตร เหยี่ยซ่าวหยางบอกกับอีกสองคนให้ย้ายออกจากกัน ในขณะที่เขาเดินช้าๆและระมัดระวังถือ ไฟฉายไปยังหลุม หลุมมีขนาดลึกประมาณสองเมตรและด้านล่างเป็นสุสาน ในสุสานมีโลงศพวางสามโลง โลงหนึ่งขนาดใหญ่และสองขนาดเล็ก ฝาของโลงศพใหญ่เปิดอยู่และไม่มีใครอยู่ในนั้น อย่างไรก็ตามเขาเห็นชั้นทองและเครื่องประดับอยู่ข้างใน !
ติดตามตอนต่อไป...............