Chapter 131: ไป๋ปิงไฮ่
สถานีตำรวจติดอาวุธนั้นอยู่ห่างออกไปเพียงไม่กี่กิโลเมตรจากตลาดมืด ดังนั้นไป๋ปิงไฮ่นั้นกลับมาค่อนข้างเร็ว หลังจากวันโลกาวินาศนั้นไม่มีใครกล้าที่จะใช้เสียงไซเรนของรถตำรวจ เมื่อมันจะทำให้ดึงดูดซอมบี้ได้ ตราบเท่าที่พวกเขาถึงตลาดมืด แสงไฟบนรถตำรวจก็จะสว่างขึ้น ใครก็ตามที่มองไปที่พวกเขานั้นจะสามารถทำให้รู้สึกปวดตาได้ ยิ่งไปกว่านั้น รถก็ไม่ได้ขับรถช้าลงเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นผู้คนที่อยู่ด้านข้างถนนก็ต้องพุ่งหลบไปด้านข้างเพื่อที่จะหลบหลีกพวกเขา
“ครืดดด!”ประตูได้เปิดขึ้น ไป๋ปิงไฮ่นั้นลงมาจากรถ เขานั้นสวมเสื้อหนังสัตว์และสวมรองเท้าของกองทัพ ถึงแม้ว่าหลังจากวันโลกาวินาศก็ตาม สีผมของเขาก็ยังคงส่องสว่าง ซึ่งทำให้คนอื่นนั้นสามารถที่จะคิดได้อย่างง่ายดายว่าเขานั้นเป็นอันธพาล ในความเป็นจริง ในเขตหลานนั้น “กองตำรวจติดอาวุธ”นั้นมันก็ไม่ได้แตกต่างออกไปจากแหล่วงรวมของอาชญากรเลยแม้แต่น้อย
...
ก่อนวันโลกาวินาศ ตำรวจชั้นยอดนั้นได้รับข้อความให้ย้ายที่อย่างฉับพลัน มันเป็นเรื่องแน่ชัดว่าพวกเขานั้นจำเป็นที่จะต้องจัดการกับเรื่องที่สำคัญบางอย่าง อย่างไรก็ตามหลังจากที่พวกเขาจากไปก็เหลือไว้เพียงพวกที่เลวร้ายและต่ำทรามไว้ด้านหลัง กองกำลังตำรวจติดอาวุธนั้นถูกสร้างโดยพวกเขาเป็นแกนหลัก มันถูกสร้างขึ้นมาโดยการช่วยเหลือของตำรวจที่เลวร้ายบางคนและพวกมีพลังเหนือธรรมชาติ พูดตรงๆแล้ว การจัดการองค์กรนี้มันชั่วร้าย มันจะมีใครที่คาดหวังสิ่งดีๆได้จากสมาชิกของฝูงปีศาจร้ายและกลุ่มคนที่เลวร้ายนั้นมารวมกลุ่มกันละ?
กฎหมายนั้นไม่มีความหมายอีกต่อไป ดังนั้นมันเป็นเรื่องที่ง่ายสำหรับมนุษย์ที่ด้านมืดมันจะครอบงำ หลังจากที่สูญเสียพวกตำรวจชั้นยอดแล้ว พวกเขาก็เป็นอิสระที่จะใช้ปืนตามที่หัวใจของเขาต้องการ ตามธรรมชาติแล้วพวกเขานั้นไม่ได้ใช้พวกมันเพื่อที่จะป้องกันคนอ่อนแอ….
พวกเขาได้กลายเป็นคนเผด็จการ!
ถึงแม้ว่าพวกเขาอ้างว่าพวกเขานั้นเป็นกองกำลังของตำรวจเขตหลานก็ตาม พวกเขาก็เพียงแค่สบประมาทว่า ‘เป็นแค่ตำรวจติดอาวุธ’ ในหัวใจของประชาชนทั่วไป พวกเขานั้นเป็นขุนนางที่กดขี่ประชาชน
....
ไป๋ปิงไฮ่นั้นได้กลายเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องต่างๆในองค์กรเนื่องจากความแข็งแกร่งของเขา ตราบเท่าที่เขาได้ยินว่าพี่ชายของเขานั้นมีปัญหา ไป๋ปิงไฮ่ก็จะพาทีมของเขาจำนวนสิบสองคนเข้ามาในตลาดมืด
“ตึก ตึก!”เสียงของกลุ่มตำรวจติดอาวุธหนักนั้นลงมาจากรถและเดินไปยังไป๋ปิงไฮ่ คนพวกนี้นั้นสวมใส่เสื้อเกราะ หมวกกันกระสุนและครึ่งหนึ่งของพวกเขานั้นกำลังถือโล่กันกระสุนอยู่ ในส่วนอาวุธที่พวกเขาถืออยู่นั้นพวกเขาถือปืนกลเบาหรือไม่ก็ปืนไรเฟิลออโต้กันทุกคน
เมื่อเห็นฉากนี้ ทีมทั้งหมดที่เหลือนั้นตกตะลึงและทำให้เห็นได้ถึงความต่างชั้นของความแข็งแกร่งพวกเขา
“ไม่น่าเชื่อ! ทีมของไป๋ปิงไฮ่นั้นใส่ชุดเกราะหนักกันทุกคนเลย! นอกจากนี้แล้วสมาชิกของกลุ่มเทพเจ้าทั้ง7แล้วอีกด้วยละก็ มันก็มีคนจำนวนถึงสามสิบคนที่พร้อมจะต่อสู้ พวกเขามีความสามารถเพียงพอที่จะฆ่าทุกคนในตลาดมืดได้เลยหรือป่าวเนี่ย?”ผู้นำหนุ่มนั้นไม่สามารถที่จะอดทนได้จึงพูดด้วยเสียงต่ำ เมื่อปราศจากกฎเกณฑ์แล้วทุกสิ่งทุกอย่างสามารถที่จะเป็นไปได้ เมื่อใครก็ตามนั้นทรงพลังกว่าคนอื่นแล้วละก็ พวกเขาก็จะริเริ่มในการจู่โจมอีกฝั่ง
“ไม่ต้องคิดมากหรอก ถ้าพวกเขาจะโจมตีพวกเราละก็พวกเขาก็จะได้รับความเสียหายเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้นศัตรูของไป๋ซานชานก็คือเจียงลู่ฉี มันจะมีผลประโยชน์มากกว่าถ้าพวกเขานั้นขอความช่วยเหลือพวกเรา ยิ่งไปกว่านั้นแล้วไอ้หมอนั่นแม่งซวยบัดซบแล้ว!”
“พวกมันไม่สามารถที่จะวิ่งหนีไปไหนได้อีกต่อไป หลังจากวันโลกาวินาศ มันเป็นเรื่องที่ยากที่จะวิ่งหนีไป มันทั้งมีอันตรายมากมาย อีกทั้งพวกตำรวจเลวทรามเหล่านี้นั้นจะหาพวกมันเจอได้อย่างง่ายดาย...... ความเป็นไปได้ว่าทีมนั้นโอกาสรอดชีวิตนั้นแทบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่คิดเกี่ยวกับการไล่ล่านี้ละมันก็จะทำให้ฉันรู้สึกขนลุกหมดแล้ว!’
บางคนนั้นพูดคุยกันอย่างลับๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในขณะที่ก็แอบดูไปที่ไป๋ปิงไฮ่นั้นอย่างลับๆอีกด้วย นี่มันเป็นครั้งแรกสำหรับคนส่วนมากที่ได้เห็นหน้าเขา
พี่สาวฮงนั้นก้มตัวลงโดยไม่รู้ตัวและกระซิบกับคนข้างๆ “การไหลเวียนพลังงานของเขานั้นท่วมท้นมาก เขาจะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมาแน่ๆ”
ระดับของพวกมีพลังเหนือธรรมชาติและความแข็งแกร่งนั้นสามารถที่จะรู้สึกถึงกันได้โดยการไหลเวียนของพลังงาน มันเป็นเรื่องที่แน่ชัดว่าไป๋ปิงไฮ่นั้นแข็งแกร่งกว่าไป๋ซานชานอย่างแน่นอน เพียงแค่ว่าไป๋ปิงไฮ่นั้นเป็นน้องชายของเขา ดังนั้นไป๋ซานชานจึงกลายมาเป็นหัวหน้าของตลาดมืด
ในเวลานั้นเอง ไป๋ปิงไฮ่ก็เดินเข้าไปในห้องโถง ทีมอื่นก็ตื่นตัวกันอย่างลับๆ
“พี่ชาย! เกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่นี่?”เมื่อเห็นบาดแผลของพี่ชายและห้องที่ถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง ไป๋ปิงไฮ่ก็โกรธขึ้น เขานั้นไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะมีใครกล้าที่จะทำตัวหยาบคายในถิ่นของพวกเขา มันเป็นการตบไปที่ใบหน้าของพวกเขาอย่างชัดเจน
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก แผลนี้มันไม่ได้ร้ายแรงเลย.....”ไป๋ซานชานนั้นส่ายหัวของเขาและหลังจากนั้นก็อธิบายว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับที่แห่งนี้
“โอ้ มีผู้หญิงที่สามารถควบคุมกระแสไฟฟ้าได้ ผู้หญิงที่เป็นนักฆ่าที่ทรงพลัง และชายที่มีความเก่งกาจในการใช้ปืนคู่?”หลังจากที่ฟังการอธิบายของพี่ชายแล้ว ไป๋ปิงไฮ่ก็ประทับใจ “พี่ชาย ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นจะหยั่งถึงไม่ได้ มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลยกับพวกเรา”
ไป๋ปิงไฮ่รู้ว่าทีมของเจียงลู่ฉีนั้นจะรีบพุ่งไปยังทางออกได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าจำนวนของพวกเขาจะน้อยกว่าก็ตาม แต่พวกเขานั้นแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่เหตุผลเดียวที่พวกเขานั้นสามารถที่จะหนีออกไปได้ง่ายดาย....
เหตุผลที่ทำให้ไป๋ปิงไฮ่นั้นกราดเกรี้ยวก็คือหัวหน้าอันดับสามของกลุ่มเทพเจ้าทั้ง7ที่เป็นนักศึกษานั้นไม่ได้ช่วยเลย!! เขาเพียงแค่สังเกตสถานการณ์ไปรอบๆ แต่ไม่ได้ช่วยพี่ชายของเขาเลยแม้แต่น้อย!