เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 147 ฟางหยวนผู้หยิ่งยโส
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 147 ฟางหยวนผู้หยิ่งยโส
หลังจากการต่อสู้ระหว่างไป่หนิงปิงกับฉิงซู ฟางหยวนผู้ไล่ล่าไป่หนิงปิงกลายเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จัก
หลายวันที่ผ่านมา ฟางหยวนยังแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งโดยการไล่ล่าหมาป่าสายฟ้าเพียงลำพังและทำผลงานได้อย่างน่าตกตะลึง
เขากลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ หากไม่ใช่เพราะบุคลิกที่แปลกประหลาด สถานะของเขาจะไม่ด้อยไปกว่าซื่อซานกับโม่เยี่ยน
แต่สำหรับสมาชิกตระกูลซ่ง ฟางหยวนเป็นฆาตกรสังหารซ่งเจียง
ดังนั้นเมื่องซ่งเจียวม่านและคนอื่นๆเห็นฟางหยวน พวกเขาจึงแสดงออกด้วยความรู้สึกซับซ้อน
ฟางหยวนจ้องมองพวกเขาอยู่ด้านบนก่อนจะแกว่งเชือกเถาวัลย์ที่อยู่ในมือและกล่าวออกมาอย่างช้าๆ "พวกเจ้าจะรอให้กำลังเสริมมาถึงหรือจะปีกเถาวัลย์หลบหนีขึ้นมาด้านบน?"
ผู้ใดจะรู้ว่ากำลังเสริมจะมาถึงเมื่อใด?
เรื่องราวในสนามรบสามารถเปลี่ยนแปลงเสมอ
ซ่งเจียวม่านและคนอื่นๆชัดเจนว่าเลือกเถาวัลย์ที่อยู่ตรงหน้า แต่มีหรือที่ฟางหยวนจะช่วยเหลือพวกเขาโดยไม่หวังผลตอบแทน
เรื่องนี้ทำให้ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลซ่งโกรธจัด
"ฟางหยวน พวกเราเป็นพันธมิตร เจ้าจะทำเช่นนี้ได้อย่างไร?" บางคนตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ
"ต้องการวิญญาณผู้พิทักษ์หมีงั้นหรือ? ไร้ยางอายเกินไปหรือไม่?" บางคนเย้ยหยัน
ฟางหยวนตอบเสียงเรียบ "หนึ่งวิญญาณผู้พิทักษ์หมีและอีกเจ็ดร้อยหินวิญญาณ แลกเปลี่ยนกับชีวิตของพวกเจ้าทั้งเจ็ด มันถือว่าถูกมาก พวกเจ้าสามารถปฏิเสธ จากนั้นข้าจะกลับไปรายงานสถานการณ์ของพวกเจ้าแก่ตระกูล แต่เมื่อกำลังเสริมมุ่งหน้ามา ข้าไม่สามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะพบกับฝูงหมาป่ากลางทางหรือไม่?"
ทุกคนเงียบกริบ
การแสดงออกของพวกเขากลายเป็นน่าเกลียด
"เอาล่ะ ข้าตกลง ฟางหยวน เจ้าเป็นเหมือนคำเล่าลือจริงๆ" ซ่งเจียวม่านเลือกทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน แต่คำพูดของเธอยังแฝงการดูหมิ่นฟางหยวนเอาไว้
ฟางหยวนยักไหล่เมื่อผลลัพธ์เป็นไปตามการคาดหมายของเขาทั้งหมด
เขาโยนเชือกเถาวัลย์ลงไปและหัวเราะเสียงเย็นอยู่ในหัวใจ
หมาป่าสายฟ้าเดือดทั้งสี่ฝูงถูกล่อมาที่นี่โดยฟางหยวน เขาเพียงรอให้ผู้ใช้วิญญาณเหล่านี้ตายก่อนจะเก็บวิญญาณกลับไปแลกเปลี่ยนกับคะแนนผลงานจำนวนมาก อย่างไรก็ตามสัญญาณขอความช่วยเหลือของพวกเขาสามารถดึงดูดผู้ใช้วิญญาณกลุ่มอื่นให้เข้ามาช่วย ดังนั้นเพื่อไม่ให้เป็นการสูญเสียความพยายายามไปอย่างเปล่าประโยชน์ ฟางหยวนจึงแสดงตัวราวกับเป็นกำลังเสริมเสียเอง
ซ่งเจียวม่านและคนอื่นๆใช้เชือกเถาวัลย์หลบหนีจากฝูงหมาป่าได้สำเร็จในที่สุด ไม่นานหลังจากนั้นผู้ใช้วิญญาณสามกลุ่มจึงเดินทางมาถึง หนึ่งในนั้นยังเป็นกลุ่มของซื่อซานอีกด้วย
เรื่องนี้ทำให้ผู้ใช้วิญญาณทั้งเจ็ดยิ่งรู้สึกโศกเศร้ามากขึ้น
โดยเฉพาะซ่งเจียวม่าน เธอมอบวิญญาณผู้พิทักษ์หมีให้กับฟางหยวนและกระทั่งช่วยให้ฟางหยวนปรับแต่งมัน ดังนั้นแม้เธอจะต้องการกลับคำ มันก็สายไปเสียแล้ว
"ฟางหยวน ข้าจะจดจำเจ้าเอาไว้" ซ่งเจียวม่านจ้องมองฟางหยวนด้วยความขุ่นเคือง
"คุณหนูซ่ง พวกเราพบกันอีกครั้ง" อีกด้านหนึ่งกลุ่มของซื่อซานมาถึงและเริ่มกล่าวออกมาอย่างสุภาพ
ตั้งแต่การต่อสู้ครั้งใหญ่กับไป่หนิงปิงปะทุขึ้น ตระกูลแสงจันทร์สูญเสียฉิงซู ตระกูลซ่งสูญเสียซ่งหลี่ ดังนั้นทั้งสองตระกูลจึงมีความใกล้ชิดกันมากขึ้น ในทางการเมืองตระกูลไป่ถูกต่อต้าน แม้พันธมิตรสามตระกูลจะยังอยู่
"น้องสาวผู้นี้คารวะพี่ใหญ่ซื่อซาน" ซ่งเจียวม่านยกคิ้วขึ้นก่อนจะหันไปป้องมือทักทายซื่อซาน "ครั้งนี้พวกเราต้องขอกำลังเสริมบางส่วนจากตระกูลแสงจันทร์ เพราะพวกเราตระกูลซ่งต่อสู้อย่างต่อเนื่องมาแล้วถึงหกวันหกคืน"
ไม่กี่วันที่ผ่านมาฝูงหมาป่าเริ่มเข้าใกล้หมู่บ้านมากขึ้นเรื่อยๆ
ในบรรดาหมู่บ้านทั้งสาม หมู่บ้านตระกูลซ่งตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุดบนภูเขาชิงเหมา พวกเขาจึงเป็นหมู่บ้านแรกที่ถูกโจมตีโดยฝูงหมาป่า แท้จริงแล้วนี่เป็นครั้งที่สามที่หมู่บ้านตระกูลซ่งถูกฝูงหมาป่าปิดล้อม ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการกำลังเสริม ด้วยการโจมตีจากภายนอกและภายในพร้อมกัน พวกเขาจะสามารถมอบความพ่ายแพ้ให้แก่ฝูงหมาป่า
"มันไม่ใช่ปัญหา ไม่ใช่ว่าพวกเราร่วมมือกันมาร่วมสองเดือนแล้วงั้นหรือ? อย่างไรก็ตามข้าจำเป็นต้องรายงานผู้อาวุโสเสียก่อน ไปกับข้า" ซื่อซานกล่าว
ซ่งเจียวม่านกับคนอื่นๆตามซื่อซานไปยังหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล
หมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลยกระดับการป้องกันด้วยการเสริมความแข็งแกร่งให้กับกำแพงหมู่บ้านและวางหลาวไม้ไว้นับพันเล่ม
กำแพงหมู่บ้านถูกรัดพันไว้ด้วยเถาวัลย์จำนวนมหาศาลจากวิญญาณเถาวัลย์องุ่นรวมถึงวิญญาณพิษดอกไม้
เมื่อคนผู้หนึ่งเดินผ่านเข้าไปในประตูหมู่บ้าน พวกเขาจะเห็นว่าโรงเหล้าถูกเปลี่ยนเป็นป้อมปราการชั่วคราว
ซ่งเจียวม่านและอีกหกคนเดินทางจากหมู่บ้านตระกูลซ่งมาที่นี่ด้วยความยากลำบาก พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับหมาป่าจำนวนมากและได้รับบาดเจ็บทุกคน ดังนั้นพวกเขาจึงถูกส่งตัวไปยังห้องโถงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา
มีผู้คนมากมายอยู่ที่นี่ ส่วนใหญ่พวกเขาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง มีผู้ใช้วิญญาณระดับสองเล็กน้อย แต่สิ่งที่ซ่งเจียวม่านและคนอื่นๆรู้สึกประหลาดใจที่สุดก็คือ ผู้รับผิดชอบสถานที่แห่งนี้กลับเป็นผู้ใช้วิญญาณสายรักษาระดับสองที่เด็กมาก
"วางผู้หมดสติไว้บนเตียงไม้"
"คนผู้นี้กระดูกขาแตก อวี๋ซิง มาที่นี่และรักษาเขา"
"อาการบาดเจ็บเล็กน้อย อาฟาง มาที่นี่และหยุดเลือดของเขา อาซิง มาตรงนี่และทายาฆ่าเชื้อให้เขา เสี่ยวฮัว ดามขาให้เขาแล้วมาช่วยที่นี่"
เด็กสาวผมดำกับปากเล็กๆสีพีชและดวงตากลมโตที่ส่องประกายราวกับคริสตัลรับมือผู้ป่วยจำนวนมากได้ราวกับบางคนที่มีประสบการณ์สูง นี่ทำให้ผู้คนที่พบเห็นรู้สึกอัศจรรย์ใจอย่างช่วยไม่ได้
ซ่งเจียวม่านคิดถึงคนผู้หนึ่งก่อนจะเปิดปากถาม "น้องสาวผู้นี้คือน้องเหยาลี่ใช่หรือไม่?"
"พี่สาวเจียวม่าน คิดว่าท่านคงจะรู้จักข้าแล้ว" หลังจากมอบหมายหน้าที่ให้แก่ผู้ใช้วิญญาณสายรักษาคนอื่นๆ เด็กสาวนามเหยาลี่จึงเดินเข้ามาทักทายกลุ่มของซ่งเจียวม่าน
"น้องสาวเหยาลี่ เจ้ามีชื่อเสียงมากเกี่ยวกับการสืบทอดจิตใจที่มีเมตตามาจากท่านเหยาจี้ ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า กระทั่งช่วงเวลาที่เจ้าเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่ง เจ้ายังเป็นที่รู้จักในฐานะดาวรุ่งสิบอันดับแรกบนภูเขาชิงเหมา แม้แต่ผู้คนของหมู่บ้านตระกูลไป่ยังรู้สึกชื่นชมเจ้าเป็นอย่างมาก" เมื่อตระหนักถึงเบื้องหลังอันสูงส่งของเด็กสาว ช่วยไม่ได้ที่ซ่งเจียวม่านจะต้องกล่าวยกย่องเธอผู้นี้ ทั้งหมดก็คือพวกเธอมาที่หมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลแห่งนี้เพื่อขอความช่วยเหลือ
"ท่านยกย่องข้ามากเกินไปแล้ว พี่สาวเจียวม่าน" ใบหน้าเล็กๆของเด็กสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความเขินอายเล็กน้อย
เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้ใช้วิญญาณจากตระกูลซ่งผู้หนึ่งเปิดปากกล่าว "แม้จะเป็นดาวรุ่งสิบอันดับแรกบนภูเขาชิงเหมาเช่นเดียวกัน แต่ฟางหยวนไม่สามารถเปรียบเทียบกับน้องสาวเหยาลี่ได้เลย"
"อย่าพูดถึงชื่อฟางหยวน มันทำให้เลือดในกายของข้าเดือดพล่านเมื่อคิดถึงเขา!"
"คนผู้นี้ไร้ศีลธรรมจริงๆ แม้เขาจะเป็นดาวรุ่งสิบอันดับแรกหรือกระทั่งเป็นที่หนึ่ง ข้าก็อยากอาเจียนเมื่อคิดถึงเขา"
ประโยคเหล่านี้ดึงดูดความสนใจของผู้ใช้วิญญาณของตระกูลแสงจันทร์ที่อยู่รอบข้างเช่นกัน
"ฟางหยวน? เขาทำสิ่งใด?" บางคนเริ่มถาม
"ฮืม เขาขอวิญญาณผู้พิทักษ์หมีและหินวิญญาณเจ็ดร้อยก้อนเป็นรางวัลในการช่วยชีวิตพวกเรา ข้าไม่เคยเห็นผู้ใดไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน!" ซ่งเจียวม่านระบายความทุกข์ใจของเธอออกมา
"ไม่มีสิ่งใดเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว"
"หัวใจของเขาดำมืดยิ่งกว่าถ่านหิน เขาขายใบไม้แห่งชีวิตใบละแปดสิบหินวิญญาณ เขาฉกฉวยผลประโยชน์จากคราวเคราะห์ของผู้อื่น คนผู้นี้ทั้งโลภและไร้ยางอายอย่างที่สุด"
"เขาหยิ่งเกินไปจริงๆ สหายของข้าต้องการเข้าร่วมกลุ่มกับเขา แต่เขากลับปฏิเสธ เขากล้ายโสเช่นนี้ได้อย่างไร เมื่อตัวเขาเองยังมีพรสวรรค์เพียงนภาที่สามเท่านั้น"
"เขาเป็นเด็กกำพร้าและใช้มรดกของบิดามารดาไปอย่างไม่เห็นคุณค่าด้วยการซื้อวิญญาณรากพฤกษาทองแดงจากขบวนสินค้า ต่อมาเขายังขโมยวิญญาณรากพฤกษาทองแดงมาจากไป่หนิงปิง หากข้าครอบครองวิญญาณสองดวงนี้เช่นเขา การบ่มเพาะของข้าก็ย่อมไม่ด้อยไปกว่าเขาเช่นกัน"
"ท่านฉิงซูเป็นบุคคลที่น่ายกย่องที่สุดเสมอ น่าเสียดายที่ท่านจากไปรวดเร็วเกินไป"
"แต่ฟางเจิ้งน้องชายของเขามีความยุติธรรมและมีเมตตา เขาสืบทอดเจตนารมณ์มาจากท่านฉิงซูและมีบุคลิกที่แตกต่างจากพี่ชายอย่างสิ้นเชิง"
ซ่งเจียวม่านไม่คาดหวังว่าการพูดจาโผงผางของเธอจะเป็นเหตุให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงจากกลุ่มผู้ใช้วิญญาณของตระกูลแสงจันทร์เช่นนี้
นี่ทำให้เธอรู้สึกตกใจและติดว่าฟางหยวนเป็นความล้มเหลวของมนุษยชาติที่ถูกเกลียดชังโดยผู้คนจำนวนมากจริงๆ
คิดได้เช่นนี้เธอจึงเปิดปากถามอย่างแผ่วเบา "เมื่อเขาน่ารังเกียจเช่นนี้ แล้วเหตุใดจึงไม่มีผู้ใดสั่งสอนเขา?"
ภายในอาคารไม้ไผ่กลายเป็นเงียบกริบ
กลุ่มผู้ใช้วิญญาณของตระกูลแสงจันทร์มองหน้ากันโดยปราศจากถ้อยคำ
แท้จริงแล้วไม่มีผู้ใดกล้าเผชิญหน้ากับฟางหยวนเกี่ยวกับการทำกำไรเกินควรในสถานการณ์เช่นนี้ หลายครั้งที่บางคนต้องการสร้างปัญหาให้แก่เขา ผลลัพธ์กลับเป็นพวกเขาเองที่ต้องพบกับปัญหาที่ใหญ่กว่า
หลังจากหลายครั้งจึงไม่มีผู้ใดกล้าสร้างปัญหาให้กับเขาอีก
ฟางหยวนกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในฐานะดาวรุ่งท่ามกลางสถานการณ์คลื่นหมาป่า
ชื่อเสียงที่ได้รับเกิดจากความแข็งแกร่งที่แท้จริงของฟางหยวน ดังนั้นไม่ว่าเขาจะมีชื่อเสียงเลวร้ายเพียงใดหรือไร้มนุษย์สัมพันธ์อย่างไร ทุกคนยังต้องยกเขาเป็นหัวหน้า
"เป็นฟางหยวนอีกครั้ง" เหยาลี่ขมวดคิ้วพึมพำ
เธอไม่เคยพบฟางหยวนแต่ได้ยินเรื่องราวของเขามามากและนั่นทำให้เธอมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อชายผู้นี้
'ฟางหยวน กระทั่งผู้อาวุโสเขายังไม่แยแส ดังนั้นเขาจึงกล้ากรรโชกทรัพย์พี่สาวเจียวม่านโดยไม่เห็นแก่ข้อตกลงของสองตระกูล ไม่ ข้าต้องบอกท่านยายและให้ท่านยายมอบบทเรียนแก่ฟางหยวนผู้นี้ มิฉะนั้นตระกูลแสงจันทร์จะเสียชื่อเสียง'
เหยาลี่รู้สึกว่าจำเป็นต้องมีบางคนมอบบทเรียนให้แก่ฟางหยวน
แน่นอนว่าเธอไม่สามารถทำสิ่งนี้ แต่เธอรู้สึกว่ายายของเธอสามารถทำได้
ในสายตาของเธอ ยายของเธอเป็นผู้มีอำนาจมาก
"เจ้าต้องการให้ข้าจัดการฟางหยวนงั้นหรือ?" เหยาจี้มองไปยังเหยาลี่ด้วยดวงตาที่ว่างเปล่าและเริ่มรู้สึกกังวล
"หลานสาวที่รักของข้า เขากลั่นแกล้งเจ้างั้นหรือ?" เหยาจี้เร่งถาม
"เขาไม่ได้กลั่นแกล้งข้า แต่กลั่นแกล้งคนอื่น ครั้งนี้เป็นพี่สาวตระกูลซ่ง ซ่งเจียวม่าน เขากรรโชกวิญญาณผู้พิทักษ์หมีของเธอและหินวิญญาณอีกเจ็ดร้อยก้อน นั่นมันมากเกินไป หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ชื่อเสียงของตระกูลแสงจันทร์จะถูกทำลายโดยเขา" เหยาลี่กล่าว
"อืม ยายรู้เรื่องนี้แล้ว หลานสาวที่รักของยายกลับไปก่อน ยายจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง" เหยาจี้กล่าวหลังจากครุ่นคิดชั่วครู่
"ขอบคุณท่านยาย ท่านอาจไม่รู้ แต่คนผู้นี้ชั่วร้ายเกินไป เขาขึ้นราคาสินค้า ข่มขู่คนอ่อนแอ เขาเป็นคนเลวร้ายจริงๆ"
เมื่อเหยาลี่จากไป เหยาจี้จึงเริ่มใช้ความคิด
เธอต้องการจัดการฟางหยวนมานานแล้ว แต่มันไม่ใช่ด้วยเหตุผลของเหยาลี่
ประการแรกคือหนอนสุรา
แม้ก่อนหน้านี้เธอจะสามารถซื้อหนอนสุราตัวหนึ่งได้จากขบวนสินค้า แต่มันก็ถูกมอบให้เหยาลี่ ส่วนตัวเธอเองต้องการหนอนสุราเช่นกัน เธอจำเป็นต้องใช้มันในการหลอมรวมวิญญาณระดับสามบางชนิด
ถัดมาก็คือโสมเก้าชีวิต
ใบไม้แห่งชีวิตทั้งหมดของตระกูลอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเธอ พึ่งพาใบไม้แห่งชีวิต เธอจะมีทั้งอำนาจและสถานะในตระกูล
"ฟางหยวนผู้นี้หยิ่งยโสเกินไปจริงๆ ครั้งแรกข้าต้องการซื้อหนอนสุราจากเขา แต่เขากลับปฏิเสธ ครั้งนี้เขายังหาญกล้าพอที่จะขึ้นราคาใบไม้แห่งชีวิตและรับโชคลาภ เขาคิดจริงๆหรือว่าข้า ผู้อาวุโสแห่งห้องโถงพยาบาลจะยอมนิ่งเฉย? ฮืม!"