บทที่ 18 ชายผู้มั่งคั่ง (อ่านฟรี)
"ดูสิ เฝิงหยู่จากห้องสอง เขาทำตัวเหมือนที่เขารู้ทุกอย่างในช่วงคาบเรียนตอนเช้า แต่ในช่วงบ่ายกลับปล่อยไก่ ฉันคิดว่าคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาในการเข้าโรงเรียนมัธยมปลาย อย่างมากสุด เขาคงได้เข้าเรียนในโรงเรียนอาชีวศึกษา " นักเรียนคนหนึ่งกล่าว
"จริงเหรอ? บ่ายวันนี้ครูประจำชั้นของเรายังบอกให้พวกเราเรียนรู้จากเฝิงหยู่อยู่เลย ดูเหมือน เฝิงหยู่กลายเป็นตัวเลือกในวิชาของพวกเขา แต่ถ้าเขาไม่เก่งวิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ โรงเรียนมัธยมปลายคงไม่ตอบรับเขา! " ใครบางคนตอบ
หลังจากเลิกเรียน เฝิงหยู่เดินออกจากห้องเรียนไปที่โรงอาหารอย่างเงียบๆ แล้วกลับไปที่หอพัก ระหว่างทาง มีนักเรียนหลายคนชี้มาที่เขา
เฝิงหยู่ไม่มาใส่ใจกับพวกเขาหรอก เขาสะพายกระเป๋าเล็กๆ และเดินอย่างช้าๆไปที่ประตูห้องของอาจารย์ผู้ดูแหอพัก
ก๊อก, ก๊อก, ก๊อก!
"อาจรย์สง ผมอยากจะใช้โทรศัพท์ "
"ใช้โทรศัพท์หรือ? มีเหตุฉุกเฉินหรือเปล่า? จำไว้ว่าให้รีบวางสายทันทีหลังจากที่เสียงโทรออกดังสองตื๊ด แล้วรอให้อีกฝ่ายโทรกลับ วิธีนี้จะถูกกว่า "
เฝิงหยู่ยิ้มและไม่พูดอะไร เขามองอาจารย์สงปลดล็อคกล่องไม้ที่บรรจุโทรศัพท์ และเริ่มหมุนหมายเลขโทรศัพย์
"สวัสดีครับ ที่นี่ที่ทำการไปรษณีย์ ไม่ทราบว่าอยากจะเรียนสายใคร? " มีคนตอบ
"ผม เฝิงหยู่ ขอสายหลี่ซื่อเฉียง " เฝิงหยู่ตอบ
เมื่อเห็นเฝิงหยู่เป็นฝ่าที่โทรไปเอง อาจารย์สงก็จ้องเขม็งไปที่เขา ค่าใช้จ่ายในการรับสายโทรศัพท์คือ 20เฟินต่อนาที และผู้โทรจะเสียค่าบริการ 50เฟินต่อนาที ครอบครัวของเด็กคนนี้คงร่ำรวยและอนุญาตให้เขาใช้จ่ายเงินมากเช่นนี้
"สวัสดีครับ? เสี่ยวหยู่เหรอ? โทรมาเกี่ยวกับเรื่องพันธบัตรรัฐบาลหรือเปล่า? พี่บอกนายนะ สัปดาห์เดียวนี้ พวกเราหามาได้หลายพัน " หลี่ซื่อเฉียงพูดอย่างตื่นเต้น พยายามข่มให้เสียงของเขาเบาลง
“ใจเย็นๆครับพี่หลี่ มันก็แค่ไม่กี่พันเอง รออีกประมาณสองเดือน พี่จะมีรายได้นับหมื่น เมื่อถึงเวลานั้น พี่คงหุบยิ้มไม่ได้แน่”
เฝิงหยู่พูดอย่างไม่ได้พึงระวัง อาจารย์สงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้จึงได้ยินเข้า "อะไรนะ? หนึ่งเดือนสามารถมีรายได้ถึง 10,000หยวน? พวกเขาทำงานอะไรที่ทำให้พวกเขาได้เงินจำนวนมาก? รายได้หนึ่งมากกว่าเงินเดือนเขา10 ปี! "
ครอบครัวของเด็กนี่ทำอาชีพอะไร?
เฝิงหยู่พูดต่อ "ก็ดีแล้ว ว่าแต่ คนที่พี่ว่าจ้างไว้ใจได้หรือเปล่า? กำหนดเป้าหมายว่าแต่ละคนจะต้องหามาให้ได้มากเท่าไหร่ หากพวกเขาสามารถกดราคาให้ต่ำลงไปอีก ก็ไม่ต้องสน ให้พวกเขาเก็บส่วนต่างไว้เอง เดือนมีนาคมที่จะถึง คำนวณเงินค่าจ้างพวกเขาและจ่ายให้พวกเขาก่อนสิ้นเดือน”
"เดือนกุมภาพันธ์พวกเขาทำงานเพียงแค่ไม่กี่วันเอง พวกเราต้องจ่ายเงินให้พวกเขาตอนนี้เลย? เราจ่ายตอนสิ้นเดือนมีนาคมทีเดียวเลยก็ได้ " หลี่ซื่อเฉียงตอบ เขารู้สึกว่านี่ไม่จำเป็น เขาจะจ่ายเงินได้อย่างไร ในเมื่อพวกเขายังทำงานไม่ครบเดือนเลย?
เฝิงหยู่ส่ายหัว หลี่ซื่อเฉียงไม่คิดนอกกรอบเลย เพียงแค่ยึดติดกับกฎเท่านั้น นี่คือวิธีที่จะกระตุ้นให้คนทำงาน แล้วในอนาคตหลี่ซื่อเฉียงจะเป็นผู้นำในได้อย่างไร?
"พี่หลี่ ผมบอกพี่ให้ไปสัญญากับพวกเขา ว่าจะจ่ายเงินเดือนให้พวกเขาตอนสิ้นเดือนใช่ไหม? หากมีบางคนที่สรรหาพันธบัตรมาได้จำนวนมาก ให้จ่ายเงินเงินพิเศษ 5 หรือ 10 หยวนให้ แม้ว่าพวกเขายังทำงานไม่ถึงหนึ่งเดือน แต่นี่ก็จะสิ้นเดือนแล้ว ตอนนี้เราจะจ่ายค่าจ้างให้กับพวกเขา เพื่อพวกเขาจะได้ทำงานตั้งใจยิ่งขึ้นในเดือนต่อไป พอถึงเดือนมีนาคมเป็นเดือนสุดท้ายสำหรับพวกเรา พวกเราต้องเปลี่ยนเงินสดของพวกเราให้เป็นพันธบัตรรัฐบาลทั้งหมด! "ฮวงจุ้ยกล่าว
"ตกลง. พี่จะจ่ายเงินค่าจ้างตามจำนวนวันที่พวกเขาทำงานตอนสิ้นเดือนนี้ " หลี่ซื่อเฉียงตอบ
"พี่หลี่ อย่าลืมนับวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วย พวกเขายังทำงานตอนวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ จ่ายโบนัสให้ทุกๆคนอีก 5 หยวน " เฝิงหยู่เตือนหลี่ซื่อเฉียง
" ได้ นับวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วยก็ดี แต่ทำไมเราต้องจ่ายเงินโบนัสพิเศษด้วย?" หลี่ซื่อเฉียงถาม
"พี่หลี่นี้คือการกระตุ้นให้พวกเขามีแรงจูงใจ ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะทำงานหนักขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น งานของพวกเขาเหนื่อยล้ามาก " เฝิงหยู่ตอบ
"นั่นก็จริง การไปเคาะประตูทีละบ้านท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บเป็นเรื่องยาก ก็ได้ พี่จะเอาตามที่เธอว่า โอ้ใช่ พี่ซื้อเสื้อโค้ทใหม่ให้เธอ และพี่ส่งไปที่โรงเรียนของแล้ว เธอน่าจะได้รับมันภายในสองวัน '' หลี่ซื่อเฉียงกล่าว
"ขอบคุณครับพี่หลี่ ฝากดูแลพี่สาวของผมด้วย อย่าปล่อยให้เธอทำงานหนักจนเกินไป ให้เธอรู้ว่าวันวันที่สวยหรูใกล้จะมาถึงเร็ว ๆ นี้ " เฝิงหยู่ตอบ
ทั้งสองคุยกันอยู่สักครู่หนึ่ง โดยทั่วไปแล้ว เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับรายละเอียดย่อยที่ฝิงหยู่พูดให้หลี่ซื่อเฉียงฟัง หลังจากวางโทรศัพท์ เฝิงหยู่ยิ้ม พี่เขยคนนี้ปฏิบัติกับคนอื่นเป็นอย่างดี จะต้องช่วยให้เขาและครอบครัวของเขามีชีวิตที่ดี!
"อาจารย์สง เท่าไหร่ครับ?"
อาจารย์สงมองไปที่นาฬิกาแขวน โอ้พระเจ้า! เขาใช้เวลาโทรศัพท์นานถึง 16 นาที!
ห้าสิบเฟินต่อนาที ก็จะเป็นเงินจำนวน 8 หยวน เด็กคนนี้มี 8 หยวนหรือเปล่า?
แต่ถ้าอาจารย์สงไม่เก็บเงินจากเฝิงหยู่ เขาก็ต้องจ่ายเงินให้เฝิงหยู่ด้วยเงินเขาเองในตอนสิ้นเดือน เงินเดือนน้อยของเขามาก ไม่สามารถจ่ายแทนเฝิงหยู่ได้ แต่ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา ถ้าเขาไม่หมกมุ่นจดจ่อกับการพูดคุยบทสนทนาของเฝิงหยู่ เขาจะเตือนเฝิงหยู่แล้ว
"เจ้าหนู ฉันเตือนให้เธอวางสายหลังจากที่โทรออกไปแล้ว และให้พูดคุยกันไม่นานไม่ใช่หรือ? ทำไมเธอยังพูดโทรศัพย์เป็นนานสองนานอีกล่ะ? ค่าใช้จ่ายรวม 8 หยวน เธอกลับไปขอครอบครัวของเธอได้ไหมละ? " อาจารย์สงกล่าวด้วยใบหน้าที่บอกบุญไม่รับ
8 หยวนไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ ถ้าครอบครัวของเด็กคนนี้รู้ว่าเขาคุยโทรศัพท์เป็นเวลานาน พวกเขาจะให้เงินกับเขาหรือเปล่า?
อาจารย์สงคิดไม่ถึงว่าเฝิงหยู่จะตอบ "ตกลง" และเอาเงิน 10 หยวนส่งให้เขา
"อาจารย์? อาจารย์ครับ? เงินทอนละ? " เฝิงหยู่ถาม
"นี่เป็นเงินที่เธอจะใช้ซื้อตั๋วอาหารหรือเปล่า? ถ้าเธอให้เงินครูตอนนี้ แล้วเธอจะกินอะไร " อาจารย์สงถามเฝิงหยู่
เฝิงหยู่หยิบบัตรของทานอาหารปึกหนึ่งออกจากกระเป๋าของเขา และโชว์ให้อาจารย์สงดู กล่าวว่า "นี่คือตั๋วอาหารของผมทั้งหมด น่าจะเพียงพอใช้เป็นเดือนเลย "
อาจารย์สงอ้าปากด้วยความประหลาดใจ ครอบครัวของเด็กคนนี้รวยมากขนาดไหน ถึงกับให้เขาใช้จ่ายเงินจำนวนมากเช่นนี้? เด็กคนนี้สวมเสื้อผ้าธรรมดาและไม่มีอะไรพิเศษ แต่เขาใช้จ่ายเงินด้วยวิธีการนี้ได้อย่างไร?
การแสดงออกทางสีหน้าของอาจารย์สงแปรเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้น: "มันไม่ถูกต้อง นี่จะขโมยมาจากบ้าน!"
เฝิงหยู่เริ่มหงุดหงิด ไม่ดีนักหรอกที่อาจารย์จะเคร่งครัดรับผิดชอบในหน้าที่จนเกินไป ทุกสิ่งทุกอย่างเลยกลายเป็นสิ่งที่น่าสงสัยสำหรับเขา
"อาจารย์ครับ พ่อแม่ของผมให้เงินเหล่านี้ไว้ให้ผมใช้จ่าย เรามีรถแทรกเตอร์ขับเคลื่อน 55แรงม้าและเครื่องเก็บเกี่ยว 512 (เครื่องเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองข้าวสาลี ฯลฯ ) เรามีรายได้ค่อนข้างมาก " เฝิงหยู่พูดด้วยท่าทางประหนึ่งว่า " ครอบครัวของฉันร่ำรวยมั่งคั่ง "
อาจารย์สงถอนหายใจ ถ้าเช่นนั้น เงินนี้ครอบครัวของเขาคงให้มาจริงๆ ในยุคสมัยนี้ การเป็นเจ้าของรถแทรกเตอร์ขับเคลื่อนด้วย 55แรงม้าและมีเครื่องเก็บเกี่ยว 512 จะทำให้ได้เงินเป็นกอบเป็นกำ สามารถสร้างรายได้อย่างน้อยหมื่นหยวน
"โอเค แต่เธอไม่ควรใช้เงินด้วยวิธีนี้ อย่าโทรศัพท์นานๆอีก เอ้านี่ เงินทอน 2หยวน และก็รีบกลับไปที่หอพักของเธอ " อาจารย์สงกล่าว
เงินจำนวนนี้มาจากไหน? แน่นอนว่าจากนักเรียนโรงเรียนอาชีวศึกษาทั้งสามคน เพราะเฝิงหยู่ใช้เงินที่ได้จากที่บ้านซื้อตั๋วอาหารไปเรียบร้อยแล้ว
เฝิงหยู่หยิบถุงขนมหวานผลไม้แห้งและลูกอมยี่ห้อ "กระต่ายใหญ่สีขาว" จากกระเป๋าของเขามอบให้อาจารย์สง และขอบคุณเขาสำหรับความเป็นห่วง
อาจารย์สงเก็บขนมและลูกอมไว้ เขาตั้งใจที่จะกลับบ้านไปให้ลูก ๆ ของเขา
เฝิงหยู่ไม่ได้กลับไปที่หอพัก แต่กลับไปที่เรียนทบทวนเสริมที่ห้องเรียน ในยุคสมัยนี้ การไปเรียนทบทวนเสริมในตอนเย็นมักจะเป็นความสมัครใจ นักเรียนส่วนใหญ่ที่มาทบทวนเสริมล้วนเป็นคนที่ขยันหมั่นเพียร และต้องการเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมปลาย ส่วนผู้ที่ต้องการไปโรงเรียนอาชีวศึกษาจะเล่นไพ่โป๊กเกอร์ในหอพักหรือปั้นหิมะด้านนอก
"หลี่น่า คำถามนี้ทำอย่างไร? เธอช่วยสอนฉันหน่อยได้ไหม? " เฝิงหยู่ถาม
หลี่น่าเหลือบมองเฝิงหยู่: " ตอนเช้านายบอกฉันว่านายเป็นอัจฉริยะไม่ใช่หรือไง? นายรู้ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่หรือ? ทำไมนายยังมาถามฉันอีก? "
สาวน้อยมีอารมณ์ไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนเช้า แต่เฝิงหยู่รุกฆาต เขาหยิบขนมขบเคี้ยวออกวางบนโต๊ะ
"ฉันถนัดภาษารัสเซียเท่านั้น วิชาที่เหลือยอดแย่ ฉันจะให้ลูกอมยี่ห้อกระต่ายกับเธอไม่ก็ผลไม้อบแห้งหนึ่งซองต่อหนึ่งคำถาม " เขาพูดด้วยท่าทางของผู้เผด็จการที่ปรากฏในภาพยนตร์:" เสื้อผ้าหนึ่งชิ้นเพื่อเงินจำนวนหนึ่ง! ฉันไม่มีอะไรอื่นนอกจากเงิน! "
หลี่น่ามองไปลูกอมยี่ห้อกระต่ายสีขาว และพูดอย่างไม่ปราณี: "นายไม่ต้องพยายามที่จะติดสินบนฉัน!"
เฝิงหยู่หัวเราะกับตัวเอง: "ก็เห็นๆกันอยู่ ว่าเธอกำลังกลืนน้ำลายตัวเอง"
"จะเรียกว่าติดสินบนได้อย่างไร? นี่คือมิตรภาพระหว่างเพื่อนร่วมชั้น เธอช่วยฉันอธิบายคำถามที่ฉันไม่รู้ และฉันแบ่งปันขนมกับให้เธอ นี่คือมิตรภาพ " เฝิงหยู่โต้แย้ง
" ก็ได้ ถ้าจะเอาอย่างนั้น คำถามไหนที่นายไม่เข้าใจ? เอามาให้ฉันลองดูสิ "
ก่อนที่จะมองคำถามเหล่านี้ หลี่น่าก็แกะกระดาษห่อของลูกอมยี่ห้อกระต่ายใหญ่สีขาวแล้วนำมันใส่ปาก ยิ้มอย่างมีความสุข…………………