บทที่ 17 นักเรียนหัวกะทิ? (อ่านฟรี)
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เฝิงหยู่และเหวินตงจุนออกจากออฟฟิศของโรงเรียนอาชีวศึกษาพร้อมด้วยเงินสิบหยวน นี่เป็นเพราะการแสดงออกอันดีเยี่ยมของเฟิงหยู่ซึ่งเขา "เต็มใจ" ยอมละเว้นต่อเงินบางส่วนที่พวกเขาถูกรีดไถ มิฉะนั้น ตามคำบอกเล่าของพวกเขา จำนวนเงินที่เฝิงหยู่และเหวินตงจุนจะต้องได้รับคืนมาคงเป็นเงินอย่างน้อยมากว่าหนึ่งร้อยหยวน
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ เสี่ยวหยู่ นายฉลาดมาก นายรู้ได้ยังไงว่าคนผู้นั้นคือผู้อำนวยการซู หรือนายเคยพบเขามาก่อนหรือ?”
"ฉันเคยเห็นเขาไกลๆครั้งหนึ่ง วัยรุ่นทั้งสามคนนั้นต้องโชคร้ายแน่ ผู้อำนวยการซูพูดว่ามอบคะแนนทำทัณบนพวกเขา และพวกเขาต้องแสดงคำขอโทษต่อหน้าโรงเรียน ต่อไปภายหน้า ถ้าเจอหน้าพวกเราอีก วัยรุ่นเหล่านั้นคงวิ่งหนี "
"ใช่. ถ้าพวกนั้นกล้าที่มารังแกพวกเราอีก ฉันจะไปฟ้องผู้อำนวยการซู พวกนั้นจะถูกไล่ออกจากโรงเรียนอย่างแน่นอน! แม้ตอนนี้พวกเขามีคะแนนความผิด แต่พวกเขายังมีโอกาสที่จะเข้าร่วมกองทัพทหาร แต่หากถูกไล่ออกละก็ พวกเขาจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตอยู่กับการทำไร่ไถนา! เมื่อกี้ที่ตบพวกนั้นหลายครั้ง ตอนนี้ มือยังเจ็บอยู่เลย! " เหวินตงจุนกล่าวอย่างตื่นเต้น
เฝิงหยู่ยืนยันว่าพวกเขาถูกรีดไถ ผู้อำนวยการซูขอร้องแทนวัยรุ่นเหล่านั้น และตกลงกับเงื่อนไขของเฝิงหยู่ เฝิงหยู่จึงยอมเปลี่ยนคำพูด เงื่อนไขที่เฟิงหยู่เสนอคือที่โดนกระทำไปจะขอเอาคืน เฝิงหยู่เตะแรงๆสามครั้ง ส่วนเหวินตงจุนตบพวกเขาหลายครั้งจนใบหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง
พวกเขากลับไปที่โรงเรียนของตนอย่างรื่นเริง และส่งคืนเงินให้กับนักเรียนอีกห้าคน เฝิงหยู่และเหวินตงจุนอธิบายผู้อำนวยการซูผ่านไปช่วยพอดี พวกเขาไม่ได้เล่ารายละเอียดอะไรมาก
ตอนเย็นเล่นไพ่โป๊กเกอร์ที่ห้องจนเกือบจะถึงช่วงเช้า รวมทั้งคุยโม้เกี่ยวกับเรื่องสนุกที่เกิดขึ้นในช่วงวันหยุดปีใหม่
ก่อนจะนอนหลับไป เฝิงหยู่สงสัยว่าธุรกิจที่พี่เขยของเขากำลังดำเนินการอยู่เป็นไปอย่างราบรื่นหรือเปล่า พวกเขาต้องรออีกหนึ่งเดือน จึงจะเก็บเกี่ยวกำไรคืน
ตอนเช้าวันถัดมา เฝิงหยู่ถูกเหวินตงจุนปลุกให้ตื่น พวกเขาไปทานอาหารเช้าที่โรงเรียน ด้วยกลัวว่าถ้าพวกเขามาช้าจะไม่มีอะไรให้ทาน เฝิงหยู่รู้สึกรับไม่ได้และสงสัยว่า "ทำไมโรงเรียนถึงต้องเข้าเรียน 7 โมงเช้าด้วย? ทำไมโรงเรียนไม่เริ่มตอน 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น? "
ตอนนั่งอยู่ในห้องเรียน เฝิงหยู่ดูเพื่อนร่วมชั้นที่อายุสิบห้าสิบหกปีเพื่อนร่วมชั้นที่นั่งอยู่แล้วสองมือวางอยู่บนโต๊ะอย่างถูกระเบียบ เฝิงหยู่อยากหัวเราะ แต่เพื่อนที่นั่งโต๊ะเดียวกันคว้ามือเขา และกดลงบนโต๊ะของเขาด้วยเช่นกัน
หลี่น่าผู้นั่งข้างเฝิงหยู่เป็นสมาชิกคณะกรรมการการศึกษา เธอไม่เพียงต้องคอยกระตุ้นการเรียนของเฝิงหยู่ เธอยังต้องทำให้แน่ใจว่าเฝิงหยู่จะปฏิบัติตามกฎของโรงเรียน
คาบเรียนแรกเป็นภาษารัสเซีย เฝิงหยู่ง่วงหาวนอน อยากจะนอนหลับ ไม่ใช่ว่าครูสอนไม่ดี อย่างไรเสีย ภาษารัสเซียนของเขาดีกว่าของอาจารย์เสียอีก มันจึงกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อในการฟังอาจารย์สอนบทเรียน
"เฝิงหยู่ เฝิงหยู่ อาจารย์กำลังเรียกชื่อเธออยู่ " หลี่น่าตะโกน ปลุกเฝิงหยู่
" เฝิงหยู่ เธอเป็นอะไรของเธอ? นี่พึ่งเปิดเทอมวันแรกเองนะ นี่เธอยังอยากเข้าโรงเรียนมัธยมอยู่หรือเปล่า? "ครูถาม
เฝิงหยู่ตอบว่า "ครูครับ ผมรู้อยู่แล้วเรื่องที่ครูพึ่งสอน"
นักเรียนคนอื่นๆต่างหัวเราะ แม้ว่าเฝิงหยู่เรียนหนังสือได้ไม่เลวร้ายนัก แต่เขาไม่นักเรียนหัวกระทิ เขาพูดออกมาได้อย่างไรว่าเขารู้ในสิ่งที่ครูกำลังสอน ภาษารัสเซียไม่ได้เรียนกันอย่างง่ายดาย ใครกล้าที่จะบอกว่าเขาเข้าใจภาษารัสเซียนแล้ว?
"จริงหรือ? เธอลองแปลประโยคนี้ให้ครูทีสิ " ครูพูด
" เลนิน นักปฏิวัติสังคมนิยมผู้ยิ่งใหญ่ กล่าวว่า ศีลธรรมสามารถช่วยให้มวลมนุษยชาติยกระดับได้สูงขึ้น เพื่อให้มนุษย์เป็นอิสระจากการใช้แรงงาน" เฝิงหยู่แปลประโยค ทำไมพวกเขาถึงเขียนสิ่งเหล่านี้ในตำราเรียน?
อาจารย์มองเฝิงหยู่อย่างประหลาดใจ เด็กคนนี้เตรียมบทเรียนมาล่วงหน้าหรือไง? ตัวเขาเองยังไม่ได้อธิบายประโยคนี้เลยด้วยซ้ำ
“เธอลองแปลประโยคถัดไปสิ” อาจารย์กล่าว
เฝิงหยู่แปลห้าประโยคถัดไป อาจารย์และนักเรียนในห้องที่เหลือล้วนตกตะลึง แต่สิ่งที่อาจารย์ประหลาดใจยิ่งกว่า คือ เฝิงหยู่เล่นมุกด้วยภาษารัสเซียซึ่งมีเพียงอาจารย์คนเดียวที่ฟังออก นักเรียนคนอื่นๆล้วนไม่เข้าใจเลย
ตอนนี้นักเรียนคนอื่นต่างพูดคุยกระซิบกระซาบกัน ดูหมือนภาษรัสเซียนของเฝิงหยู่คล่องแคล่วยิ่งกว่าอาจารย์มาก เกิดอะไรขึ้นในช่วงปิดเทอมกัน? เขาพัฒนาขึ้นอย่างมากในช่วงเวลาสั้นๆนี้ได้อย่างไร? ๆ
"นั่งลง. แม้ว่าเธอจะเก่งภาษารัสเซีย เธอก็ไม่ควรลำพองใจและไม่ควรหลับในชั้นเรียน "ครูกล่าว
หลังจากเลิกคลาสเรียนแล้ว เหวินตงจุนก็เข้ามาหาเฝิงหยู่ : " เสี่ยวหยู่ ฉันไม่รู้มาก่อนว่านายเก่งภาษารัสเซีย! "
"อันที่จริง ฉันถนัดภาษารัสเซียนานแล้ว แต่แค่ไม่อยากโอ้อวดเฉยๆ" เฝิงหยู่กล่าว
"เฝิงหยู่ คำนี้อ่านได้อย่างไร และหมายความว่าอะไร?" หลี่น่าไม่อยากแพ้เฝิงหยู่ ชี้นิ้วไปที่คำภาษารัสเซียเพื่อทดสอบเขา
“трактор หมายถึง รถแทรกเตอร์ ถ้ามีอะไรที่เธอไม่เข้าใจ เธอสามารถถามฉันได้ตลอด” เฝิงหยู่ตอบ
เดิมที หลี่น่าเป็นที่เข้าใจภาษารัสเซียดีที่สุดในชั้นเรียน เธอไม่เพียงแต่เป็นคณะกรรมการโรงเรียนเท่านั้น แต่เธอยังเป็นตัวแทนชั้นเรียนในด้านภาษารัสเซีย แต่ตอนนี้ ภาษารัสเซียของเฝิงหยู่เหนือกว่าเธอแล้ว
พอมองท่าทางขุ่นเคืองใจของหลี่น่า เฝิงหยู่ยิ้มแย้ม นี่ผมทำลายความมั่นใจของแม่สาวน้อยคนนี้หรือเปล่า? ดูจากนัยน์ตาของเธอแล้ว เธอไม่อยากยอมรับความพ่ายแพ้นัก
นักเรียนคนอื่นๆต่างคิดว่าเฝิงหยู่คงตั้งอกตั้งใจศึกษาในช่วงวันหยุดฤดูหนาวที่ผ่านมา ไม่อย่างนั้น เขาจะพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นได้ขนาดนี้หรือ? มีเพียงเหวินตงจุนที่รู้ว่าเฝิงหยู่ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือ แต่เฝิงหยู่ศึกษาแค่วิชาฟิสิกส์และเคมีเท่านั้น เขาไม่เคยเห็นเฝิงหยู่หยิบหนังสือรัสเซียขึ้นมาอ่าน
ตอนนี้ นักเรียนต่างคิดว่าเฝิงหยู่เป็นคนไฝ่เรียน มีหลายคนที่มีอารมณ์อิจฉาและชื่มอยู่ในสายตาของพวกเขา ยกเว้นก็แต่หลี่น่า เธอสาบานว่าการสอบครั้งหน้าจะทำให้เฝิงหยู่รับรู้ว่าใครกันแน่ที่เรียนเก่งกว่า
เช้าวันนี้ เฝิงหยู้สามารถแก้โจทย์บทเรียนของวิชาภาษารัสเซีย ภาษาจีน ชีววิทยาและการเมืองได้อย่างง่ายดาย ภาษารัสเซียไม่มีความจำเป็นต้องพูดถึง ส่วนภาษาจีน เมื่อเทียบกับนักเรียนคนอื่นๆเขาถือว่าเก่งกว่ามาก ความเข้าใจของชายวัย 40 ปีดีกว่าคนที่ยังเป็นวัยรุ่น มีเพียงภาษาจีนโบราณเท่านั้นที่ทำให้เฝิงหยู่ปวดหัว ถ้าเขาต้องเผชิญกับคำถามดังกล่าวในการสอบ เขาคงยอมแพ้
สำหรับเรื่องการเมือง ตราบเท่าที่คุณเขียนเรื่องดีๆเกี่ยวกับรัฐบาล ไม่มีอะไรผิด
ลี่นาไม่เต็มใจที่จะสูญเสียความเชื่อมั่นอย่างช้าๆจนกลายเป็นความสิ้นหวัง ความก้าวหน้าของเฝิงหยู่ดีเยี่ยมมาก เธอไม่สามารถเทียบกับเขาได้! เธอพร่ำเรียนศึกษาอย่างหนักตลอดช่วงวันหยุดฤดูหนาว แต่ทำไมช่องว่างถึงได้มากมายนัก
"เฝิงหยู่ นายไปเรียนพิเศษในช่วงวันหยุดฤดูหนาวมาเหรอ?" ลี่น่าถาม
"ใช่ ตงจุนช่วยฉัน" เฝิงหยู่พยักหน้า
"ตงจุน?" หลี่น่าหันหน้ากลับไปมองทันที ของคะแนนของเหวินตงจุนใกล้เคียงกับกับเฝิงหยู่ แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาจะเปลี่ยนเฝิงหยู่ให้กลายเป็นนักเรียนหัวกะทิได้อย่างไร? คนโกหก!
ช่วงเช้าได้ผ่านไป ครูทุกคนได้รับรู้ว่าเฝิงหยู่กลายเป็นอัจฉริยะขึ้นมาอย่างบัดดล
"อาจารย์ซุน เฝิงหยู่ที่เป็นนักเรียนในชั้นเรียนของอาจารย์ฉลาดจริงๆ "ครูคนหนึ่งกล่าวกับครูซุน
"ใช่ ทำไมนักเรียนเก่งๆจำนวนมากจากชั้นเรียนของอาจารย์ทั้งนั้น? ในชั้นเรียนของฉันมีแต่เด็กเหลวไหลซุกซน ฉันสงสัยเลยว่าจะมีสักกี่คนเชียวที่สามารถเข้าเรียนในโรงเรียนมัธยมได้ " ครูคนอื่นกล่าว
"ฉันพูดได้เลยว่าเฝิงหยู่จะได้คะแนนอันดับหนึ่งแน่ ครูซุนได้ค้นพบนักเรียนคนอื่นๆที่เนความหวัง "ครูคนอื่นพูดต่อ
ครูทุกคนกำลังพูดคุยชื่นชมเฝิงหยู่ ครูซุนสับสน ถ้าเฝิงหยู่ไม่ได้ไปเยี่ยมเขาที่เมือง ปิงในช่วงปีใหม่ เขาก็ไม่ประทับใจอะไรในตัวเฝิงหยู่เลย
แต่ในฐานะที่ป็นอาจารย์ เขาจึงรู้ว่านักเรียนคนใดเรียนดี ถึงจะพูดว่าคะแนนของเฝิงหยู่ผ่านเกณฑ์พอดิบพอดี แต่เขาอยากเข้าโรงเรียนมัธยมปลาย เขา ต้องตั้งใจเรียนให้หนักกว่านี้ แล้วจู่ๆเขากลายเป็นนักเรียนหัวกะทิหลังจากผ่านช่วงวันหยุดอย่างไร?
แต่เนื่องจากทุกคนกำลังยกยอปอปั้นนักเรียนของเขา เขายอมรับอย่างยินดี
ช่วงบ่าย เป็นคาบเรียนคณิตศาสตร์ของครูซุน เพื่อที่จะทดสอบว่าอาจารย์อื่นพูดได้ถูกต้อง ครูซุนจงใจเรียกเฝิงหยู่เพื่อตอบคำถาม
เฝิงหยู่ตะลึงงันหลังจากที่ได้เห็นคำถามบนกระดานดำ เขาตั้งใจอ่านศึกษาคณิตศาสตร์และอ่านทบทวนเกี่ยวกับพีชคณิตในช่วงวันหยุดฤดูหนาวแค่สองสามวันเท่านั้น จึงไม่น่าจะมีคำถามมากมายที่สร้างความยุงยากให้เขาได้ แต่เขาดันลืมไปแล้วว่าคณิตศาสตร์ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ถูกแบ่งออกเป็น พีชคณิต และเรขาคณิต คำถามบนกระดานดำเป็นคำถามเกี่ยวกับเรขาคณิต
"ผมขอโทษครับครูซุน ผมไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร " เฝิงหยู่คำนับศีรษะ เขารู้สึกถึงความประหลาดใจของเพื่อนร่วมชั้นทุกคน
อาจารย์ซุนขมวดคิ้ว นี่เป็นคำถามง่ายๆเท่นั้น จากนั้น เขาจึงเรียกให้หลี่น่าตอบ หลี่นาตอบคำถามได้อย่างสบายๆ และทำท่าทางภูมิใจใส่เฝิงหยู่ก่อนที่จะนั่งลง
หลี่น่าคิดกับตัวเองว่า "นายไม่ได้เรียนมาหรือไง? อาจารย์ต่างก็สรรเสริญว่านายฉลาดไม่ใช่หรือ? จากที่เห็น ยังคงมีคำถามที่นายตอบไม่ได้ใช่ไหมละ? "
คำถามสามข้อต่อจากนั้น เฝิงหยู่ยังถูกเรียกให้ตอบ แต่เขาไม่สามารถตอบคำถามได้สักข้อเดียว ส่วนลี่น่ากลับตอบคำถามทั้งสามข้อให้ถูกต้องได้อย่างง่ายดาย ทุกครั้งที่ก่อนที่จะนั่งลง หลี่น่านาจะทำท่าผ่าเผยเชิดคางใส่เฝิงหยู่
นักเรียนคนอื่น ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกัน เฝิงหยู่ไม่ได้ฉลาดไปทั้งหมดหรอก ฉันยังสามารถตอบคำถามนี้ได้เลย!
คาบเรียนต่อไปนี้คือวิชาฟิสิกส์ เฝิงหยู่ถูกเรียกขึ้นมาอีกครั้งและเขายังไม่สามารถตอบคำถามใดๆได้ หลี่น่าไม่รอให้ครูเรียกหา เธอยืนขึ้นและตอบคำถามเอง ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า เฝิงหยู่อ่อนวิชาฟิสิกส์ด้วย
เหตุการณ์เดียวกันนี้เกิดขึ้นกับวิชาเคมี เฝิงหยู่ถูกเรียกขึ้นเพื่อตอบคำถาม และเขาตอบคำถามผิดทั้งหมด
นักเรียนคนอื่นๆเริ่มหัวเราะเยาะเฝิงหยู่ เฝิงหยู่แปรเปลี่ยนเป็นนักเรียนหัวกะทิในตอนเช้าและกลับกลายเป็นนักเรียนที่โหล่ในช่วงบ่าย