ตอนที่แล้วTWO Chapter 120 คำเชิญ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 122 ทัวร์

TWO Chapter 121 พันธมิตร


TWO Chapter 121 พันธมิตร

ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 5 วันที่ 13 เวลา 9.00 น. ณ ประตูเทเลพอร์ต เมืองซานไห่

โอหยางโชวนำเจ้ากรมทั้ง 4 ของซานไห่มารออยู่ที่ประตูเทเลพอร์ต เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพิธีต้อนรับ การมาถึงของพันธมิตร

แขกที่มาเยือนเป็นคนแรกก็คือ มู่หลายเยว่ และมู่กุ้ยหยิง จากเมืองมู่หลาน ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองซานไห่มากที่สุด

นี่เป็นครั้งแรกที่โอหยางโชวได้พบกับหมู่หลานเยว่ เธฮอายุ 18-19 ปี สวมกระโปรงสีฟ้าอ่อน ผมสีดำยางถึงไหล่ของเธอ เข้ากับชุดผ้าไหมสีน้ำทะเล ดวงตาของเธอส่องแสงสดใส รอยยิ้มของเธอเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ แก้มแดงๆของเธอทำให้รู้สึกถึงความน่ารัก เธอดูคล้ายกับผีเสื้อและหิมะที่สะอาดบริสุทธิ์

โอหยางโชวไม่สามารถจินตนาการได้ว่า เด็กสาวตัวน้อยน่ารักข้างหน้าเขานี้ จะกลายเป็น 1 ใน 3 เสาหลักของเหลียนโจวได้อย่างไร ในชีวิตที่แล้วของเขา มีข่าวลือว่ามู่หลายเยว่เป็นลอร์ดหญิงที่เย็นชา เธอไม่ค่อยโต้ตอบผู้เล่นคนอื่นๆ โอหยางโชวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอในตอนนั้น บุคลิกของเธอแตกต่างกับตอนนี้อย่างมาก

ด้านหลังของเธอยืนด้วยขุนพลหญิง เธอดูกล้าหาญและสง่าผ่าเผย สวมชุดเกราะทางทหาร ถือหอไว้ในมือ มีกลิ่นอายของจิตวิญญาณวีรสตรีอยู่รอบๆตัวเธอ เธอคือขุนพลหญิงในตำนานของตระกูลหยาง มู่กุ้ยหยิง

เมื่อทั้ง 2 เดินออกจากประตูเทเลพอร์ต โอหยางโชวก็ต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่น เขากล่าวว่า “ยินดีต้อนรับสู่เมืองซานไห่ ข้าคิดว่า ทั้ง 2 คน คงจะเป็นลอร์ดมู่หลานเยว่ และขุนพลมู่กุ้ยหยิงใช่หรือไม่?”

“อ๊า ท่านรู้จักพวกเราด้วยหรือ? ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวเองเลยนะ” มู่หลานเยว่รู้สึกประหลาดใจ

โอหยางโชวมองไปที่มู่กุ้ยหยิงที่อยู่ข้างหลังเธอ แล้วกล่าวว่า “ข้าอาจจะไม่รู้จักคนอื่น แต่ข้าสามารถรู้ได้ทันทีว่า วีรสตรีท่านนี้คือ ขุนพลมู่กุ้ยหยิง”

“เพราะงั้น ท่านถึงคิดว่าข้าเป็นน้องสาวมู่ซินะ” มู่หลายเยว่กล่าวด้วยโทนเสียงไร้เดียงสา

โอหยางโชวพยักหน้า แล้วแนะนำเจ้ากรมของเขาให้ทั้ง 2 คน รู้จัก

จากนั้น ก็มีหญิงสาวอีก 3 คน เดินออกมาจากประตูเทเลพอร์ต

คนที่เดินนำหน้าคือ หญิงสาวอายุ 27-28 ปี เธอสวมชุดสีขาวที่เรียบง่ายและสง่างาม เธอมีผมสีดำเงาและเรียบรื่นเหมือนหยก เธอมีใบหน้าที่สมบูรณ์แบบ พร้อมด้วยผิวที่กระจ่างใส นัยน์ตาสีน้ำทะเลของเธอ เหมือนกับคริสตัลที่บริสุทธิ์และสดใส แต่มองเข้าใปลึกๆจะมองเห็นความเย็นชา ราวกับว่าดวงตาของเธอสามารถมองเห็นได้ทุกสิ่ง เธอมีไหล่ที่สมบูรณ์แบบ เอวบาง คิ้วคมเข้ม และผิวขาวกระจ่างใส

พวกเขาได้พบกันที่งานประมูลแล้ว ดังนั้น โอหยางโชวจึงรู้ว่าหญิงสาวคนนี้คือ ไป๋ฮัว

ที่ด้านหลัง ซ้ายมือของไปฮัว ยืนด้วยหญิงสาวอายุ 25-26 ปี เธอสวมชุดสีม่วงลาเวนเดอร์ แขนเสื้อของเธอปักด้วยลายกล้วยไม้สีฟ้าอ่อน และกลีบดอกไม้สีเงิน ชายผ้าเป็นสีฟ้าน้ำแข็ง ชุดของเธอแกว่งไปมาทุกครั้งที่เธอขยับตัว เธอมีมวยผมแบบง่ายๆ มีดวงตาคู่งามที่น่าสนใจ มีริมฝีปากสีแดงคล้ายผลเชอร์รี่ เธอดูอ่อนโยนและสง่างาม ผมสีดำของเธองดงาม ดวงตาของเธอเปล่งประกายความฉลาดหลักแหลมและเจ้าเล่ห์

ในชีวิตที่แล้ว โอหยางโชวเคยพบฉีลั้วหลานมาก่อน ดังนั้น เขาจึงรู้ได้ทันที่ว่านี่เป็นเธอ

หญิงสาวคนสุดท้ายอยู่ในวัยเดียวกับมู่หลายเยว่ เธอสวมเสื้อคลุมสีเขียวเรียบง่าย มันยาวจนสัมผัสถึงพื้น มีเฉพาะแขนเสื้อที่ปักด้วยดอกโอลีนเดอร์ครึ่งดอก สายรัดผ้าไหมผูกติดอยู่ที่เอวของเธอ มีถุงเก็บของและหยกห้อยอยู่ที่เอวของเธอ ซึ่งแตกต่างกับหญิงสาวทั้ง 2 คน สาวน้อยคนนี้ผูกผมของเธอด้วยวิธีง่ายๆ ริมฝีปากของเธอ ไม่มีการตกแต่งใดๆ เธอให้ความรู้สึกสดชื่นจากธรรมชาติ

โอหยางโชวเดินไปข้างหน้า แล้วกล่าวว่า “ลอร์ดไปฮัว ยินดีต้อนรับ!”

ไป๋ฮัวพยักหน้าตอบกลับ พร้อมแนะนำทั้ง 2 คน ให้โอหยางโชว โอหยางโชวจึงได้รู้ว่า หญิงสาวคนสุดท้ายนี้คือ ทซิงยี่ พวกเขาทักทายกันอย่างเป็นธรรมชาติ

เนื่องจากพวกเขาได้ตกลงเรื่องเวลากันไว้แล้ว ฉะนั้น หลังจากนั้นไม่กี่นาที ซุ่นหลงเตียนเซว่ และกงเฉิงซีก็มาถึง

เช่นเดียวกับมู่หลายเยว่ ทั้ง 2 คน มาพร้อมกับบุคลในประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ติดตามของพวกเขา ซุนหลงเตียวเซว่นำขุนพลฉินฉีอ๋องมา ซึ่งเขาเป็นบุคคลในประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ถัง ในขณะที่กงเฉิงซีได้นำนักวางกลยุทธ์จูโจว จากยุคสมัยสามก๊ก มาพร้อมกับเขา

ฉินฉีอ๋อง หรือฉินซูเปา เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้ทวนบนหลังม้า และเป็นที่รู้จักในเรื่อง ความกล้าหาญและห้าวหาญ

เดิมทีเขาเป็นขุนพลในสมัยราชวงศ์สุ่ย ภายใต้การบัญชาการของขุนพลไหลฮูเอ๋อ จากนั้นเขาก็ติดตามขุนพลจางสูถูว ไปต่อสู้กับกบฎหลี่มี่  จางสูถูวถูกสังหาร จากนั้น เขาก็ไปอยู่ภายใต้การบัญชาการของขุนพลเผ่ยเหรินจี้ และพวกเขาได้ยอมจำนนต่อหลี่มี่ในเวลาต่อมา

หลังจากความพ่ายแพ้ของหลี่มี่ เขาก็กลับไปอยู่กับราชวงศ์สุ่ยอีกครั้ง ภายใต้การบัญชาการของขุนพลหวังซีฉง แต่หวังซีฉงเป็นคนที่ระแวง และมักจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาถูกใส่ร้าย ฉินฉีอ๋องและเฉิงเหยาจิน จึงไปสวามิภักดิ์ต่อราขวงศ์ถัง เขาไปอยู่ภายใต้การบัญชาการขององค์ชายแห่งถัง หลี่ซีเหมิน

เขาได้ต่อสู้ในสงครามนับไม่ถ้วนเพื่อหลี่ซีเหมิน เขาเป็นแนวหน้าทุกครั้งในการรบ และสามารถกำราบศัตรูได้ทุกครั้ง เขาได้ป่วยตายในวัยชรา ในปี 638 และได้รับยกย่องให้เป็น 1 ใน 24 บุคคลที่เป็นผู้สนับสนุนราชวงศ์ถัง ในศาลาหลิงหยาน

ฉินฉีอ๋องสามารถนับได้ว่าอยู่ในยุคเดียวกับซีหวานซุ่ย แต่ซีหวานซุ่ยตายในตอนที่ฉินฉีอ๋องยังอยู่ในวัยหนุ่มเท่านั้น ดังนั้น ทั้ง 2 คน จึงไม่ได้พบกัน

จูโชวเป็นที่ปรึกษาและนักวางกลยุทธ์ของ หยวนเซ่า ในสมัยราขวงศ์ฮั่นตะวันออก หยวนเซ่านั้นเป็นข้าราชการมณฑลชี ถูกเสนอชื่อให้เป็นเมาไค่ และเป็นเสมียนของเมือง 2 แห่ง ของมณฑลชี แม้ตอนนั้นเขายังเด็ก แต่เขาก็มีความทะเยอทะยาน และมีความรู้ทางยุทธวิธี ภายใต้เจ้าเมืองหานฟู่ เขาได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารม้า หลังจากที่ขุนพลหยวนเซ่าเข้ายึดมลฑลชี เขาก็ได้เลือกจูโชวให้เป็นที่ปรึกษาของเขา บ่อยครั้งที่ชูโจวเสนอแผนการทางกลยุทธ์ แต่หยวนเซ่าไม่ยอมฟัง และในระหว่างการรบที่กวนตู หยวนเซ่าก็ได้พ่ายแพ้ จูโชวถูกจับโดยขุนพลของโจโฉ เขาปฏิเสธที่จะยอมสวามิภักดิ์  จึงถูกตัดสินให้ประหารโดยโจโฉ

เมื่อเห็นฉินฉีอ๋องและจูโชว โอหยางโชวก็รู้สึกอิจฉาพวกเขาเป็นอย่างมาก ทั้ง 2 คน เป็นที่ต้องการสำหรับเมืองซานไห่จริงๆ ขุนพลฉินฉีอ๋องเป็นผู้เชี่ยวชาญทวนบนหลังม้า เขาเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารม้าเกราะหนัก โดยทหารม้าเกราะหมิงกวงของราชวงศ์ถังใช้ทวนเป็นอาวุธหลักที่น่ากลัว

ปลายทวนสามารถเจาะผ่านเป้าหมายของพวกเขาอย่างง่ายดาย ทวนที่มี่คุณภาพสูงจะมีคุณสมบัติเช่นเดียวกับดาบดีๆ เกราะเชนเมลล์, เกราะเหล็ก, เกราะหมิงกวง พวกมันทั้งหมดสามารถถูกเจาะได้เหมือนกระดาษได้ ทวนนั้นยาวและหนัก มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะควบคุมมันได้ แม้ในปะวัติศาสตร์ ขุนพลที่ใช้ทวนก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นในราชวงศ์ถัง เช่น ฉินฉีอ๋อง, เฉิงเหยาจิน, หยูชิกง และหลีชุนเสี่ยว

ชูโจวเป็นนักวางกลยุทธ์ที่ซานไห่กำลังขาดอยู่ ถ้าจะเปรียบเทียบ จูโชวนั้นอยู่ในระดับที่เหนือกว่าเก่อหงเหลียงอย่างมาก กับกองกำลังของซานไห่ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว พวกเขาจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ นักวางกลยุทธ์เช่นจูโชว จึงสำคัญกับซานไห่เป็นอย่างมาก

เมื่อทุกคนได้มาถึงแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ที่จตุรัสอีกต่อไป ดังนั้น โอหยางโชวจึงพาพวกเขาไปที่คฤหาสน์ของลอร์ด

……………………………………………………………………………………………………..

ณ คฤหาสน์ของลอร์ด, ห้องโถงประชุม

หลังจากที่ทุกคนนั้งลง โอหยางโชวก็ยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ก่อนอื่น ข้าขอต้อนรับทุกคนสู่เมืองซานไห่ วันนี้เป็นวันชุมนุมครั้งแรกของพันธมิตรซานไห่ ในโอกาสที่หายากนี้ เพื่อเป็นการแสดงความปรารถนาดีของเรา เราจะจัดงานพิธีก่อตั้งพันธมิตรแบบง่ายๆ ทุกคนคิดว่าอย่างไร?”

“พี่ชายหวู่ยี่ แน่นอนว่าเราควรจัดงานพิธีก่อตั้งพันธมิตรอย่างเป็นทางการ ลอร์ดในสมัยโบราณก็มีงานพิธีการก่อตั้งพันธมิตร โดยมีพิธีต่างมากมาย ข้าคิดว่าผู้เล่นก็ควรทำเช่นกัน” ซุ่นหลงเตียนเซว่เป็นคนแรกที่เห็นด้วย

ไป๋ฮัวและกงเฉิงซีก็พยักหน้าเห็นด้วย เมื่อมู่หลายเยว่ได้ยินว่าจะจัดงานพิธี ตัวเธอที่ชื่นชอบความสนุก แน่นอนว่าย่อมไม่ยอมพลาดโอกาส

เมื่อเห็นว่าทุกคนเห็นด้วย โอหยางโชวก็ยืนขึ้น แล้วเดินนำพวกเขาไปที่ภูเขาด้านหลัง

ที่ภูเขาด้านหลัง สัตว์ประหลาดเหนียนทั้ง 2 ตัวมองดูฝูงชนที่เดินมา แต่พวกมันก็ไม่ได้สนใจพวกเขามากนัก พวกยังคงนอนอาบแดดอยู่เช่นเดิม

แต่สำหรับลอร์ดคนอื่นๆที่เห็นสัตว์ประหลาดเหนียน พวกเขาประหลาดใจมาก ทุกคนที่นี่ได้เข้าร่วมในเทศกาลวันส่งท้ายปีเก่า พวกเขาจึงรู้จักสิ่งมีชีวิตทั้ง 2 นี้

“อ๊า นั่นไม่ใช่สัตว์ประหลาดเหียนที่กินคนหรอกหรือ? พี่ชายหวู่ยี่ พวกมันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” มู่หลายเยว่ไม่สามารถทนความสงสัยของเธอได้ เธอจึงถามเขาด้วยความไร้เดียงสาของเธอ

ตั้งแต่ที่โอหยางโชวได้เลือกที่จะจัดพิธีการก่อตั้งพันธมิตรขึ้นที่ภูเขาด้านหลัง เขาก็ไม่ได้คิดที่จะซ่อนสัตว์ประหลาดเหนียนจากพันธมิตรของเขา เขาหัวเราะ แล้วอธิบายว่า “สบายใจได้ พวกมันจะไม่ทำร้ายใคร ในช่วงเทศกาล ข้าโชคดีที่มีม้วนกระดาษสัญญา แล้วสามารถทำสัญญากับมันได้สำเร็จ และตอนนี้ สัตว์ประหลาดเหนียนทั้ง 2 ตัวนี้ ก็ได้กลายเป็นผู้พิทักษ์ของเมืองซานไห่แล้ว พวกมันไม่ใช่สัตว์แห่งความหายนะอีกต่อไป แต่เป็นสัตว์แห่งความมงคล”

ความสงสัยของพวกเขาถูกทำให้กระจ่างด้วยการอธิบายนี้ แต่สิ่งที่โอหยางโชวเปิดเผยออกไปเป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถคาดการความล้ำลึกของเมืองซานไห่ได้เลย

ในสมัยโบราณ พิธีการก่อตั้งพันธมิตรมีหลายขั้นตอน หลุมสี่เหลี่ยมถูกขุดขึ้นที่ยอดเขา และภายในมีวัวกระทิง หูซ้ายของมันและเลือดถูกบรรจุในภาชนะ 2 ใบ แยกจากกัน จากนั้นเทียนเหวินจิงก็ใช้เลือดแทนหมึก เขียนสัญญาพันธมิตร

ฟ่านจงหยานถือภาชนะที่บรรจุเลือด และอ่านสนธิสัญญา ถ้าไม่มีการคัดค้านจากพันธมิตร สนธิสัญญาถูกอ่านอีกครั้ง โดยหันหน้าไปทางทิศเหนือ เพื่อถวายให้กับพระเจ้า หลังจากนั้น โอหยางโชวก็หยิบหูซ้ายของวัวกระทิงจากภาชนะ แล้วทาเลือดที่ริมฝีปากของเขา ตามด้วยสมาชิกในพันธมิตรของเขา สุดท้าย วัวกระทิงจะถูกฆ่า และถูกฝังพร้อมกับสนธิสัญญาในหลุ่มสี่เหลี่ยม นั่นเป็นอันเสร็จพิธี

ในระหว่างพิธี ลอรร์ดหญิงทั้ง 2 ไป๋ฮัวและมู่หลานเยว่ ไม่เต็มใจที่จะทาเลือดบนริมฝีปากของพวกเธอ ดังนั้น พวกเธอจึงแค่ทามันใต้ริมฝีปากล่างเท่านั้น ลอร์ดชายทุกคนใจดี พวกเขาเข้าใจการกระทำของพวกเธอ ดังนั้น พวกเขาจึงไม่ได้บังคับพวกเธอ อย่างไรก็ตาม กงเฉิงซีเป็นคนจริง เขาดื่มเลือดหลังจากที่ทามันที่ปากแล้ว

 

แฟนเพจ : TWOแปลไทย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด