ตอนที่แล้วSH – 19 สุสานโบราณ !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSH – 21 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย !

SH – 20 ยาเม็ดจตุโลหิต !


SH – 20 ยาเม็ดจตุโลหิต !

 

          เสี่ยวหม่าเหลือบตาและตอบกลับไปว่า "เห้ย ! ร่างกายของผมเต็มไปด้วยไขมัน มีเลือดไม่มากหรอก ทำไมคุณถึงไม่ให้คนข้างนอกมาช่วยบริจาคเลือดล่ะ ? "

 

          "สองพัน" กัวกล่าว

 

          ดวงตาของเสี่ยวมาเปลี่ยนไปและเขาพูดว่า "ห้าพัน!"

 

          “สามพัน!”

 

          "ตกลง คุณต้องการเลือดเท่าไหร่?" เสี่ยวหม่าถามขณะที่เขาเตรียมตัวม้วนแขนเสื้อขึ้น

 

          "ชามเล็ก ๆ ชามเดียวเอง" กัวอธิบายขณะที่หยิบชามที่มีขนาดเล็กๆจากกระเป๋าของเขา

 

          เสี่ยวหม่าได้เห็นชามที่ศิษย์พี่กัวหยิบออกมาและพูดออกมาทันที "ผมรู้ว่าคุณวางแผนไว้ ไอ้ชั่ว ! "

 

          จากนั้นกัวใช้มีดขนาดเล็กเพื่อกรีดนิ้วกลางของเสี่ยวหม่าและบีบเลือดออกใส่ชาม เขายังคงมีมนุษยธรรมอยู่บ้าง ในขณะที่เขาใช้เลือดจากเสี่ยวหม่าเพียงครึ่งชาม หลังจากนั้น เหยี่ยซ่าวยางได้จุดประกาย ใบไม้ แห้งบางส่วนและอุ่นที่ด้านล่างของชาม เพื่อช่วยกระตุ้นการแพร่กระจายของกลิ่นคาวเลือด เหยี่ยซ่าวยางเริ่มติดตั้งกับดักรอบตำแหน่งของพวกเขา เขาหยิบภาชนะบรรจุหมึกและใช้หมึกชามเพื่อวาดเส้นสีแดงสิบเส้นรอบ ๆ บริเวณหลังจากนั้นเขาได้วางเมล็ดข้าวไว้รอบๆบริเวณกับดัก

 

          หลังจากการเตรียมการของเขาเสร็จสมบูรณ์เขาเอาเลือดที่เหลืออยู่ในชามขนาดเล็กมาทาลงบนเสื้อของ เสี่ยวหม่า เสี่ยวหม่าตกใจ และเขาตะโกน "เฮ้ เฮ้ คุณกำลังทำอะไร? นีชุดวาเลนส์ติโน่ของปลอมมีมูลค่า 200 หยวน เลยน่ะ! "

 

          "ราชันผีดิบไม่ได้โง่เหมือนที่คุณคิด เขาจะหายตัวไปทันทีถ้าเขารู้ว่าไม่มีใครอยู่แถวนี้ ดังนั้นผมต้องการให้คุณยืนอยู่ตรงกลางกับดักและรอให้ราชันผีดิบมา ผมจะจัดการกับมันเมื่อมันมาถึงดังนั้นไม่ต้องกังวล "

 

          เหงื่อไหลปกคลุมหน้าผากเสี่ยวหม่า "เสี่ยวเหยี่ย ผม ... ผมจะไม่เป็นไรใช่มั้ย?"

 

          "แน่นอน มายืนตรงนี้สิ คุณยังต้องการสามพันหรือเปล่า?! "

 

          เสี่ยวหม่าดึงความกล้าหาญทั้งหมดที่เขามีและค่อยๆเดินเข้าไปในใจกลางของกับดัก

 

          ไม่นานหลังจากนั้นมีเสียงฝีเท้าหนักแน่น เสียงมันค่อยๆมาอย่างช้าๆสะท้อนออกมาจากทางเดิน ในเวลาเดียวกันก็ได้ยินเสียงสัตว์ร้ายคำราม ผีดิบผมขาวกำลังมา ! ขาของเสี่ยวหม่าเริ่มสั่นคลอน "เสี่ยวเหยี่ย ... "

 

          “อย่าทำให้เสียงใด ๆ รอจนกว่ามันจะเข้ามาใกล้และผมจะโจมตีมัน!”

 

          จากนั้น เหยี่ยซ่าวยางให้สัญญาณแก่พี่กัวและทั้งคู่ก็เข้าไปในห้องหนึ่งเพื่อหลบซ่อนและเตรียมตัว เสียงเท้ากำลังเดินเข้ามาใกล้ ๆ และตาของ เสี่ยวหม่ากว้างขึ้นขณะที่เขามองเข้าไปในห้องโถงมืดและรอให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ในที่สุดก็มีร่างมนุษย์สูงมากปรากฏตัว มันเหมือนกับเป็นร่างอสูรกายที่น่าสะพรึงกลัวที่ค่อยๆพุ่งเข้าหาเหยื่อของมัน ...

 

          ไม่ต้องรอให้เสียเวลาใดๆ เหยี่ยซ่าวยางและพี่กัวเอาชามเซรามิกสีดำเก่า ๆ และถุงเลือดสามใบ พวกเขารีบเทเลือดลงในชามดำและเริ่มที่จะกวนมัน จากนั้นเหยี่ยซ่าวยางกระพือกลิ่นและถามว่า "เลือดจากกระเป๋าเหล่านี้เป็นเลือดที่บริสุทธิ์ใช่มั้ย ?"

 

          "แน่นอนพวกมันคือเลือดหมูมองโกเลีย เลือดไก่ และเลือดลาดำ ผมควบคุมการผลิตเองทำให้แน่ใจว่าพวกมันเป็นเลือดที่ถูกต้อง แต่มันไม่ได้ผลกับราชันผีดิบไม่ใช่เหรอ ? "

 

          "แน่นอนว่ามันไร้ประโยชน์ นั่นเป็นเหตุผลที่ผมกำลังกลั่นยาจตุโลหิตขั้น 4 !

 

          คำพูดเหล่านี้ทำให้กัวรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับยาจตุโลหิต มาก่อนเลยในขณะที่เขาฝึกอยู่ในลัทธิเต๋า เขารู้แค่ยาจตุโลหิตขั้นที่ 3 เท่านั้น ในขณะที่เขากำลังจะเปิดปากของเขาและถามเหยี่ยซ่าวยางเกี่ยวกับยาเม็ดนี้ เหยี่ยซ่าวยางก็ทำท่าทางให้เขาเงียบและชี้ไปที่ประตู เมื่อพวกเขามองไปที่ทางเดินที่มืดพวกเขาเห็นร่างอสูรกายปรากฏขึ้นอย่างช้าๆ

 

          ผีดิบขนขาว !

 

          หัวใจของกัวเริ่มเต้นเร็ว เขามองไปที่เหยี่ยซ่าวยางและได้เห็นเขากรีดนิ้วกลางของเขาและบีบเลือดลงในส่วนผสมเลือดของสัตว์ 3 ชนิดทันใดนั้นกัวรู้ได้ทันที ว่ายาจตุโลหิตขั้น 4 นั้นจำเป็นต้องมีการเพิ่มเติมเลือดจากนักบุญระดับปรมจารย์ผสมผสามเข้าไปด้วย !

 

          ในตอนแรกกัวคิดว่าเขาจะสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้ แต่เขากลับลืมเรื่องนี้ไปเลย หลังจากเห็นส่วนผสมที่จำเป็นของนิกายเหม่าซ่าน จะผลิตได้มากที่สุดสามคน และเป็นการจะเป็นหนึ่งใน อาจารย์ผู้มีความสามารถระดับนั้นต้องใช้เวลา อย่างน้อยหนึ่งชั่วคน ดังนั้นวิธีเดียวที่เขาจะผลิตเม็ดเลือดขั้น 4 คือการฆ่าเหยี่ยซ่าวหยาง กัวส่ายหน้าด้วยความสิ้นหวัง จากนั้นเขาก็จ้องมองออกมาและเห็นว่ามีผีดิบขนขาวกำลังเดินผ่านเส้นสีแดงสิบเส้นแรกที่วางลงบนพื้น เสี่ยวหม่ายืนอยู่บนเส้นที่ 5 ดังนั้นระยะห่างระหว่างเขากับความตายจึงอยู่ห่างกันไม่ถึง 10 เมตรแล้ว !

 

          เส้นผมของผีดิบตนนี้ยุ่งเหยิงและยาวมาก ในขณะที่ขนขาวสั้นก็เติบโตขึ้นบนผิวสีดำ ใบหน้าของมันไม่มีเลือดเนื้อ มีเพียงหนามเขี้ยวที่ยาวและแหลมคมสองอันยื่นออกมาจากปากและแก้มด้านซ้ายของมันหลุดออกเผยให้เห็นกระดูกสีดำด้านใน สามารถมองเห็นหนอนตัวขาวที่คลานเข้าและออกจากปากได้ทั้งหมด  เสี่ยวหม่าเห็นแล้วรู้สึกรังเกียจมันอย่างมาก แต่ความรังเกียจไม่ได้เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดในตอนนี้ ปัญหาใหญ่ที่สุดจริงๆคือความกลัว ใบหน้าของเสี่ยวหม่าเริ่มซีดเผือกจางกว่าผิวของวิญญาณหญิงสาวคนก่อนหน้านี้ซะอีก  ใบหน้าของเขาผุดเหงื่อออกมามากและขาของเขาสั่นไม่หยุด.............

 

แม้ว่าเขาจะได้เห็นฉากที่น่ากลัวมาบ้างอย่างเช่นการตายที่น่าขยะแขยงและน่าสะพรึงกลัวของผีดิบ แต่เขาก็เคยแต่อยู่เบื้องหลังเหยี่ยซ่าวยางอยู่ตลอดเวลา ใกล้มากที่สุดก็เหมือนกับการดูหนังสยองขวัญ 3D แต่ตอนนี้เขากลายเป็นตัวละครหลักและเลวร้ายที่สุดแถมยังเป็นเหยื่อล่อของผีดิบอีกด้วย

 

ทันใดนั้นเขาจำได้ว่าพี่กัวเคยบอกอะไรบางอย่างทำให้เสี่ยวหม่ากลัวมากยิ่งขึ้น เขาจำได้ว่าทุกคนที่ราชันผีดิบตนนี้ฆ่าตาย หัวของพวกเขาแยกออกและสมองของพวกเขาถูกดูดออกไป ...

 

          ด้วยความคิดที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ทำให้เขาลืมคำแนะนำของเหยี่ยซ่าวยางไปทั้งหมด เขาตะโกนด้วยเสียงอันสั่นเคลือว่า "ช่วยผมด้วย เสี่ยวเหยี่ย!"

 

          ช่วงเวลาที่เขาตะโกนออกมาด้วยความกลัวผีดิบขนขาวก็จับสัมผัสของมนุษย์ได้ มันเหมือนกับว่าราชันผีดิบได้ล็อกเป้าหมายไว้แล้ว ทันใดนั้นก็เริ่มเดินเร็วขึ้นและรีบไปหาเสี่ยวหม่า ขณะที่เสี่ยวหม่ายืนอยู่ในความกลัวเขาก็สังเกตเห็นประกายไฟที่อยู่เบื้องหลังของผีดิบผมขาว มันลากดาบใหญ่ไปตามพื้นด้วย ไม่มีใครสามารถขวางกั้นดาบเล่มนี้ได้แม้แต่คนที่มีร่างกายแข็งแรงและบึกบันอย่างอาร์โนลด์ชวาร์เซเน็กเกอร์ เสี่ยวหม่ากลืนน้ำลายในปากของเขาขณะที่เขารู้สึกมึนงง เหมือนกับว่าร่างกายของเขาไม่ได้ฟังคำสั่งของเขาอีกต่อไปแล้ว !

 

          กัวหันไปหาเหยี่ยซ่าวหยางและบอกเขาว่า "ผมไม่คิดว่าเพื่อนของคุณจะสามารถล่อมันไว้ได้อีกต่อไป"

 

          "เจ้าคนโง่ ผมบอกเขาแล้วว่าไม่ให้ทำเสียงใด ๆ " เหยี่ยซ่าวยางยังอยู่ในช่วงของการผสมเลือดและให้ความร้อนเลือดเหล่านั้นด้วยกองไฟ ในตอนนี้พี่กัวทำได้เพียงเฝ้าดูและรอได้อย่างเดียวเพราะรู้ว่าตอนทำยาไม่สามารถวิ่งหรือเตรียมพร้อมล่วงหน้าได้เนื่องจากยาจะมีอายุเพียงสิบนาทีเท่านั้น !

 

ทันใดนั้นเกิดเสียงดังขึ้นและมีแสงเจิดจ้าส่องออกมาทางที่กัวยืนยู่ เมื่อเขาจ้องมองออกไปและเห็นว่าผีดิบขนขาวได้เหยียบกับดักเมล็ดข้าวแล้ว มันทำให้กับดักเกิดไฟลุกจากพื้นดิน เปลวไฟเผาชิ้นเนื้อเศษเล็กเศษน้อยของผีดิบตนนั้น ซึ่งทำให้เกิดของเหลวสีดำที่ไหลออกจากร่างกายของมันในขณะที่มันถูกเผาไหม้ ของเหลวระเหยกลายเป็นควันที่มีกลิ่นเหม็นอย่างรวดเร็วทันทีที่มันไหลออกจากตัวผีดิบ  พวกหนอนตัวสีขาวไม่อาจทนต่อความร้อนได้ดังนั้นพวกมันจึงคลานออกจากผีดิบอย่างรวดเร็ว แต่ทันทีที่พวกมันออกมาพวกมันก็ถูกไฟไหม้และระเบิดแล้วปล่อยน้ำสีเขียวไหลทะลักออกมา........

 

เสี่ยวหม่ายิ่งกลัวมากขึ้นและเขาก็กรีดร้องอย่างไม่สามารถควบคุมได้ "เหยี่ยซ่าวหยาง ไอ้เหี้Xนายต้องออกมาช่วยผมเดี๋ยวนี้หรือจะให้ผมวิ่งหนีตอนนี้เลย! "

 

การข่มขู่ของเสี่ยวหม่าดูเหมือนจะไม่ดึงดูดความสนใจของเหยี่ยซ่าวยางได้เลย แต่เสียงกรีดร้องของเขาทำให้ผีดิบขนขาวหันมาสนใจตัวเสี่ยวหม่ามากขึ้น มันไม่สนใจเปลวเพลิงที่ไหม้ตัวมันและรีบวิ่งไปหาเหยื่อของมัน เมื่อมันมาถึงตัวเสี่ยวหม่าอย่างรวดเร็ว และคว้าเข้าที่คอของเขาและยกเขาขึ้นเช่นไก่ตัวน้อย มันคำรามเสียงดังเมื่อมองไปที่เหยื่อในมือของมัน

 

เสี่ยวหม่ารู้สึกว่าผีดิบไม่ได้คิดว่าเขาเป็นคนวางกับดัก ดังนั้นเขาจึงรีบชี้ไปที่ห้องที่เหยี่ยซ่าวยางกำลังหลบซ่อนอยู่ เขาหวังว่าผีดิบตนนี้จะปล่อยตัวเขาไปและไปตามตัวการที่แท้จริง แต่น่าเสียดายที่ราชันผีดิบไม่สนใจคำอธิบายของเขา กลับกันมันเปิดปากของมันและส่งกลิ่นเหม็นน่ารังเกียจออกมากระทบใบหน้าของเสี่ยวหม่า เขาไม่สามารถทนมันได้อีกต่อไปและอาเจียนออกมารดใบหน้าของผีดิบ ผีดิบขนขาวคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวอย่างหนักและยกดาบใหญ่ไว้ในมือขวา จากนั้นเขาก็เหวี่ยงดาบลงไปที่เสี่ยวหม่า เมื่อดาบใหญ่กำลังฟาดลงมาไฟสีแดงก็ถูกยิงออกจากเส้นเลือดบนพื้น ลำแสงยิงขึ้นและกลายเป็นตาข่ายที่ห่อหุ้มตัวมัน จากนั้นตาข่ายรัดกุมและจำกัดการเคลื่อนไหวของผีดิบขนขาว

 

          ขณะที่มันพยายามดิ้นรนเพื่อแหกตาข่ายออกมานั้น ราชันผีดิบถูกบังคับให้ปล่อยตัวเสี่ยวหม่าลงด้วยมนต์ตราของตาข่าย เสี่ยวหม่าล้มลงกับพื้น สถานการณ์ตรงหน้าทำให้เขาตะลึงจนแทบไม่มีสติแล้ว

 

          "คุณรออะไรอยู่ รีบหนีไป!" เหยี่ยซ่าวยางตะโกนใส่เขา

 

"ขา ... ขาของผมไม่ได้ฟังคำสั่งผม ผมไม่สามารถขยับได้ "

 

เหยี่ยซ่าวหยางไม่มีเวลาสนใจเขา เขากลับรีบสร้างตราประทับมืออย่างรวดเร็วและ พึมพำบทสวดเพื่อควบคุมตาข่ายสีแดง จากนั้นตาข่ายสีแดงตามแนวนอนได้ตัดฉีกส่วนหนึ่งของผิวของผีดิบ การกระทำนี้ทำให้มีของเหลวสีดำและปราณหยินของผีดิบไหลออกมา ผีดิบขนขาวทิ้งดาบและใช้มือทั้งสองพยายามฉีกตาข่ายสีแดง จนมันขาดออกจากกัน จนสามารถโผล่หัวออกมาได้และมันได้ส่งเสียงคำรามดังลั่นไปทั่วบริเวณ ปากของมันเปิดกว้างเหมือนฉลามและตอนนี้มันกำลังจะกัดเสี่ยวหม่า........

 

          เสี่ยวหม่ารีบรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายและวิ่งหนีจากผีดิบและตะโกนใส่มันด้วยเสียงที่สั่นครือ "ทำไมคุณถึงมุ่งเป้าไปหาผม? ผมไม่ใช่คนที่ทำให้คุณเจ็บปวด ถ้าผมตายผมจะเป็นผีที่ไร้ความคิด ! "เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองผีดิบตนนั้น เขาก็เห็นหนอนสีขาวและของเหลวสีดำที่หยดออกมาจากปากซึ่งทำให้เสี่ยวหม่ากำลังจะอาเจียนอีกครั้ง

 

          เมื่อพวกเขาได้ยินเสียงแตกร้าวของตาข่ายแดงมากขึ้น ผีดิบขนขาวเกือบจะหนีออกจากตาข่ายแดงได้แล้ว พลังของเจ้าตัวนี้ ทำให้เหยี่ยซ่าวยางรู้สึกประหลาดใจเพราะแม้แต่ตาข่ายที่มีพลังมากก็ไม่สามารถหยุดมันได้ เหยี่ยซ่าวยางรีบลงตราประทับของมือและดึงเชือกสีชาดออกมาและเริ่มที่จะสังหารผีดิบขนขาว เส้นสีดำปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาขณะที่ เหยี่ยซ่าวหยางตบหน้า ผิวของมันแตกออกและ พลังหยินของมันก็ไหลทะลักออกมาเรื่อยๆ

 

          เหยี่ยซ่าวยางยังคงหวดแส้ใส่ผีดิบและสีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเหมือนเจอปัญหาใหญ่ เมื่อเขาเห็นว่าแส้ของเขาได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก เหยี่ยซ่าวยางเอาดาบจูโจ้วของเขามาและใช้เลือดของเขาทาลงบนดาบ จากนั้นเขาก็สวดมนต์เพื่อลงคาถาจะจัดการผีดิบตนนี้ เขาเอาดาบไม้ของเขาแทงไปที่อกของผีดิบ ในขณะที่เขายาจตุโลหิตขั้น 4 ในมืออีกข้างของเขาเขาวางแผนที่จะใส่ยาเม็ดนี้ลงในปากของผีดิบตนนั้นหลังจากที่เขาไปแทงอกของมัน

 

          อย่างไรก็ตามมันไม่เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ในขณะที่ดาบไม้ของเหยี่ยซ่าวยางพุ่งเข้าแทงผีดิบ มันช่างยากเย็นเหลือเกินเหมือนมีบางสิ่งที่ขวางดาบไม้ไม่ให้แทงทะลุตัวผีดิบได้ซึ่งมันทำให้เหยี่ยซ่าวยางรู้สึกประหลาดใจมาก จากนั้นเขาสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใต้ชั้นของเกราะโลหะอยู่ใต้เสื้อของมัน !

 

          ติดตามตอนต่อไปก่อนใครได้ที่ https://www.facebook.com/Tran.xend.vis/

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด