GE5 สร้างชื่อ
Chapter 0005 สร้างชื่อ
หนิงฝานในชุดขาวดำโดดเด่นเดินออกมาจากตำหนักซื่อฟานอย่างสบายๆ ในขณะที่จื่อเฮ่อเองก็เดินตามออกมาด้วยระยะห่างเพียง 2 ก้าว ผมเผ้าของนางจัดแต่งทรงดูเหมือนสาวน้อย นอกจากนี้ นางสวมใส่ชุดคลุมขนหมาป่าตัวหนา แต่มือน้อยๆทั้งสองข้าของนางยังมีสีแดงที่เกิดจากอากาศอันหนาวเย็น
“พี่หนิง ท่านไม่หนาวหรอ? ทำไมท่านถึงได้สวมใส่ชุดที่บางขนาดนั้น?”
จื่อเฮ่อถูมือไปมาพลางกล่าวถามด้วยความกังวล
“หนาวสิ แต่เพราะเจ้าถามข้าแบบนั้น ข้าก็เลยไม่รู้สึกหนาวอีกต่อไป... มันแปลกดีนะ”
หนิงฝานหันกลับมาเย้าหยอกนางทำให้ใบหน้าของจื่อเฮ่อแดงระเรื่อ
หนิงฝานถือโอกาสออกมาจากตำหนักซื่อฟานเพื่อทำยาถอนพิษและเขายังพาจื่อเฮ่อออกมาด้วย ทั้งสองต้องดูแลความรู้สึกที่มีต่อกัน เพราะตอนนี้ ทั้งสองคือสามีภรรยากันแล้ว
หากไม่ดูแลความสัมพันธ์ต่อกัน เมื่อถึงยามที่หนิงฝานต่อบ่มเพาะโดยการมีเพศสัมพันธ์กับจื่อเฮ่อ มันย่อมเป็นเรื่องยากที่หนิงฝานจะเรื่องนั้นทำได้
บรรยากาศระหว่างระหว่างหนุ่มน้อยผู้หล่อเหลาและสาวน้อยผู้เอียงอายช่างดียิ่งนัก เพียงแต่ ปีศาจเฒ่าหานได้ทำลายบรรยากาศนี้ลง
ปีศาจเฒ่าเดินมาเบื้องหน้าของทั้งสองคนก่อนจะเดินนำทางทั้งสองคนไป ตลอดทางที่ทั้ง 3 เดินผ่าน เหล่าผู้บ่มเพาะวิถีปีศาจทั้งหลายที่เห็นหนิงฝานต่างพาหลีกทางให้อย่างรวดเร็ว
“ฮ่าฮ่า พวกเจ้าทั้งสองพูดคุยกระหนุงกระหนิงกันต่อเถอะ คิดซะว่าข้าไม่ได้อยู่ตรงนี้ คนหนุ่มคนสาวนี่นะ… เห้อ… เมื่อยามที่ดอกไม้ผลิบาน พวกเจ้าต้องเด็ดมันทันที เพราะเดี๋ยวมันจะเหี่ยวเฉาเสียก่อน ฮ่าฮ่าฮ่า….”
ใบหน้าปีศาจเฒ่าแสดงออกถึงอาการตื่นเต้นแทนที่จะเป็นใบหน้าอันหม่นหมองเหมือนอย่างในอดีต ชายชรายิ้มแย้มราวกับดอกไม้ผลิบาน เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น? นั่นก็เพราะ ชายชรามีโอกาสที่จะได้ถอนพิษและรักษาเส้นโลหิตของเขา
เหล่าผู้บ่มเพาะวิถีปีศาจทั้งหลายที่่เห็นปีศาจเฒ่ายิ้ม กลับพากันหนีอย่างรวดเร็ว เพราะเท่าที่พวกเขาพบเจอมาในอดีต เมื่อใดก็ตามที่ปีศาจเฒ่าขมวดคิ้ว นั่นหมายถึงเขามีความสุข และเมื่อใดก็ตามที่ปีศาจเฒ่าหัวเราะ นั่นหมายถึงเขาต้องการฆ่า!
“เห้อ… หนุ่มน้อยผู้นี้คือศิษย์คนใหม่ของท่านเจ้าเมืองอย่างงั้นหรอ? มันจบแล้ว...เขาต้องไม่รอดแน่ๆเลย คนต้องทำอะไรสักอย่างให้เจ้าเมืองโกรธจนเป็นบ้าไปแล้วแน่เลย”
ทุกคนต่างเห็นใจและสงสารหนิงฝาน
พื้นที่ทางตอนใต้ของเมืองฉีเหมยคือตลาดที่มีเม็ดยาหลายชนิดและอาวุธวิญญาณวางขาย ส่วนทางตอนเหนือของเมืองคือคลังสมบัติและลานเม็ดยาของปีศาจเฒ่า
ลานเม็ดยามีชื่อเรียกว่า ‘ตำหนักเหมย’ สร้างขึ้นโดยใช้เพลิงกางไว้ทั้ง 4 มุมของคฤหาสน์ แก่นชีวิตของหญ้าที่ใช้ในการปรุงยานั้นอุดมสมบูรณ์ตลอดทั้ง 4 ฤดูกาล นอกจากนี้ที่คฤหาสน์เหมยยังมีข่ายพลังกางเอาไว้เพื่อกันไม่ให้ผู้คนเข้ามาข้างใน แต่ถึงอย่างนั้น แสงจากดวงอาทิตย์ยังคงสาดส่องผ่านข่ายพลังลงมาได้ตามปกติ ที่ภายนอกคฤหาสน์ มีกลุ่มกองกำลังสีดำทมิฬอยู่ประมาณ 400 คน ซึ่งบนเกราะไหล่ของพวกเขาก็ประดับไว้ด้วยดอกเหมยสีแดงโลหิตที่ผลิบานจำนวน 7 ดอก
ผู้นำของกองกำลังทมิฬคือบุรุษผู้สูงกว่า 2 จ้างและมีการบ่มเพาะอยู่ที่ขอบเขตประสานวิญญาณ หนิงฝานเคยพบชายคนนี้แล้วเมื่อยามที่กองกำลังทมิฬกล่าวต้อนรับปีศาจเฒ่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
เมื่อชายคนดังกล่าวเห็นปีศาจเฒ่าปรากฏตัวขึ้นเขาจึงรีบโค้งคำนับ ในฉับพลัน ส่วนทหารนกองคนที่เหลือต่างพากันคุกเข่าลง
“นายกององค์รักษ์เหมย ‘ยุ่ยฉี’ คารวะท่านจ้าวเมือง! คารวะนายน้อย...”
เหล่ากองทหารทั้งหมดต่างคุกเข้าให้หนิงฝานอย่างไม่เต็มใจ
“ไม่จำเป็นต้องมากพิธี พวกเจ้าทั้งหมดไปซะ….เดี๋ยว! วันนี้ข้าอารมณ์ดี พวกเจ้าไม่ต้องไปแล้ว มา...มาตรงนี้...มาให้ศิษย์ของข้าได้เห็นพวกเจ้า”
ชายชราหัวเราะขึ้น เสียงหัวเราะของปีศาจเฒ่าทำให้องค์รักษ์ทั้ง 400 คนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของปีศาจเฒ่า จึงได้รีบมารวมและจัดแถวเป็นวงกลมอย่างรวดเร็วขณะที่จิตใจพวกเขากระสับกระส่าย
จบสิ้นแล้ว! ท่านเจ้าเมืองกำลังหัวเราะ! ท่านอยากสังหารผู้คน! ท่านจะตำหนิพวกข้าว่าปกป้องคฤหาสน์เหมยไม่ดีอย่างงั้นหรอ?!
ขบวนวงกลมที่กององค์รักษ์จัดแถวนั้นมีเชื่อเรียกว่า “ค่ายกลเหมยปั่นพิภพป่วนสวรรค์” พวกเขาสูดหายใจเล็กน้อยก่อนจะที่ปรับเปลี่ยนตำแหน่งเข้ากระบวนแถวตามที่ได้ฝึกฝนมา
ฉากที่เห็นเบื้องหน้าทำให้ปีศาจเฒ่าพึงพอใจอย่างมาก นี่นับเป็นสิ่งเขาไม่ได้แสดงให้ใครดูมา 40 ปีแล้ว
“หนิงน้อย ดูนี่สิ… นี่คือกององค์รักษ์เหมย หนึ่งในสามกององค์รักษ์ของข้า! มีหนึ่งคนอยู่ในขอบเขตประสานวิญญาณ ส่วนอีก 400 คนที่เหลืออยู่ระดับ 5 ขอบเขตเปิดเส้นโลหิต พวกเขาสามารถทำลายเมืองเมืองหนึ่งได้อย่างง่ายดาย และยังสามารถทำลายนิกายฝ่ายธรรมะระดับ 2 ได้ด้วย หนิงน้อย...ลองประเมินกององค์รักษ์เหมยของข้าดูหน่อยสิ!”
ใบหน้าอันอิ่มเอมราวกับดอกไม้ผลิบานของปีศาจเฒ่าแสดงให้เห็นถึงท่าทางที่อยากอวดของเขา ปีศาจเฒ่าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงอยากได้ยินคำชมจากหนิงฝาน
แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อกององค์รักษ์เหมยทั้ง 400 คน ได้ยินคำยกยอจากปีศาจเฒ่ากลับทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว เพราะพวกเขาต่างต้องเผชิญกับภยัญตรายมามากมายนับไม่ถ้วนเพื่อปีศาจเฒ่าในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา แต่ปีศาจเฒ่ากลับไม่เคยชื่นชมพวกเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
พวกเขาหยุดสั่นเพราะความกลัวและเริ่มยืนตัวตรงนิ่ง พวกเขาพบว่าที่ปีศาจเฒ่าทำเช่นนี้ก็เพราะต้องการอวดขุมกำลังของตนต่อหน้าศิษย์คนใหม่ เพราะฉะนั้น พวกเขาต้องช่วยให้ปีศาจเฒ่าได้หน้าบ้างแล้ว!
เหล่ากององค์รักษ์ต่างไม่สนใจกับระดับการบ่มเพาะของหนิงฝาน
ทรงอำนาจ? แข็งแกร่ง? เหี้ยมหาญ? ชั่วร้าย? คำเหล่านี้คือคำเยินยอ พวกเขาไม่คิดว่าขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 1 อย่างหนิงฝานจะกล้ากล่าวคำที่รุนแรงเช่นนี้ต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญทั้ง 400 คนรวมถึงปีศาจเฒ่า
“เมื่ออาจารย์บอกให้ข้าประเมิณพวกเขา งั้นข้าจะกล่าวสักเล็กน้อย...”
หนิงฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ขณะกวาดสายตามองค่ายกลของเหล่าองค์รักษ์
หนิงฝานเป็นเพียงผู้บ่มเพาะในขอบเขตเปิดเส้นโลหิต แต่เมื่อหนิงฝานกวาดสายตาผ่านพวกเขา พวกเขากลับรู้สึกกังวลราวกับปีศาจเฒ่ากำลังตรวจสอบพวกเขาด้วยตัวเอง
นายน้อยผู้นี้ไม่ได้ธรรมดาเหมือนกับข่าวลือ
“องค์รักษ์ทั้ง 400 คนนี้ต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญศึกสงครามและยังมีผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตประสานวิญญาณเป็นผู้นำ หากพวกเขาได้รับคำสั่งอย่างถูกต้อง แม้แต่ปีศาจเฒ่าในขอบเขตแก่นทองคำยังยากที่จะรับมือ”
คำประเมิณของหนิงฝานแม่นยำเป็นอย่างมากทั้งยังฟังรื่นหู แต่ถึงอย่างนั้น คำประเมิณต่อมากลับเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อาจรับได้
“แต่ในตอนนี้...ดูเหมือนพวกเขายังขาดความดุร้ายไป”
เมื่อคำกล่าวของหนิงฝานหลุดออกมา ท่าทางของผู้เชี่ยวชาญทั้ง 400 คนพลันมืดมน... เด็กน้อยกลับกล้าโอหังพูดพล่ามไร้สาระและยังกล้าบอกว่าพวกเขายังดุร้ายไม่พอ
เหล่าองค์รักษ์ต่างติดตามปีศาจเฒ่าหานมาหลายปี ทั้งยังบดขยี้นิกายมามากมายตั้งแต่ที่หนิงฝานยังไม่เกิดซะด้วยซ้ำ! ช่างเป็นน้ำเสียงที่อวดดีเสียจริง! เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมในขอบเขตเปิดเส้นโลหิตคนนึงกลับกล้าดูถูกองค์รักษ์ทั้ง 400 คนอย่างพวกเขา!
ปีศาจเฒ่าพยักหน้าเล็กน้อย ดูเหมือนเขาจะเห็นด้วยคำกล่าวของหนิงฝาน เด็กน้อยอย่างหนิงฝานช่างน่าสนใจและยังมองสิ่งต่างๆได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
วันนี้ เรื่องเม็ดยารักษาถือเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องหลักคือการอวดหนิงฝานต่อหน้าเหล่าองค์รักษ์ เพราะไม่ว่ายังไง ตอนนี้หนิงฝานก็คือนายน้อยของเมืองฉีเหมยแห่งนี้ ดังนั้น หนิงฝานต้องโน้มน้าวผู้คนให้ได้
“ข้าคิดว่าที่หนิงฝานกล่าวมานั้นถูกต้อง พวกเจ้ายังโหดเหี้ยมไม่พอ….”
ทันทีที่ปีศาจเฒ่ากล่าว เหล่าองค์รักษ์ก็สงบลงทันที
พวกเขากล้าแย้งคำกล่าวของหนิงฝาน แต่ไม่กล้าขัดขืนคำกล่าวของปีศาจเฒ่า
“หากพวกเจ้าทั้งหมดโหดเหี้ยมพอ พวกเจ้าทั้งหมดควรจะต้องสู้กับคนที่ลบหลู่เจ้าตั้งแต่แรกเห็น!”
ปีศาจเฒ่ากล่าว
เดี๋ยวนะ!.. ข้าไปดูถูกพวกเขาเมื่อไหร่? หนิงฝานนิ่งเงียบไปชั่วครู่ขณะที่แววตาของเหล่าผู้คุ้มกันแต่ละคนทอประกายทำให้พวกเขา ดูน่าสะพรึงกลัว
“หากพวกเจ้าไม่ชอบคำประเมิณ งั้นก็ชักดาบออกมาแล้วเผชิญหน้ากับมันซะ…. นี่คือวิถีแห่งปีศาจ! หากเจ้ารู้สึกไม่พอใจ บางที...เจ้าคงต้องสั่งสอนเจ้าเด็กนี่สักหน่อยแล้วหล่ะ! แต่ทีละคนนะ ห้ามรุม!”
ปีศาจเฒ่ากล่าว
“โอ้!! วู้ฮู้!!”
ในกลุ่มองค์รักษ์ บุรุษผู้โหดเหี้ยมมากมายต่างเริ่มตะโกนขึ้น กระทั่งบางคนในระดับ 5 ขอบเขตเปิดเส้นโลหิตก็พุ่งออกมาจากกระบวนแถวแล้วหักกุมกำปั้นของตนต่อหน้าหนิงฝานซึ่งเป็นสัญญาณของการท้าทาย
“ผู้ใต้บังคับบัญชาผู้นี้ไม่เห็นด้วยกับคำประเมิณของท่าน จึงอยากสั่งสอนบทเรียนสักเล็กน้อยแก่นายน้อย... ด้วยวิธีนี้...บางทีพวกเราอาจะเข้าใจกันได้!”
หนิงฝานลูบหน้าผากอย่างเฉื่อยชาพลางสงสัยว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
“ท่านเจ้าเมืองน้อย… ท่านจะรับคำท้าของข้าหรือไม่? ถ้าไม่...งั้นก็ไสหัวออกไปจากเมืองฉีเหมย!”
ชายผู้นั้นถ่มน้ำลายลงพื้นพลางกล่าวอย่างโอหัง
ทันใดนั้น เหล่าองค์รักษ์ทั้ง 400 คนต่างยืนขึ้นและเริ่มส่งเสียงตะโกน
“ยอมรับเลย!”
“ถ้าไม่รับก็ไสหัวออกไปจากเมืองฉีเหมยซะ!”
“พวกข้าไม่ต้องการนายน้อยที่ไร้ประโยชน์!”
“แสดงทักษะของเจ้าให้พวกเขาเห็นสิ!”
“โอ้ว!! ฮู้ว!!”
จื่อเฮ้อโกรธเพราะนางรู้ว่าองค์รักษ์ทมิฬพวกนี้กำลังดูถูกพี่ใหญ่ของนาง
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของปีศาจเฒ่า เขาอยากเห็นว่าหนิงฝานจะจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกององค์รักษ์เหมยทั้ง 400 คน
ดี...เพราะนี่คือการแสดงพลังอำนาจของคน!
หากหนิงฝานที่เป็นศิษย์ของเขาไม่สามารถรับมือกับสถานะการณ์เช่นนี้ได้ เช่นนั้น สู้เขาตบหนิงฝานให้เหมือนกับเต้าหู้จนกว่าจะตายยังดีซะกว่า!
ปีศาจเฒ่าค่อนข้างคาดหวังกับการเปลี่ยนแปลงของหนิงฝานหลังจากที่หนิงฝานได้รับสร้อยหยก และยังคาดหวังกับวิธีที่หนิงฝานจะใช้แก้ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่
แต่โชคไม่ดี ที่ดูเหมือนหานหยวนจี๋จะลืมไปว่าหนิงฝานเพิ่งอยู่เพียงขอบเขตเปิดเส้นโลหิตที่ 1 ทั้งยังเพิ่งเปิดเส้นโลหิตได้ไม่นาน แล้วหนิงฝานจะสู้กับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตเปิดเส้นโลหิตทั้ง 400 นี้ได้อย่างไร? นั่นมันไม่ตลกไปหน่อยหรอ?...
หนิงฝานปล่อยมือของจื่อเฮ่อพลางลูบผมดำขลับของนางอย่างอ่อนโยน หนิงฝานปลอบโยนนางเพื่อไม่ให้นางต้องโกรธ
หลังจากนั้น หนิงฝานจึงก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวเพื่อตอบรับคำท้าทาย หนิงฝานนับเป็นเพียงผู้เริ่มต้นในเส้นทางการบ่มเพาะอย่างชัดเจน เพียงแต่ เขากลับสงบนิ่งอย่างไม่อาจบอกบรรยายได้
“ข้ารับคำท้าของเจ้า มาเริ่มกันเลย!” ………………………………...