เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 146 การกดขี่
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 146 การกดขี่
เจียงหยามองใบหน้าที่น่ากลัวของอวี๋เย่และลอบมีความสุขอยู่ในหัวใจ
ชายชราผู้นี้บังคับให้เขาพามาที่นี่ เจียงหยาเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับหนึ่งและเป็นเพียงผู้เยาว์ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงก้มศีรษะนำทางชายชราเท่านั้น
เจียงหยาถูกกดขี่โดยชายชรา มันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะรู้สึกอิจฉาบุคลิกที่เย็นชาของฟางหยวน
สำหรับอวี๋เย่ เขาต้องการสั่งสอนเด็กน้อยที่หยิ่งยโสผู้นี้สักสองสามครั้ง แต่เพื่อใบไม้แห่งชีวิต เขาจึงต้องอดทน "น้องชายฟางหยวน อย่าได้กล่าวเช่นนั้น เจ้ายังเด็ก เจ้ายังไม่เข้าใจความสำคัญเกี่ยวกับสายสัมพันธ์ของมนุษย์ เมื่อเวลานั้นมาถึง เจ้าจะต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่นๆ ลองคิดดู ในอนาคต หากเจ้ามาขอความช่วยเหลือจากข้าและได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกัน เจ้าจะรู้สึกอย่างไร?"
'สายสัมพันธ์ของมนุษย์? อ่อนหัด!' ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นอยู่ในหัวใจ
ความร่วมมือเกิดขึ้นเพียงเพราะความอ่อนแอของมนุษย์
สายสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นสิ่งสำคัญบนโลกมนุษย์ เพราะมันไม่มีความแตกต่างระหว่างความแข็งแกร่งของมนุษย์ธรรมดา แต่บนโลกวิญญาณของผู้ฝึกตนใบนี้ มันกลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
สายสัมพันธ์ของมนุษย์ขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของผู้คน หากคนผู้หนึ่งมีความแข็งแกร่งมากพอ พวกเขาไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสายสัมพันธ์ดังกล่าว
แต่นี่เป็นแนวคิดของปีศาจ เป็นธรรมชาติที่ฟางหยวนจะไม่กล่าวออกมา
อย่างไรก็ตามเมื่อเขาถูกรบกวน บางทีเขาอาจต้องทำธุรกิจครั้งนี้
ดังนั้นเขาจึงเริ่มกล่าว "แท้จริงแล้วมันไม่ใช่ว่าข้าไม่ต้องการขาย ใบไม้แห่งชีวิตหนึ่งใบราคาหกสิบแปดหินวิญญาณ ท่านต้องการเท่าใด?"
"อา!" อวี๋เย่สะดุ้งกับราคาของมันอยู่ที่หน้าประตูห้องก่อนจะเร่งถาม "น้องชายฟางหยวน ราคานี้สูงเกินไปหรือไม่?"
ฟางหยวนเย้ยหยัน "เช่นนั้นท่านก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ ท่านสามารถใช้คะแนนผลงานแลกเปลี่ยนใบไม้แห่งชีวิตกับตระกูล"
อวี๋เย่หัวเราะขมขื่น "ข้าจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร แต่ใบไม้แห่งชีวิตทั้งหมดของตระกูลถูกขายให้แก่บุคคลที่มีสายสัมพันธ์กับเหยาจี้แห่งห้องโถงพยาบาลเท่านั้น น้องชายฟางหยวน โปรดขายให้ข้าด้วย จากที่ข้าเห็น ราคาของมันควรจะอยู่ที่หกสิบหินวิญญาณ"
"ข้าไม่ใช่สถานสงเคราะห์คนชรา อย่าทำให้ข้าเสียเวลา เจ็ดสิบหินวิญญาณ หากไม่ซื้อก็ไปซะ" ฟางหยวนตอบ
ได้ยินเช่นนี้ช่วยไม่ได้ที่อวี๋เย่จะยิ่งขุ่นเคือง "ฟางหยวน เหตุใดเจ้าจึงทำธุรกิจเช่นนี้?"
ฟางหยวนหัวเราะ "มันจะเปลี่ยนไปตามเวลา เจ็ดสิบสองหินวิญญาณ ท่านทำให้ข้าเสียเวลาและทำให้ข้ารู้สึกไม่มีความสุข ดังนั้นข้าจะเพิ่มราคาขึ้นไปอีกทุกครั้งที่ท่านกล่าวเรื่องไร้สาระออกมา ข้าหวังว่าท่านจะรีบตัดสินใจ"
อวี๋เย่กลายเป็นเคร่งเครียด เขาต้องการกล่าวบางคำ แต่ทุกครั้งที่เขาเปิดปาก ราคาจะพุ่งสูงขึ้น ตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงหุบปากลงเท่านั้น
ใบหน้าของอวี๋เย่เปลี่ยนเป็นสีเขียวสลับแดง ขณะที่เจียงหยาลอบหัวเราะอยู่ในหัวใจ
สุดท้ายแล้วเขาจึงกัดฟันกล่าว "ตกลง ข้าซื้อมัน ข้าต้องการห้าใบ"
"ท่านสามารถมอบหินวิญญาณให้กับเจียงหยาและรอรับใบไม้แห่งชีวิตในอีกสามวัน" ฟางหยวนกล่าว
นี่เป็นการกดขี่อย่างชัดเจน แต่การซื้อขายแลกเปลี่ยน แน่นอนว่าเงินสำคัญที่สุด
ดังนั้นอวี๋เย่จึงไม่มีทางเลือกนอกจากมอบถุงเงินหลายใบให้กับเจียงหยา
มือของเขาสั่นเทาเล็กน้อยขณะส่งมอบถุงเงิน เพราะมันเป็นเงินเก็บตลอดหลายปีของเขา แต่ตอนนี้พวกมันกลับถูกส่งมอบให้แก่พ่อบ้าหน้าเลือดผู้หนึ่ง
สุดท้ายเขาจึงเดินจากไปด้วยความขัดใจอย่างที่สุด
"ท่านฟางหยวน นี่เป็นการแก้เผ็ดที่สาแก่ใจจริงๆ แต่ข้าเกรงว่ามันจะสร้างความขุ่นเคืองให้กับผู้อาวุโสอวี๋เย่ ชายชราผู้นี้ เมื่อครั้งยังเยาว์ เขามักจะสร้างปัญหาให้กับทุกคนที่เขาไม่พอใจและจะไม่ปล่อยไปง่ายๆ"เจียงหยากล่าวอย่างระมัดระวังอยู่หน้าห้อง
"ปล่อยเขาไป ผู้อาวุโสที่ต้องพึ่งพาสถานะเพื่อกดขี่ผู้เยาว์ เขาจะต้องถูกตระกูลกำจัดออกไปในที่สุด" ฟางหยวนเปิดประตูออกมารับถุงเงินจากเจียงหยา
ท่ามกลางภัยพิบัติคลื่นหมาป่า ตระกูลต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก แต่แน่นอนว่ามันมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องคัดกรองสมาชิก
การมีชีวิตอยู่ของชายชราผู้นี้ถือเป็นสูญเสียทรัพยากรไปอย่างเปล่าประโยชน์ ดังนั้นเขาจึงถูกกำหนดให้ต้องจากไป
ฝูงหมาป่าจะขับไล่หมาป่าชราและหมาป่าพิการออกจากฝูง ในสังคมมนุษย์ก็ไม่แตกต่าง แต่พวกเขาจะไม่แสดงออกอย่างชัดเจนและจะปิดบังโฉมหน้าปีศาจร้ายไว้ด้วยหน้ากากแห่งแสงสว่างโดยใช้วิธีระดมผู้ใช้วิญญาณชรากลุ่มนี้ให้เข้าสู่สนามรบเป็นการกำจัดจุดอ่อนออกไป
แล้วอวี๋เย่จะไม่เข้าใจเรื่องนี้ได้อย่างไร?
แต่การอยู่ในระบบ เป็นสมาชิกในสังคม พวกเขาย่อมไม่มีทางเลือก
ตระกูลใช้เหตุผลเพื่อปกป้องครอบครัวในการบังคับให้พวกเขาออกไปต่อสู้และเสียงสละ แล้วพวกเขาจะสามารถปฏิเสธงั้นหรือ?
บนโลกมนุษย์ หากกษัตริย์ต้องการให้ผู้ใดตาย พวกเขาก็ไม่สามารถมีชีวิต แต่ยังมีผู้คนอีกนับไม่ถ้วนยินดีต่อสู้แย่งชิงตำแหน่งผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเหนือหัว นี่คือความเย้ายวนใจและความโหดร้ายของระบบ
"ทุกครั้งที่เกิดภัยพิบัติคลื่นหมาป่า ผู้ใช้วิญญาณเฒ่าเหล่านี้จะต้องออกไปต่อสู้ แล้วมีกี่คนที่สามารถรอดชีวิต? ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงใบไม้แห่งชีวิตห้าใบ กระทั่งห้าสิบใบ มันก็ยังไม่เพียงพอให้พวกเขาหลบหนีจากความตาย" ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็น
ได้ยินน้ำเสียงของฟางหยวน ช่วยไม่ได้ที่เจียงหยาจะรู้สึกราวกับถูกแช่แข็ง
เขารู้สึกถึงกลิ่นอายที่เย็นเยียบจากฟางหยวน มันราวกับสายลมที่หนาวเหน็บจากขั้วโลกเหนือซึ่งทำให้เขาไม่สามารถแม้แต่จะเงยศีรษะขึ้นมา
ฟางหยวนจ้องมองเจียงหยาด้วยดวงตาที่ดำมืด "นับจากนี้นอกจากเวลาที่กำหนด อย่าได้มาหาข้า หากเจ้ากล้าฝ่าฝืนกฎของข้าก็จงเตรียมรับมือกับผลที่จะตามมา ที่ข้าขายใบไม้แห่งชีวิตให้กับเจ้าก็เป็นเพียงเพราะความสัมพันธ์ที่ดีของข้ากับพี่ชายเจ้าเท่านั้น แต่ทั้งหมดย่อมขึ้นอยู่กับการกระทำของเจ้าเอง"
ได้ยินถ้อยคำของฟางหยวน เจียงหยาไม่กล้าเปิดปากแม้แต่น้อย โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงสภาพที่น่าเศร้าของอวี๋เย่ ช่วยไม่ได้ที่เหงื่ออันเย็นเยียบจะไหลลงมาจากหน้าผากของเขา
"ต่อไปนี้เพิ่มราคาของใบไม้แห่งชีวิตเป็นเจ็ดสิบหินวิญญาณ" ฟางหยวนกล่าวต่อ
"เจ็ดสิบ!?" เจียงหยาตกใจและต้องกลืนน้ำลายคำโตลงคอ แต่หลังจากนั้นดวงตาของเขากลับส่องประกายเพราะเขาสามารถมองเห็นหินวิญญาณจำนวนมากที่จะหลั่งไหลเข้ามา
แต่เขายังค่อนข้างหวาดกลัวและเอ่ยถามด้วยเสียงที่แผ่วเบา "ท่านฟางหยวน การเพิ่มราคาเช่นนี้ ผู้คนจะคิดว่าเราแสวงหาผลประโยชน์ในคราวเคราะห์ของพวกเขาหรือไม่? หากพวกเราทำเช่นนี้ มันอาจทำให้ผู้คนไม่พอใจ"
"ผู้คนไม่พอใจ? ฮืม แล้วพวกเขาจะทำสิ่งใดได้? ทำตามที่ข้าสั่ง หากบางคนต้องการสร้างปัญหา บอกพวกเขาว่าใบไม้แห่งชีวิตเป็นของข้า" ฟางหยวนเย้ยหยัน
"ได้ ได้ ได้" เจียงหยาพยักหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน นี่เป็นคำพูดที่เขาต้องการได้ยินจากฟางหยวนมากที่สุด
ทั้งหมดก็คือเขาเป็นเพียงสุนัขรับใช้ตัวหนึ่งที่ไม่สามารถรับมือผู้คนจำนวนมาก ดังนั้นเขาจึงต้องโยนปัญหาเหล่านั้นให้กับฟางหยวน
แม้แต่แมลงตัวเล็กตัวน้อยยังมีวิธีเอาชีวิตรอดของตนเอง ความในใจของเจียงหยา ฟางหยวนจะไม่รู้ได้อย่างไร
ด้วยความแตกต่างของระดับการบ่มเพาะและความแตกต่างของประสบการณ์ มันทำให้ฟางหยวนมีวิถีชีวิตที่แตกต่างออกไป
เมื่อใดที่เขาใช้งานวิญญาณรากพฤกษาทองแดง เขาจะกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองขั้นสุดยอดที่ใกล้เคียงกับระดับสาม มันเป็นการเติบโตก้าวแรกและหมายถึงชีวิตที่จะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
ในอดีตเขาจำเป็นต้องกดตนเองให้ต่ำเพราะความแข็งแกร่งของเขายังไม่เพียงพอ แต่ตอนนี้เขาสามารถกดขี่ผู้คนและมีเพียงการกดขี่ที่จะทำให้เขาได้รับผลประโยชน์สูงสุด
สำหรับเรื่องนี้เจียงหยายังมีประโยชน์กับเขาอยู่บ้าง แม้เจียงหยาจะทำเรื่องผิดพลาดเล็กน้อยแต่ตราบเท่าที่เจียงหยาไม่ฝ่าฝืนกฎของเขา ฟางหยวนก็ยังสามารถอนุโลม
หากเป็นช่วงเวลาสงบสุข พวกเขาอาจพบปัญหา แต่ตอนนี้ตระกูลกำลังเผชิญหน้ากับภัยพิบัติคลื่นหมาป่า ผู้ใดจะสนใจเรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้?
ทั้งหมดก็คือหลังจากภัยพิบัติคลื่นหมาป่า ไม่มีผู้ใดรับประกันได้ว่าหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลจะยังคงอยู่หรือไม่?
ครึ่งเดือนต่อมา
ฝูงหมาป่าสายฟ้าราวกับคลื่นทะเลที่สาดซัดเข้ามาอย่างรุนแรง เป็นเหตุให้ผู้ใช้วิญญาณต้องล่าถอยกลับมาอย่างต่อเนื่อง
"ซ่งหยวนเจิ้น เจ้าต้องอดทนเอาไว้ หมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลอยู่อีกไม่ไกลแล้ว" ซ่งเจียวม่านตะโกนเสียงดังไปยังสมาชิกที่นอนอยู่บนพื้น
"พี่สาวผู้นำ ข้าไม่สามารถทนได้อีกต่อไปแล้ว ข้ามีบางสิ่งในหัวใจที่ต้องบอกท่าน..." ซ่งหยวนเจิ้นพยายามสูดหายใจด้วยใบหน้าที่ราวกับกำลังจะตาย
"เอาล่ะ พูดมา!" ซ่งเจียวม่านร้องไห้ เธอรู้มานานแล้วว่าซ่งหยวนเจิ้นแอบรักเธออยู่ แน่นอนว่าเธอรู้ว่าเขาต้องการกล่าวสิ่งใด
ซ่งหยวนเจิ้นพยายามกล่าวถ้อยคำสุดท้ายในชีวิต "ข้า...รัก...ท่าน"
หลังจากนั้นเขาจึงเสียชีวิตลงด้วยอาการบาดเจ็บที่ร้ายแรงจนเกินเยียวยา
"พี่สาว เหตุร้าย! หมาป่าสายฟ้าเดือดอีกฝูงกำลังใกล้เข้ามา!" ผู้ใช้วิญญาณสายตรวจสอบกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว
ซ่งเจียวม่านวางร่างของซ่งหยวนเจิ้นลงบนพื้น เธอเป็นหัวหน้ากลุ่มที่ต้องดูแลสมาชิกทุกคน
คนตายจากไปแล้ว แต่คนเป็นยังต้องเผชิญหน้ากับความโหดร้ายของโลกใบนี้ต่อไป
"พวกหมาป่าบัดซบ! ที่นี่จะเป็นที่ตายของพวกเจ้า!" ซ่งเจียวม่านสบถสาปแช่งด้วยร่างกายที่ยั่วยวนและใบหน้าที่งดงามของเธอ
ได้ยินถ้อยคำของหัวหน้า สมาชิกในกลุ่มจึงสามารถสงบจิตใจลงได้เล็กน้อย
ซ่งเจียวม่านสามารถสังหารหมาป่าสายฟ้าเดือดหนึ่งตัวและสามารถรับมือฝูงหมาป่าสายฟ้าเดือดสองฝูง แต่กับฝูงหมาป่าสายฟ้าเดือดถึงสี่ฝูง สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงการล่าถอยและส่งสัญญาณของความช่วยเหลือเท่านั้น
"ไปที่หุบเขา!" ซ่งเจียวม่านตะโกนออกคำสั่งหมียักษ์ให้ปกป้องสมาชิกในกลุ่ม
หมียักษ์สองตัวที่ถูกเลี้ยงดูมาโดยซ่งเจียวม่านกระโดดออกมาจากด้านหลังของเธอ ตัวหนึ่งสีน้ำตาล อีกตัวสีดำ อย่างไรก็ตามร่างกายของพวกมันทั้งสองกลับเต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย
หมีทั้งสองตัวถูกทิ้งไว้ต่อต้านฝูงหมาป่า ขณะที่พวกเธอล่าถอยออกไป หมีดำต่อสู้กับหมาป่าหลายสิบตัวก่อนจะถูกสังหารในที่สุด
วิญญาณที่อยู่ในร่างหมีดำลอยออกมาและบินกลับไปหาซ่งเจียวม่าน
นี่คือวิญญาณผู้พิทักษ์หมี
มันสามารถปลูกถ่ายเข้าไปในร่างของหมีเพื่อเปลี่ยนพวกมันให้กลายเป็นทาส
แน่นอนว่ามันสามารถใช้ได้กับหมีธรรมดาเท่านั้น เพราะวิญญาณผู้พิทักษ์หมีเป็นเพียงวิญญาณระดับสองที่ยังไม่สามารถควบคุมราชาหมี
หากมันสามารถควบคุมราชาหมี แม้จะเป็นราชันร้อยอสูรที่อ่อนแอที่สุด มันก็ยังมีประโยชน์อย่างมากเพราะนั่นหมายความว่าเธอหรือเขาจะกลายเป็นผู้บังคับบัญชาฝูงหมีนับร้อยนั่นเอง
"ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงภาวนาให้กำลังเสริมมาถึงอย่างรวดเร็วที่สุด" ซ่งเจียวม่านถอนหายใจ
แม้พวกเขาจะล่าถอนกลับมายังหุบเขา แต่วิกฤตยังไม่ถูกแก้ไข
"หือ" เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงสายหนึ่งดังขึ้นจากเนินเขาด้านบน
ทุกคนเงยหน้าขึ้นไป
"มันเป็นเขา..."
"ผู้ใช้วิญญาณฟางหยวน!"
ในจังหวะนี้ผู้ใช้วิญญาณทั้งเจ็ดของตระกูลซ่งกลับแสดงออกด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
พรุ่งนี้งด