TWO Chapter 118 กองทัพเรือเป่ยไห่
TWO Chapter 118 กองทัพเรือเป่ยไห่
โอหยางโชวและผู้นำเผ่าเทียนเฟิง ต้าเรี่ยชิ ต่างก็ไม่รู้เรื่องการสนทนาในเต้นท์ของผู้นำเผ่าเทียนฉี
ณ เต้าหัวหน้าเผ่าเทียนเฟิง
“ฮูฉีถู เจ้าคิดเช่นไรเกี่ยวกับการที่เผ่าเทียนเหลียนถูกกวาดล้าง?” ต้าเรี่ยชิถาม
ห่างจากต้าเรี่ยชิไม่ไกล เป็นชายหนุ่มอายุ 20 ปี ตัวสูง ร่างกายกำยำ มีใบหน้าหล่อเหลา และผมที่หยิกของเขายังช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับเขามากขึ้นอีก ชายหนุ่มคนนี้คือ ฮูฉีถู ซึ่งเป็นขุนพลเพียงคนเดียวของเผ่าเทียนเฟิง เขาเป็นผู้นำทหารเกือบทุกคนของเผ่าเทียนเฟิง ยกเว้นเพียงผู้พิทักษ์ชั้นสูงของต้าไรชิเท่านั้น
เมื่อรู้ว่าเผ่าเทียนเหลียนถูกกวาดล้าง ฮูฉีถูก็รีบไปที่เกิดเหตุอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ หลังจากที่ตรวจสอบซากศพชาวเผ่า เขาก็มีข้อสรุปเดียวกับหลาคเซิ่น สิ่งที่แตกต่างก็คือ ฮูฉีถูรู้ว่านี่ไม่ใช่ผีมือของเผ่าเขา
จากมุมมองของฮูฉีถู ความจริงของเหตุการณ์ครั้งนี้ ถูกปกคลุมด้วยชั้นหมอกหนา มันป้องกันไม่ให้ผู้คนรู้ความจริง เผ่ารอบๆไม่มีแรงจูงใจที่จะทำ แต่เหตุการณ์ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
“ท่านผู้นำ เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องที่แปลกมาก ข้าคิดว่ามีบางเผ่าพยายามที่จะทำลายเรา” ฮูฉีถูกล่าวอย่างระมัดระวัง
ต้าเรี่ยชิขมวดคิ้ว แล้วกล่าวว่า “ใช่ ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้มีเจตนาดี พวกเขาต้องการกระตุ้นความสัมพันธ์ของเรากับเผ่าเทียนฉี”
“ท่านคิดว่าใครทำแบบนี้?” ฮูฉีถูถาม
ต้าเรี่ยชิส่ายหัว แล้วกล่าวว่า “ข้าไม่แน่ใจ มันอาจเป็นชนเผ่าทางตะวันตก หรืออาจจะเป็นชนเผ่าทางเหนือ หรือแม้แต่เผ่าเทียนฉีเองก็อาจจะเป็นคนทำก็ได้”
“เผ่าเทียนฉี?” ฮูฉีถูกล่าวด้วยความตกใจ
“ใช่ เมิ่งเค่อเป็นจิ้งจอกเฒ่า เพื่อที่จะปราบๆปรามเผ่าขนาดเล็ก เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง อย่าลืมว่าเขามีฉายาว่า ‘คนโหดร้ายกระหายเลือด’ ถ้ามีเหตุผลมากพอให้เขาทำการปราบปราม เผ่าเล็กๆพวกนั้นก็ไม่มีความหมายอะไรเลย”
ฮูฉีถูไม่อยากเชื่อ แล้วกล่าวว่า “ท่านผู้นำ ข้ายังไม่เข้าใจ ถ้าเป็นเผ่าเทียนฉี พวกเขาควรส่งคนมาที่นี่เพื่อถามเรา แต่ตอนนี้พวกเขากลับยังไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเลย”
“นั่นก็ใช่ มันเป็นเหตุผลที่ข้ายังไม่เข้าใจ และทำให้ข้าสับสน” แม้ว่าเขาจะมีความสามารถ แต่เขาก็ยังคิดมันไม่ออก
“หรือจะเป็นเพื่อนบ้านใหม่ของพวกเราจากทางใต้?” ฮูฉีถูถามอย่างลังเล
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของต้าเรี่ยชิเต้นผิดจังหวะ แต่เขาก็ส่ายหัว แล้วกล่าวว่า “ไม่น่าจะใช่พวกเขา ประการแรก พวกเขายังไม่มีกำลังมากพอที่จะทำเช่นนั้นในตอนนี้, ประการที่ 2 พวกเขาไม่มีแรงจูงใจที่จะทำมัน, อย่างที่เจ้าเห็น พวกเขาหวังว่าจะรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับเผ่าของเราต่อไป ดังนั้น พวกเขาคงไม่หาเรื่องใส่ตัวแน่”
ฮูฉีถูก็ไม่อยากเชื่อสิ่งที่ตัวเองเพิ่งกล่าวไปเช่นกัน หลังจากได้ยินคำกล่าวของผู้นำเผ่าของตน ความสับสนของเขาก็ลง แต่ในใจลึกๆของเขาก็ยังคงคิดถึงความเป็นไปได้นี้อยู่
“อย่างไรก็ตาม มันได้เกิดขึ้นไปแล้ว และมันคงไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้ จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอนาคตอย่างแน่นอน ซึ่งข้ายังไม่สามารถคาดเดาได้ในตอนนี้ แต่ไม่ว่าอะไรจะเปลี่ยนแปลง เราจะต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับศัตรูทุกเมื่อ” เขากล่าวอย่างจริงจัง “ฮูฉีถู สั่งกองกำลังของเจ้า บอกพวกเขาว่าอย่าได้หย่อนยานเวรยามลง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม และในช่วงนี้ ให้ลาดตระเวณชายแดนอย่างแข็งขัน นอกจากนี้ จงเพิ่มกำลังทหารให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเจ้าก็สามารถไปเจรจาการค้ากับเมืองมิตรภาพที่อยู่ทางใต้ได้ เพื่อแลกเปลี่ยนแร่เหล็กให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้”
“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ!” ฮูฉีถูกล่าวเสียงดัง
หลังจากที่ฮูฉีถูออกจากเต้นท์ ต้าเรี่ยชิมองไปด้านบนของเต้นท์ ราวกับว่าเขามองผ่านเต้นท์ไปยังท้องฟ้าได้โดยตรง จากนั้นเขาก็พึมพำ “พายุใหญ่กำลังจะมาถึง เทพแห่งทุ่งหญ้า นี่เป็นโอกาสของเผ่าเทียนเฟิง พวกเราจะยืนขึ้นและกลายเป็นเผ่าอันยิ่งใหญ่ที่สุดในทุ่งหญ้า”
…………………………………………………………………………………………………………
ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 5 วันที่ 11 ณ ท่าเรือเมืองเป่ยไห่
หลังจาก 1 เดือน ของการก่อสร้าง ในที่สุด ท่าเรือเป่ยไห่ก็เสร็จสมบูรณ์ ท่าเรือเป่ยไห่ตั้งอยู่ใกล้ปากอ่าว มันเป็นท่าเรือที่มีการป้องกันจากธรรมชาติสำหรับเรือที่จอดเทียบท่า
ท่าเรือเป่ยไห่ได้ถูกสร้างขึ้น เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร ส่วนใหญ่จะให้บริการกับกองทัพเรือ การบริการมีตั้งแต่ การจัดหาพื้นที่สำหรับเทียบท่าเรือรบ, วัสดุ, พี่พักพิง, อุปกรณ์ และอื่นๆ ดังนั้น ท่าเรือเป่ยไห่จึงเป็นที่รู้กันว่า เป็นฐานทัพเรือที่เพียบพร้อมด้วยเทคโนโลยี และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ค่ายทหารได้รับการโอนย้ายไปยังท่าเทียบเรือเป่ยไห่ทันที หลังจากที่ท่าเทียบเรือสร้างเสร็จ
สถานะปัจจุบันของท่าเทียบเรือเป่ยไห่ ยังคงรับผิดชอบการเป็นท่าเทียบเทียบเรือของการทำประมงอีกด้วย โดยอนุญาติให้เรือประมงเทียบท่าและขนถ่ายสินค้า จัดหาที่พักและทรัพยากรที่จำเป็นให้กับชาวประมง นอกจากนี้ ยังให้บริการอื่นๆอีก เช่น การประมวลผลการจับปลา, การบำรุงรักษาเรือ, การผลิตเครื่องมือประมง และที่พักสำหรับลูกเรือ
ทางตอนใต้ของเมืองเป่ยไห่ คืออ่าวเหนือในทะเลใต้ เกาะที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวเหนือก็คือ เกาะชิงโจว เกาะนี้มีขนาดความกว้างและยาวเป็น 10 เท่าของขนาดจริง มันจึงมีพื้นที่มากถึง 350,000 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 1.5 เท่า ของขนาดแอ่งเหลียนโจวในโลกจริง และยังมีเกาะขนาดเล็กอื่นๆ นอกจากเกาะชิงโจวอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เกาะส่วนใหญ่ไม่มีผู้อยู่อาศัย พวกมันส่วนใหญ่เป็นเพียงเกาะร้าง มีบางเกาะที่มีระบบนิเวศที่เหมาะสม มีแหล่งทรัพยากรสำหรับการอยู่อาศัยจำนวนมาก มีทั้งทะเลสาบและแม่น้ำบนเกาะ และมันทำให้เกาะเหล่านี้กลายเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับพวกโจรสลัด
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่พื้นที่ในเกมส์ใหญ่กว่าโลกจริง เกาะเหล่านี้ก็ยิ่งเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ โอหยางโชวจึงตัดสินใจ สั่งให้กองเรือรบของเขาเปิดเส้นทางสู่เกาะเหล่านี้
ที่ไหนซักแห่งในมุมตะวันตกเฉียงเหนือของอ่าวเหนือ ใกล้ชายแดนระหว่างเวียดนามและจีน มีเกาะขนาดใหญ่ชื่อว่าเกาะพระจัทน์ เกาะนี้มีขนาดพื้นที่ 50 ตารางกิโลเมตร เทียบเท่ากับพื้นที่ของหมู่บ้านระดับ 2 ในโลกจริง เกาะนี้มีขนาดเพียง ครึ่งตามรางกิโลเมตรเท่านั้น
เกาะพระจันทร์เป็นที่ตั้งของกลุ่มโจรสลัด ประมาณ 3,000 คน พวกเขาเรียกตัวเองว่า กลุ่มโจรสลัดฉลามดำ ผู้นำของพวกเราถูกเรียกว่า เคราดำ เนื่องจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของเกาะพระจันทร์ที่ตั้งอยู่ใกล้ชายแดนเวียดนาม เป้าหมายหลักของพวกเขา คือ การปล้นสะดมจากหมู่บ้านชายฝั่งของประเทศเวียดนาม
ในพื้นที่ชายฝั่งของประเทศเวียดนาม เคราดำนับเป็นฝันร้าย โดยเฉพาะในหมู่ผู้เล่นลอร์ด นับตั้งแต่เริ่มเกมส์ กลุ่มโจรสลัดฉลามดำ ที่นำโดยเคราดำ ได้บุกโจมตีหมู่บ้านของผู้เล่นลอร์ดแล้วไม่ต่ำกว่า 30 แห่ง
แน่นอนว่า กลุ่มโจรสลัดฉลามดำรู้ขีดจำกัดของตนเอง และไม่เคยพยายามที่จะทดสอบโชคของพวกตน โดยการกระตุ้นเมืองที่ถูกสร้างโดยระบบ
อยู่มาวันหนึ่ง ราวกับว่าพวกเขากำลังบ้าคลั่ง กลุ่มโจรสลัดไม่ได้บุกโจมตีหมู่บ้านชายฝั่งเวียดนาม แต่มุ่งหน้าขึ้นเหนือไปยังชายฝั่งของประเทศจีน
แต่หน่วยลาดตระเวณได้เห็นพวกเขาก่อนที่กลุ่มโจรสลัดฉลามดำจะมาถึงเมืองเป่ยไห่ ในขณะที่เตรียมพร้อมสำหรับการเผชิญหน้า ทหารเรือในเรือรบเมิ่งชงได้เข้าสู่สภาวะฉุกเฉิน ทันทีที่พบเรือโจรสลัด
ในครั้งนี้ เคราดำได้นำเรือโจรสลัด 3 ลำมาพร้อมกับเขา ซึ่งประกอบไปด้วยโจรสลัด 300 คน เขาตกใจเมื่อเห็นเรือรบเมิ่งชง และเขายิ่งตกใจมากขึ้น เมื่อเห็นท่าเรือเป่ยไห่ปรากฎในสายตาของเขา เนื่องจากท่าเรือแบบนี้มีอยู่ในเมืองของระบบเท่านั้น
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อเห็นพลุที่ถูกยิงโดยหน่วยลาดตระเวณ เผ่ยตงหลายรีบลงเรือ และนำเรือรบเมิ่งชง 4 ลำ ไปยังที่เกิดเหตุ เรือรบเมิ่งชงถูกออกแบบมาให้ยาวและแคบ เพื่อความคล่องตัว และเพื่อทะลวงขบวนเรือของศัตรู
ห้องโดยสารและชั้นใต้เรือถูกปกคลุมด้วยหนังวัว เพื่อเพิ่มความต้านทานไฟของเรา ทั้ง 2 ด้านของเรือมีช่องว่างสำหรับไม้พาย เหนือดาดฟ้ามีห้องโดยสาร 3 ชั้น ทั้งหมดถูกห่อหุ้มด้วยหนังวัวเช่นกัน ห้องโดยสารแต่ละชั้นเป็นพื้นที่สำหรับวางหน้าไม้
ดังนั้น ในเวลาเพียง 20 นาที ขณะที่เคราดำลังเล เรือรบ 4 ลำ ของเผ่ยตงหลายก็ได้เข้าร่วมกับหน่วยลาดตระเวณ
เมื่อความเหนือกว่าของเรือรบเมิ่งชง ควบคู่กับการขาดข้อมูลของฝ่ายตรงข้าม เคราดำจึงสั่งให้ล่าถอยโดยไม่ลังเล
เมื่อเห็นพวกโจรสลัดล่าถอยไป เผ่ยตงหลายก็ไล่ล่าศัตรูอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะสั่งให้ถอยกลับฐานทัพ
มีสาเหตุอยู่หลายประการที่ทำให้เผ่ยตงหลายไม่ได้ไล่ตามพวกโจรสลัดต่อ ประการแรก ช่องว่างความแข็งแกร่งระหว่างพวกเขาและกลุ่มโจรสลัดมีไม่มากนัก ดังนั้น พวกเขาจึงไม่สามารถกำราบพวกโจรสลัดด้วยกำลังได้ เหตุผลที่ 2 กองทัพเรือยังไม่มีประสบการณ์ต่อสู้จริง ดังนั้น หากพวกเขายังจะต่อสู้กับกลุ่มโจรสลัด มันคงหลีกเลี่ยงความสูญเสียไม่ได้
เป็นไปตามศิลปะสงคราม มันไม่ใช่เรื่องฉลาด ที่จะไล่ล่าหลังจากที่ศัตรูล่าถอยโดยปราศจากเหตุผล ไม่ต้องกล่าวถึงว่ากลุ่มโจรสลัดนี้มีกำลังที่เข้มแข็ง
หลังจากกลับมาที่เมืองเป่ยไห่แล้ว เผ่ยตงหลายได้เขียนรายงานเกี่ยวกับการเผชิญหน้านี้ แล้วส่งให้โอหยางโชวเพื่อขอคำสั่งจากเขา
…………………………………………………………………………………………………………
ไกอา ปีที่ 1 เดือนที่ 5 วันที่ 12 โอหยางโชวรับรายงานด่วนจากกองทัพเรือ
หลังจากอ่านจดหมายแล้ว ความคิดนับพันก็วิ่งไปรอบๆหัวของโอหยางโชวอย่างบ้าคลั่ง การเผชิญหน้าครั้งนี้ทำให้โจรสลัดได้รู้ถึงการคงอยู่ของเมืองเป่ยไห่ และมันจะทำให้เมืองไม่สามารถพัฒนาอย่างสงบได้
เพื่อปกป้องเมืองเป่ยไห่และเพื่อความปลอดภัยของป้อมปราการเชิงกลยุทธ์นี้ โอหยางโชวเขียนจดหมายถึงเผ่ยตงหลาย สั่งให้เขาขยายกองทัพเรือ ในเวลาเดียวกัน เขาได้สั่งให้เผ่ยตงหลายหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโจรสลัดโดยเร็วที่สุด ถ้าเป็นไปได้ ควรหาที่ซ่อนของพวกโจรสลัดให้เจอ
โอหยางโชวคิดว่า การกำจัดพวกโจรสลัดเป็นทางเดียวที่จะทำให้เมืองเป่ยไห่พัฒนาได้อย่างสงบสุข ถ้าพวกเขาไม่ทำ ก็มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่จะรู้ว่า พวกมันจะโผล่มาโจมตีพวกเขาเมื่อไหร่
แฟนเพจ : TWOแปลไทย