ตอนที่แล้วSH – 16 ตื่นจากฝัน !
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSH – 18 ระดับพลังของเหล่าผีดิบ !

SH – 17 ราชันผีดิบ !


SH – 17 ราชันผีดิบ !

 

          เหยี่ยซ่าวหยางหลบไปนอนกลางวัน เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็เป็นช่วงบ่ายแล้ว และเฉินหยู่ก็ได้จากไปแล้ว ในขณะเดียวกันเสี่ยวหม่าก็กำลังนอนหลับราวกับซากศพอยู่บนเตียง หลังจากนิ่งคิดไปสักครู่เหยี่ยซ่าวหยางก็ตัดสินใจได้ว่าเขาควรจะออกหาศิษย์คนอื่นๆอย่างที่อาจารย์เคยบอกไว้ มันน่าจะช่วยให้เขาทำเงินได้มากขึ้น เงิน 100 ดอลลาร์ที่อาจารย์ให้เขาไว้ก็กำลังจะหมดลงเต็มที……

 

          “ลุกขึ้น!” เหยี่ยซ่าวหยางตะโกนในขณะที่เขาเตะก้นของเสี่ยวหม่า เหยี่ยซ่าวหยางรู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องทำตัวสุภาพกับเสี่ยวหม่า เพราะเขาได้ช่วยชีวิตคนๆนี้ไว้ถึงสองครั้งแล้ว

 

          เสี่ยวหม่าขยับตัวช้าๆหลังจากถูกเตะ เขาพึมพำ “เทพเจ้าแห่งสายฟ้าจะไม่ทำร้ายคนที่กำลังนอนหลับ ดังนั้นให้ผมนอนต่ออีกหน่อยนะ ตกลงมั้ย?”

 

          “ใครบอกว่าเทพเจ้าแห่งสายฟ้าจะไม่ทำร้ายคนที่กำลังนอนหลับ? คุณต้องการให้ผมเรียกเทพเจ้าสายฟ้ามาและให้เขาลองทำมั้ย?” เหยี่ยซ่าวหยางพูดและดึงผ้ายันต์สายฟ้าออกมาและทำท่าทางราวกับเขาพร้อมที่จะเรียกเทพเจ้าแหล่งสายฟ้าออกมาได้ทุกเมื่อ เสี่ยวหม่ารีบลุกขึ้น เชาเคยเห็นพลังของเทพเจ้าแหล่งสายฟ้ามาแล้ว เพียงแค่เปรี้ยงเดียว ก็เกิดฟ้าผ่าขึ้นและต้นไม้ทั้งต้นก็ถูกเผาเป็นจุณ เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เขาค่อนข้างฝังใจ เสี่ยวหม่านั่งบนเตียง เขาขยี้ตาและพูด “ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกเข้าฝัน”

 

          เหยี่ยซ่าวหยางตกใจและคิดว่า ภูติผีวิญญาณจะมาวนเวียนอยู่ใกล้ตัวเขาขนาดนี้ได้ยังไง? แม้แต่วิญญาณร้ายเขาก็ไม่สามารถจับมันได้งั้นหรือ  เหยี่ยซ่าวหยางถามเสี่ยวหม่าอย่างค่อนข้างเป็นห่วง “บอกผมมา คุณฝันว่าอะไร?”

 

          หลังจากนั้นเสี่ยวหม่าก็ชี้นิ้วไปยังโปสเตอร์บนผนังและพูดว่า “ผมฝันถึงครูเจิงเธออยู่กับผมที่ชายหาด และยังมีผู้หญิงสวยๆอีกหลายคนอยู่ข้างๆผมด้วย พวกเธอคอยป้อนอาหารทะเลให้ผม…”

 

          เหยี่ยซ่าวหยางแทบจะล้มลงไปที่พื้น เขามองไปที่เสี่ยวหม่าอย่างโกรธๆและพูดว่า “คุณไม่ได้ถูกผีเข้าฝันอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ คุณแค่ฝันเปียก!”

 

          “นี่ช่วยผมดูรอบๆตัวเราตอนนี้แล้วบอกผมที่ว่าเราอยู่ที่ไหนกัน แม้แต่คนขับแท็กซี่ก็อาจจะไม่รู้จักที่นี่” เหยี่ยซ่าวหยางถามเสี่ยวหม่าในขณะที่เขาหยิบกระดาษที่ยับยู่ยี่ออกมาจากกระเป๋ากางเกง

 

          หลังจากเสี่ยวหม่าหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมาและจ้องมองมันเพื่อคิดเกี่ยวกับสถานที่นี้อยู่พักหนึ่ง เขาก็พูดขึ้น “ผมคิดว่าเราน่าจะอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองสโตลน์ และนี่ไม่ใช่พื้นที่สำหรับอยู่อาศัย แถวนี้เต็มไปด้วยตรอกซอยและมันยากมากที่จะตามหาของบางอย่างเจอจากที่นี่ คุณจะไปที่แบบนั้นทำไม?”

 

          “มีศิษย์คนหนึ่งอยู่ที่นั่น ผมอยากไปหาเขา”

 

          “คุณไม่มีเบอร์โทรเขาเหรอ?”

 

          “ผมไม่เจอเขามายี่สิบปีแล้ว นอกจากนั้นแล้วเขาก็ไม่มีโทรศัพท์ เขาให้ไว้แค่ที่อยู่เท่านั้น”

 

          เสี่ยวหม่าพูดอย่างไม่ค่อยเต็มใจ “ก็ดีแล้ว คุณแค่ภาวนาขอให้เขาอย่าเพิ่งย้ายไปไหนและสถานที่แห่งนั้นยังไม่ถูกทำลายไปเถอะ”

 

          เหยี่ยซ่าวหยางไม่คุ้นเคยกับเมืองสโตลน์เอาซะเลย เขากลัวว่าตัวเองจะหลงทาง ดังนั้นเขาจึงให้เสี่ยวหม่าเป็นคนนำทาง หลังจากใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงไปกับขนส่งสาธารณะ พวกเขาทั้งสองคนก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งมันเก่าแก่มาก ที่นี่มีอาคารเก่าๆและซอยแคบๆมากมาย ทั้งสองคนใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงเพื่อหาตำแหน่งที่แน่ชัด ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงบ้านที่อยู่ลึกสุดในซอยๆหนึ่งที่มีป้ายไม้แขวนไว้เหนือประตู ‘สัปเหร่อกัว’

 

          “ต้องเป็นเขาแน่ๆนามสกุลของเขาคือกัว และนี่ก็เป็นบ้านของสัปเหร่อ” เหยี่ยซ่าวหยางกล่าวด้วยความโล่งใจ

 

          “ทำไมลูกศิษย์ของนิกายหม่าวซานถึงกลายมาเป็นสัปเหร่อซะได้? เขาไม่เสียดายความสามารถหรือไง?”

 

          “คุณไม่รู้อะไรซะแล้ว นี่เป็นแค่เปลือกนอกของเขาเท่านั้นแหละ”

 

          โลงศพตั้งอยู่เต็มห้องโถงของบ้าน อีกด้านหนึ่งของห้องเป็นที่วางพวงหรีดจีน ในขณะที่อีกด้านหนึ่งเป็นกองสูงพะเนินของหุ่นจำลองจากกระดาษ ชายคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้เล็กๆ ในขณะที่เขากำลังวาดภาพใบหน้าของหุ่นกระดาษตัวหนึ่งด้วยหมึกสีชาด เขาวาดอย่างพิถีพิถันและค่อยๆเติมรายละเอียดต่างๆอย่างช้าๆ เขาไม่แม้แต่จะรับรู้ถึงการมาถึงของเหยี่ยซ่าวหยางและ เสี่ยวหม่า เหยี่ยซ่าวหยางยืนอยู่ด้านหลังเพื่อสังเกตการกระทำของเขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “บ้านของคุณมีโลงศพมากมายดังนั้นที่นี่จึงเต็มไปด้วยปราณหยิน ถ้าคุณยังวาดรูปปั้นจำลองให้เหมือนคนจริงๆแบบนี้ ท้ายที่สุดมันอาจจะเกิดปีศาจขึ้นมาได้นะ”

 

          ชายคนนั้นหัวเราะเสียงเบาๆโดยไม่หันศีรษะกลับมาและถามว่า “พวกคุณกำลังหาอะไรบางอย่างอยู่หรือเปล่า?”

 

          เสี่ยวหม่าถามออกไปด้วยความเย่อหยิ่ง “คุณเป็นเจ้าของที่นี่งั้นหรือ?”

 

          ชายคนนั้นตอบว่า “คุณมาที่นี่เพื่อซื้อโลงศพเหรอ?”

 

          “บ้าบอสิ! ถ้าผมจะซื้อโลงศพมันก็คงเป็นของขวัญให้กับคุณนั่นแหละ พวกเราคือนักบุญเต๋าจากนิกายหม่าวซาน!” เสี่ยวหม่าพูดด้วยความโกรธ

 

          ชายคนนั้นหันมาชำเลืองมองเสี่ยวหม่า เขายิ้มเล็กน้อยและทำงานของเขาต่อ

 

          หลังจากนั้นเหยี่ยซ่าวหยางก็ผลักเสี่ยวหม่าออกไป เขากระแอมและพูดเสียงดังว่า “มหาสมุทรสุดลึกอยู่เหนือประตู หากใครต้องการมีชีวิตรอด นั่นคือเขาต้องการความช่วยเหลือ ผมเพิ่งลงมาจากภูเขาหม่าวซานและผมอยากได้เงินสักก้อนหนึ่ง”

 

          ชายคนนั้นหันหน้ามามองเหยี่ยซ่าวหยาง “สกุลอะไร?”

 

          “ฉาง ผมเป็นศิษย์ของฉางเทียนชี่ ซึ่งนั่นหมายความว่าผมเป็นหนึ่งในนิกายเต๋า

 

          “คุณมาจากที่ไหน?”

 

          “ภูเขาทางทิศตะวันตก” นิกายหม่าวซานเป็หนึ่งในนิกายเต๋าของฝั่งตะวันตก ถ้าหากมีคนตอบว่าเหนือ นั่นแปลว่าเขาเป็นนิกายเต๋าของฝ่ายเหนือ   

 

          ชายคนนั้นยังคงถามต่อไป “มีอะไรบนภูเขานั้น?”

 

          เหยี่ยซ่าวหยางตอบ “เป็นภูเขาที่เต็มไปด้วยหญ้าคา”

 

          ชายคนนั้นถามด้วยท่าทางสนุกสนาน “คุณเป็นดอกไม้ในบ้านหรือดอกไม้ป่า?” คุณเป็นศิษย์ชั้นนอกหรือศิษย์ชั้นใน?

 

          เหยี่ยซ่าวหยางตอบยิ้มๆ “เป็นดอกไม้ดอกเดียวมา 16 ปีแล้ว” เขาเป็นศิษย์ชั้นในเพียงคนเดียวและเป็นมา 16 ปีแล้ว

 

          ดวงตาของชายคนนั้นมีประกายขึ้นมา “ศิษย์น้องงั้นเหรอ?”

 

          เหยี่ยซ่าวหยางประสานมือไว้ด้วยกันแล้วพูดด้วยความเคารพ “ศิษย์พี่กัว”

 

          ชายคนนั้นสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “ผมออกมาจากที่นั่น 20 ปีแล้ว อาจารย์ของพวกเราเป็นยังไงบ้าง?”

 

          “ยังคงลามกเหมือนเดิม !”

 

          ชายคนนั้นหัวเราะอย่างบ้าคลั่งหลังจากได้ยินคำตอบนี้ ตอนนี้เขาเชื่อเด็กหนุ่มตรงหน้าหมดใจ เฉพาะลูกศิษย์ที่แท้จริงของชิงหยุ่นซื่อเท่านั่นที่จะกล้าพูดว่าเขาเป็นคนลามก

 

          “มาสิ มาสิ เข้าไปคุยกันในบ้าน” ชายคนนั้นปลักประตูเข้าไปด้านในและเดินนำเหยี่ยซ่าวหยางเข้าไป เสี่ยวหม่ายืนอยู่อย่างงุนงงและพึมพำว่า “นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? พวกคุณเป็นแก๊งใต้ดินที่มีโค้ดลับอะไรกันหรือเปล่า?”

 

          เหยี่ยซ่าวหยางหัวเราะและพูดว่า “เราต้องระมัดระวังเพราะมีการหลอกลวงอยู่ตลอดเวลา”

 

          พวกเขาเข้าไปในบ้านและมาถึงห้องนั่งเล่นขนาดเล็ก จากนั้นพี่กัวก็หยิบหม้อต้มชาออกมา และพวกเขาก็คุยกันเกี่ยวกับช่วงเวลาของพวกเขาทั้งสองคนบนภูเขาหม่าวซาน

 

          “ย้อนกลับไปเมื่อตอนผมอายุ 22 ปี ปีศาจผีดิบได้ฆ่าครอบครัวของผมทั้งหมด และพิษจากเลือดของผีดิบก็ทำให้ผมบาดเจ็บร้ายแรง แต่โชคดีที่อาจารย์ของเราอยู่ที่นั่นและเขาช่วยผมเอาไว้ หลังจากนั้นผมก็กลายเป็นศิษย์ของเขา แต่น่าเสียดายที่ผมไม่ฉลาดพอที่จะเป็นศิษย์ชั้นในได้ ดังนั้นผมจึงได้รับการฝึกฝนภายใต้กฏของศิษย์ชั้นนอกเพื่อให้เรียนรู้ทักษะบางอย่าง หลังจากนั้นผมก็กลับมาบ้านและได้เริ่มต้นทำธุรกิจนี้”

 

          ขณะนั้นเองศิษย์พี่กัว ก็ถอนหายใจออกมา “หลายปีมานี้ผมคิดถึงอาจารย์มาก แต่คุณเองก็คงรู้กฏของนิกายหม่าวซานดี เมื่อศิษย์ชั้นนอกออกมาจากที่นั่นแล้วเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้กลับไปที่ภูเขานั้นอีก ศิษย์น้องคุณเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ คุณยังอยู่ในช่วงอายุยี่สิบและคุณกลายเป็นศิษย์ชั้นในเพียงคนเดียวของอาจารย์ได้” เหยี่ยซ่าวหยางหัวเราะกับคำพูดของเขาและเกาหัวตัวเองขณะพูด “ถึงอย่างนั้นแต่ผมก็ยังต้องหาเงินเลี้ยงตัวเอง ตอนนี้ผมเรียนอยู่ที่เมืองสโตลน์และผมอาจจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก ผมไม่รู้ว่าคุณพอจะมีงานหรืออะไรบางอย่างให้ผมทำบ้างหรือเปล่า?” ทันใดนั้นพี่กัวก็เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการทันที “คุณโชคดีมากนะศิษย์น้อง มีงานชิ้นใหญ่ที่ผมทำเองคนเดียวไม่ได้ และตอนนี้คุณก็อยู่ที่นี่แล้ว เราน่าจะสามารถทำงานชิ้นนี้ได้”

 

          เหยี่ยซ่าวหยางประหลาดใจ แม้ว่าศิษย์พี่กัวจะเป็นศิษย์ชั้นนอกเพียงคนเดียวของนิกายหม่าวซานแต่เขาเองก็ยังคงมีทักษะอยู่บ้าง นี่คงเป็นงานที่ยากจริงๆถึงต้องใช้คนถึงสองคน เหยี่ยซ่าวหยางจึงถามว่า “เราจะทำงานอะไรกัน?”

 

          “ราชันผีดิบ !”

 

          ติดตามตอนต่อไป......................

*********** รับข่าวสารก่อนใครได้ที่ https://www.facebook.com/Tran.xend.vis/?ref=bookmarks นะครับ ^^

ติดตามตอนต่อไป.............

 

         

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด