ตอนที่ 119 จีเหยียนหรัน
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานเป็นทีมของนักเรียน เหยี่ยวดำจึงฝึกฝนนักเรียนเป็นห้องๆ ดังนั้นหัวหน้าห้องจะค่อนข้างมีความสำคัญ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงต้องการเป็นหัวหน้า
"ซื่อจื้อคัง นั่นมันฟังดูไม่มีเหตุผลเลยนะ อายุมันไม่ได้มีความหมายอะไร ฉันคิดว่าคนที่ฉลาดที่สุดควรจะเป็นหัวหน้า IQ ของฉันคือ 167 แล้วพวกนายล่ะ?" ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้นมา
"ลู่เหมิน นั่นมันก็ไม่จริงเหมือนกัน IQ มันก็ไม่สามารถวัดอะไรได้ สิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นหัวหน้าคือ EQ พวกคนที่ IQ เยอะๆส่วนมากจะโง่ในการใช้ชีวิตจริง แล้วจะให้คนแบบนั้นเป็นหัวหน้า?" ซื่อจื้อคังพูดแย้งขึ้นมา
"นายว่าฉันโง่งั้นหรอ?" ลู่เหมินต้องการจะเถียงกับซื่อจื้อคังต่อ แต่เมื่อเขาเห็นซื่อจื้อคังยกแขนอันกำยำของเขาขึ้นมา ลู่เหมินก็เงียบไป
"พวกเราทั้งหมดก็สอบมาโดยใช้โควต้านักธนู ทำไมเราไม่มาตัดสินกันด้วยธนูล่ะ? ใครก็ตามที่ยิงได้แม่นที่สุดควรจะเป็นหัวหน้าของพวกเรา"
จางหยาง หนุ่มดวงตากลมโต และขนตางอน พูดแนะนำขึ้นมา
"คนมาใหม่ นายคิดว่าไง?" ซื่อจื้อคังกับลู่เหมินพูดขึ้นมาพร้อมกัน และหันไปมองหานเซิ่น
"ผมคิดว่าเขาพูดมีเหตุผล เนื่องจากพวกเราทั้งหมดเป็นนักธนู คนที่มีทักษะธนูสูงที่สุดควรเป็นหัวหน้า"
เนื่องจากเขาเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่ม หานเซิ่นคิดว่าเขาควรจะออกความคิดเห็นบ้าง
"2 เสียงต่อ 1 เสียง สรุปพวกเราใช้ความสามารถด้านธนู คนที่ยิงได้คะแนนสูงที่สุดจะได้เป็นหัวหน้า"
จางหยางพูด และกระโดดเข้าไปกอดคอกับซื่อจื้อคังและลู่เหมิน
"พวกเราเป็นรูทเมทและเพื่อนร่วมชั้นกัน พวกเราต้องเรียนและพัฒนาไปด้วยกัน ก่อนเรียนจบ พวกเราจะต้องทำให้หน่วยธนูของเหยี่ยวดำเป็นที่หนึ่งในกาแล็กซี่ให้ได้!"
"ออกไป" ซื่อจื้อคังกับลู่เหมินสลัดแขนของจางหยางออก
พวกเขาทั้ง 4 เดินไปที่สนามฝึกซ้อม และจางหยางก็ได้คะแนนสูงสุด เขายิงเข้าเป้าทุกครั้ง
ลู่เหมินได้ที่ 2 หานเซิ่นได้ที่ 3 และซื่อจื้อคังได้ที่ 4
หานเซิ่นไม่ต้องการเป็นหัวหน้า และก็ไม่ต้องการเป็นอันดับสุดท้าย เขาจึงจงใจยิงให้ได้อันดับ 3
3 เดือนแรกในเหยี่ยวดำจะเป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุด ทุกๆวันพวกเขาต้องเข้าฝึกซ้อม และก็ฟังการบรรยาย ภายใน 3 เดือนพวกเขาต้องเรียนรู้พื้นฐานทุกอย่างให้ได้
ถึงแม้พวกเขาจะอยู่หน่วยธนู แต่พวกเขาก็ต้องเรียนรู้ทุกๆอย่างเหมือนกับคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการรบจริงด้วยชุดเกราะสำหรับรบในอวกาศวอเฟรม(war frame) การทำงานบนยานอวกาศ ยานเหาะและก็พื้นฐานอื่นๆ
ในเหยี่ยวดำนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกดีกว่าโรงเรียนรัฐบาลที่หานเซิ่นเคยเรียนมาก เขาได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างที่เขาไม่เคยได้เรียนรู้มาก่อน ใน 3 เดือนแรกหานเซิ่นเป็นเหมือนกับฟองน้ำที่ดูดซับทุกสิ่ง
3 เดือนต่อมา พวกเขาทั้ง 4 ก็ผ่านหลักสูตรขั้นพื้นฐานและการประเมิน ทำให้พวกเขากลายเป็นนักเรียนของเหยี่ยวดำอย่างเป็นทางการ
พวกเขายังเหลือวิชาภาคบังคับอีก 2-3 วิชา และวิชาเลือกอิสระ ทำให้พวกเขาค่อนข้างว่างในแต่ละวัน ตราบใดที่สามารถสอบผ่านการประเมินกลางภาคได้ พวกเขาจะไม่เข้าเรียนเลยก็ไม่มีปัญหาอะไร
ถ้าใครสอบตกก็จะมีโอกาสให้แก้ตัวอีก 1 ครั้ง แต่ถ้ายังสอบตกอีกครั้งก็จะถูกไล่ออกจากโรงเรียนทันทีไม่มีข้อยกเว้น
ในหอพักของโรงเรียนมีสถานีเทเลพอร์ตอยู่ และทุกคนสามารถใช้มันเพื่อไปยังก็อตแซงชัวรี่ได้ตลอดเวลา ไม่มีข้อห้ามอะไรเกี่ยวกับการใช้มัน
หลังจากที่ผ่านหลักสูตรพื้นฐาน 3 เดือนแล้ว พวกเขาก็สั่งอาหาร และเครื่องดื่มมาฉลองกันที่ร้านอาหารในโรงเรียน
ขณะที่พวกเขากำลังสนุกกับการกินและดื่ม ก็มีภาพโฮโลแกรมฉายขึ้นมา เป็นแมทการแข่งเกมหัตถ์พระเจ้า
"จีเหยียนหรัน!" ซื่อจื้อคังตะโกนออกมา และจ้องไปที่สาวสวยในภาพโฮโลแกรม
แม้แต่ลู่เหมินกับจางหยางก็จ้องไปที่จีเหยียนหรันด้วย
"เธอมีชื่อเสียงมากงั้นหรอ?" เมื่อหานเซิ่นเห็นจีเหยียนหรัน ทำให้เขานึกเรื่องเธอขึ้นมาได้ ที่ผ่านมาเขายุ่งจนลืมเรื่องเธอไปเลย
"นายไม่รู้จริงดิ? ไม่รู้จักสาวงามประจำโรงเรียน? ถึงตอนนี้เธอจะยังเด็กอยู่ แต่ดูหน้าหวานๆ รูปร่างอันน่าดึงดูด ผิวเนียนๆ และก็..."
ซื่อจื้อคังหยุด และมองไปรอบๆ เมื่อเขาเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบๆเขาก็พูดต่อ
"จีเหยียนหรันยังเป็นประธานชมรมหัตถ์พระเจ้าด้วย ฝีมือของเธอติด 1 ใน 5 ของโรงเรียนเรา เธอเป็นเทพธิดาที่ทั้งสวยทั้งเก่ง มีคนมากมายต้องการจะจีบเธอ แต่ก็ไม่มีใครทำสำเร็จ"
"ทำไม?" หานเซิ่นถาม
"ไม่มีใครดีพอสำหรับเธอไง ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวของเธอค่อนข้างมีอิทธิพลในกองทัพ ซึ่งคนธรรมดาอย่างเราๆยังไงก็ไม่คู่ควรกับเธอ" ซื่อจื้อคังพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
"ถึงครอบครัวของนายจะคู่ควรกับเธอยังไง จีเหยียนหรันก็ไม่สนใจคนอย่างนาย" ลู่เหมินพูดขึ้นมา
"เธอก็ไม่สนนายเหมือนกันแหละ!" ซื่อจื้อคังพูดโต้
"ฮาฮา อย่าเพิ่งหมดหวังไป พวกเราต้องอยู่อย่างมีความหวัง เนื่องจากจีเหยียนหรันเป็นประธานชมรมหัตถ์พระเจ้า แล้วทำไมเราไม่ไปเข้าชมรมหัตถ์พระเจ้าเพื่อเข้าใกล้เธอละ บางทีถ้าเธอเห็นความสามารถของเรา เราอาจจะพอมีหวัง" จางหยางแนะนำอย่างมั่นใจ
ตาของลู่เหมินกับซื่อจื้อคังเปล่งประกายขึ้นมาทันที พวกเขารีบพูดเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว
"เป็นความคิดที่ดี พวกเราไปชมรมหัตถ์พระเจ้าตอนนี้เลย"
ก่อนที่หานเซิ่นจะกินเสร็จ เขาก็ถูก 3 หนุ่มลากตัวไปที่ชมรมหัตถ์พระเจ้าซะก่อน
เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น พวกเขาทั้ง 4 คนก็ต้องอึ้ง เพราะมีคนเข้าแถวรอสมัครเข้าชมรม จนแถวเกือบจะยาวจนออกไปหน้าประตูโรงเรียน
"เอ่อ ฉันว่าฉันเปลี่ยนใจละ คนหล่อๆอย่างฉันไม่จำเป็นต้องอยู่ใกล้จีเหยียนหรัน เดียวเธอก็มาสนใจฉันเองแหละ" ซื่อจื้อคังพูด
"พูดได้ดี พวกเราอยู่หน่วยธนู พวกเราก็ควรไปเข้าชมรมที่เกี่ยวกับธนูมันถึงจะถูก อย่าเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย" ลู่เหมินพูดอย่างเคร่งขรึม
"ผมก็เห็นด้วยกับพวกนายทั้ง 2 คน"
หานเซิ่นพยักหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นแถวที่ยาวเหยียด เขาต้องเสียเวลาทั้งวันแน่ถ้าหากรอต่อแถว
"รีบไปเข้าแถวกัน! คนจริงต้องไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ" จางหยางจับแขนของลู่เหมินกับซื่อจื้อคัง และเดินไปต่อแถว
หานเซิ่นโชคดีที่ไม่ถูกลากไปด้วย เพราะจางหยางมีแค่ 2 แขน แต่ทันใดนั้นคอมพกพาของเขาก็ดังขึ้นมา และดูเหมือนว่าเป็นเบอร์ของเฟิงจินซีโทรเข้ามา