เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 144 การเสียสละเป็นเรื่องธรรมดา ศรัทธาไม่มีวันตาย
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 144 การเสียสละเป็นเรื่องธรรมดา ศรัทธาไม่มีวันตาย
"ข้าบอกเขาว่าผู้คนมีนับพันนับหมื่นแล้วมันจะมีเหตุผลเพียงหนึ่งเดียวได้อย่างไร เจ้ามีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด? ข้าไม่สามารถตอบคำถามนี้ มีเพียงตัวเจ้าเองเท่านั้นที่สามารถตอบมัน ดังนั้นจงค้นหามันด้วยตัวเจ้าเอง" อวี๋โป้กล่าว
"ท่านผู้นำ แล้วคำตอบของท่านคือสิ่งใด?" ฟางเจิ้งถาม
อวี๋โป้หัวเราะ นี่เป็นคำถามที่ฉิงซูเคยถามเขาเช่นกัน
ผู้นำตระกูลคิดถึงอดีตและตอบคำถามด้วยคำตอบเดิม "องค์กรต้องมีผู้เสียสละ ตั้งแต่มนุษย์ถือกำเนิด พวกเขาล้วนมุ่งหน้าสู่ความตาย ชีวิตของมนุษย์มีความเปราะบาง แต่สิ่งที่ทำให้หัวใจของพวกเราอบอุ่นและทำให้จิตวิญญาณส่องประกาย นั่นก็คือ ความรัก นี่คือคำตอบของข้า"
การเสียสละเป็นเรื่องธรรมดา
ฉิงซูเป็นบุตรบุญธรรมของเขามานานหลายปี การเสียสละของเขาในครั้งนี้จึงทำให้อวี๋โป้รู้สึกเจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างมาก
แต่ในฐานะผู้นำตระกูล เขาเห็นการเสียสละมามากเกินไป
ความเจ็บปวดและความเศร้าโศกจึงกลายเป็นบางสิ่งที่สามารถยอมรับได้
ฟางเจิ้งก้มศีรษะลงและครุ่นคิดกับตนเองอยู่อย่างเงียบๆ
ผู้นำตระกูลหัวเราะก่อนจะหยิบจดหมายจากลิ้นชักโต๊ะส่งให้กับฟางเจิ้ง
"นี่คือจดหมายของฉิงซู มันคือคำตอบที่เขาค้นหามานานหลายปี ข้าจะให้เจ้าได้อ่านมัน"
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้หัวใจของฟางเจิ้งย่อมปรารถนาจดหมายฉบับนี้เป็นอย่างมาก
เขาเร่งเปิดจดหมายและต้องหลั่งน้ำตาทันทีเพียงเมื่ออ่านประโยคแรก
มันเป็นลายมือที่คุ้นเคยของฉิงซู ถ้อยคำของเขายังเต็มไปด้วยความเป็นมิตร
ย่อหน้าแรกกล่าวถึงความเจ็บปวดและความสงสัยของเขา ต่อมาคือสถานการณ์ที่ผ่านมาหลายปีและทำให้เขาเกิดความคิดบางอย่าง
ฟางเจิ้งอ่านจดหมายและตระหนักถึงประสบการณ์ตลอดชีวิตของฉิงซู
สุดท้ายมันยังเขียนไว้ว่า
"ตระกูลเปรียบได้กับป่าไม้ พวกเรา สมาชิกของตระกูลก็เหมือนต้นไม้ในป่าใหญ่ ต้นไม้แก่จะแผ่ขยายกิ่งก้านสาขาออกไปและช่วยบังลมบังฝนให้กับต้นไม้วัยเยาว์ เมื่อต้นไม้แก่ตาย พวกมันยังกลายเป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้ที่เกิดใหม่ กล่าวได้ว่าต้นไม้ต้นใหม่ก็คือหลักฐานของการคงอยู่ของต้นไม้ต้นเก่า มนุษย์ก็เช่นเดียวกัน ทุกคนล้วนต้องตาย ในสถานการณ์เดียวกัน ตระกูลจะขยายใหญ่ขึ้นและมุ่งหน้าสู่ความรุ่งโรจน์"
"ไม่มีผู้ใดสามารถหลีกหนีจากความตาย ผู้ใช้วิญญาณก็เช่นกัน กระทั่งผู้ใช้วิญญาณระดับเจ็ดหรือแปดยังมีโอกาสตาย ต่อหน้าความตาย แน่นอนว่าข้ารู้สึกหวาดกลัว แต่ข้าก็เข้าใจเช่นกัน วันหนึ่งข้าอาจตายเพราะความชรา เจ็บป่วย หรือตายในสนามรบ แต่เมื่อเวลานั้นมาถึง ข้าสามารถจากไปอย่างสงบและจะไม่เสียใจแม้แต่น้อย"
ประโยคสุดท้ายในจดหมายยังระบุไว้ว่า
"ท่านพ่อบุญธรรม คำถามที่ข้าเคยถามท่าน ข้าคิดว่าข้าพบมันแล้ว"
ฟางเจิ้งหลั่งน้ำตาออกมาอย่างเงียบๆหลังจากอ่านจดหมายฉบับนี้
ในใจของเขาเต็มไปด้วยความทรงจำของฉิงซู แม้เขาจะทำผิด ฉิงซูก็ไม่เคยตำหนิแต่กลับปลอบโยนเขา เมื่อเผชิญหน้ากับปัญหา ฉิงซูจะให้กำลังใจและยกมือขึ้นลูบศีรษะเขาเสมอ
อวี๋โป้เก็บจดหมายก่อนกล่าวต่อ "ในอนาคต เมื่อใดที่เจ้ารู้คำตอบของตนก็จงเขียนจดหมายทิ้งไว้ เอาล่ะ กลับไปพักผ่อนเถอะ ภัยพิบัติจากคลื่นหมาป่ายังไม่จบสิ้น พวกเรายังต้องพึ่งพาความสามารถของเจ้า"
"ไม่" ฟางเจิ้งยกศีรษะขึ้นและกำหมัดแน่น
"หือ?" อวี๋โป้งุนงง
"ข้าพบคำตอบของข้าแล้ว" ดวงตาของฟางเจิ้งเต็มไปด้วยการตัดสินใจที่แน่วแน่ "ข้าต้องแข็งแกร่ง ข้าต้องปกป้องครอบครัว ต้องปกป้องตระกูล ข้าต้องการเห็นรอยยิ้มของสหายและไม่ต้องการสัมผัสกับความเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำอีก ด้วยมือทั้งสองข้างของข้า ร่างกายของข้า ข้าจะปกป้องทุกคนที่อยู่รอบตัวข้า!"
อวี๋โป้ประหลาดใจและรู้สึกราวกับเห็นภาพของฉิงซูซ้อนทับอยู่บนร่างของฟางเจิ้ง
'ฉิงซู เจ้าไม่ได้ตายอย่างเปล่าประโยชน์...' เห็นสายตาที่มุ่งมั่นของฟางเจิ้ง อวี๋โป้ทำได้เพียงถอนหายใจ
ต้นไม้ต้นเก่าล้มลง แต่เมื่อมันสลายตัวลงไปในพื้นดิน ต้นไม้ต้นใหม่ก็จะเติบโตขึ้นแทนที่
มนุษย์คนแรกไม่สามารถทนต่อความโดดเดี่ยว ดังนั้นเขาจึงควักลูกตาของตนเองออกมาและเปลี่ยนพวกมันให้เป็นบุตรและธิดาของเขาเพื่อช่วยบรรเทาความเดี่ยวดาย
แต่สิ่งที่ดีมักอยู่ไม่นานเมื่อลูกๆของเขาต้องการออกเดินทางสำรวจโลกกว้าง พวกเขาผจญภัยอยู่ในโลกภายนอกกระทั่งลืมเลือนบิดาของตนเอง
มนุษย์คนแรกไม่สามารถมองเห็นสิ่งใด เขาอยู่ในโลกอันมืดมิดตลอดเวลา
แต่ในช่วงเวลานั้นเขากลับสัมผัสได้ถึงแสงสว่างดวงเล็กๆดวงหนึ่ง
เขารู้สึกประหลาดใจและเอ่ยถามวิญญาณทัศนคติ
วิญญาณทัศนคติตอบว่า "มันคือแสงแห่งนิรันดร์ที่เกิดจากวิญญาณศรัทธา"
"ศรัทธา?" ไป่หนิงปิงมองเห็นสิ่งนี้ เขาหัวเราะและโยนบันทึกโบราณทิ้งไป
ประตูห้องเปิดออกอย่างกระทันหันเป็นเหตุให้หนังสือเล่มหนากระแทบใบหน้าของบุคคลที่พึ่งเดินเข้ามาอย่างแม่นยำ
"หนิงปิง เจ้ากำลังทำสิ่งใด?" บุคคลที่เดินเข้ามาก็คือผู้นำตระกูลไป่
"ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ในอารมณ์ที่ไม่ดีนัก แต่การสูญเสียแขนขวาไม่ใช่เรื่องใหญ่ ในโลกวิญญาณใบนี้ มีวิญญาณหลายชนิดที่สามารถรักษามัน"
"ในอดีตข้าให้ผู้อาวุโสบางคนอยู่ข้างกายเจ้าเพื่อปกป้องเจ้า แต่เจ้ามักปฏิเสธและกระทั่งโจมตีพวกเขา สุดท้ายเจ้าก็ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้"
"แต่นี่ถือเป็นเรื่องดี เพราะตั้งแต่เด็ก เจ้าเดินอยู่บนเส้นทางที่ราบเรียบเกินไป ตราบเท่าที่เจ้ายังไม่ตาย การสูญเสียเล็กๆน้อยๆไม่ใช่ปัญหาใหญ่ อาการบาดเจ็บของเจ้าสามารถรักษาได้ แต่คลื่นหมาป่ากำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น พวกเราต้องการความแข็งแกร่งของเจ้า"
"ฝูงลูกหมาป่าเหล่านั้นจะสักเท่าใด?" ไป่หนิงปิงที่นอนปิดเปลือกตาอยู่บนเตียงกล่าวออกมาอย่างไร้อารมณ์
ใบหน้าของผู้นำตระกูลเริ่มจริงจังมากขึ้น "สถานการณ์ไม่ดีนัก จากการตรวจสอบ มีฝูงหมาป่าสายฟ้าคลั่งสามฝูงอยู่รอบๆหมู่บ้านของเรา อาการบาดเจ็บของเจ้าส่งผลกระทบอย่างมากต่อสมาชิกตระกูล ดังนั้นข้าหวังว่าคืนนี้เจ้าจะออกมาปรากฏตัวให้ทุกคนได้เห็น ตราบเท่าที่เจ้าสามารถยืดหยัดอย่างมั่นคง มันจะผลักดันจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของทุกคน เจ้าเข้าใจหรือไม่?"
"เอาล่ะ เอาล่ะ ข้าจะทำมัน ก็แค่เรื่องเล็กน้อย" ไป่หนิงปิงตอบอย่างหมดความอดทน
หากเป็นผู้อื่นที่แสดงออกเช่นนี้กับผู้นำตระกูล พวกเขาอาจถูกลงโทษอย่างหนัก แต่แน่นอนว่าไป่หนิงปิงต่างออกไป
ผู้นำตระกูลถอนหายใจก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
เมื่อเขาอยู่เพียงลำพังในห้องที่ว่างเปล่า เขาเปิดเปลือกตาขึ้นเผชิญหน้ากับความเหงาและความรู้สึกสับสน
เขาไม่เคยบอกผู้ใดเกี่ยวกับปัญหาของเขาและสัญญาณแห่งความตายที่เขารู้สึกถึง
จากบันทึกโบราณ เขาพบชื่อกายาน้ำแข็งแห่งความมืด แม้มันจะมีข้อมูลอยู่อย่างจำกัด แต่มันยังระบุถึงงสุดยอดกายาทั้งสิบ พรสวรรค์ที่นำไปสู่ความตาย เขายังรู้ว่าเมื่อใดที่กำแพงวิญญาณไม่สามารถรองรับทะเลวิญญาณของเขา มันจะเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นในที่สุด
มันเป็นความจริงที่ผู้นำตระกูลชุบเลี้ยงเขามาหลายปี แต่เขาก็มั่นใจว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้นำตระกูลผู้นี้ย่อมเป็นคนแรกที่จะลงมือสังหารเขา
"มนุษย์มีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งใด?"
ในอดีตเมื่อเขาคิดถึงคำถามนี้ เขาจะรู้สึกหงุดหงิดและเบื่อหน่าย มันเป็นความรู้สึกด้านลบอย่างสิ้นเชิง
แต่เวลานี้หัวใจของเขากลับสงบนิ่ง
ผู้คนจะเติบโตขึ้นโดยยังไม่ต้องกล่าวถึงพรสวรรค์ของเขา
ก่อนหน้าเขารู้ตัวว่ากำลังจะตาย ดังนั้นภายใต้ความสิ้นหวัง เขาปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่และรู้สึกหวาดกลัวอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ
แต่หลังจากสถานการณ์เฉียดตายที่พึ่งผ่านมา เขาได้รับบางสิ่งที่ทำให้เขาไม่รู้สึกเกรงกลัวต่อความตายอีกต่อไป
แม้เขายังไม่รู้ความหมายของชีวิต แต่เขาก็รู้ว่าคำตอบอยู่ที่ใด
คำตอบนี้อยู่ในหัวใจของฟางหยวนอย่างแน่นอน
ความรู้สึกนี้ไม่สามารถอธิบาย มันเป็นสัญชาตญาณและเขาก็มั่นใจกับสัญชาตญาณครั้งนี้
นอกจากนั้นวิญญาณกำแพงหินยังอยู่ในมือของฟางหยวน
"ฟางหยวน เราจะพบกันอีกครั้ง..." เขาพึมพำพร้อมกับดวงตาที่ส่องประกาย
"วิญญาณกำแพงหิน..." ในห้องเช่า วิญญาณกำแพงหินลอยอยู่ในมือของฟางหยวน
มันอยู่ในรูปลักษณ์ของลูกเต๋าหินสีเทาที่ดูแข็งแกร่ง
นี่เป็นวิญญาณที่ใช้ได้ครั้งเดียว มันจะเปลี่ยนกำแพงวิญญาณที่ห่อหุ้มทะเลวิญญาณให้กลายเป็นกำแพงหิน
ด้วยวิธีการนี้มันจะช่วยบีบคั่นศักยภาพของทะเลวิญญาณและทำให้มันยกระดับขึ้นทันที
ตัวอย่างเช่นเวลานี้ฟางหยวนอยู่ในระดับสองขั้นกลาง หลังจากใช้งานวิญญาณกำแพงหิน มันจะบีบบังคับให้ทะเลวิญญาณของเขาก้าวเข้าสู่ระดับสองขั้นสูงในพริบตา
แต่ราคาของมันก็คือ เขาจะไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ระดับสาม
ดังนั้นวิญญาณชนิดนี้จึงมักถูกใช้งานโดยผู้ใช้วิญญาณที่ทะเลวิญญาณได้รับบาดเจ็บและไม่สามารถรักษาได้หรืออาจเป็นผู้คนจำพวกที่สูญสิ้นความหวังบนเส้นทางการบ่อเพาะแล้วเท่านั้น
"ค่าใช้จ่ายของวิญญาณกำแพงหินสูงมาก ไป่หนิงปิงอาจต้องการใช้มันเพื่อหลีกเลี่ยงความตายที่ใกล้เข้ามา แต่วิธีนี้มันทำได้เพียงยืดเวลาตายของเขาออกไปแต่ไม่สามารถหยุดยั้งการระเบิดของกายาน้ำแข็งแห่งความมืด มิฉะนั้นมันจะถูกเรียกว่าสุดยอดกายาทั้งสิบได้อย่างไร?"
ชัดเจนว่าวิญญาณกำแพงหินไม่มีประโยชน์สำหรับฟางหยวน มีเพียงวิญญาณรากพฤกษาทองแดงและวิญญาณเกราะวารีเท่านั้นที่เขาสามารถใช้ประโยชน์
สำหรับวิญญาณของกลุ่มม่านซื่อ พวกมันไม่มีความโดดเด่น ดังนั้นฟางหยวนจึงนำไปแลกกับคะแนนผลงานมากมายนานแล้ว
เนื่องจากสถานการณ์คลื่นหมาป่ายังเป็นปัญหาใหญ่ ดังนั้นปัญหาความขัดแย้งระหว่างฉิงซูกับไป่หนิงปิงจึงถูกเก็บไว้ชั่วคราว นี่ทำให้ทั้งสามตระกูลยังสามารถร่วมมือกันต่อต้านภัยพิบัติครั้งนี้
จากรายงานของซ่งหลิน มันทำให้ทุกคนรู้ว่าฟางหยวนครอบครองวิญญาณหยกขาว แต่ฟางหยวนอ้างว่าเขาซื้อมันมาจากขบวนสินค้าครั้งก่อนหน้า