ตอนที่ 118 วิญญาณอสูร เเฟรี่ ควีน
"ชีกกี้ระดับเลือดศักดิ์สิทธิถูกฆ่า ไม่ได้รับวิญญาณอสูร เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0-10 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ"
หานเซิ่นไม่ได้สนใจเสียงที่ดังขึ้นมาเท่าไหร่ เพราะเขากำลังเตรียมจะทำอาหาร เขาใส่เนื้อลงไปในหม้อที่เตรียมไว้ ขณะที่มีน้ำลายไหลออกมาตลอดเวลา ไม่มีอะไรตกถึงท้องเขามาหลายวันแล้ว แต่หานเซิ่นก็ยังคงอดทนรอ เขารอจนกระทั่งสตูเนื้อในหม้อสุกได้ที่ ถึงเริ่มนำออกมากิน
"เนื้อของชีกกี้เลือดศักดิ์สิทธิถูกกิน ได้รับ 1 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ"
"เนื้อของชีกกี้เลือดศักดิ์สิทธิถูกกิน ได้รับ 1 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ"
....
หานเซิ่นกินเนื้อไปเกือบ 20 ปอนด์และน้ำชุบ ซึ่งทำให้เขารู้สึกกลัวตัวเอง
แต่ในขณะที่ความร้อนกำลังแพร่กระจายไปทั่วร่างกายของเขา เขากับรู้สึกสบายราวกับเป็นฟองน้ำที่แช่อยู่ในสระน้ำ เขานอนบนพื้นอย่างหมดสภาพ
"เนื้อมอนสเตอร์เลือดศักดิ์สิทธิสุดยอดจริงๆ ถ้าผมมีโอกาสได้กินมันทุกวันละก็ สุขภาพคงจะดีไม่น้อย"
หานเซิ่นเลียปากตัวเอง โชคร้ายที่เขาจะมีโอกาสได้กินแบบนี้แค่ 3 เดือนต่อครั้ง
ด้วย 5 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิที่เขาเพิ่งได้มาจากการกินเนื้อชีกกี้ ทำให้ตอนนี้เขามี 34 จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิแล้ว เขาใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งปีในการได้จีโนพ้อยเลือดศักดิ์สิทธิ 1 ใน 3 จะไม่มีใครเชื่อเขา แม้ว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ออกไป
เขาเดินเข้าไปในเมือง เพื่อหาซื้อมอนสเตอร์โบราณที่มีขนาดเท่ากับไก่ และให้คริสตัลสีดำมันกิน ในขณะที่เขากำลังป้อนมันอยู่ก็มีบางอย่างที่เขานึกขึ้นมาได้
ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้ไปรับรางวัลของผู้ถูกเลือกสักที ไม่ว่ามันจะเป็นวิญญาณอสูรแบบไหนก็ตามแต่ ถ้ามันเป็นระดับเลือดศักดิ์สิทธิมีคนมากมายต้องการและใฝ่ฝันถึงมัน
'มันจะเป็นวิญญาณอสูรแบบไหนกันนะ? ธนู? สัตว์ขี่? หรือจะเปลี่ยนร่าง?' หานเซิ่นกำลังคิดว่ามันยากที่จะเลือก เพราะเขาต้องการทุกอย่างที่เอ่ยมา แต่เขามีโอกาสได้เพียงแค่ 1 อย่าง และมันเป็นแบบสุ่ม
ตอนเที่ยงคืนในช่วงที่ไม่ค่อยมีคน หานเซิ่นแอบเข้าไปในลานประลองอย่างเงียบๆ ซึ่งมันถูกปิดหลังจากที่การประลองจบลง ยกเว้นเขาจะไม่มีใครสามารถเข้ามาที่นี่ได้ จนกระทั่งการประลองในปีหน้าเริ่ม แต่หลังจากที่เขารับรางวัลแล้ว เขาก็จะไม่สามารถเข้าไปได้อีกเช่นเดียวกับคนอื่นๆ
หานเซิ่นยืนอยู่หน้าแผ่นหินศักดิ์สิทธิ และค่อยๆวางฝ่ามือลงบนแผ่นหิน ทันใดนั้นก็มีภาพของวิญญาณอสูรหลากหลายชนิดเลื่อนไปมาอย่างรวดเร็วบนแผ่นหิน
หานเซิ่นเอามือออกมา และภาพของวิญญาณอสูรก็ค่อยๆเลื่อนช้าลง
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เมื่อภาพหยุดลงที่วิญญาณอสูรตนหนึ่ง ซึ่งหานเซิ่นถูกใจมันเป็นอย่างมาก
หญิงสาวรูปร่างทรงเสน่ห์ ผมสีบลอนด์ สวมแว่นตา ม่านตาสีแดง สวมชุดเกราะสีแดงรัดรูป และสวมมุงกุฎที่ทำจากทับทิม เดินออกมาจากแผ่นหิน และยิ้มให้หานเซิ่น ซึ่งเกือบจะทำให้วิญญาณของเขาหลุดออกจากร่าง
จากนั้นเธอก็กลายเป็นดวงวิญญาณ และเข้าไปในจิตใจของหานเซิ่น ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงในหัว
"คุณได้รับวิญญาณอสูร แฟรี่ควีนเลือดศักดิ์สิทธิ"
หานเซิ่นรีบเช็ดดูรายละเอียดของวิญญาณอสูรทันที
ชนิดของวิญญาณอสูรแฟรี่ควีนเลือดศักดิ์สิทธิ์ : เปลี่ยนร่าง
"เปลี่ยนร่าง!" หานเซิ่นเกือบจะกรีดร้องออกมา แต่อีกใจหนึ่งเขาก็เสียดาย ที่วิญญาณอสูรที่งดงามแบบนี้ไม่สามารถเรียกออกมายืนอยู่เคียงข้างเขาได้ แต่ต้องรวมร่างกับเขาแทน
สำหรับวิญญาณอสูรประเภทเปลี่ยนร่างไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นวิญญาณอสูรที่ราคาสูงที่สุด และยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ามันเป็นวิญญาณอสูรที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์
หานเซิ่นแทบจะทนรอไม่ไหว เขาเรียกวิญญาณอสูรแฟรี่ควีนออกมาเปลี่ยนร่างทันที
ทันใดนั้นร่างของหานเซิ่นถูกห่อหุ้มด้วยชุดเกราะสีแดง และสวมมงกุฎสีแดงทันที ม่านตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง และผมสีดำของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีบลอนด์ เขาเปลี่ยนร่างเป็นแฟรี่ควีนเวอร์ชั่นผู้ชาย
หานเซิ่นรู้สึกว่าระดับความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นมาก ถึงแม้ว่าความเร็วและความแข็งแรงจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมากเหมือนตอนเปลี่ยนร่างเป็นนักฆ่ากระหายเลือด แต่มันมีความสมดุลของพลังที่ดีกว่านักฆ่ากระหายเลือด
วิญญาณดวงนี้มาพร้อมกับชุดเกราะสีแดง ซึ่งไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนกับชุดเกราะเลือดศักดิ์สิทธิของเขา แต่มันก็ถือว่าอยู่ในระดับท็อปของชุดเกราะระดับกลายพันธ์
แฟรี่ควีนเพิ่มความสามารถทุกด้านของเขาให้สูงขึ้นแบบสมดุล ไม่ได้เพิ่มเพียงแค่ความเร็วกับความแข็งแรงเหมือนนักฆ่ากระหายเลือด
หานเซิ่นรู้สึกประหลาดใจมาก สายตาของเขาเหมือนจะดีขึ้นหลังจากเปลี่ยนร่างเป็นแฟรี่ควีน เขาสามารถมองเห็นรายละเอียดของก้อนหินที่อยู่ห่างออกไปได้ และเขายังรู้สึกแปลกๆราวกับว่าทุกอย่างที่เขาเห็นจะช้าลง เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นภาพลวงตารึเปล่า
สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกแย่ก็คือเมื่อเปลี่ยนร่างเป็นแฟรี่ควีน เขาจะไม่สามารถใช้วิญญาณอสูรด้วงทมิฬเลือดศักดิ์สิทธิได้ แต่มันก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะชุดเกราะของแฟรี่ควีนเองก็ถือว่าดีอยู่แล้ว
แต่เรื่องที่น่ายินดีคือ หานเซิ่นจะสามารถใช้วิญญาณอสูรนี้ได้ด้วยตัวตนจริงๆของเขา เพราะไม่มีใครรู้ว่ามันคือรางวัลของดอลลาร์ ดังนั้นหานเซิ่นจะมีวิญญาณอสูรดีๆใช้ ในตอนที่ไม่ได้เป็นดอลลาร์สักที
เเฟรี่ควีนเป็นสิ่งที่หานเซิ่นต้องการในตอนนี้ เพราะเขาจะได้ไม่ต้องอ่อนแออีกต่อไป
'เหมือนพวกนางฟ้าในเทพนิยายจะมีปีกกันหมดนะ ถ้าแฟรี่ควีนมีปีกด้วยก็คงจะดีไม่น้อย' หานเซิ่นคิดอย่างละโมบ
หลังจากที่หายตื่นเต้น หานเซิ่นก็ลอบออกจากลานประลอง วันมะรืนจะเป็นวันเปิดเรียนวันแรก หานเซิ่นต้องไปลงทะเบียนเข้าหอพักของโรงเรียน
เหยี่ยวดำเป็นโรงเรียนทหาร ดังนั้นตามกฎของโรงเรียนทหาร เมื่อเข้ามาเรียนแล้วนักเรียนจะไม่สามารถออกจากโรงเรียนได้ ยกเว้นวันหยุดหรือมีโอกาสพิเศษ
ถึงแม้เหยี่ยวดำจะกว้างใหญ่ แต่โรงเรียนก็จัดให้นักเรียนเข้าพัก 4 คนต่อห้อง เพื่อทำให้พวกเขารู้จักทำงานเป็นทีม รูมเมทของหานเซิ่นเองก็เป็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษด้านธนูทั้งหมด
หานเซิ่นเป็นคนสุดท้ายที่มาถึงหอพัก ส่วนอีก 3 คนมาถึงก่อนหลายวันแล้ว
"เพื่อน ทำไมนายมาถึงมาช้าแบบนี้? พวกเรารอไม่ไหวแล้ว"
เมื่อหานเซิ่นเดินเข้ามาในหอพัก รูมเมทอีก 3 คนก็เข้ามาล้อมเขาทันที
"พวกนายต้องการอะไร?" หานเซิ่นมองไปที่พวกเขา
"ไม่ต้องกังวลน้องชาย พวกเราแค่ต้องการหารือกันว่าใครจะได้เป็นหัวหน้ากลุ่ม ฉันคิดว่าหัวหน้าควรจะดูจากอายุ และให้คนที่แก่สุดเป็นหัวหน้า พวกนายทุกคนน่าจะรู้ว่าสิติปัญญานั้นเติบโตตามอายุ เพราะฉะนั้นฉันจะเป็นหัวหน้าเอง"
คนที่พูดเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ เขาสูงกว่า 6 ฟุต แต่สายตาของเขาชวนให้คิดว่าเขาไม่ใช่คนที่น่าไว้วางใจ เหมือนกับกล้ามเนื้อของเขา