SH – 13 สาวสวย !
SH – 13 สาวสวย !
เหยี่ยซ่าวหยาง ยังคงอธิบายต่อไปว่า “ไม่มีหมอผีดีๆที่ไหนคิดจะจับและกักขังวิญญาณไว้ในร่างกายที่เน่าเปื่อยและปล่อยให้มันออกไปทำร้ายผู้คนต่อไปเรื่อยๆหรอก นี่มันไม่สมเหตุสมผลเอาซะเลย แต่ผมเดาว่าคนๆนี้คงต้องการที่จะปลุกวิญญาณชั่วร้ายขึ้นมา เขาสร้างมันขึ้นและให้มันดูดซับพลังหยินจากวิญญาณผีผู้หญิงเพื่อทำให้มันแข็งแกร่งขึ้น และเมื่อวิญญาณพวกนี้ทรงพลังมากพอเขาก็จะใช้พวกมันเพื่อทำเรื่องเลวร้ายบางอย่าง”
เสี่ยวหม่าถามด้วยความตกใจ “มีหมอผีที่ใจร้ายด้วยงั้นหรอ ?”
เหยี่ยซ่าวหยางกลอกตาและตอบไปว่า “คนเลวหรือคนดีแล้วมันยังไงล่ะ? หมอผีที่ฝึกมนตร์ดำมีอยู่ทุกหนแห่ง บางคนก็เลี้ยงผีเอาไว้เพื่อใช้ให้ไปทำเรื่องชั่วๆ ในขณะที่บางคนก็เก็บไว้ทำอุปกรณ์มนตร์ดำต่างๆ บางครั้งผมก็รู้สึกว่ามนุษย์น่ากลัวกว่าวิญญาณหรือปีศาจซะอีก”
จากนั้นเหยี่ยซ่าวหยางก็เดินไปใต้ต้นซื่อกวยและมองไปที่ลำต้นหนาของต้นไม้นั้น “มีพลังหยินไหลเวียนวนอยู่มากมายรอบๆต้นไม้นี้ ผมคิดว่าในเร็วๆนี้จะมีผีที่ชั่วร้ายถูกสร้างขึ้นจากที่นี่”
หลังจากพูดแล้วเขาก็หยิบผ้ายันต์ออกมาและโยนไปที่ลำต้นของต้นไม้นั้น เขาถอยหลังออกมาสองสามก้าวและพึมพำคาถา ไม่กี่วินาทีต่อจากนั้นก็เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น !
ผ้ายันต์อัสนีบาตไม่ได้เรียกสายฟ้ามาจากท้องฟ้า แต่มันกลับสร้างสายฟ้าที่เป็นลักษณะพิเศษของปราณหยินเพื่อกำจัดผีและปีศาจโดยเฉพาะ สายฟ้าหยินนี้เพียงแค่ทำให้เกิดเสียงดังเท่านั้น ไม่ได้ก่อให้เกิดประกายไฟลุกลามออกมาด้านนอกแต่อย่างใด....
มีไฟมากมายลุกโชนขึ้นบนต้นไม้ ใช้เวลาไม่นานไฟก็เผาไหม้ต้นไม้ทั้งต้น ทันใดนั้นต้นไม้ก็เริ่มสั่นราวกับคนที่กำลังจะหนีออกมาจากกองไฟ ขณะที่ต้นไม้กำลังถูกเผาของเหลวสีดำมากมายก็ไหลออกมาจากรอยแตกเล็กๆบนต้นไม้ อย่างไรก็ตามเปลวไฟได้เผาไม้ของเหลวนั้นไปจนหมดสิ้น.....
หญิงสาวก้าวถอยหลังตามสัญชาติญาณและพึมพำ “นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว”
เสี่ยวหม่าใช้โอกาสนี้สวมกอดหญิงสาวและพูดว่า “อย่ากลัวไปเลยสาวน้อย ผมจะปกป้องคุณเอง” อย่างไรก็ตามเธอตอบแทนเขาด้วยการกระทุ้งข้อศอกใส่เขา
“โอ๊ย! ผมแค่พยายามจะปลอบขวัญคุณนะ ผมคิดว่าคุณน่าจะกลัว”
“นิสัยเสียจริงๆ คุณมันน่ารำคาญยิ่งกว่าผีซะอีก!”
หลังจากผ่านไป 10 นาทีต้นซื่อกวยก็กลายเป็นเถ้าถ่าน เสี่ยวหม่าและหญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ได้มีเรื่องแปลกประหลาดบางอย่างเกิดขึ้น ลูกไฟสีเขียวสามลูกได้พุ่งออกมาจากกองเถ้าถ่าน มันไม่ได้โดนเปลวไฟเผาไหม้ !
“สิ่งนั้นคืออะไร?” หญิงสาวถาม “มันสวยมาก”
“วิญญาณแรกเกิด” เหยี่ยซ่าวหยางตอบ
ลูกไฟทั้งสามกลายเป็นร่างโปร่งแสงของมนุษย์ พวกเขาทั้งหมดคุกเข่าและขอบคุณเหยี่ยซ่าวหยางอยู่ใต้ต้นซื่อกวย
“ขอบคุณ ! ที่ช่วยกำจัดปีศาจและทำลายต้นไม้ผีสิงนี้”
เหยี่ยซ่าวหยางมองวิญญาณทั้งสามด้วยความเห็นใจและถามว่า “ผีผู้หญิงฆ่าพวกคุณทุกคนหรือ?”
หนึ่งในวิญญาณนั้นตอบ “ใช่แล้ว ผีผู้หญิงตนนั้นจะฆ่าคนหนึ่งคนในทุกๆสามปี ผีผู้หญิงและต้นไม้ผีสิงนี้ได้กักขังฉันและดวงวิญญาณอื่นๆไว้ในนี้ วิญญาณบางส่วนที่ถูกจับมาก่อนหน้านี้ได้แตกสลายและถูกทำลายไปแล้ว”
เหยี่ยซ่าวหยางถอนหายใจเขารู้สึกสงสารวิญญาณไร้เดียงสาทั้งสามดวงนี้ที่ถูกปีศาจฆ่าด้วยเหตุนี้เขาจึงบอกวิญญาณทั้งสามดวงว่า “จงไปที่นรกในตอนนี้และแจ้งต่อท่านราชาแห่งนรก ผมจะเขียนยันต์ให้พวกคุณอธิบายสิ่งที่พบเจอมาให้เขาฟัง พวกเขาจะไม่ตัดสินโทษพวกคุณรุนแรงจนเกินไป สิ่งที่คุณต้องพบเจอในภพนี้จะถูกชดเชยให้ในภพถัดไป”
จากนั้นเหยี่ยซ่าวหยางก็หยิบปากกาหมึกสีชาดออกมาและเขียนข้อความบางอย่างลงบนผ้ายันต์ หลังจากเขียนเสร็จแล้วเขาก็ปล่อยให้มันไปลอยอยู่เหนือวิญญาณทั้งสามดวง วิญญาณทั้งสามกล่าวขอบคุณเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นพวกเขาก็กลายเป็นควันสีเขียวลอยเข้าไปหลอมรวมกับผ้ายันต์ เสี่ยวหม่าและหญิงสาวพูดไม่ออก ในขณะที่พวกเขากำลังมองผ้ายันต์ผืนนั้นหายไปอย่างช้าๆ.....
“ไปต่อกันเถอะ” เหยี่ยซ่าวหยางพูด
เสี่ยวหม่ารีบถามอย่างรวดเร็ว “คุณจะไม่ไปตามหาหมอผีปีศาจงั้นหรือ?”
“ผีผู้หญิงและศพจมน้ำอยู่ที่นี่มานานกว่าร้อยปีแล้ว ดังนั้นหมอผีนั่นก็น่าจะตายไปเรียบร้อยแล้ว” เหยี่ยซ่าวหยางอธิบาย “ถึงแม้ว่าคนๆนั้นจะสามารถสร้างสถานที่สำหรับปลุกวิญญาณร้ายขึ้นมาได้แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรจากมันได้อีก”
เสี่ยวหม่าเริ่มบ่น “อะไรกัน? นี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะ เขาสร้างสิ่งนี้ขึ้นมาและมันสามารถฆ่าผู้คนได้มากมาย ที่สำคัญคือมันเกือบจะฆ่าผม !”
“ทุกคนต้องชดใช้การกระทำของตัวเองเมื่อไปสู่นรก !”
จากนั้น เสี่ยวหม่าก็ถามอย่างสงสัย “แล้วถ้าวิญญาณดวงนั้นไม่ได้ถูกส่งไปนรกล่ะ?”
“มันจะดีกว่านะถ้าคุณไม่อยากรู้อะไรมากไปกว่านี้” เหยี่ยซ่าวหยางมองเขาอย่างจริงจัง จากนั้นเขาก็เดินไปหาหญิงสาวด้วยท่าทางเบิกบานใจ “ออกไปจากที่นี่กันเถอะ”
“ขอบคุณท่านหมอผี ที่ช่วยชีวิตฉันเอาไว้…” หญิงสาวพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ เธอเห็นวิญญาณทั้งหลายต่างพูดกับเขาด้วยความเคารพ เธอจึงพูดเลียนแบบวิญญาณเหล่านั้น เหยี่ยซ่าวหยางหัวเราะและพูดว่า “อย่าเรียกผมว่าหมอผีเลย ชื่อของผมคือเหยี่ยซ่าวหยาง และคุณสามารถเรียกผมว่า…พี่ซ่าวหยาง”
ในขณะที่ เสี่ยวหม่ากำลังมอง เหยี่ยซ่าวหยางทำตัวเจ้าชู้ เขาก็คิดกับตัวเองว่า อะไรจะเปลี่ยนไปได้รวดเร็วขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เขาทำตัวเป็นคนที่เก่งกาจและกล้าหาญ แต่เมื่ออยู่เขาพูดคุยกับหญิงสาวคนนี้ ถึงแม้ภายนอกของเขายังคงเป็นนักบุญที่เก่งกาจภายในของเขาก็เป็นพวกวิตถารอยู่ดีนั่นแหละ!
“พี่ซ่าวหยาง ฉันชื่อโจ้งจิงหยู” ในขณะที่พูดเธอก็ยื่นมืออกมาเพื่อทักทายเขา
หัวใจของเหยี่ยซ่าวหยางราวกับได้รับการหล่อเลี้ยงขึ้นมาใหม่เมื่อเขาได้สัมผัสมือเล็กและนุ่มนิ่มของเธอ “ชื่อของคุณช่างน่ารักอะไรขนาดนี้จิงหยูฮี่ฮี่ ก่อนอื่นเราออกไปจากที่นี่เถอะ”
ขณะที่พวกเขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เกิดบางอย่างขึ้นกับ เสี่ยวหม่าเขาเคาะศีรษะตัวเองและมองไปที่หญิงสาว “คุณชื่อ โจ้งจิงหยู งั้นหรือ? ตอนนี้คุณกำลังเรียนอยู่ที่ โรงเรียนสอนภาษาหรือเปล่า?”
โจ้ง จิงหยู มองเขาด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร
เสี่ยวหม่ารู้สึกตื่นเต้นมาก “คุณเป็นหนึ่งในสี่สาวสวยของโรงเรียนแห่งนั้น ! พ่อของคุณเป็นเจ้าของบ้านจัดสรรที่ใหญที่สุดในเมืองเจียงหนาน! สัดส่วนของคุณคือ XX,XX,XX”
“นี่มันอะไรกันเนี๊ย !” โจ้ง จิงหยู ร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
ติดตามตอนต่อไป........