ตอนที่แล้วEG บทที่ 6 พี่เขยในอนาคต (รีไรท์อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEG บทที่ 8 (รีไรท์อ่านฟรี)

EG บทที่ 7  การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (รีไรท์อ่านฟรี)


บทที่ 7  การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ

เฝิงหยู่ยังไม่ทันได้อธิบายเรื่องนี้ให้กระจ่าง อาหารกลางวันก็ถูกยกนำมาเสิร์ฟพอดี  เฝิงซิ่งไท่ดื่มเบียร์ไปเพียงขวดเดียวเพราะว่าเขายังต้องขับรถกลับบ้านซึ่งต้องใช้เวลาประมาณสามถึงสี่ชั่วโมงทีเดียว

ทั้งสองครอบครัวเข้ากันได้เป็นอย่างดีหากไม่ใช่เพราะเฝิงหยู่เตือนพ่อไว้  เฝิงซิ่งไท่คงเปิดประเด็นเรื่องรายละเอียดของการแต่งงานกับลูกเขยไปแล้ว

เอ่อ...พี่สาวของเขาอายุเพียงสิบเก้าปีเองและยังเรียนหนังสืออยู่อีกแม้ว่าพวกเขาต้องการจะแต่งงานกันจริงๆก็ควรรอให้พี่สาวของเขาเรียนจบจากวิทยาลัยพยาบาลเสียก่อน

เฝิงหยู่ยังคงกวนใจหลี่ซื่อเฉียงในช่วงทานอาหารกลางวันเช่นเดิม อย่างไรตามก็มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องพันธบัตรรัฐบาลอีกแต่เฝิงหยู่ต้องทำให้หลี่ซื่อเฉียงเชื่อมั่นให้ได้ว่าเขามีความสามารถที่จะทำเงินได้

“นายพูดว่าอะไรนะ? ป๊าของเธอมีเงินสองหมื่นรูเบิ้ลอยู่ในกระเป๋าอย่างนั้นหรือ?...นายล้อเฮียเล่นแล้วล่ะมั้ง?”

พอหลี่ซื่อเฉียงได้ยินว่าเฝิงซิ่งไท่มีเงินสองหมื่นรูเบิ้ลอยู่ในกระเป๋าก็แทบกระโดดลุกออกจากเก้าอี้ทันที  ‘เงินสองหมื่นรูเบิ้ล’ มันเป็นจำนวนเงินที่เยอะมาก มันมากพอที่จะซื้ออพาร์ทเม้นได้ 2-3หลังเหมือนกับบ้านของเขาที่อยู่ในเมืองปิงนี้

ตันอิงไม่เคยพูดมาก่อนว่าครอบครัวของเธอเป็นครอบครัวมีเงิน? แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะพกเงินเยอะขนาดนี้เข้ามาในเมืองปิงได้?

“มันไม่ใช่เรื่องตลกนะเฮียหลี่...เฮียทำงานที่ไปรษณีย์ไม่ใช่หรือ?..เฮียต้องรู้สิว่ามีคนจำนวนมากที่ต้องการแลกเปลี่ยนเงินหยวนเป็นเงินรูเบิ้ล..แต่การแลกเปลี่ยนสกุลเงินเป็นอัตราต่างประเทศที่ธนาคารมันจำเป็นต้องเขียนใบคำร้องนอกจากมันจะยุ่งยากแล้วยังมีข้อจำกัดด้านจำนวนเงินที่เราต้องการว่าจะแลกเปลี่ยนได้เท่าไหร่อีก?...ผมได้ยินว่าหากแลกเปลี่ยนกันเองจะได้อัตราที่ดีกว่าถ้าเทียบกับธนาคาร”

หลี่ซื่อเฉียงเหลือบมองเฝิงหยู่อย่างแปลกใจ

“......นายอยากจะให้เฮีย..หาคนที่เต็มใจให้อัตราที่สูงกว่าหากนายจะแลกเปลี่ยนเงินรูเบิ้ลของนายใช่มั้ย?”

“ถูกต้อง!เฮียจะบอกว่าเฮียทำไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? ...นี่เป็นความคิดของป๊าผมแต่เขารู้สึกอึดอัดใจหากจะเอ่ยปากขอร้องเฮียด้วยตัวเอง”

เฝิงซิ่งไท่ยังคงไม่รู้ตัวว่าเขาถูกลูกชายแอบอ้างชื่อของตนอยู่

เพราะมันเป็นความคิดของพ่อตันอิงดังนั้นหลี่ซื่อเฉียงจึงไม่สามารถปฏิเสธคำขอดังกล่าวได้ถนัดนัก  อย่างไรก็ตามตัวเขาก็ทำงานอยู่ที่ว่าการไปรษณีย์และมีผู้คนมากมายที่เข้ามาหาเขาเพื่อมาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ถึงแม้ว่าเงินสองหมื่นรูเบิ้ลจะเป็นเงินจำนวนมากแต่เขาก็ยังคงมั่นใจว่าจะสามารถเปลี่ยนมันเป็นเงินหยวนในอัตราที่สูงกว่าที่อื่นได้ภายในสาม3-5วันนี้

“ได้!...ให้เป็นหน้าที่ของเฮียเอง..เฮียขอรับประกันว่าจะช่วยนายแลกเปลี่ยนเงินสองหมื่นรูเบิ้ลให้เป็นเงินหยวนในอัตราที่สูงกว่าที่อื่นให้ได้!”

“เยี่ยมไปเลย!...ป๊าของผมจะมอบเงินให้เฮียทีหลังนะและอีกอย่าง...นี่จะเป็นการทดสอบเฮียไปในตัว”

มันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาต่างก็ไว้วางใจตัวเขาเป็นอย่ามากแล้วเขาจะทำให้พ่อตาในอนาคตผิดหวังได้อย่างไรกัน?  เขาจึงให้คำสัญญากับเฝิงหยู่ทันทีว่าจะทำงานนี้ให้สำเร็จภายในสามวัน!

ครึ่งชั่วโมงต่อมา  เฝิงซิ่งไท่ออกไปด้านนอกเพื่ออุ่นเครื่องรถแทร็คเตอร์ ในยุคสมัยนี้ไม่มีเครื่องป้องกันความเย็นถ้ารถไม่ได้อุ่นเครื่องมันจะไม่สามารถสตาร์ทติดได้ทันที

หลี่ซื่อเฉียงเสนอตัวเข้าช่วย  เฝิงหยู่เองก็ตามออกไปด้วยเช่นกัน

“ป๊า...ผมมีเรื่องต้องคุยกับป๊า...ผมเอาเงินไปใช้ก่อนได้ไหม?”

เฝิงหยู่เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

เฝิงซิ่งไท่จับกระเป๋าไว้ด้วยมือทั้งสองข้างอย่างรวดเร็วและมองดูเฝิงหยู่อย่างสงสัย

“...ลูกกำลังพูดอะไรอยู่?...ยังเป็นเด็กเป็นเล็กจะไปรู้วิธีใช้เงินมากขนาดนี้ได้ยังไงกัน ?  แล้วลูกจะเอาเงินไปทำอะไรเนี่ย?”

“ป๊า...ครูของผมเคยบอกว่าเมื่อคนในเมืองต้องการจะเดินทางไปต่างประเทศพวกเขาจำเป็นต้องใช้เงินสกุลของประเทศนั้น...แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นพวกเขาไม่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเงินที่มากกว่านั้นได้..พวกเขาก็เลยจะมองหาคนที่รับแลกเปลี่ยนเองในอัตราที่สูงกว่า...พี่หลี่ทำงานที่ไปรษณีย์และมีหนทางที่จะช่วยเรา...ถ้าเราให้เขาช่วยแลกเปลี่ยนเงินสองหมื่นรูเบิ้ลนี้นะ...เงินหยวนที่เราได้กลับมาจะต้องดีกว่าที่ธนาคารให้เราอย่างแน่นอน”

เฝิงหยู่อธิบายให้พ่อของตนฟัง เขากำลังจะหลอกล่อพ่อของตนด้วยเทคนิค ‘การทำเงินให้มากขึ้น’

การเจรจาการค้าที่เกิดขึ้นในตอนเช้าได้ทำให้เฝิงซิ่งไท่รู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง เขาได้พบว่าหลังจากที่ลูกชายเข้าโรงเรียนแล้วก็ดูมีความสามารถมากกว่าเดิม มันจะได้เงินมากกว่าเดิมอย่างนั้นหรือ? มันย่อมแน่นอนอยู่แล้วว่าตัวเขาเองก็อยากได้เงินจำนวนมากเช่นกัน

“แล้วที่ไปรษณีย์เขาแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศด้วยหรือ?  เงินจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าไรกัน?”

“อย่างน้อยก็น่าจะได้อีกสัก2-3....2-3พันหยวนเชียวนะป๊า”

เฝิงหยู่รู้สึกได้ถึงน้ำเสียงของเขาในเวลานั้นมันฟังดูเหมือนตอนที่เขากำลังพูดเชิญชวนลูกค้าให้เข้าร่วมลงทุนเมื่อครั้งที่เขาเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆในตอนที่เป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในสมัยตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ในอดีต

“2-3พันหยวนเชียวหรือ? มากขนาดนั้นเลยเหรอ?  โอ้....เงินรูเบิ้ลนั้นดีจริงๆมันมีค่ามากกว่าเงินหยวนเสียอีก?...เสี่ยวหลี่จะเป็นคนแลกเปลี่ยนมันให้กับพวกเราอย่างนั้นหรือ? แล้วถ้าครอบครัวของเขารู้เรื่องนี้ขึ้นมา  พวกเขาจะคิดว่าพวกเราโลภกันมั้ยเนี่ย?..มันอาจทำให้พวกเขารู้สึกแย่กับอาเจ๊ของลูกได้นะเสี่ยวหยู่??”

เฝิงซิ่งไท่ยังคงลังเลแม้ว่าเงินจะสำคัญแต่ความสุขของลูกสาวของเขาสำคัญยิ่งกว่า

“ป๊า... มันเป็นความคิดริเริ่มของเฮียหลี่เอง!... ผมแค่เอ่ยเรื่องที่เราจะไปที่ธนาคารเพื่อไปแลกเปลี่ยนเงินรูเบิ้ลนั่นแต่เฮียหลี่ก็เสนอที่จะแลกเปลี่ยนมันให้กับเรา...เฮียยังบอกอีกว่าอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารได้เงินไม่สูง.... อีกอย่างตอนนี้..เฮียหลี่และอาเจ๊ก็อยู่ด้วยกันแล้ว...อาแป๊ะหลี่ก็กำลังจะไปเยี่ยมเราที่บ้านอีก2-3วันนี้ล่ะ... ส่วนเฮียหลี่เองก็จะนำเงินกลับมาให้เราในวันที่พวกเขามาเยี่ยมเรานั่นแหละป๊า...”

เฝิงซิ่งไท่ยืนลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะนำห่อกระดาษที่ถูกพันไว้อย่างแน่นหนาจำนวนสองห่อซึ่งมันได้เก็บเงินรูเบิ้ลไว้ออกมาพร้อมกับกำชับให้เฝิงหยู่นำมันไปส่งให้ถึงมือหลี่ซื่อเฉียงให้ได้

เฝิงหยู่นำเงินรูเบิ้ลที่ได้จากพ่อของตนไปให้หลี่ซื่อเฉียงทันที

“เฮียหลี่...ถ้าเฮียทำงานนี้ได้สำเร็จ! ความสัมพันธ์ระหว่างเฮียกับอาเจ๊ของผมจะต้องได้รับการเห็นชอบแน่นอน!”

หลี่ซื่อเฉียงหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น  เขารับเงินรูเบิ้ลมาเก็บไว้แล้วพยักหน้าตอบรับด้วยเกรงว่าเฝิงซิ่งไท่จะเปลี่ยนใจไปเสียก่อน

รถแทร็คเตอร์เกือบจะอุ่นดีแล้ว เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เฝิงซิ่งไท่นำเชือกออกมาและสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ติดขึ้นทันที หลี่ซื่อเฉียงเดินขึ้นบันไดเพื่อร้องเรียกตันอิงว่าภารกิจของบิดาของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ครอบครัวสกุลหลี่ลงไปข้างล่างเพื่อไปส่งพวกเขาและยังมอบขาแกะให้กับเฝิงซิ่งไท่พร้อมเงินสิบหยวนให้แก่เฝิงหยู่อีกด้วย

หลังจากที่ครอบครัวสกุลเฝิงกลับไปแล้ว นายหลี่ผู้เป็นบิดาสังเกตเห็นห่อกระดาษทั้งสองที่อยู่ในมือของลูกชายตน

“ถืออะไรอยู่หรือลูก?”   นายหลี่ผู้เป็นบิดาถาม

“อ้อ!!...นี่เป็นเงินที่อาเจ็กเฝิงได้มาจากการขายหมีนะครับ...มันเป็นสกุลเงินรูเบิ้ลเป็นสกุลเงินต่างประเทศนะป๊า...พอดีเขาขอให้ผมช่วยหาคนที่จะแลกเป็นเงินหยวนให้...ถ้าวิธีนี้มันจะได้อัตราที่ดีกว่าที่จะไปแลกจากธนาคาร”

“อาเจ็กเฝิงของลูกเนี่ยไว้วางใจลูกจริงๆ...พยายามแลกให้เสร็จภายใน2-3วันนี้แล้วกัน..เราจะได้นำไปให้พวกเขาตอนไปเยี่ยมบ้านของพวกเขาทีเดียวเลย...อ้อ! แล้วมีเงินรูเบิ้ลอยู่เท่าไรละ?”

นายหลี่ผู้เป็นบิดามีความสุขมากที่ได้ทราบว่าครอบครัวของลูกสะใภ้ในอนาคตไว้วางใจในตัวบุตรชายของเขาอย่างมากมายเช่นนี้ นับเป็นสิ่งที่ดีจริง ๆ

“20,000”

“เท่าไรนะ?” นายหลี่ถามขึ้นอีกครั้ง

“20,000 รูเบิ้ลครับป๊า”

“20,000 รูเบิ้ลเลยเหรอ? หมีนั้นตัวใหญ่ขนาดไหนเชียว?  20,000 รูเบิ้ลมันมากพอที่จะซื้อบ้านเลยนะ...การเป็นชาวนานี่ทำกำไรมากกว่าทำงานในเมืองเสียอีก”

นายหลี่ผู้เป็นบิดาอุทานออกมาด้วยความตกใจ

“แล้วมันยังไง..ลูกชายของเราเป็นคนเมืองปิงนะเฮีย... แถมยังทำงานที่ว่าการไปรษณีย์อีกด้วย”

แม้ว่าคุณนายหลี่จะไม่ได้ดูถูกครอบครัวตระกูลเฝิงแต่ เธอก็ยังรู้สึกว่ามีสถานะที่เหนือกว่าในฐานะที่พวกเขาอาศัยอยู่ในตัวเมืองใหญ่กว่าพวกเขา

“มันเป็นเงิน20,000 รูเบิ้ล...แต่ตามอัตราการแลกเปลี่ยนเงินต่างประเทศ..มันจะเป็นเงินถึงแปดหมื่นหยวนเลยนะม๊า”

หลี่ซื่อเฉียงพูดเสริมเมื่อได้ยินมารดาของตนพูดเช่นนั้น

ในตอนนี้คุณนายหลี่ไม่อาจทำใจให้สงบลงได้และเอ่ยถาม

“เงินแปดหมื่นหยวนหรือ?  จะต้องล่าหมีถึงกี่ตัวกันเนี่ย?”

“ม๊า...ป๊าครับรับเงินนี้แล้วเข้าบ้านไปก่อนแล้วกัน...ผมจะออกไปข้างนอกสักหน่อย..ช่วงก่อนปีใหม่มีหลายคนที่เข้ามาถามผมเรื่องแลกเปลี่ยนเงินรูเบิ้ลอยู่... ผมจะไปถามพวกเขาหน่อยว่าต้องการแลกเปลี่ยนเท่าไรกัน”

หลี่ซื่อเฉียงกล่าว ขณะที่ส่งห่อกระดาษใส่เงินรูเบิ้ลให้แม่ของตน

คุณนายหลี่กอดห่อเงินสกุลรูเบิ้ลไว้แน่นและดึงสามีขึ้นไปข้างบน เธอตื่นเต้นอย่างมากเพราะยังไม่เคยเห็นเงินจำนวนมากขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

งานของหลี่ซื่อเฉียงในที่ทำการไปรษณีย์นั้นสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่เขาเป็นอย่างมาก ในยุคสมัยนี้ที่ว่าการไปรษณีย์จะต้องทำงานหลายบทบาท  เมื่อเป็นเช่นนั้นมันจึงทำให้คนอื่นประทับใจในตัวหลี่ซื่อเฉียงและต่างชื่นชมว่าเขาเป็นคนมีความสามารถทำในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้

ในที่สุดมีรองประธานบริษัทคนหนึ่งที่กำลังเดินทางไปทำธุรกิจในโซเวียตและต้องการซื้อของที่ระลึกไปฝากภรรยาและลูกๆของเขาแต่เงินต่างประเทศที่เขาแลกมานั้นน้อยเกินไป  และบังเอิญว่าหลานของภรรยานักธุรกิจเป็นอดีตเพื่อนร่วมชั้นเรียนกับหลี่ซื่อเฉียงพอดีจึงได้เข้ามาถามหาหลี่ซื่อเฉียงเพื่อติดต่อขอแลกเปลี่ยนเงินสกุลรูเบิ้ลจำนวนหนึ่งกับเขา

หลังจากเจรจากันในตอนบ่าย  หลี่ซื่อเฉียงจัดการแลกเปลี่ยนเงิน8,000 รูเบิ้ล ด้วยอัตร1 รูเบิ้ลต่อ 4.5 หยวน และเขาได้นำเงินรูเบิ้ลไปส่งถึงมือรองประธานบริษัทเป็นการส่วนตัวที่บ้านของเขาอีกด้วย

สามวันต่อมา หลี่ซื่อเฉียงเสร็จสิ้นการแลกเงินทั้งหมด20,000 รูเบิ้ลเป็นยอดเงินหยวนถึง 91,200 หยวน  และมีอยู่สองครั้งที่อัตราแลกเปลี่ยนสูงกว่าปกติอีกด้วย

หลี่ซื่อเฉียงตื่นเต้นอย่างมาก เขาสามารถทำงานที่ได้รับมอบหมายจนเสร็จสิ้นและสามารถช่วยครอบครัวของแฟนสาวให้ได้เงินเพิ่มอีกจำนวนหนึ่งและทำให้คนอื่นคิดว่าเขาช่างเป็นคนที่มีความสามารถมากเหลือก แต่มีสิ่งหนึ่งที่คอยรบกวนจิตใจของเขาอยู่ตอนนี้ คือ มีคนจำนวนมากที่เริ่มเรียกหาตัวเขาเพื่อขอแลกเปลี่ยนเงินสกุลหยวนเป็นเงินรูเบิ้ลแต่เขาก็ไม่มีเงินรูเบิ้ลเหลืออีกแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด