เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 142 ผลลัพธ์
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 142 ผลลัพธ์
ฟางเจิ้งยืนมองอยู่บนเนินเขาโดยแทบไม่สามารถสูดหายใจ
การต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดสำคัญ ผู้ชนะและผู้แพ้กำลังจะถูกตัดสิน
"ท่านหัวหน้า โปรดอดทนอีกเล็กน้อย" ร่างของฟางเจิ้งสั่นสะท้านด้วยความกังวล แต่เขาก็ทำได้เพียงยืนให้กำลังใจฉิงซูอยู่ห่างๆเท่านั้น
ราวกับได้ยินเสียงเชียร์ของฟางเจิ้ง พายุหมุนน้ำแข็งจึงถูกกดดันอย่างต่อเนื่องโดยฉิงซู
"บัดซบ! กระทั่งสามารถบังคับให้ข้าเข้าสู่สถานกาณ์ที่พลังวิญญาณไม่เพียงพอ..." ไป่หนิงปิงกัดฟันแน่นเมื่อความเร็วในการกู้คืนพลังวิญญาณของเขากลับไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้
ความเร็วในการกู้คืนพลังวิญญาณของสุดยอดกายาน้ำแข็งแห่งความมืดระดับสามรวดเร็วเป็นอย่างมากแต่มันยังไม่มากเท่ากับการดูดซับพลังงานธรรมชาติของวิญญาณมนตราพฤกษา ในทางตรงข้ามหารกายาน้ำแข็งแห่งความมืดบรรลุระดับสี่ มันจะอนุญาตให้ความเร็วในการกู้คืนพลังวิญญาณของไป่หนิงปิงเหนือกว่าวิญญาณมนตราพฤกษา
แต่ในการต่อสู้แห่งชีวิตและความตายไม่มีคำว่า "ถ้าหาก"
สุดท้ายพายุหมุนน้ำแข็งจึงหยุดลงในที่สุด
แขนของฉิงซูถูกตัดทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนที่กิ่งไม้จะงอกขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
กิ่งไม้จากฝ่ามือทั้งสองข้างของฉิงซูกางออกเป็นกรงขังไม้กักตัวไป่หนิงปิงเอาไว้ภายใน
"บัดซบ!" ไป่หนิงปิงกัดฟันแน่นด้วยความโกรธเกรี้ยว อย่างไรก็ตามเวลานี้พลังวิญญาณของเขาหมดลงแล้ว เขาจึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้
"พวกเราชนะ!" ฟางเจิ้งตะโกนเสียงดังพร้อมกับกระโดดตัวลอยอยู่บนเนินเขาเมื่อเห็นภาพนี้
'ข้ากำลังจะตายงั้นหรือ?' ไป่หนิงปิงกรีดร้องอยู่ในใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อฝ่ามือไม้สองข้างกำลังกดทับลงมา ไม่ต้องสงสัยว่าเขาจะกลายเป็นเศษเนื้อทันทีที่มันบดขยี้ลงบนร่างกายของเขา
แต่ฝ่ามือคู่นี้กลับเคลื่อนไหวช้าลงเรื่อยๆก่อนจะหยุดอยู่กลางอากาศ
ไป่หนิงปิงตะลึงแต่เขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าฉิงซูกำลังพบปัญหา
'บัดซบ! ข้ากำลังจะ...' ในจังหวะนี้ ฉิงซูกลับรู้สึกช่วยไม่ได้เมื่อแขนทั้งสองข้างของเขาสูญเสียความรู้สึกไปอย่างสิ้นเชิง
ในเวลาเดียวกันเขาก็ค่อยๆสูญเสียการเชื่อมต่อกับอวัยวะภายใน วิญญาณมนตราพฤกษาเปลี่ยนร่างกายของเขาและนำเขาเข้าใกล้ความตายมากขึ้นเรื่อยๆ
'ไม่ ข้าไม่สามารถตายเช่นนี้! ข้ายังสามารถใช้วิญญาณเถาวัลย์มรกต!" ฉิงซูฝืนตนเองและกระตุ้นใช้งานวิญญาณเถาวัลย์มรกต
เถาวัลย์หนามจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าโจมตีไป่หนิงปิงที่อยู่ในกรงไม้
ไป่หนิงปิงพยายามหลบเลี่ยงแต่เพราะเขาต่อสู้มาอย่างยาวนานและไม่เหลือพลังวิญญาณอยู่อีก นอกจากนี้ในกรงยังมีพื้นที่อยู่อย่างจำกัด ดังนั้นเขาจึงถูกเถาวัลย์สีเขียวพันธนาการเอาไว้อย่างรวดเร็ว
"มันจบแล้ว" ฉิงซูถอนหายใจก่อนจะส่งเถาวัลย์อีกจำนวนหนึ่งโจมตีตามไปอีกครั้ง
ในสถานการณ์วิกฤต พลังวิญญาณของไป่หนิงปิงกลับถูกกู้คืนขึ้นและเพียงพอสำหรับความต้องการของเขา
เขาใช้พลังวิญญาณทั้งหมดกับวิญญาณดาบน้ำแข็งโดยไม่ลังเล
ดาบน้ำแข็งตัดเถาวัลย์สีเขียวที่มัดแขนขาของเขาจากนั้นจึงหลบเลี่ยงเถาวัลย์ที่พุ่งเข้ามา
อย่างไรก็ตามเถาวัลย์สีเขียวยังพุ่งเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อาจทำให้ไป่หนิงปิงถูกสังหารทันที
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเป็นอัจฉริยะ แต่ความตายยังกระตุ้นศักยภาพทั้งหมดของเขา เวลานี้การเคลื่อนไหวของเขาจึงได้รวดเร็วและแหลมคมเป็นอย่างยิ่ง
แม้เขาจะสะดุดเป็นครั้งคราว แต่เขายังสามารถหลบเลี่ยงอัตรายและรักษาชีวิตไว้ได้
เถาวัลย์สีเขียวถูกตัดโดยดาบน้ำแข็งทำให้มันลดน้อยลงเรื่อยๆ
ไม่ใช่ฉิงซูไม่ต้องการเพิ่มจำนวนเถาวัลย์ แต่ขณะนี้พลังวิญญาณของเขาเหลืออยู่ค่อนข้างน้อย
แม้วิญญาณมนตราพฤกษาจะสามารถดูดซับพลังธรรมชาติได้อย่างไม่สิ้นสุด แต่พลังธรรมชาติในบริเวณนั้นกลับถูกดูดซับไปเป็นจำนวนมากและเริ่มเจือจางลงมากแล้ว
ข่าวร้ายกว่านั้นก็คือวิญญาณมนตราพฤกษากลืนกินร่างกายของฉิงซูไปจนจุดที่เขาแทบไม่สามารถครองสติไว้ได้อีก
ฉิงซูเริ่มมึนงง กลิ่นอายแห่งความตายพัดเข้าปะทะใบหน้าของเขา
"มันจะจบเช่นนี้งั้นหรือ? ไม่..." เขารู้สึกขุ่นเคืองแต่ยังใช้ความพยายามครั้งสุดท้ายในการสังหารไป่หนิงปิง
เวลานี้เขาไม่ได้ยินเสียงและไม่สามารถมองเห็น เขาทำได้เพียงใช้ประสาทสัมผัสที่เหลืออยู่น้อยนิดในการคำนวณระยะทางและตอบโต้ไป่หนิงปิงเท่านั้น
แต่ความพยายามของเขายังได้รับรางวัลเมื่อไป่หนิงปิงถูกจับกุมในที่สุด เถาวัลย์มรกตรัดพันลำคอของไป่หนิงปิงและยกเท้าของเขาขึ้นไปด้านบน นี่ทำให้ไป่หนิงปิงหายใจได้อย่างลำบาก กล่าวได้ว่าทั้งสองกำลังมุ่งสู่ความตายเช่นเดียวกัน
ฟางหยวนสูดหายใจลึกเมื่อการต่อสู้อันเข้มข้นกำลังจะถึงจุดสิ้นสุด
บนพื้นถูกปูไว้ด้วยซากศพมนุษย์จำนวนห้าศพที่นอนตายตาไม่ปิด พวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นสมาชิกตระกูลไป่
พึ่งพาวิญญาณเกล็ดลี้ลับในการลอบโจมตี รวมถึงวิญญาณจันทร์กระจ่าง ความแข็งแกร่งของหมูป่าสองตัว และประสบการณ์ห้าร้อยปี ฟางหยวนสามารถแสดงศักยภาพที่น่าตกตะลึงออกมา
แม้เขาจะบอกฉิงซูว่าจะกลับหมู่บ้าน มันก็เป็นเพียงข้ออ้าง
หลังจากล่าถอยออกไประยะหนึ่ง เขาจึงใช้วิญญาณเกล็ดลี้ลับซ่อนตัวอยู่รอบๆสนามรบและกระทั่งกลับไปยังสถานที่ที่ม่านซื่อกับซ่งหลี่เสียชีวิต
เขาสามารถรวบรวมวิญญาณของกลุ่มม่านซื่อมาได้ แต่ศพของกลุ่มซ่งหลี่หายไปทั้งหมดโดยไม่จำเป็นกล่าวถึงวิญญาณของพวกเขา
'ดูเหมือนซ่งหลินจะเก็บศพของซ่งหลี่ไปแล้ว น่าเสียดาย สิ่งที่ข้าต้องการมากที่สุดก็คือวิญญาณความแข็งแกร่งของหมี' ฟางหยวนถอนหายใจ
แท้จริงแล้วการรอดชีวิตของซ่งหลินไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
แต่หลังจากสังหารซ่งเจียง ซ่งหลินก็ระวังตัวมากขึ้น ดังนั้นหากฟางหยวนต้องการฆ่าซ่งหลิน เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
นอกจากนั้นหากฟางหยวนกับซ่งหลินต่อสู้กัน มันก็จะเป็นประโยชน์ต่อไป่หนิงปิง
'แต่วิญญาณความแข็งแกร่งของหมีอาจไม่ได้อยู่ในร่างของซ่งหลี่ เมื่อเขาได้รับความแข็งแกร่งของหมีเรียบร้อยแล้ว เขาอาจส่งมันคืนสู่ตระกูลไปแล้ว'
ฟางหยวนยังอยู่บนเนินเขาใกล้กับสนามรบ
การต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างฉิงซูกับไป่หนิงปิงย่อมดึงดูดฝูงหมาป่ารวมถึงกลุ่มผู้ใช้วิญญาณ
ในเวลาที่ผู้ใช้วิญญาณเข้ามาใกล้ ฟางหยวนจะล่อฝูงหมาป่าให้เข้ามาหยุดยั้งพวกเขา
สำหรับกลุ่มที่เขาไม่สามารถหยุดยั้ง เขาก็จะลงมือลอบสังหารด้วยตัวเขาเอง
"เสียงการต่อสู้เงียบลงแล้ว ดูเหมือนพวกเขากำลังจะตัดสินแพ้ชนะ" รากโสมงอกออกมาจากใบหูข้างขวาของฟางหยวนและติดต่อกับกำแพงภูเขาทำให้เขาได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นในสนามรบ
กล่าวตามตรงฟางหยวนต้องยอมรับว่าฉิงซูทำได้ดีกว่าที่เขาคิดไปมาก
อย่างไรก็ตามวินาทีถัดมาการแสดงออกของฟางหยวนกลับเปลี่ยนแปลงไป
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าจำนวนมากมาจากสองทิศทางที่แตกต่างกันแต่ชัดเจนว่าทั้งสองกลุ่มมุ่งหน้าไปยังสนามรบ
ทิศทางหนึ่งมาจากหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาล ส่วนอีกหนึ่งมาจากหมู่บ้านตระกูลไป่
แต่ละกลุ่มมีสมาชิกอย่างน้อยยี่สิบคน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่บางสิ่งที่ฝูงหมาป่าจะสามารถหยุดยั้ง นอกจากนั้นฟางหยวนยังไม่สามารถล่อฝูงหมาป่าสองกลุ่มจากสองทิศทางในเวลาเดียวกัน
"ดูเหมือนข่าวการต่อสู้ครั้งนี้จะไปถึงตระกูลเรียบร้อยแล้ว ข้าจะต้องเข้าสู่เส้นทางภูเขาอย่างรวดเร็วที่สุด"
เนื่องจากฟางหยวนอยู่ใกล้ที่สุด เขาจึงไปถึงสนามรบเป็นคนแรก
สถานการณ์ในสนามรบเป็นไปตามคาด
จากช่องว่างระหว่างกรงไม้ เขาสามารถมองเห็นไป่หนิงปิงถูกแขวนอยู่กลางอากาศและเหลือเพียงลมหายใจสุดท้าย
'มัดกล้ามน้ำแข็งทำให้ไป่หนิงปิงยังรักษาชีวิตมาได้ถึงเวลานี้ ฮืม แต่น่าเสียดายที่เจ้าต้องเผชิญหน้ากับข้า' จิตสังหารของฟางหยวนพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง เขาก้าวเท้าและวิ่งตรงไปยังไป่หนิงปิงอย่างรวดเร็ว
"ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว..."
แต่ทันใดนั้นเข็มสนจำนวนมากกลับพุ่งตรงมาที่เขาราวกับสายฝน
"เกิดสิ่งใดขึ้น?" ฟางหยวนเร่งล่าถอยออกมาทันที
เขามองไปยังต้นไม้ใหญ่ด้านหน้าและตระหนักได้ในที่สุด "ดูเหมือนสติของฉิงซูจะเลือนรางจนถึงจุดที่ไม่สามารถแยกแยะว่ามิตรหรือศัตรู เขาพึ่งพาเพียงพลังใจและความต้องการฆ่าไป่หนิงปิง ผู้ใดก็ตามที่เข้าไปใกล้ถือเป็นการรบกวนเขาทั้งสิ้น"
เป็นเพียงเวลานี้ที่สมาชิกตระกูลไป่มาถึงในที่สุด เมื่อพวกเขาเห็นสนามรบ ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะตกตะลึงและตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
"เด็กน้อยตรงนั้น อย่าเคลื่อนไหวโดยไม่จำเป็น" ผู้อาวุโสผู้ใช้วิญญาณระดับสามของตระกูลไป่ตะโกนเสียงดังไปทางฟางหยวน น้ำเสียงของเขาชัดเจนว่าเป็นคำเตือน
"ไป่หนิงปิง เจ้าแมลงสาบ!" ฟางหยวนหัวเราะเสียงเย็นอยู่ภายในใจ เขารู้ว่าตอนนี้เขาไม่มีโอกาสโจมตีไป่หนิงปิงอีกต่อไป
ประการแรก สติของฉิงซูพร่าเลือนเป็นอย่างมาก มันไม่เพียงพอที่จะสังหารไป่หนิงปิงผู้ครอบครองมัดกล้ามน้ำแข็ง
สำหรับฟางหยวน หากเขาต้องการโจมตีไป่หนิงปิง เขาต้องผ่านด่านเข็มสนของฉิงซู แต่หากเป็นกรณีนี้ เมื่อเขาดึงดูดความสนใจของฉิงซู มันอาจเป็นเหตุให้ไป่หนิงปิงสามารถหลบหนีไปได้ในที่สุด
หรือแม้เขาจะสามารถผ่านด่านฉิงซู แต่ผู้อาวุโสผู้ใช้วิญญาณระดับสามของตระกูลไป่ก็ต้องหยุดเขาอย่างแน่นอน
นอกเหนือจากนั้นมันยังมีภัยอันตรายจากไป่หนิงปิง
เนื่องจากพลังวิญญาณของเขาถูกกู้คืนตลอดเวลา มันอาจเพียงพอให้เขาใช้วิญญาณวิหคน้ำแข็งเร็วๆนี้
สุดท้ายกระทั่งว่าเขาสามารถสังหารไป่หนิงปิง แต่ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลไป่จะปล่อยเขาไปเช่นนั้นหรือ? ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาจะสังหารฟางหยวนทันที
ฟางหยวนถอนหายใจ 'มันไกลเกินไป มีระยะทางประมาณยี่สิบก้าวก่อนจะถึงตัวเขา ขณะที่ดาบแสงจันทร์ของข้ามีระยะโจมตีเพียงสิบก้าว นอกจากนั้นการฆ่าไป่หนิงปิงยังมีความเสี่ยงสูง ความเสี่ยงดังกล่าวจะรบกวนแผนการกำเนิดใหม่ของข้า มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง'
คิดได้เช่นนี้ฟางหยวนจึงเริ่มถอยหลังกลับไปสองสามก้าว
การเคลื่อนไหวที่ดูขี้ขลาดของฟางหยวนทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลไป่สามารถถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก