ตอนที่ 110 หนี
โชคดีที่ป่านี้อยู่ในหุบเขาที่ซับซ้อน ทำให้หานเซิ่นสามารถลัดเลาะไปตามเส้นทางในหุบเขา เพื่อหนีจากการไล่ล่าของนกสีเงินได้
แต่กระนั้นนกสีเงินก็ยังคงตามเขามา ภายใต้กรงเล็บของมันแม้แต่ก้อนหินขนาดเท่ารถยนต์ก็ยังแหลกเป็นชิ้นๆ พละกำลังของมันมากอย่างไม่น่าเชื่อ
หลังจากที่วิ่งมาได้สักพัก หานเซิ่นก็ออกมาจากหุบเขา
"ตอนนี้ไม่มีที่ให้กำบังแล้ว แล้วเราจะหนีจากเจ้านกบ้านี่ยังไง"
พอไม่มีหุบเขาเป็นที่กำบัง นกสีเงินก็บินตรงเข้ามาหาหานเซิ่นทันที
หานเซิ่นรีบเรียกวิญญาณอสูรนักฆ่ากระหายเลือดกับด้วงทมิฬเลือดศักดิ์ออกมาทันที เขาเปลี่ยนร่างเป็นครึ่งคนครึ่งม้าสีทอง และวิ่งหนีไปด้วยขาทั้ง 4 ของเขา
ทุกครั้งหานเซิ่นจะมั่นใจในความเร็วของนักฆ่ากระหายเลือดเสมอ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าความเร็วของมันจะไม่สามารถทิ้งห่างการตามล่าของนกสีเงินได้
"ผมจะมาตายแบบนี้ไม่ได้" ระยะเวลาการเปลี่ยนร่างของหานเซิ่นนั้นมีจำกัด ด้วยจีโนพ้อยที่เขามีตอนนี้ เขาจะคงร่างนี้ได้ไม่เกิน 1 ชั่วโมง เมื่อเวลาหมด เขาจะไม่มีทางวิ่งหนีนกตัวนี้ได้ทันอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้หานเซิ่นไม่มีเวลาคิดอะไร เขาต้องวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
สำหรับปีกเลือดศักดิ์สิทธินั้น หานเซิ่นไม่กล้าที่จะใช้มัน เพราะถ้าเขาใช้ปีกบินขึ้นฟ้าไปละก็ เขาคงไม่มีทางบินได้เร็วกว่านกตัวนี้แน่นอน ซึ่งมันจะไม่ต่างจากส่งเนื้อเข้าปากเสือถ้าเข้าบินขึ้นไป
หานเซิ่นวิ่งต่อไปยังทุ้งหญ้าที่กว้างใหญ่ เขาเริ่มรู้สึกสิ้นหวัง ขณะที่นกสีเงินพยายามใช้กรงเล็บตะครุบมาที่เขา เมื่อเวลาผ่านไป หานเซิ่นเริ่มรู้สึกเจ็บปวดกล้ามเนื้ออย่างรุนแรง ทำให้เขารู้แล้วว่าเวลาในการเปลี่ยนร่างของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว
ขณะที่หานเซิ่นกำลังจะตัดสินใจหันกลับไปสู้กับนกสีเงิน เขาก็ได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ข้างหน้าเขา มันเหมือนว่าจะมีแม่น้ำอยู่ใกล้ๆนี้ ตาของเขาเปล่งประกายขึ้นมาทันที
หานเซิ่นแทบไม่ต้องคิดอะไร เขารีบวิ่งตามเสียงนั้นไปด้วยความเร็วสูงสุด และเขาได้ใช้กายหยกช่วย เพื่อให้เขาสามารถคงร่างนี้ได้นานขึ้นอีกหน่อย
ในที่สุดหานเซิ่นก็เห็นแม่น้ำที่กว้างใหญ่ ที่มีคลื่นค่อนข้างแรง
เมื่อเห็นแม่น้ำ หานเซิ่นเริ่มรู้สึกมีหวังขึ้นมา ตอนนี้เขาได้แต่ภาวนาขอให้นกสีเงินตัวนี้ไม่รู้วิธีว่ายน้ำ เขาจะได้ลงไปซ่อนตัวในน้ำได้สักพัก
เขากำลังใช้เท้าทั้ง 4 วิ่งไปด้วยความเร็วสูงสุด หานเซิ่นรู้สึกว่ากล้ามเนื้อของเขาใกล้จะฉีกขาด เขาใช้เวลาในการเปลี่ยนร่างเกินขีดจำกัดของร่างกายแล้ว แต่สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือวิ่งต่อไป การคืนร่างตอนนี้ก็เท่ากับฆ่าตัวตาย
แม่น้ำอยู่ห่างจากเขา 600 ฟุต ตาของเขาเริ่มมีเลือดไหลออกมา เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่าง เขาอยากจะกรีดร้องออกมา แต่เขาก็ยังคงวิ่งต่อไป
500 ฟุต.. 300 ฟุต... 100ฟุต.. 10 ฟุต
ขณะที่หานเซิ่นรู้สึกว่าร่างกายของเขาจะระเบิดเต็มทีแล้ว ในที่สุดเขาก็โดดลงน้ำได้สำเร็จ
ตูม!
ตอนที่หานเซิ่นกระโดดลงน้ำ เขารู้สึกเจ็บปวดบริเวณหลังอย่างมาก ซึ่งมันเกือบจะทำให้เขาหมดสติ
หัวใจของหานเซิ่นเต้นรัว เมื่อเขาเห็นนกสีเงินตามมาถึงในน้ำ เนื่องจากความต้องมีชีวิตรอด ทำให้หานเซิ่นตะเกียกตะกายว่ายน้ำต่อไปด้วยแรงที่เหลืออยู่ทั้งหมด เขาว่ายลึกลงไปในแม่น้ำ
ในตอนนี้เขาไม่สามารถจะคงร่างของนักฆ่ากระหายเลือดได้อีกต่อไปแล้ว ในตอนที่เขาคืนร่างเดิมเขารู้สึกเหมือนถูกดูดลงไปในน้ำ
เขาพยายามจะรักษาสติไว้ และดำลึกลงไปในน้ำต่อไปเรื่อยๆ เพื่อที่จะไม่ถูกนกสีเงินกิน
ในขณะนั้นหานเซิ่นก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ เขาเรียกวิญญาณอสูรบาร์ราคูด้ากลายพันธ์ออกมา ซึ่งเป็นวิญญาณอสูรประเภทขี่ในน้ำ ปลาบาร์ราคูด้าขนาด 4 ฟุต ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา เขารีบขึ้นไปจับตัวมันไว้แน่น และบังคับให้มันดำลึกลงไปในน้ำ
เมื่อหานเซิ่นไม่อาจจะกลั้นหายใจได้อีกต่อไป เขาก็บังคับให้บาร์ราคูด้าขึ้นไปบนผิวน้ำ
ในที่สุดเขาก็ได้พักหายใจหายคอ หานเซิ่นรู้สึกโล่งใจที่ไม่เห็นนกสีเงินแล้ว ดูเหมือนว่ามันจะว่ายน้ำไม่เป็น มันทำได้แค่ใช้กรงเล็บตะปบมาที่หลังของหานเซิ่นตอนที่เขากระโดดลงน้ำ หลังของเขายังคงเจ็บปวดอยู่มาก ร่างกายของเขาทั่วทั้งร่างเหมือนจะฉีกออกจากกัน เป็นผลมาจากการที่เขาใช้นักฆ่ากระหายเลือดเกินขีดจำกัดของตัวเอง แต่โชคดีที่ชุดเกราะเลือดศักดิ์สิทธิยังคงป้องกันเขาไว้ได้ ไม่งั้นมอนสเตอร์ตัวอื่นๆที่อยู่ในน้ำคงได้กลิ่นเลือด และมาฉีกร่างเขาเป็นชิ้นๆแล้ว
มีกลุ่มปลารูปร่างแปลกๆความยาวกว่า 2 ฟุตกำลังว่ายอยู่รอบๆเขา และพยายามจะกัดเขาตลอดเวลา แต่เกราะเลือดศักดิ์สิทธิยังคงป้องกันไว้ได้
หานเซิ่นต้องทนกับความเจ็บปวด เขาเอามีดโลหะzออกมาจากแขนเสื้อ และแทงไปที่ปลาพวกนั้น ซึ่งทำให้มันตายทันที
"แบล็คแลนเทรินระดับโบราณถูกฆ่า ไม่ได้รับวิญญาณอสูร เมื่อกินเนื้อของมัน คุณมีโอกาสได้รับ 0-10 จีโนพ้อยโบราณ"
เมื่อเห็นแบล็คแลนเทรินตัวอื่นๆว่ายหนีกระจายกันออกไป หานเซิ่นก็กินเนื้อปลาในมือของเขา รสชาติของมันคราวและก็ขมมาก แต่หานเซิ่นไม่มีเวลาเลือกกิน ตอนที่เขาหนีลงมาในน้ำ เขาโดนนกโจมตีที่หลัง ทำให้กระเป๋าสัมภาระของเขาหลุดหายไปหมด เขาไม่มีอาหารและน้ำ เพราะฉะนั้นเขาต้องพึ่งเนื้อของมอนสเตอร์เพื่อเป็นแห่งพลังงาน
แต่เนื้อของมันรสชาติแย่มาก หานเซิ่นทนกินมันได้แค่คำเดียว และก็โยนมันทิ้งไป
เมื่อได้พละกำลังกลับมาบ้างแล้ว หานเซิ่นเริ่มสำรวจรอบๆ ถึงแม้ว่ามันจะมืดแล้ว แต่ก็พอมีแสงจากดวงจันทร์ ทำให้เขาเห็นภูเขา และป่าข้างๆแม่น้ำได้
เขารวบรวมแรงที่เหลือ และบังคับให้บาร์ราคูด้ากลับไปขึ้นฝั่ง
ดูเหมือนดวงของเขาจะไม่ได้เลวร้ายไปซะทีเดียว บริเวณฝั่งที่เขาขึ้นมานั้นมีต้นไม้อยู่จำนวนมาก เขามองไปรอบๆ และไม่เห็นมีมอนสเตอร์อยู่บริเวณใกล้ๆนี้
หานเซิ่นถอนหายใจอย่างโล่งอก และปีนขึ้นไปบนต้นไม้สูง แต่เมื่อเขากำลังจะพัก และรักษาบาดแผล ก็มีเสียงคำรามของสิ่งมีชีวิตบางอย่างดังมาจากภูเขาที่อยู่ใกล้ๆ
"ดวงของผมมันจะซวยไปถึงไหนเนี่ย!"
หานเซิ่นยิ้มออกมาอย่างขมขื่น และมองไปยังทิศที่เสียงนั้นดังมา