ตอนที่ 272: ก้าวไปข้างหน้า (1)
ตึง
ทันใดนั้นก็มีบันไดลดลงมาจาราวเชื่อมเรือเหาะกับพื้นดิน ฝุ่นสีเหลืองได้ปลิวไปในอากาศอีกครั้ง
มีคนหลายคนที่สวมชุดคลุมสีขาวเดินลงมา
มีพ่อมดสามคนและแม่มดสองคน ทุกคนกำลังถือกระเป๋าเดินทางหนังสีดำ
"สถานที่นี้เงียบอย่างสมบูรณ์" ชายผมสีน้ำตาลสั้นพึมพำ เขากำลังเดินอยู่ข้างหน้าลูกเรือ ชายคนนี้มีดวงสีทองแวววาวและมีสีเงินแวววาวที่ผิวของเขา
"โอริกามิหญิง..." ชายผมสีดำพูดเสียงเคร่งเครียด เขาสังเกตเห็นกระดาษผู้หญิงสีเทาที่กำลังซ่อนอยู่ในเงา โอริกามิหญิงจ้องไปที่พ่อมดอย่างเงียบๆ
"เราต้องไปแล้ว!" เขาพูดต่อ ชายคนนี้ดูกังวล "กรีน เลี้ยวขวา เร็วเข้า!"
"ทำไม ทำไมเจ้าถึงกลัวมอนสเตอร์ที่เป็นกระดาษ ไม่เอาน่าสติกม่าเจ้าเป็นพ่อมดขั้นของเหลวนะ..." แองเจเล่สังเกตเห็นโอริกามิเหล่านั้นที่อยู่ใต้ต้นไม้เช่นกัน
"มีตำนานบอกไว้ว่าโอริกามิหญิงนั้นอาศัยอยู่ในต้นไม้ที่มีนาฬิกาขนาดใหญ่ เงาดำจะเคลื่อนไหวและโอริกามิหญิงก็จะออกจากต้นไม้เพื่อล่าสิ่งมีชีวิตใดๆก็ตามที่อยู่ในระยะของพวกมัน วิธีเดียวที่จะกำจัดพวกมันได้คือการฆ่าเงาดำที่ซ่อนอยู่ภายใต้ต้นไม้ โอริกามิหญิงมาจากที่ไหนสักแห่งและพวกมันก็ไม่มีที่สิ้นสุด" สติกม่ามีสีหน้าเคร่งเครียด "เจ้าไม่เห็นหรือว่าสิ่งมีชีวิตอื่นเลือกที่จะอยู่ห่างจากต้นไม้นี้"
พ่อมดทุกคนได้ยินคำพูดของสติกม่าและพิจาณาสถานการณ์ใหม่
"งั้นไปกันเถอะ"
แองเจเล่พยักหน้าเล็กน้อย
"มีแท่นบูชาอยู่นั่น! เราไปที่นั่นกันเถอะ!" ฮิคาริชี้ไปที่ด้านซ้ายของต้นไม้
แองเจเล่หันไปมองทางซ้าย เขาเห็นแท่นบูชาหินสีเทาที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ว่าง
มีรูนสีเหลืองรูปกางเขนลอยอยู่เหนือแท่นบูชา มันดูเหมือนลูกปัดสีเหลืองที่มีเข็มแหลมสี่เล่ม มันเป็นคริสตัลใส
มีควันสีเหลืองออกพ่นออกมาจากรูนอย่างต่อเนื่อง
ทั้งห้าเดินไปที่แท่นบูชาพร้อมกันอย่างรวดเร็ว
สติกม่าตรวจสอบโอริกามิหญิงเป็นครั้งคราว เขาต้องการตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกมันจะไม่ขยับ
เรย์ไลน์จับดาบปลายโค้งคู่แน่นและคอยตรวจสอบสถานการณ์รอบๆ พ่อมดทั้งสามก่อตัวเป็นรูปสามเหลี่ยมล้อมรอบแม่มดทั้งสองคน
โอริกามิหญิงยืนอย่างอดทนภายใต้ต้นไม้จ้องไปที่พ่อมดด้วยความอยากรู้ ไม่มีอะไรอยู่บนใบหน้าของพวกมันดังนั้นแองเจเล่จึงไม่แน่ใจว่าพวกมันเพียงแค่รอเงามืด
พ่อมดทั้งห้ารู้สึกโล่งใจหลังจากที่พวกเขาไปถึงแท่นบูชา พวกเขานั่งลงรอบฐานหินและเริ่มตรวจสอบอุปกรณ์ของพวกเขา
แองเจเล่ถอนหายใจด้วยความโล่งอกขณะที่เขานั่งลงบนฐานหินของแท่นบูชา
ตามที่สติกม่าบอกแท่นบูชาเหล่านี้จะไม่ถูกโจมตีโดยสิ่งมีชีวิตเวทมนต์และรูนจะถูกสร้างขึ้นใหม่ถ้าพวกมันหายไปแต่ไม่มีใครสามารถอธิบายได้ว่าทำไม
สติกม่าโรยผงสีเขียวเหนือมีดดำของเขาในขณะที่เขาเริ่มพูด
"ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามารถร่ายคาถาที่จำเป็นได้ถ้าเกิดการต่อสู้ สถานที่นี้อันตรายแต่ก่อนอื่นข้าต้องยืนยันตำแหน่งปัจจุบันของเรา ข้าไม่ได้คาดหวังว่าจะเห็นโอริกามิหญิงที่นี่"
"เจ้าต้องการเวลานานแค่ไหน" เรย์ไลน์สงสัย
"ประมาณสิบห้านาที"
"ข้ามีความรู้สึกที่ไม่ดีเรื่องนี้" เรย์ไลน์ขมวดคิ้ว "มีบางอย่างไม่ถูกต้อง ข้าคิดว่าเราต้องออกจากพื้นที่นี้ก่อนที่มันจะมืด"
"ครั้งนี้เจ้าพูดผิดแล้ว แม้ว่าสถานที่นี้จะอันตรายแต่เราก็ยังต้องการเวลาและหาจุดอ้างอิงก่อนที่เราจะเคลื่อนย้าย เราอาจจะถูกซุ่มโจมตีถ้าเราเข้าไปอาณาเขตของพวกมัน" สติกม่าส่ายหัว
"แล้วเราต้องทำอะไร" ฮิคาริจับมือของมอร์ริสซ่าและถามเสียงเบา "มอร์ริสซ่าเป็นผู้รักษาที่ยิ่งใหญ่และเธอสามารถรู้สึกถึงพลังชีวิตในอากาศได้ ตอนนี้เธอรู้สึกไม่ดีนักซึ่งหมายความว่า...."
"ใช่ พลังงานชีวิตในอากาศนั้นอ่อนแอ สถานที่นี้ทำให้ข้าไม่สบายแต่ข้าไม่แน่ใจว่ามันเป็นพลังงานความตายหรือไม่ มันรู้สึกเหมือนมีบางอย่างที่ต่างออกไป" มอร์ริสซ่าอธิบาย
"ไปกันเถอะ" แองเจเล่ตัดสินใจ "เราต้องหนีจากโอริกามิหญิงเหล่านั้นก่อนและดูว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปหรือไม่ บางทีพวกมันอาจจะเป็นเหตุผลให้มอร์ริสซ่ารู้สึกไม่ดี"
เรย์ไลน์ มอร์ริสซ่าและฮิคาริพยักหน้าแต่สติกม่ายังมีความเห็นที่ต่างออกไป หลังจากที่สนทนากับแองเจเล่สั้นๆเขาก็ตัดสินใจที่จะทำตามคำตัดสินของกลุ่ม
"เอาล่ะ งั้นไปตามเส้นทางเดิมของเรือเหาะ เราควรจะไม่เป็นไร" เขาลุกขึ้นยืน
พ่อมดทั้งสามก่อตัวเป็นรูปสามเหลี่ยมล้อมรอบแม่มดทั้งสองอีกครั้งและเริ่มไปข้างหน้า
ทั้งห้าหายไปจากขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว
วูๆๆๆ
มีสายลมพัดผ่านเหนือแท่นบูชา
ทันใดนั้นฐานหินสีเทาก็เริ่มทรุดโทรมลง
รูนคริสตัลหายไปและฐานหินของแท่นบูชาก็แตกทำให้แสงหายไป
หลายวินาทีต่อมาแท่นบูชาหินก็เปลี่ยนเป็นสระของเหลวเหนียวสีดำ มันมีกลิ่นเหม็นลอยอยู่ในอากาศ
จ๋อม
ตรงกลางของสระสีดำมีใบหน้าซีดของผู้หญิงที่มีผมเป็นประกายอยู่บนผิวของน้ำ ผู้หญิงคนนี้เปิดปากที่แห้งผากแต่ไม่ได้พูดอะไร
โอริกามิหญิงกระพือปีกของเธอและค่อยๆหยุดลงที่ขอบสระ เธอหันหัวกระดาษไปทิศทางที่พ่อมดห้าคนกำลังมุ่งหน้าไปเงียบๆ
**************************
ชุดคลุมขาวห้าคนก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆบนที่ราบที่ไร้ที่สิ้นสุด
มีนกสีแดงและสีดำบินเหนือที่ราบที่ไร้ที่สิ้นสุด นกมีลูกตาสีแดงและพวกมันดูเหมือนแร้งกลายพันธุ์
แองเจเล่สังเกตเห็นแร้งหลายตัวยืนอยู่บนกิ่งของต้นไม้ที่ตายกำลังจ้องมาที่พวกเขา เสียงที่ออกมาจากปากของพวกมันทำให้เขากังวล
เรย์ไลน์เงยหน้าขึ้นและมองไปที่แร้งที่กำลังบินในท้องฟ้า เขาเชื่อมด้ามของดาบปลายโค้งของเขาเปลี่ยนเป็นธนูยาว
ดวงตาของสติกม่ามองไปที่เรย์ไลน์และวางมือขวาไว้บนธนูของเรย์ไลน์
เรย์ไลน์ค่อยๆลดธนูลงในขณะที่สติกม่าส่ายหัว
แองเจเล่กำลังตรวจสอบสภาพแวดล้อมตลอดเวลาในขณะที่เดิน มีจุดแสงสีน้ำเงินกำลังกะพริบข้างหน้าสายตาของเขา
'งานเป็นอย่างไรบ้าง' เขาถาม
[การสแกนเสร็จสิ้น กำลังตรวจสอบสนามพลังที่ผิดปกติ....ไม่ทราบผล โปรดออกจากพื้นที่นี้ทันที] แองเจเล่รู้สึกผิดหวังกับการตอบของซีโร่
เขาขยับมือขวาไว้ที่ด้ามจับของดาบปลายโค้ง มีแสงพลังงานสีเขียวขึ้นมาที่แขนของเขาทันที
'ตรวจสอบสภาพร่างกายของข้า' แองเจเล่สั่ง เขารวบรวมผงสีน้ำเงินทั้งหมดที่เหลือจากจิตวิญญาณพายุหลังจากการต่อสู้และกินมันให้มากที่สุดในหลายวัน ผงสีน้ำเงินเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกระบวนการแปลงพลังงานชีวิต
สกัดแก่นชีวิตจากจิตวิญญาณพายุนั้นช้า เขาได้ถามมากกว่าสิบครั้งในขณะที่ทีมไปข้างหน้า ในที่สุดงานก็เสร็จ
[ประสบความสำเร็จในการดูดซึมแก่นชีวิตจากจิตวิญญาณพายุ ค่าสถานะเพิ่มขึ้น กำลังตรวจสอบ...]
[แองเจเล่ ริโอ ความแข็งแกร่ง 15 ความว่องไว 13.4 ความอึด 17 พลังจิต 55.3 มานา 54 ได้รับบัพจากดาบปลายโค้งต้องสาป]
เขาตกใจกับผลลัพธ์ เขาไม่ได้คาดหวังว่าแก่นชีวิตของจิตวิญญาณพายุจะมีผลขนาดนี้
'ลบบัพออกและตรวจสอบสภาพของข้าอีกครั้ง'
[กำลังตรวจสอบ...แองเจเล่ ริโอ ความแข็งแกร่ง 6.2 ความว่องไว 6.7 ความอึด 10.2 พลังจิต 53.4 มานา 50.1]
'น่าเหลือเชื่อ....มันเป็นตัวเลขที่ไม่น่าเชื่อ' แองเจเล่พอใจกับผลลัพธ์ พลังทำให้เขารู้สึกมั่นใจขึ้น
ด้วยบัพความอึดของเขามีถึง 17 หน่วยและเขาไม่จำเป็นต้องใช้เจลรักษาใดๆกับบาดแผลของเขา มันใช้เวลาประมาณครึ่งนาทีเพื่อให้เลือดตรงบาดแผลหยุดไหลและเขาต้องพักผ่อนหลายวันเพื่อฟื้นฟูเต็มที่ การโจมตีครั้งเดียวก็สามารถฆ่าพ่อมดทั่วไปได้เพียงทำให้เขาบาดเจ็บเล็กน้อย
การเพิ่มขึ้นของความแข็งแกร่งก็ยังเป็นประโยชน์ แองเจเล่มั่นใจว่าเขาสามารถแลกการโจมตีกับสัตว์อสูรเวทมนต์กลายพันธุ์ได้ด้วยพลังเช่นนี้
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือพลังจิตของเขาที่เพิ่มขึ้นใกล้ถึงข้อกำหนดของขั้นคริสตัลไม่นานนี้ พลังจิตของแองเจเล่เพิ่มขึ้นประมารสิบหน่วยระหว่างการเดินทางนี้
เขาได้ยินมอร์ริสซ่าพูดบางอย่างและหยุดการโต้ตอบกับซีโร่
"ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นแล้ว สิ่งที่ทำให้ข้ารู้สึกไม่ดีได้หายไป มันจะต้องเป็นโอริกามิหญิง"
"ฟังดูดี โอริกามิหญิงเหล่านั้นถูกควบคุมด้วยพลังลึกลับบางอย่าง เราโชคดีที่พวกมันไม่ได้ตามเรา เรากำลังเข้าใกล้หุบเขาอเวจีแล้ว" สติกม่าชี้ไปข้างหน้า
มีหน้าผาอยู่ข้างหน้าพ่อมดทั้งห้าและมีสายลมอุ่นพัดผ่านใบหน้าของพวกเขา
พวกเขาเดินไปที่หน้าผาและวางกระเป๋าเดินทางลง
แองเจเล่มองลงไปและเห็นรอยแยกลึกที่น่ากลัว มันมืดและเงียบ
หน้าผาอีกด้านอยู่ห่างออกไปประมาณหนึ่งพันเมตร ต้นสนบนหน้าผานั้นดูเหมือนจุดสีเขียวเข้ม
"เดี๋ยวก่อน ให้ข้าตรวจสอบดูก่อนว่ามีกับดักไหม" แองเจเล่พูดเสียงดัง
"ตกลง" สติกม่าและคนอื่นๆก็ก้าวไปด้านข้าง
แองเจเล่ยืนอยู่ข้างขอบของหน้าผาและก้มตัวลง เขาคว้าโคลนและโยนมันไปในรอยแยก
โคลนกระจายไปตามสายลมเหมือนริบบิ้นสีเหลืองและหายไปในอากาศ
"ฮิบิส....ฟัง.....หายนะ.....ลม....ความฝัน..." แองเจเล่ร่ายคาถาและชี้นิ้วชี้มือขวาไปข้างหน้า
มีสายสีเขียวอ่อนที่ดูคล้ายถั่วออกมาจากปลายนิ้วของแองเจเล่บินไปที่อีกด้านของรอยแยก สายไม่ได้รับผลกระทบจากแรงลม
"มันเป็นคาถาดัดแปลงที่ดีในการตรวจจับการเคลื่อนไหวของพลังงาน สายสีเขียวสามารถปลอมเป็นมนุษย์ได้" เขาอธิบายในขณะที่เขาควบคุมสายที่กำลังบิน
"มันดีกว่ายาธาตุลมของข้ามาก เจ้าร่ายคาถาเสร็จภายในไม่กี่วินาที" ฮิคาริพยักหน้าเล็กน้อย
พวกเขาเฝ้าดูสายสีเขียวบินในอากาศอย่างเงียบๆ
หลายนาทีต่อมาสายก็ไปถึงหน้าผาอีกด้าน
ชี่
ทันใดนั้นก็มีเงากะพริบในอากาศและกลืนสายสีเขียวไป