ตอนที่ 39 การเดินเส้นขนาน
[ทางที่สี่ เส้นทางขนาน เส้นทางนี้เป็นเส้นทางที่พวกเราจะต้องเดินไปอย่างระมัดระวังที่สุด เพราะว่าทางขนานของมันที่ว่าคือการเดินตามทางที่มันกำหนดให้ ไม่ว่าจะเจออะไรก็ตามห้ามออกจากทางเป็นอันขาด เพราะว่าถ้าเกิดออกจากทางอาจจะเจอปีศาจหนอนที่เลื้อยตามข้างล่าง พันเราเกี่ยวเราลงไปสู่หุบเหวแห่งความมืด แล้วไม่มีวันได้กลับออกมาอีกเลย]
“มาถึงทางที่ต้องใช้สมาธิขั้นสุดแล้วสินะครับ พวกเราต้องเดินจับมือกันไปแล้วล่ะ”
คือว่าทางที่ให้ไปมันมีสองทางผมเกรงว่าเราอาจจะแยกจากกันก็เลยอยากจะจับมือกันเอาไว้ก่อน ผมไม่ได้คิดอะไรกับเธอเลยนะหรือไม่ได้คิดจะแต๊ะอั๋งเธอด้วย ผมแค่จะจับมือเพื่อไม่ให้เราแยกจากกันก็แค่นั้นเอง เอาเถอะผมยื่นมือไปหาเธอก่อนที่คุณแมสจะยื่นมือมาจับมือผม มือของเธอนุ่มมากเลยนะ...แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาคิดถึงเรื่องนี้ ทางสีขาวที่โรยด้วยดินเป็นทางตรงสองช่อง ผมและคุณแมสเดินตามทางไปพร้อมๆกัน ก่อนระยะทางเริ่มแคบลงและกลายเป็นเหวมืดมิดที่มีแต่หนอนสีแดงน่าขยะแขยง
“เดินจับมือกันไปแบบนี้มันก็ดีอีกแบบหนึ่งนะคะ”
คุณแมสพูดขึ้นมาเดินจับมือกันดีอีกแบบยังไงกันนะ แล้วแบบไหนที่เธอว่าดีกันล่ะ
“หมายความยังไงหรอครับคุณแมส” ผมอยากรู้ก็เลยถามเธอไป เธอหันมาหาผมแล้วพลันยิ้มให้ผมด้วยลอยยิ้มที่แสนอบอุ่น
“ก็เหมือนกับเราจะไม่แยกจากกันยังไงล่ะคะ มันดีที่ว่าการที่มีคนๆหนึ่งมากุมมือของเรา มันทำให้เราคิดว่าเราไม่ได้อยู่เพียงลำพังหรือตัวคนเดียว ฉันดีใจนะคะที่คุณเป็นคนดีคุณอดัม และคุณก็ไม่เคยทิ้งฉันเลยด้วย มันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันมีคนที่คอยห่วงใยและคอยดูแลมาโดยตลอด ขอบคุณนะที่คุณมาที่นี่มาให้ฉันรู้จักกับคำว่าอบอุ่นและดูมีค่า”
พอคุณแมสพูดขึ้นมาแบบนี้มันก็ทำให้ผมยิ้มออกมาและดีใจที่เธอเห็นว่าผมแคร์เธอมากขนาดไหน
“ผมก็เช่นกันนะครับคุณช่วยเหลือผมมาตั้งแต่แรก ทำให้ผมยังมีชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ ผมคิดว่าที่ผมแคร์และเป็นห่วงคุณได้ เพราะคุณเป็นห่วงผมและคอยดูแลผมมาตลอดก่อนมากกว่าครับ มันก็เหมือนกับเส้นขนานที่เราได้เดินกันอยู่ ถ้าเกิดเราไม่ร่วมมือร่วมใจเดินไปด้วยกัน แล้วเมื่อไหร่พวกเราจะถึงล่ะครับ ผมคิดว่าผมรู้สึกดีกับคุณแมสมากเลยล่ะครับ”
คุณแมสหยุดเดินแล้วทำหน้าแปลกใจใส่ผม..ผมพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าทำไมคุณแมสถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ เดี๋ยวก่อนนะ..หรือว่าจะเป็นเพราะคำนั้นหึ๋ยไม่ได้แล้วเราต้องแก้ตัวก่อนเดี๋ยวเธอจะเข้าใจเราผิดเอาได้
“คือเอ่อผมหมายถึงว่ารู้สึกดีที่มีคนคอยเคียงข้างกันน่ะครับผม แฮะๆ เราเดินกันต่อเถอะนะครับจะได้ออกไปจากที่นี่กันได้เร็วๆ”
เธอพยักหน้าและคายความสงสัยของเธอลง เกือบไปแล้วไหมล่ะเกือบทำให้เธอเข้าใจผิดไปแล้ว แต่เอาจริงๆผมไม่ได้รู้สึกกับเธอหรอกนะครับ แต่ผมชอบเธอเลยมากกว่า ถึงแม้ยังไม่ถึงขั้นรักเธอ แต่ว่าผมรู้ตัวว่าผมชอบเธอเข้าแล้วจริงๆตั้งแต่แรกเห็น ผมไม่สนและไม่ได้คิดถึงเรื่องที่เธอเป็นตัวประหลาดเลยนะ ผมคิดว่าเธอเหมือนๆกับผมนี่แหละ มีหัวใจมีความคิดและมีความเมตตากรุณาต่อผม ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่เธอไม่เคยทิ้งผมไปไหนเลย ยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะช่วยผมถึงแม้จะไม่รู้จักกัน เธอคือผู้หญิงที่ผมคิดว่าผู้หญิงใดก็ไม่สามารถแทนเธอได้เลย จากนั้นเราสองคนก็เดินผ่านเหวมืดแล้วก็ทะลุสู่ทางเดินถัดไปได้อย่างสบายใจ ผมหยุดเดินลงเพราะว่าออกจากเหวมืดที่มีหนอนแล้ว ทางข้างหน้าไม่ใช่เส้นขนาดอีกต่อไปมันเป็นเพียงทางเดินธรรมดาๆเท่านั้น แต่ผมรู้สึกรักทางเดินที่แสนธรรมดาๆนี้มากดีกว่าไปเจออะไรที่มันน่ากลัวตามทางเดินไปอ่ะนะ
“คุณอดัมคะ” อยู่ๆคุณแมสก็เรียกผมขึ้นมาผมเลยหันไปมองเธอ
“ว่ายังไงหรอครับคุณแมส” ผมถามเธอไปก่อนที่เธอจะยิ้มให้ผมแล้วก็มองลงไปที่ข้างล่าง ผมเลยมองตามเธอแล้วพบว่าผมและเธอยังคงจับมือกันอยู่ ผมจึงรีบปล่อยในทันทีก่อนจะมองไปทางอื่นเพื่อแก้เขินของผม
“งั้นเราไปทางต่อไปกันเลยดีกว่าครับจะได้ไปถึงขุมสมบัติที่ผมตามหาเสียที ผมจะได้กลับบ้านไปรักษาพ่อของผมแล้ว”
ผมพูดเรื่อยเปลื่อยพอจะเปลี่ยนเรื่องไม่ให้เธอคิดถึงเรื่องมะกี้ จะได้แก้เขินของตัวเองด้วยเช่นกัน จากนั้นตัวของผมและเธอก็เดินไปตามทางเพื่อที่จะไปสู่ทางถัดไปที่อยู่ข้างหน้าของพวกเรา พอนึกถึงทีไรแล้วอายฟอเรสมันทุกที มันรู้เรื่องแต่เพียงพูดไม่ได้พอเห็นว่ามันมองผมแล้ว มันเหมือนรู้สึกได้เลยว่าผมกำลังคิดอะไรกับคุณแมสอยู่หรือเปล่า ใบหน้าอันแสนน่ารักที่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นนี่ทำให้ผมอยากจะโยนมันลงจากบ่าของผมจริงๆ แต่ก็ทำมันไม่ลง..ช่างมันเถอะเดินทางต่อดีกว่านะมิคิดมากกับเรื่องพวกนี้จะดีกว่า