ตอนที่ 271: มาถึง (2)
อนุภาคพลังงานจมลงไปในเครื่องรางและสร้างกระบอกแสงโปร่งใสเชื่อมกับเสาหลักและราว
"รีนสลันวาเรีย!" ฮิคาริร่ายคาถา เธอทำท่าทางมือแปลกๆและมีอนุภาคพลังงานสีเขียวนับไม่ถ้วนรวมที่หน้าอกของเธอสร้างเป็นลูกบอลแสงสีเขียวขนาดใหญ่
เธอผลักลูกบอลแสงสีเขียวไปที่เสาหลัก
ชี่
กระบอกแสงสีเขียวออกมาจากลูกบอลและเชื่อมต่อกับเครื่องรางในมือของแองเจเล่
ชี่ ชี่
มีกระบอกแสงอีกสองกระบอกเชื่อมต่อกับเครื่องราง มีกระบอกสีดำและกระบอกสีน้ำเงิน
เรย์ไลน์และสติกม่ากำลังยืนอยู่ข้างทางเข้าของห้องโดยสาร พวกเขาสังเกตเห็นสถานการณ์ด้วยเช่นกัน
เรย์ไลน์รวมกระแสไฟฟ้าสีน้ำเงินรอบมือและสติกม่าก็ปลดปล่อยลำแสงที่ก่อตัวจากอนุภาคพลังงานสีดำ
กระบอกแสงสีเขียว สีน้ำเงินและสีดำเชื่อมต่อกับเครื่องรางในมือของแองเจเล่ พวกมันดูเหมือนโซ่ที่กำลังเรืองแสงสามเส้น
อนุภาคพลังงานสีเขียวและสีแดงรอบเครื่องรางเริ่มหมุน จากนั้นมันก็เคลื่อนที่ไปตรงกลางของเครื่องรางและสร้างเป็นรูปแบบกระแสน้ำวน
เครื่องรางเปลี่ยนอนุภาคพลังงานทั้งหมดเป็นกระบอกแสงสีขาวและพลังงานโปร่งใสก็เชื่อมต่อกับข่ายเวทมนต์ในเรือเหาะ
ภายใต้เมฆครึ้มเรือเหาะทั้งสามลำไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ทันใดนั้นก็มีชั้นบาเรียบางๆสีขาวปรากฏรอบพวกมันในขณะที่อนุภาคพลังงานลมเริ่มเร่งความเร็วของพวกมัน
จิตวิญญาณพายุได้เปิดเผยรูปแบบที่แท้จริงของพวกมันและพวกมันก็กำลังขี่เมฆพายุ พวกมันไล่ตามเรือเหาะด้วยอาวุธประเภทต่างๆในมือ
นกกระจอกราตรีสี่ปีกกำลังบินผ่านเมฆหนามุ่งหน้าไปยังจิตวิญญาณพายุที่อยู่ข้างหลังเรือเหาะ
วูๆๆๆ
จิตวิญญาณพายุชายล่ำสันมีหอกสีน้ำเงินยาวอยู่ในมือ ชายคนนี้มีตุ้มหูสีดำที่หูซ้ายของเขาและเขาก็บินไปที่นกกระจอกราตรีด้วยความเร็วเต็มที่
"ฮ่า!" จิตวิญญาณพายุคำรามและมีคลื่นเสียงสามารถมองเห็นได้รอบปากของเขา
นกกระจอกราตรีถูกคลื่นเสียงและมันเกือบจะเสียสมดุล
จิตวิญญาณพายุนับไม่ถ้วนบินผ่านนกกระจอกราตรี พวกมันยังตามเรือเหาะที่กำลังเพิ่มความเร็ว
"วู-วู!" จิตวิญญาณพายุที่มีรอยที่หน้าผากตะโกนเสียงแหลมสูง
นกกระจอกราตรีบินไปรอบๆเมฆและมองไปที่เรือเหาะทั้งสามลำ
เมฆใต้ฝ่าเท้าของจิตวิญญาณพายุทิ้งร่องรอยกระแสไฟฟ้าไว้ในอากาศและกระแสไฟฟ้าเหล่านั้นก็เคลื่อนที่ไปเรือเหาะด้วยเช่นกัน
นกกระจอกราตรีเหวี่ยงปีกของมันแล้วมันก็หันกลับไปและเริ่มกลับไปที่เรือเหาะ
"ฮ่า!"
จิตวิญญาณพายุด้านข้างนกลดตัวลงและแทงด้วยตรีศูล
ชายหัวล้านยิ้มเยาะและยกตรีศูลขึ้นไปในอากาศ ศพนกกระจอกราตรีถูกเสียบอยู่ที่ปลายของหอกสามง่าม เลือดของมันไหลลงไปที่ด้ามจับของอาวุธ
"วู!" จิตวิญญาณพายุตะโกน "เพื่ออซัส!" เสียงของเขาดังเหมือนสิงโตคำราม
"เพื่ออซัส! เพื่ออซัส! เพื่ออซัส!" จิตวิญญาณพายุทุกตัวรอบๆเขาเริ่มตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
นกกระจอกราตรีที่ตายถูกเผาเป็นขี้เถ้าด้วยกระแสไฟฟ้าและมันก็หายไปในอากาศ
ทันใดนั้นแองเจเล่ก็ลืมตา รูปลักษณ์ที่น่าสะพรึงกลัวของจิตวิญญาณพายุหัวล้านได้ทิ้งร่องรอยไว้ในจิตใจของเขา
ในที่สุดเรือเหาะก็ผ่านเมฆหนาและออกจากพื้นที่พายุเข้าไปที่ท้องฟ้าสีน้ำเงินที่อยู่เหนือที่ราบสีเขียว
จิตวิญญาณพายุนับไม่ถ้วนหยุดที่ขอบของเมฆหนาเฝ้าดูเรือเหาะจากไป
ชายหัวล้านที่มีตรีศูลอยู่ในมือยืนอยู่หน้าจิตวิญญาณพายุทั้งหมด ชายคนนี้มีดวงตาที่แหลมคม แองเจเล่มองเห็นความบ้าคลั่งในดวงตาของเขา
เขามองไปที่เรือเหาะที่กำลังจะจากไปและยกมือขวาขึ้น
ทันใดนั้นเรือเหาะก็อยู่ข้างหน้าสายตาของชายคนนี้และเขาก็ค่อยๆขยับมือไปภาพลวงตาของเรือเหาะ
มีมือสีน้ำเงินขนาดมหึมาปรากฏจากเมฆหนาและมันก็กำลังเคลื่อนที่ไปทางเรือเหาะสามลำที่อยู่ข้างหน้า
เรือเหาะดูเหมือนมดขนาดเล็กสีดำเมื่อเปรียบเทียบกับมือโปร่งใสสีน้ำเงิน
ทันใดนั้นมือก็ตบลง
ตู้ม
เรือเหาะสองลำที่อยู่ข้างหลังแตกเป็นเสี่ยงๆด้วยมือ เรือเหาะที่อยู่ข้างหน้าแทบจะหลบการโจมตีไม่พ้นเพราะยังมีราวส่วนหนึ่งที่ได้รับความเสียหาย เศษไม้สีดำกระจัดกระจายอยู่ในอากาศในขณะที่เรือเหาะกำลังหลบหนี
*******************
บนเรือเหาะลำสุดท้าย
แองเจเล่ค่อยๆลดเครื่องรางลง ผิวของมันปกคลุมไปด้วยรอยแตกเล็กๆ
เขาหันหัวไปและตรวจสอบสถานการณ์
แองเจเล่ยังรู้สึกว่าสายตาที่เย็นชาของชายหัวล้านกำลังมองมาที่เขา เขามองเห็นภาพที่ชายคนนี้ถูกสนับสนุนจากจิตวิญญาณพายุนับไม่ถ้วน
"อา...." แองเจเล่หลับตาอย่างรวดเร็วและมีน้ำตาไหลลงมาที่คาง
"ในที่สุดเราก็ออกมาได้!" สติกม่าเดินมาหาแองเจเล่ด้วยความช่วยเหลือจากเรย์ไลน์ มอร์ริสซ่าและฮิคาริตามหลังพวกเขา แองเจเล่มองไปรอบๆและเขารู้ว่าลูกเรือยังคงพยายามที่จะคิดให้ออกว่าเกิดอะไรขึ้น
จิตวิญญาณหัวล้านนั้นต่างออกไป พ่อมดระดับหนึ่งบนเรือไม่เข้าใจว่าจิตวิญญาณพายุเอื้อมมือออกมาถึงเรือเหาะได้อย่างไร แองเจเล่มั่นใจว่าถ้าการตบโดนเรือเหาะที่พวกเขาอยู่นั้นพวกเขาจะตาย
"สติกม่า ทำไมเจ้าถึงไม่บอกเราเรื่องนี้ นั่นเป็นจิตวิญญาณพายุจำนวนมาก เจ้ารอดจากการเดินทางไปที่ฝั่งตะวันตกได้อย่างไร" ฮิคาริหายใจเข้าลึกๆและมองไปที่สติกม่า
"ข้าไม่รู้...." สติกม่าส่ายหัว "ข้าไม่ได้พบกับจิตวิญญาณพายุมากมายในการเดินทางนั้น...พื้นที่นี้ถูกควบคุมโดยเจ้าแห่งธาตุอัลอเคอร์ เขาเป็นยักษ์พายุที่ใจดีและเขาจะไม่บอกให้กองทัพของเขาโจมตีเรือเหาะ ตัวที่เราเจอบนดาดฟ้าเป็นโจร" สติกม่าขบริมฝีปากในขณะที่เขานึกถึงฉากที่น่ากลัว
"กรีน ดวงตาของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ข้าคิดว่านกของเจ้าทำให้เขาโกรธ" ฮิคาริหันไปหาแองเจเล่
"ข้าไม่เป็นไร" แองเจเล่ลืมตาและพยักหน้า เขาแบมือเพื่อให้ลูกเรือเห็นเครื่องรางที่แตก "เครื่องรางจบแล้ว"
เครื่องรางเปลี่ยนเป็นควันสีขาว ควันสีขาวลอยออกมาจากฝ่ามือของแองเจเล่และหายไปในอากาศ
"เราต้องหาสถานที่ที่จะลงจอด" สติกม่าส่ายหัว "สิ่งที่ดีคือการที่เรารอดจากตาของพายุมาได้แต่เราต้องเดินทางข้ามพื้นที่ที่อันตรายอีกที่หนึ่งโดยไม่มีเรือเหาะจนกว่าเราจะถึงพื้นที่อยู่อาศัยสำหรับพ่อมด...."
"พื้นที่ไหน" แองเจเล่สงสัยและมองไปที่สติกม่า
"หุบเขาอเวจี แต่ไม่ต้องห่วง ตระกูลของข้ามียามเฝ้าระวังที่นี่ สถานที่นี้เต็มไปด้วยสวะจากเผ่าต่างๆ โจร ฆาตกร นักฆ่าและหัวขโมย พวกนี้มีอยู่เต็มไปหมด เตรียมตัวต่อสู้และอย่าลดการป้องกันลง น้องสาวของข้าเคยบอกข้าว่า'อย่าเชื่อใจใครในหุบเขา' "
"ข้าคิดว่าเจ้าบอกว่าสถานที่นี้ไม่มีประชากรมากนัก" เรย์ไลน์ถามเสียงเบา
"มันไม่มีประชากรที่เป็นมนุษย์ สถานที่นี้วุ่นวายและมันก็อันตรายมาก ข้าไม่เคยเข้าหุบเขาด้วยตัวเอง" สติกม่าพยักหน้า
"เราเพิ่งรอดจากอุปสรรคทั้งหมดมาได้ดังนั้นมันจึงไม่มีอะไรต้องกลัว" ฮิคาริหัวเราะเบาๆ
"ที่จริงแล้วหุบเขาอเวจีเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมสำหรับเรา จำสิ่งที่เรย์ไลน์พูดได้ไหม มันอาจจะมีนักฆ่ารอเราอยู่ที่ปลายทางเดิม" แองเจเล่ลดเสียงของเขาลง
"เจ้าพูดถูก เข้าหุบเขาและปลอมตัวกันเถอะ มันอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเราในตอนนี้" สติกม่าขบริมฝีปาก
"เตรียมตัวลงจอด ทำให้บอลลูนเย็นลง" แองเจเล่สั่ง
********************************
ในท้องฟ้าสีน้ำเงินที่ไร้ที่สิ้นสุด มีเรือเหาะค่อยๆลงจอดบนที่ราบสีเขียว
มีต้นไม้ที่ตายแล้วมากมายบนที่ราบและมีสิ่งมีชีวิตสีเทาที่ดูเหมือนกราวน์ฮ็อก(คล้ายๆกระจอกลองกดค้นหาดูครับ)กำลังกระโดดไปรอบๆ พวกมันกำลังมองไปที่เรือเหาะสีดำที่กำลังตกลงมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หญ้าสีเขียวปกคลุมไปด้วยโคลนสีเหลืองบนที่ราบ
มีต้นไม้สีเขียวขนาดมหึมาที่ดูเหมือนร่มกำลังตั้งอยู่ตรงกลางของที่ราบอย่างเงียบๆ
เรือเหาะสีดำลงจอดบนพื้นที่ว่างข้างหน้าของต้นไม้อย่างช้าๆ
ตึง ครืนนนนน
ฝุ่นสีเหลืองและโคลนได้กระจายไปในอากาศในขณะที่เรือเหาะโดนพื้น
มันเป็นเวลาเที่ยงวัน แสงแดดกำลังลุกไหม้ ฝุ่นตกลงบนพื้นดินหลังจากที่ผ่านไปหลายนาทีและท้องฟ้าก็โล่งอีกครั้ง
มีจุดสีเหลืองเล็กๆปรากฏบนขอบฟ้า สิ่งมีชีวิตที่ดูแปลกเหล่านี้ได้ยินเสียงและต้องการตรวจสอบสถานการณ์
ใต้ต้นไม้ขนาดใหญ่มีสิ่งเล็กๆสีขาวกำลังปีนขึ้นกิ่งไม้
พวกมันบินผ่านช่องว่างระหว่างใบไม้ทำให้ตัวตนของมันถูกแสงแดดจนเปิดเผยตัวเองออกมา
มันเป็นกลุ่มของโอริกามิรูปร่างมนุษย์ที่มีปีกอยู่ที่หลังของพวกมัน(โอริกามิแปลว่ากระดาษพับซึ่งมาจากภาษาญี่ปุ่น) พวกมันยังกระดาษผมเปียยาวอยู่เหนือหัวของพวกมัน
ไม่มีอะไรบนใบหน้าของโอริกามิหญิง ชุดคลุมสีขาวยาวบนร่างกายของพวกมันทำมาจากกระดาษด้วยเช่นกัน พวกมันดูเรียบง่ายแต่ก็สง่างาม
โอริกามิหญิงส่วนใหญ่ซ่อนตัวอยู่ใต้ใบไม้ของต้นไม้และมองไปที่เรือเหาะขนาดมหึมาข้างหน้า
โอริกามิหญิงกำลังบินแต่พวกมันไม่ได้ทำให้เกิดเสียงใดๆ พวกมันเพียงจ้องไปที่เรือเหาะสีดำในเงาภายใต้ต้นไม้ ฉากนี้ค่อนข้างแปลก