บทที่ 24 ความโหดเหี้ยมอย่างไร้ยางอาย!!
ในช่วงหลายสิบวันที่ผ่านมาซ่งหยูได้ทุ่มเทเวลาทั้งหมดในการฝึกฝนบ่มเพาะเพียงอย่างเดียว จนไม่ได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมใดที่ลานฝึกของนิกายฯเลย และเมื่อเขาได้กลับขึ้นไปที่ลานฝึกอีกครั้งในวันเปิดสอน
เขาสังเกตเห็นว่าเหล่าศิษย์ส่วนใหญ่ต่างพากันกล่าวถึงการประลองในปลายปีนี้!
เขาเพิ่งมาที่ลานบนนี้เพียงไม่นาน ดังนั้นเขาจึงไม่รู้เลยว่าบรรดาศิษย์ทั้งหลายให้ความสำคัญกับการประลองในครั้งนี้มาก!
ในขณะที่เขาเดินไปที่ลานฝึก เขาสามารถรับรู้ได้ถึงบรรยากาศที่ตึงเครียดจากการจับกลุ่มสนทนากัน
ถึงเรื่องการประลองในครั้งนี้ โดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากครอบครัวที่ยากจน, ร่ำรวย หรือมาจากตระกูลขุนนาง หรือแม้แต่มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง พวกนั้นเขาจะต้องถูกขับออกจาก
นิกายฯ เมื่ออายุสิบหกปี หากไม่สามารถปลูกฝังจิตวิญญาณได้สำเร็จ ดังนั้นการประลองในครั้งนี้จึงเป็นความหวังสำหรับเหล่าศิษย์ชั้นสูงลานบนเช่นพวกเขาที่จะกลายเป็นผู้สำเร็จการบ่มเพาะให้ประจักษ์แก่สายตาของผู้อาวุโสของนิกาย!
แน่นอนว่าหากซ่งหยูสามารถทำได้ตามคำที่ซินหวงกล่าวไว้ เขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปในห้องโถง
แห่งจิตวิญญาณ แต่ทว่า...ความต้องการของซินหวงนั้นสูงเกินกว่าที่ความสามารถของเขาจะทำได้ ซึ่งความสามารถของเขาในตอนนี้ยังคงห่างไกลจากมาตรฐานของซินหวงที่วางไว้อีกยาวไกลยิ่งนัก!
ด้านนอกของลานฝึกสอนมีบางส่วนของเหล่าศิษย์ที่ตัดสินใจเข้าร่วมประลองไม่มากนัก ไม่เพียงแต่เคล็ดวิชาในการสร้างภาพที่หลากหลายรูปแบบเท่านั้น แต่ยังมีทั้งเสาสัญลักษณ์แห่งสวรรค์ อีกทั้งอาวุธจิตวิญญาณ ซึ่งการประลองในครั้งนี้นั้นนับว่าดุเดือดยิ่งนัก!
เหล่าศิษย์บนอีกหลายร้อยคนที่กำลังยืนห้อมล้อมศิษย์สองคนที่กำลังประลองกัน ซึ่งต่างฝ่ายต่างหา
เคล็ดวิชาเพื่อที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ของพวกเขา
ซ่งหยูได้เห็นบางคนที่ใช้จิตวิญญาณเป็นปีกคู่ที่กำลังกระพืออยู่กลางอากาศ และบินไปทุกหนทุกแห่ง และค่อยๆ เผยทักษะลับของตัวเองเพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
"พวกเขากำลังทำอะไร? เหตุใดจึงมีแต่ศิษย์หน้าใหม่ๆ ที่เราไม่เคยคุ้นเคยมาก่อน?"
ซ่งหยูมองด้วยความสนใจ และเขาสังเกตว่าเหล่าศิษย์ที่เข้ามาประลองในครั้งนี้ล้วนเป็นศิษย์หน้าใหม่ที่เขาไม่คุ้นเคยทั้งหมดของเหล่าศิษย์บนที่เขาเคยรู้จัก ทันใดนั้น! ศิษย์คนหนึ่งที่กำลังต่อสู้กันอยู่บนอากาศโดนอาวุธจิตวิญญาณเข้าอย่างแรงจนตกลงมากระแทกพื้นอย่างแรง เขาโชคดีที่แค่ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ถึงขนาดต้องสูญเสียชีวิต.....
ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่านี่มันไม่ใช่การประลองธรรมดาๆ ซึ่งแต่ละคนนั้นต่างเอาเป็นเอาตายในการประลองอย่างดุเดือดเกินไปหรือไม่? หากทุกคนเป็นผู้ที่มาจากศิษย์นิกายฯเดียวกันก็ไม่น่าจะโหดร้ายต่อกันเช่นนี้ มันไม่ใช่แค่การแลกเปลี่ยนเคล็ดวิชาการต่อสู้ในหมู่ศิษย์ทั่วไปแล้ว แต่หมายถึงการหมายเอาชีวิตเลยก็ว่าได้!
ฟู่-
ทันใดนั้น! ซ่งหยูก็สังเกตเห็นคนที่คุ้นหน้าคุ้นตาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยแรงเหวี่ยง และกำลังจะตกลงมากระแทกพื้นอย่างไร้ความปราณี!
"พลั๊ก!"
"อ๊ากกกกกก!"
จากนั้นซ่งหยูจึงใช้อำนาจแห่งจิตวิญญาณให้ปรากฏร่างของมังกรรองรับร่างของศิษย์ผู้นั้นไม่เพื่อไม่ให้ตกลงกระแทกพื้น เขาเดินตรงไปหาเขาและกล่าวถามว่า"พี่ชายนี่มันเกิดอะไรขึ้น? แล้วพวกเขาเหล่านี้เป็นใครกัน?"
ที่แท้ผู้ที่ถูกเหวี่ยงออกไปเขาก็คือเฉิงฉานนั่นเอง! เขายกหลังมือขึ้นเพื่อปากเลือดที่ไหลออกจากจมูกและปากด้วยความโกรธว่า"คนเหล่านี้เป็นศิษย์นอกที่กำลังฝึกอยู่ในห้องโถงด้านในพวกเขามาที่ลานบนนี้เพื่อท้าดวลพวกเรา!"
"ศิษย์นอกที่ฝึกในห้องโถงด้านในเช่นนั้นหรือ?"
ซ่งหยูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและเข้าใจในทันทีว่า เพื่อที่จะได้เป็นศิษย์ชั้นใน จึงจะต้องฝึกฝนภายใต้ต้นแบบของห้องโถงเท่านั้น สำหรับผู้ที่ฝึกฝนจะต้องสร้างจิตวิญญาณ และกลายเป็นผู้สำเร็จการบ่มเพาะเท่านั้น แต่ผู้ที่มาจากชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่จะมีอภิสิทธิ์บางอย่าง เหล่าศิษย์ของชนเผ่าที่ยิ่งใหญ่จะถูกนำมาใช้โดยผู้สำเร็จการบ่มเพาะของตระกูล ซึ่งพวกเขาจะได้รับผลประโยชน์จากการปลูกฝังศิษย์เหล่านั้นนั่นเอง!
ดั่งเช่นอู๋เฟยหยานของตระกูลหยู นางสามารถขอคำแนะนำจากผู้สำเร็จการบ่มเพาะของตระกูลหยู เพื่อช่วยเหลือในการบ่มเพาะของนางให้สำเร็จไปได้ด้วยดี อย่างไรก็ตามเหล่าศิษย์ชั้นในนั้นจะได้รับการยกย่องจากเหล่าตระกูลอื่นๆ แต่ในทางกลับกันพวกเขาไม่ค่อยมีการปฏิสัมพันธ์กับเหล่าศิษย์บนมากนัก!
อย่างไรก็ตามแม้จะมีผู้สำเร็จการบ่มเพาะแต่พวกเขาก็ยังคงเป็นศิษย์นอกอยู่ดี ดังนั้นพวกเขาจึงรีบเร่งเพื่อที่จะเข้าร่วมการประลองประจำปี .....
สำหรับเหตุผลที่พวกเขามาท้าประลองกับศิษย์บนเป็นเพราะพวกเขาไม่ค่อยคุ้นเคยกับความแข็งแกร่งของ
ศิษย์บน พวกเขาจึงอยากทราบว่าใครในบรรดาศิษย์บนเป็นผู้ที่แกร่งแกร่งที่สุด ซึ่งในทางกลับกันในหมู่ศิษย์บนนั้นหาได้รู้ความเคลื่อนไหวของเหล่าศิษย์ชั้นในเลยไม่!
ดังคำกล่าวที่ว่า"รู้ศัตรูและรู้ตัวเองแล้วในสงครามร้อยครั้งเราก็สามารถเอาชนะได้ทั้งร้อยครั้ง!"
"คนเหล่านั้นเป็นศิษย์คนสำคัญของตระกูลชุ่ยถู และตระกูลหลิงชาน สองในสิบตระกูลใหญ่ ไม่เพียงแต่ข้าเท่านั้นที่ถูกทำร้าย แม้แต่ศิษย์พี่หลานหยูก็ถูกพวกมันทำร้ายเช่นกัน!"
เฉิงฉานปาดเลือดออกจากปากเขาแล้วกล่าวอย่างโกรธแค้นว่า"พวกมันล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว! เราตกลงที่จะไม่ทำร้ายใคร แต่พวกมันทำเอาข้าและศิษย์พี่หลานหยูบาดเจ็บสาหัส มันมากเกินไปแล้ว!"
"ตระกูลชุ่ยถูเช่นนั้นรึ?"
ซ่งหยูได้ฟังแล้วรู้สึกโกรธแค้นใจเป็นอย่างยิ่ง แต่การแสดงออกของเขาไม่ได้แสดงท่าทีมากนัก ในขณะที่เขาคิดว่า "ผู้สำเร็จการบ่มเพาะของตระกูลชุ่ยถูนั้นได้ร่วมมือกับปีศาจปลดปล่อยราชินีช้างสวรรค์ให้หลบหนีไปได้ และยังเรียกตัวชุ่ยชิงหยานขึ้นไปบนหุบเขาให้นางปีศาจราชินีช้างสวรรค์ยึดครองร่างนาง จนทำให้วิญญาณของนางนั้นกระจัดกระจายเป็นธาตุลม!"
------------------------------------------------------------
"มังกรบินได้ด้วยเพียงเจ้ายกมือ พละกำลังของเจ้าแข็งแกร่งยิ่งนัก เจ้าสนใจจะต่อสู้กับข้าหรือไม่? "
ทันใดนั้น! ร่างของเฉิงฉานร่วงหล่นลงมาบนร่างมังกรของซ่งหยู....ในขณะนั้นผู้ที่ทำร้ายเฉิงฉานหัวเราะพลางกล่าวว่า"ข้าเห็นว่าร่างมังการของเจ้าที่ปรากฏขึ้นมาได้นำพาสายฟ้าฟาดราวกับว่ามันสามารถผสานรวมเข้ากับดาบอัสนีด้วย ตกลงเจ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์ปู่แล้วใช่หรือไม่? ข้าเคยฝึกมันมาหลายต่อหลายครั้งแต่มันก็ล้มเหลว....มังกรของเจ้าดูช่างแตกต่างจากที่ข้าเคยเห็น...ที่แท้เจ้าก็คือผู้ที่เข้าถึงแก่นแท้ของดาบอัสนีดั่งคำกล่าวของอาจารย์ปู่นี่เอง?"
ในฐานะศิษย์ที่เขามีประสบการณ์และมุมมองที่แตกต่างจากศิษย์คนอื่น ซึ่งจากการที่เขาได้รับการฝึกฝนภายใต้ผู้สำเร็จการบ่มเพาะระดับสูงนั้น ทำให้เขาสามารถมองเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้ถึงพลังที่แท้จริงของซ่งหยูได้...
ซ่งหยูยังคงเก็บอาการและกล่าวว่า"เจ้าเป็นใคร?เจ้ามาจากตระกูลชุ่ยถู หรือว่า ตระกูลหลิงชานกันแน่?"
ศิษย์ผู้นั้นหัวเราะและกล่าวว่า"ข้ามาจากตระกูลชุ่ยถู นามว่าชุ่ยหลิงฉวน!"
ซ่งหยูพยักหน้าและเดินไปข้างหน้า ขณะนั้นเฉิงฉานกัดฟันอดทนต่อความเจ็บปวดและรีบคว้ามือซ่งหยูและกล่าวอย่างเงียบๆว่า"นี่เจ้า! จงตระหนักให้ดีตระกูลชุ่ยถูนั้นนับว่าเป็นตระกูลใหญ่และมีอำนาจ อีกทั้งเจ้ายังเคยกระทำผิดต่อผู้อาวุโสเทียน ตระกูลเทียนเฟิง ข้าว่าเจ้าอย่าแส่หาเรื่องใส่ตัวเป็นปรปัฏกับตระกูลใหญ่พวกนี้จะดีเสียกว่า!"
ซ่งหยูค่อยๆ ดึงมืองเฉิงฉานออกและยิ้มก่อนจะกล่าวว่า"ท่านไม่ต้องห่วงข้า! ข้ารู้ดีว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป!"
"ท่านอย่ากังวลไปเลย"ซ่งหยูกล่าว
ชุ่ยหลิงฉวนแห่งตระกูลชุ่ยถูไม่สามารถระงับเสียงหัวเราะของเขาได้และกล่าวว่า "เจ้าควรจะขอร้องข้าให้ออมมือให้กับเจ้าเสียมากกว่า ซึ่งข้าจะใช้พลังของข้าเพียงร้อยละเจ็ดสิบของพลังทั้งหมดเท่านั้น และข้าจะให้เจ้าเป็นต่อโดยการใช้พลังทั้งหมดของเจ้าในการต่อสู้กับข้า หวังว่าเจ้าคงจะพอใจนะ ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า!"
"ตกลง!" ซ่งหยูตอบรับคำท้า
พวกเขาอยู่ห่างกันประมาณสามเมตร ซ่งหยูค่อยๆ เหล่ตามองด้วยความแค้นมุมปากของเขาสั่นพลางกล่าวว่า"ตระกูลชุ่ยถูเช่นนั้นหรือ!......"
"ตู้มมมมม!"
จากนั้นแผ่นหินปูนใต้ฝ่าเท้าของเขากระเด็นออกมา และแตกออกเป็นชิ้นๆและบินกระจายอยู่ในอากาศ
ซ่งหยูยืนสงบนิ่งอยู่บนพื้นดิน จากนั้นพื้นดินก็ทรุดตัวลงปรากฏเป็นรอยเท้าลึกของร่างมังกร และมันใหญ่กว่ารอยเท้าของคนธรรมดาถึงสิบเท่าราวกับว่ามันกำลังเหยีบย่ำอยู่บนพื้นของแผ่นดิน!
ซ่งหยูก้าวเท้าทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าพลางส่งเสียงคำรามด้วยเสียงของมังกรที่กำลังบิดเกลียวพันไปทั่วร่างของเขาอย่างรวดเร็ว!
"โฮกกกกก!"
ชุ่ยหลิงฉวนกระพริบตาและขณะที่ดวงตาของเขาเปิดขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้น! ซ่งหยูก็ปรากฏร่างอยู่ตรงหน้าเขา แล้วในขณะเดียวกันแขนของซ่งหยูก็ถูกยกขึ้นพร้อมกับกรงเล็บมังกรที่กระแทกเข้าไปที่หน้าอกเขาอย่างจัง!
"ซวบ!"
"อ๊าคคคค!"
เสียงราวกับเสียงกลองที่ดังกึกก้องไปทั่วบริวณ ตามด้วยเสียงแตกของกระดูกที่หักจากร่างของชุ่ยหลิงฉวน
ที่กำลังตัวงอและล้มลงที่เสาหน้าลานของประลอง เขาล้มลงและกลิ้งอย่างต่อเนื่องไปอีกหลายเมตรก่อนที่ร่างของเขาจะหยุดลง!
ขณะที่การประลองส่วนอื่นๆยังคงดำเนินต่อไป จากการโจมตีของซ่งหยูที่ทำให้เกิดเสียงระเบิดดั่งสนั่นไปทั่วจนอีกฝ่ายล้มกลิ้งไปอีกฟากหนึ่งอย่างน่าทึ่ง!
การระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวของซ่งหยูเกิดขึ้นภายในชั่วพริบตา!
ในขณะที่การต่อสู้หยุดลงเหล่าศิษย์คนอื่นๆต่างพากันหันไปมองทางเขา!
"ศิษย์พี่หลิงฉวน!"
เหล่าศิษย์สองคนที่เห็นเหตุการณ์ร้องตะโกนด้วยความตกใจและรีบวิ่งไปหาร่างของชุ่ยหลิงฉวน ในขณะที่กระดูกซี่โครงหน้าอกของเขาแตกออกเป็นชิ้นๆ !
"อาการเขาสาหัสยิ่งนัก?"
ศิษย์ทั้งสองคนต่างจ้องมองอย่างดุเดือดด้วยความเจ็บแค้นและตะโกนว่า"นี่คือการต่อสู้ของศิษย์นิกายเดียวกันเหตุใดเจ้าจึงต้องทำถึงขนาดนี้ จิตใจเจ้าช่างโหดเหี้ยมอย่างไร้ยางอายยิ่งนัก!"
"แต่...ข้าก็ยั้งมือแล้ว! ข้า....ยังไม่ได้ใช้พลังที่แท้จริงด้วยซ้ำไป!"
ใบหน้าของซ่งหยูยังคงสงบนิ่งและกล่าวอย่างสะเทือนใจว่า"แต่...ข้าใช้พลังเพียงแค่ร้อยละเจ็ดสิบเท่านั้น เขาคงไม่เหลือแม้แต่ซากให้พวกเจ้าเห็นหากข้าใช้พลังทั้งหมด!"
ภายในมหาสมุทรแห่งจิตนั้นซินหวงกำลังกล่าวว่า"ความแข็งแกร่งของเจ้ายังไม่เร็วพอ หากพลังของเจ้ามีความเร็วมากกว่านี้ล่ะก็.....ร่างศัตรูของเจ้าจะแตกออกเป็นชิ้นๆ เพราะฉะนั้นเจ้าไม่ต้องกล่าวถึงพลังร้อยละเจ็ดสิบของเจ้า หากแม้ความเร็วของเจ้าถึงขั้นนั้นแล้วเจ้าจะใช้พลังเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นก็จะสามารถฉีกร่างศัตรูของเจ้าออกเป็นเสี่ยงๆได้โดยไม่เหลือแม้เศษซาก! เจ้าจะต้องฝึกให้มากกว่านี้อีก! เอาล่ะข้าเห็นทีต้องไปนอนต่อแล้ว...พยายามเข้าล่ะ!"
"พลังเพียงแค่ร้อยละเจ็ดสิบ?"
ศิษย์ทั้งสองของตระกูลชุ่ยถูต่างตื่นตกใจกับคำกล่าวของซ่งหยู พวกเขาช่วยกันหามชุ่ยหลิงฉวนออกไปจากที่นั่น จากนั้นเขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า "เจ้าเป็นศิษย์ของอาจารย์ปู่เช่นนั้นรึ? เจ้าสำเร็จการบ่มเพาะแล้วรึ?
คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าความด้วยพลังความเร็วเช่นนี้เจ้าน่าจะเป็นผู้ที่สำเร็จการบ่มเพาะแล้ว!? พลังของเจ้าถึงได้ก้าวหน้ากว่าคนอื่นเช่นนี้! "
จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นและสะบัดเสาสัญลักษณแห่งสวรรค์ให้บินออกไปเป็นกระแสระลอกคลื่นกระจายไปทุกทิศทุกทางมีความสูงกว่าสามสิบเมตรปกคลุมไปทั่วบริเวณ มันส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวเหมือนกำลังยืนอยู่ในกระแสน้ำ ด้วยอำนาจของเสาสัญลักษณ์ฯทำให้เหล่าศิษย์ที่กำลังมุงดูเหตุการณ์คนอื่นๆนั้นไม่สามารถที่จะขยับเขยื้อนร่างกายได้!
ด้วยอำนาจของเสาสัญลักษณแห่งสวรรค์มันสามารถครอบคลุมพื้นที่ให้แผ่ระลอกคลื่นปกคลุมในรัศมีเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งเมตร มันชี้ให้เห็นว่าฝีมือของเขานั้นอ่อนด้อยกว่าซ่งหยูหลายเท่านัก!
บรรดาผู้ที่มุ่งเน้นการฝึกฝนแต่เพียงด้านเดียว ไม่สนใจที่จะสร้างรากฐานของความแข็งแกร่งทางด้านร่างกาย มันทำให้ความสำเร็จของการบ่มเพาะไกลห่างจากพวกเขาออกไปทุกที ดั้งนั้นเส้นทางของพวกเขาที่เลือกเดินก็จะล้มเหลวในที่สุด เพราะฉะนั้นเสาสัญลักษณ์แห่งสวรรค์จะไม่สามารถส่งผลให้พวกเขามีความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายแม้แต่น้อย!
ศิษย์ของตระกูลชุ่ยถูมองไปที่ร่างมังกรที่พันอยู่รอบร่างของซ่งหยู และยิ้มเยาะเขากล่าวว่า
"หึ! หึ! วาจาของเจ้าช่างโอ้อวดยิ่งนัก! มังกรของเจ้าแท้จริงมันก็เป็นเพียงภาพลวงตามันมีแต่เพียงพื้นผิว ไม่สามารถจับต้องได้ ไม่มีเลือด ไม่มีกระดูก และไม่มีจิตวิญญาณ เจ้ายังห่างไกลจากการสร้างภาพสัญลักษณ์แห่งมังกรอย่างแท้จริง! ดังนั้นข้าจะลองต่อสู้กับเจ้าดั่งคำที่เจ้าว่า "พลังเพียงแค่ร้อยละเจ็ดสิบ"แล้วมาวัดกันดู!"
จากนั้นซ่งหยูก็ยกเท้าขึ้นและกระแทกลงพื้นอย่างแรง ทันใดนั้น! ก็เกิดระลอกคลื่นขนาดใหญ่ผลักดันระลอกคลื่นของเสาสัญลักษณ์ฯให้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับดันเสาสัญลักษณ์ฯ ให้หายไปในที่สุด!
ศิษย์ของตระกูลชุ่ยถูตกตะลึงด้วยพลังของซ่งหยู ทันใดนั้น!กำปั้นของซ่งหยูซึ่งห่างจากใบหน้าเขาเพียงไม่กี่นิ้ว ซึ่งเขากำลังจะหลบและพลิกสถาณการณ์ให้กลับมาเป็นต่อ แต่ทว่า...
"นี่คือร้อยละเจ็ดสิบของพลังข้า!"ซ่งหยูกล่าวอย่างสงบ
เมื่อกำปั้นอันหฤโหดของเขากระแทกเข้าที่หน้าของฝ่ายตรงข้ามเข้าอย่างแรง......และทันใดนั้น!
ศิษย์ของตระกูลชุ่ยถูก็กระเด็นไปอีกหลายสิบเมตร และล้มลงไปกองกับพื้นหลังจากถูกกระแทกเข้าที่ใบหน้าอย่างจัง!
"นะ..นี่มันอะไรกัน! ข้ายังไม่ทันแม้แต่จะ.....! เหตุใดความเร็วเจ้าจึงได้....อ๊าคคคค!"
ขณะนั้นศิษย์ของตระกูลชุ่ยถูที่ถูกกระแทกก็กระอักเลือดซึ่งทะลักออกมาจากปากของเขาดั่งเช่นน้ำพุ
เขาพยายามที่จะลุกขึ้นยืน แต่ก็ต้องล้มลงอีกครั้ง "แรงระเบิดของเขาช่างน่ากลัวมาก!"
"มีใครที่เป็นศิษย์ที่มาจากตระกูลชุ่ยถูอีกหรือไม่?"
ซ่งหยูมองไปรอบๆ หน้าลานประลองขณะที่ศิษย์อีกหลายร้อยคนกำลังตกอยู่ในความตะลึงและนิ่งเงียบ!
"ข้าต้องการต่อสู้กับพวกเจ้าอีกสิบคน...เข้ามา!"
...................................................................................................................