บทที่ 22 พลังที่ดุร้ายเยี่ยงสัตว์เดรัจฉาน!!!
ทันทีที่เขาลงสู่พื้นดิน มังกรตัวแรกก็คดเคี้ยวไปทั่วร่างของอู๋เฟยหยาน และพาร่างของนางทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า จนในที่สุดมันก็หยุดลงหลังจากล้มตัวลงบนต้นไม่ที่สูงตระหง่าน!
อู๋เฟยหยานยังคงตะลึงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจิตสำนึกของนางถูกปิดกั้นโดยหัวใจปีศาจทำให้นางไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ในขณะนั้น
แม้ว่านางจะไม่ได้รับการปลูกฝังทางด้านร่างกาย แต่ร่างกายของนางนั้นก็ยังคงแข็งแกร่งว่าคนทั่วไป นางจึงไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด มีเพียงรอยฟกช้ำดำเขียวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ซึ่งนางยังคงตื่นตระหนก ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความตื่นกลัว ปีศาจแห่งจิตของงนางนั้นยังคงอยู่!
"ศิษย์พี่! ช่วยข้าด้วย"
ในอากาศด้านบนเสียงของเถาอี้เอ๋อที่ร้องตะโกนเสียงดังสนั่นขณะที่นางใช้แขนและขาพยายามตะเกียกตะกาย เพื่อดีดตัวขึ้นด้านบน แต่ก็ไม่เป็นผล ซ่งหยูยกศรีษะขึ้นมองเห็นหญิงสาวสวมชุดสีแดงกำลังตกลงมาจากหน้าผาที่เดียวกันกับเขาและอู๋เฟยหยาน ซึ่งมีปุยเมฆสีขาวซึ่งลอยล้อมอยู่รอบๆ ตัวนาง
ซึ่งความเร็วของนางยังคงช้ามาก!
ความเร็วที่ช้ามากเช่นนี้ทำให้นางสามารถลดแรงกระแรงจากแรงต้านของลม นางสามารถใช้เคล็ดวิชาบางอย่างหรือไม่?
ซ่งหยูได้พิจารณาอย่างรอบคอบ และเห็นว่ามีเมฆห่อตัวอยู่รอบๆ ร่างของนาง เพื่อชะลอความเร็วในการลดแรงกระแทก เขาคิดว่า"ท่านอาจารย์ปู่เคยกล่าวว่า มีวิญญาณอยู่ในก้อนเมฆหากได้รับการบูชามาด้วยความเชื่อมั่นและศรัทธามาเป็นระยะเวลานาน และเมื่อเวลาผ่านไปมันจะกลายเป็นจิตวิญญาณ เช่นนั้นแล้ว
เถ๋าอี้เอ๋อนางอาจจะใช้จิตวิญญาณของก้อนเมฆก็เป็นได้!
จิตวิญญาณของเมฆที่ลอยตัวไปไม่มีรูปแบบที่ชัดเจน พวกมันอาจจะเป็นลมที่เกาะกลุ่มรวมตัวกันกลายเป็นความหนาแน่นและกลายเป็นฝน หรือเสียงฟ้าร้อง และพวกมันสามารถเคลื่อนตัวได้สูงบนท้องฟ้า หรือเคลื่อนตัวต่ำอยู่ใต้ภูเขา นับว่าจิตวิญญาณของเมฆนั้นเป็นจิตวิญญาณที่ลึกลับ และมหัศจรรย์เป็นอย่างมาก
อู๋เฟยหยานนางสามารถกลับคืนสติอีกครั้ง นางรีบตั้งสมาธิเพื่อเข้าถึงจิตวิญญาณของปลามังกรได้อย่างรวดเร็วเพื่อทะลายกำแพงหัวใจปีศาจออกไป ขณะนั้นนางเห็นเถาอี้เอ๋อตกลงมาจากหน้าผา และรีบวิ่งไปหานางและกล่าวว่า"ไม่ต้องกลัว! ข้ามาช่วยเจ้าแล้ว!"
และในที่สุด...เถาอี้เอ๋อลดความเร็วและตกลงกระแทกพื้นด้านล่าง!
"ศิษย์น้องเจ้าทำเช่นนี้ทำไม!" อู๋เฟยหยานกล่าวถาม
"เอ่อ...ข้าไม่ได้ตั้งใจจะกระโดดตามพวกท่านมา...แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด......" เถาอี้เอ๋อพยายามปฏิเสธ
อู๋เฟยหยานอ้าแขนเพื่อพยายามที่จะรับนางและกล่าวว่า"ศิษย์น้องเถาข้าพยามยามแล้ว แต่...แต่ข้าพลาด!"
เถาอี้เอ๋อพยายามประคองตัวเองลุกขึ้นจากพื้นดินปัดเศษหินและดินออกจากชุดของนาง และกล่าวด้วยอาการเคืองเล็กน้อยว่า"ศิษย์พี่ตั้งใจรับข้าพลาดเสียมากกว่า!"
อู๋เฟยหยานเหลือบมองไปที่ซ่งหยูในระยะไกลและกล่าวด้วยเสียงต่ำว่า"ข้าไม่ได้ตั้งใจจะแกล้งเจ้า .. แต่ข้าคำนวณพลาดจริงๆ!"
"ศิษย์พี่ไม่ต้องมาแก้ตัว! ท่านไม่พอใจที่ข้ากระโดดตามลงมามากกว่า..... "เถาอี้เอ๋อตะโกนด้วยความโกรธ
ในขณะที่หญิงสาวสองคนกำลังถกเถียงกันอยู่พวกนางก็หันไปเห็นซ่งหยูกำลังหยิบก้อนหินขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกก้อนหนึ่งขึ้นมา และวางมันไว้บนหลังและปีนกลับขึ้นไปด้านบนของหน้าผา หญิงสาวทั้งสองหันมามองหน้ากันก่อนจะหันกลับตามหลังซ่งหยูไป
"นี่เจ้า!"
อู๋เฟยหยานเงียบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า"ยังไงข้าก็ขอบคุณเจ้ามากที่ช่วยเหลือข้าไว้!"
ซ่งหยูกล่าวและยิ้มขณะที่มีร่างของมังกรเลื้อยพันรอบร่างของเขาอยู่ว่า"ท่านอย่าได้ถือเป็นบุญคุณเลย ท่านนับว่าเป็นคนที่กล้าหาญยิ่งนักที่กล้ากระโดดลงจากหน้าผาตามข้ามาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย แต่ข้าไม่สามารถที่จะตามท่านทั้งสองไปได้!"
"ใครว่าข้าตามเจ้ามา?"
เถาอี้เอ๋อกล่าวว่า"เราไม่ได้ตามเจ้ามาแม้แต่น้อย!"
อู๋เฟยหยานเหลือบมองไปที่เถาอี้เอ๋อแล้วหันไปหาซ่งหยู และกล่าวถามว่า "นี่เจ้ากำลังฝึกฝนอยู่เช่นนั้นหรือ?"
"ถูกต้องข้ากำลังฝึกสภาวะขีดสุดของชีวิต เพื่อเอาชนะความกลัวต่อความตายเพื่อกระตุ้นพลังที่แท้จริงของข้าเพื่อให้รอดตาย และนี่คือการฝึกของข้า!"
ซ่งหยูยิ้มและกล่าวว่า"พวกท่านทั้งสองก็ถือว่าฝึกได้สำเร็จเช่นกัน พวกท่านสามารถข้ามผ่านความกลัวต่อความตาย จนสามารถขับไล่ปีศาจแห่งจิตออกไปได้ และกระตุ้นพลังที่แท้จริงที่แฝงอยู่ในร่างกายเพื่อเอาชีวิตรอดได้สำเร็จ!"
"เส้นแบ่งระหว่างชีวิตกับความตายเช่นนั้นหรือ? ... "
อู๋เฟยหยานจ้องมองซ่งหยูอย่างลึกซึ้ง ทันใดนั้น! ก็ปรากฏปีกคู่สีดำแผ่ออกมาจากด้านหลังของนาง
และบินขึ้นไปที่หน้าผา นางกล่าวว่า"เอาเป็นว่าตอนนี้ถ้าเจ้ายุ่งกับการฝึกอยู่ล่ะก็ข้าขอเลื่อนเป็นวันหน้าก็แล้วกัน!"
"ศิิษย์พี่! ท่านทิ้งข้าอีกแล้ววว!"
เถาอี้เอ๋อหยิบดินขึ้นและโยนขึ้นไปกลางอากาศจากนั้นมันก็แปรเปลี่ยนเป็นก้อนเมฆอย่างน่าอัศจรรย์ ร่างของนางลอยขึ้นไปช้าๆไปข้างบนของหน้าผา นางกล่าวกับซ่งหยูว่า" ข้าไม่มีวันลืมเจ้าแน่! ทำข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอด เจ้าบ้า! แล้วข้าจะกลับมาชำระหนี้กับเจ้าแน่นอน! เฮ้!.....เจ้าเมฆงี่เง่า.....รอข้าก่อนอย่าบินเร็ว! "
จากนั้นเมฆสีขาวนวลก็ค่อยๆลอยขึ้นไปบนหน้าผา!
เมื่อซ่งหยูปีนขึ้นไปบนหน้าผาด้านบน เถาอี้เอ๋อก็ยังคงอยู่แค่ครึ่งหนึ่งของหน้าผา แต่หญิงสาวชุดสีดำอู๋เฟยหยานได้หายไปอย่างไร้ร่อยรอย แสดงว่านางคงไปไกลแล้ว!
เคล็ดวิชาการบินเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง การที่จะมองเห็นเมฆหรือนกที่จะช่วยให้บินได้นั้นไม่ใช้เรื่องง่าย ถึงแแม้เขาจะสามารถควบคุมสายฟ้าได้ แต่การบริหารจิตวิญญาณยังไม่ดีพอที่จะใช้ความรวดเร็วเช่นเดียวกับการบินด้วยปีกคู่ ก็คงต้องดูกันต่อไปว่าเขาจะสามารถฝึกเคล็ดวิชาการบินได้สำเร็จได้หรือไม่!
เขารู้ถึงความสำคัญของเคล็ดวิชาการบินของเหล่าศิษย์บน หรือแม้แต่ผู้สำเร็จการบ่มเพาะ การบินนับเป็นสิ่งสำคัญของพวกเขาไม่ว่าจะใช้ในการสู้รบ หรือการเดินทาง
"ฮู้!-"
ซ่งหยูวางก้อนหินขนาดยักษ์ไว้บนหลังของเขา และกระโดลงมาอีกครั้งตามหน้าผาผ่านเถาอี้เอ๋อที่นางกำลังส่งเสียงบ่นอื้ออึงอยู่กับก้อนเมฆของนางอยู่ตลอดทาง "เจ้าเมฆบ้าลอยให้มันเร็วๆหน่อยสิ!" ซึ่งเขาต้องใช้ระยะเวลาประมาณครึ่งชั่วยามในการปีนขึ้นหน้าผา และกระโดดลงมา แต่หญิงสาวที่สวมชุดแดงอู่เฟยหยานนั้นยังคงพยายามลอยตัวขึ้นไปบนหน้าผาอย่างมั่นคง และคงใช้เวลาน้อยกว่าเขามาก!
ขณะนั้นก็มีกระแสสมแรงที่พัดเอาเศษหินให้ร่วงหล่นลงมาจากหน้าผา จากนั้นเมฆของเถาอี้เอ๋อก็เริ่มสั่นไหวจนทำให้นางตื่นตกใจและกรีดร้องด้วยความกลัว!
"กรี๊ดดดดดดดดดด!"
ครู่ต่อมาซ่งหยูก็ยังคงแบกก้อนหินขนาดยักษ์ และปีนขึ้นไปยังหน้าผา เถาอี้เอ๋อกรีดร้องอีกครั้งด้วยความตกใจกลัว
"กรี๊ดดด! ประคองตัวดีๆสิเจ้าเมฆบ้า!"
"เจ้าบ้า! อย่ากระโดดเข้ามาใกล้ข้านะ! ไม่เช่นนั้นเจ้าเจอดีแน่!" เถาอี้เอ๋อกล่าวพลางปัดมือให้ซ่งหยูออกห่างจากนาง
ทันใดนั้น!
ในขณะหญิงสาวชุดแดงถูกกระแสลมแรงพัดร่วงจากหน้าผาลงไปอีกกว่าสามร้อยเมตร จนนางกล่าวด้วยความโกรธว่า"หากเจ้าเข้ามาใกล้ข้าจนข้าตกลงมาอีกครั้งข้าจะบอกคนรักเจ้าหลานหยูว่าเจ้าล่วงเกินข้า มันคงไม่เป็นผลดีต่อเจ้าแน่!"
ซ่งหยูแบกซึ่งแบกก้อนหินไว้ที่หลังอักครั้งหนึ่ง และปีนผ่านนางอย่างเคร่งขรึม และกล่าวอย่างจริงจังว่า
"ข้าไมjได้มีความสัมพันธ์เรื่องชู้สาวกับศิษย์พี่หลานหยู! ท่านล้วนคิดเองเออเองทั้งสิ้น!"
จากนั้น! เถาอี้เอ๋อนางกระโดดลงไปบนหลังของซ่งหยูขณะที่เขากำลังปีนผ่านนางไป นางหัวเราะชอบใจและกล่าวว่า "แบกข้าไปข้างบนด้วยแล้วข้าไม่บอกศิษย์ของหลานหยู!"
ซ่งหยูได้แต่ถอนหายใจ "เฮ้อ!" ในความน่ารำคาญเอาแต่ใจของเถาอี้เอ๋อ ซึ่งเขาไม่ค่อยรู้สึกถึงความแตกต่างของน้ำหนักสักเท่าใดนัก เพราะว่าสตรมีน้ำหนักเบาราวกับว่านางไม่มีกระดูก และนางไม่ได้พกก้อนเมฆมาด้วย! ซ่งหยูกล่าวว่า" ข้าแบกท่านขึ้นไปด้วยก็ได้ แต่....เพื่อเป็นการตอบแทนท่านร้องเพลงให้ข้าฟังจะได้หรือไม่?"
"ข้าไม่ร้อง!"
ซ่งหยูทำเป็นแกล้งจะโยนนางให้ตกลงจากหลัง ทำให้นางตกใจรีบกอดคอซ่งหยูในทันที และกล่าวว่า
"ข้ายอมแล้ว! ข้าจะร้องเพลงให้เจ้าฟัง ....เจ้าเป็นคนนิสัยไม่ดีไม่รู้ว่าศิษน้องหลานหยูชอบเจ้าไปได้อย่างไร?"
จากนั้นเสียงของเถาอี้เอ๋อก็เริ่มเปล่งออกมา ด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะจับใจของนางโดยหาใครเทียบได้ยากยิ่งนัก ก่อนที่นางจะบรรเลงเพลงจนจบซ่งหยูก็ได้พานางกลับไปยังด้านบนของหน้าผา
นางกระโดดลงข้างทะเลสาบพลางส่งเสียงอันไพเราะบรรเลงเพลงอย่างต่อเนื่องขณะที่นางกำลังพายเรืออยู่ในทะเลสาบ
ซ่งหยูกระโดดลงไปในทะเลสาบเพื่อขจัดครบเหงื่อไคลออกจากร่างกาย เสียงเพลงที่ร่าเริงจากหญิงสาวราวกับช่วยชะโลมความเมื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจของเขาเป็นอย่างดี
เมื่อพระอาทิตย์ตกดินแสงที่ระยิบระยับระหว่างท้องฟ้าและภูเขา แสงสว่างส่องลงบนหญิงสาวในฝั่งทะเลสาบ และชายหนุ่มที่อยู่กลางทะเลสาบ
ทำนองเพลงที่มีชีวิตชีวา....เถาอี้เอ๋อนำรองเท้านางวางไว้ แล้วก้าวข้ามระลอกคลื่นขณะเดินผ่านซ่งหยูที่กำลังอาบน้ำอยู่ ขณะที่เสียงเพลงที่ค่อยๆจางหายไป เมื่อนางมองเห็นอู๋เฟยหยานโบกมือเรียกให้เดินเข้าไปหา เมื่อซ่งหยูเงยศรีษะขึ้นเมื่อเสียงเพลงเงียบลง หลังจากนั้นก็รู้ว่านางไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว!
ทันใดนั้น!
"มังกรหมื่นลี้!" เขาตะโกนออกมาเสียงดัง
จากนั้นซ่งหยูกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ เขาระเบิดพลังออกมาพร้อมกับร่างของมังกรที่เลื้อยพันรอบร่างของเขาและเลื้อยไปบนผิวน้ำกลางทะเลสาบราวกับมันกำลังเต้นระบำอยู่กลางผิวน้ำ จากนั้นก็เกิดกระแสสน้ำวนอยู่เบื้องหลังของเขา จากนั้นเขาก็เดินข้ามทะเสสาบเพื่อกลับไปที่พัก
ภายในหนึ่งวันที่เขาได้ทุ่มเทกับการฝึกฝนอย่างหนัก ซึ่งเป็นบททดสอบอย่างเห็นได้ชัดเจนว่าการบ่มเพาะของเขานั้นก้าวหน้าไปมาก ไม่เพียงแต่การสร้างภาพแห่งองค์จักรพรรดิ์สุยที่เริ่มเป็นจริงมากขึ้น อีกทั้งมหาสมุทรแห่งจิตของเขานั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกด้วย!
ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความแรงของการระเบิด และเขาสามารถประจักษ์พลังอำนาจในใจของเขาในระยะ
เวลาสั้น ๆ ได้อย่างรวดเร็วและยังสามารถระเบิดเข้าสู่การโจมตีอย่างกล้าหาญอย่างไร้ที่ติ!
"พรุ่งนี้ข้าจะฝึกฝนการบ่มเพาะต่อไป!"
ซินหวงกล่าวในมหาสมุทรแห่งจิตของเขาว่า"เจ้าทำได้ดีมาก! การที่จะสังหารราชินีช้างสวรรค์ไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าจงอย่าหยุดยั้งการฝึกฝน สิ่งที่เจ้ากำลังฝึกฝนอยู่ตอนนี้นับว่ายังห่างไกลอีกมาก เฉพาะเมื่อเจ้าได้ข้ามผ่านองค์ประกอบทั้งสามได้ คือ คมชัด, ดุร้าย และมั่นคง หากเจ้าสามารถก้าวผ่านอุปสรรคความยากลำบากไปได้จิตวิญญาณของเจ้าก็จะถูกกระตุ้นขึ้น!
ซ่งหยูกล่าวถามว่า"อะไรคือ คมชัด, ดุร้าย และมั่นคง อย่างที่เจ้าว่า?"
"ประการแรก ความแข็งแรงต้องคมชัด ขณะที่กำปั้นของเจ้าต้องเชื่อมต่อกับร่างกายของฝ่ายตรงข้าม ความแรงของเจ้าจะต้องระเบิดออกมาอย่างสมบูรณ์ และบดขยี้ศัตรูของเจ้าในทันที! "
"ประการที่สอง จิตใจของเจ้านั้นต้องเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง เจ้าจะต้องมีหัวใจที่ดุร้ายดั่งเสือ และมังกรในเวลาเดียวกัน จิตใจที่มีพลังดุร้ายดั่งสัตว์เดรัจฉาน จากนั้นพลังแห่งจิตก็จะถูกกระชากขึ้นเพื่อที่จะสามารถบรรลุการสร้างภาพได้สำเร็จภายในเวลาไม่กี่อึดใจเท่านั้น!"
"ส่วนประการที่สาม คือ จิตวิญญาณจะต้องมั่นคง จิตวิญญาณก็เหมือนหอกโค้งงอ แต่ไม่หัก เมื่อวิญญาณเคลื่อนย้ายได้จะสามารถบังคับวัตถุซึ่งมีน้ำหนักจำนวนหลายตันได้ และเจ้าก็จะสามารถเคลื่อนย้ายมันได้อย่างง่ายดาย ดั่งจิตวิญญาณขององค์จักรพรรดิสวรรค์ที่นั่งบนบัลลังก์ไม่หวั่นไหวต่อความชั่วร้ายใด ๆ ทั้งสิ้น"
ซินหวงกล่าวอย่างใจเย็นว่า"หลังจากที่เจ้าสามารถวางรากฐานได้ทั้งสามองค์ประกอบนี้ได้สำเร็จแล้ว เมื่อนั้นเจ้าจึงจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่สำเร็จโดยแท้จริง และความแข็งแกร่งระดับนี้เท่านั้นเจ้าจึงจะสามารถต่อกรกับอำนาจของนางปีศาจราชินีสวรรค์ได้!
ซ่งหยูถอนลมหายใจยาวแล้วกล่าวอย่างหนักแน่นว่า" พรุ่งนี้ข้าจะฝึกฝนต่อไป!"
------------------------------------
"ท่านอาจารย์ปู่! วันนี้ข้าได้พบกับชายผู้หนึ่งในการฝึกของเขานั้นเขากล่าวว่า"ความหวาดกลัวระหว่างเส้นชีวิตและความตาย มันคืออะไรกันแน่?"
ภายใต้ยอดวิหารสีทองของนิกายกระบี่เทพมังกรฟ้า ภายในห้องโถงขนาดใหญ่มีหญิงสาวกำลังยืนสนทนาอยู่กับชายชราผู้หนึ่ง นางกล่างว่า "เขากล่าวว่าโดยการเข้าสู่ภาวะสุดขีดของชีวิตระหว่างเส้นความเป็นและความตาย มันจะสามารถกระตุ้นพลังแฝงที่แท้จริงของเราออกมาเพื่อเอาชีวิตรอดโดยการต่อสู้กับความกลัวที่ยิ่งใหญ่ เส้นแบ่งระหว่างชีวิตกับความตายนี้คืออะไร? มีวิธีการบ่มเพาะเช่นนี้จริงๆหรือ? "
ชายชราผู้นี้คือหัวหน้าของตระกูลหยู และเขามีสถานะที่สูงมากในกลุ่มของนิกายฯ เขาเปิดตาเมื่อได้ยินคำถามและกล่าวด้วยความประหลาดใจว่า " "เส้นแบ่งระหว่างชีวิตกับความตายเช่นนั้นหรือ? มีคนที่ใช้วิธีการบ่มเพาะเช่นนี้ด้วยงั้นรึ? เจ้าไปรู้ไปเห็นสิ่งใดมา? "
"ในตำนานมีการบ่มเพาะแบบนี้จริงๆหรือไม่ท่านอาจารย์ปู่?อู่เฟยหยานถามด้วยความประหลาดใจ
"ใช่! แต่มันเป็นเพียงคำบอกเล่าเท่านั้น"
หัวหน้าของตระกูลหยูตอบอย่างเคร่งขรึมว่า ""การฝึกแบบนี้เป็นวิธีที่รุนแรงเกินไป การเข้าสู่ภาวะสุดขีดของชีวิตระหว่างเส้นความเป็นและความตายนั้นมีอัตราการตายที่สูงมาก การแบ่งแยกเขตแดนทั้งสองซึ่งเป็นจุดสุดยอดสามารถทำได้ยากมาก ถ้าผู้ฝึกก้าวไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่ไม่ดี แต่ถ้าทำไม่ได้ ความพินาศก็จะมาถึงตัว ดังนั้นมีคนจำนวนน้อยที่จะฝึกวิธีเช่นนี้ได้ บรรดาผู้ที่ผ่านการฝึกด้วยวิธีนี้ความตายเท่านั้นที่จะถือเป็นกฎ และชีวิตก็เป็นข้อยกเว้น และคนส่วนใหญ่ที่ใช้วิธีนี้ในการฝึกบ่มเพาะก็จะตายไปในที่สุดทุกคน และเมื่อก่อนนิกายฯเราก็มีการฝึกบ่มเพาะด้วยวิธีนี้เช่นกัน แต่ทว่า....พวกเขาทั้งหมดก็ต้องจบชีวิตลง!
อู๋เฟยหยานแสดงสีหน้าตื่นตระหนก "ทุกคนตายทั้งหมด?"
หัวหน้าของตระกูลหยูพยักหน้ากล่าวว่า "วิธีการบ่มเพาะชนิดนี้มีประโยชน์สำหรับการสร้างรากฐานและการ จิตวิญญาณเพียงเท่านั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาที่จะเข้าสู่ภาวะขีดสุดระหว่างเส้นชีวิตและความตาย
ก่อนที่จะกลายเป็นผู้สำเร็จการบ่มเพาะนั้น ผู้ฝึกจะยังไม่มีวิธีการที่จะปกป้องตัวเองสำหรับความผิดพลาด หรือแม้แต่ความประมาท และเมื่อเขาต้องตกอยู่ในห้วงของก้นบึ้งของความกลัวต่อความตาย นั่นคือเหตุผลว่าเหตุใดวิธีการฝึกเช่นนี้จึงได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก ว่าไม่ควรเดินบนเส้นทางนี้ อย่างไรเสียก็ตามข้าเคยได้ยินมาว่า ผู้นำนิกายฯของเราเคยใช้วิธีการเช่นนี้มาแล้ว และก็สามารถสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งอย่างไม่มีที่เปรียบ แต่นี่เป็นเพียงคำบอกเล่าเท่านั้น....และคงไม่มีใครทำเรื่องเช่นนี้อีก!
ดวงตของอู๋เฟยอย่างเริ่มกระพริบถี่ขึ้นกับคำกล่าวของหัวหน้าของตระกูลหยู และเขาก็เตือนอย่างดุดันว่า
"เจ้าจงอย่าใช้วิธีนี้ฝึกเด็ดขาด! เจ้าเองก็ใกล้จะสำเร็จการบ่มเพาะอยู่แล้วในอีกไม่นาน หากเจ้าคิดจะใช้วิธีการนี้ในการฝึกฝนเมื่อใดนั้น ด้วยวิธีการผิดพลาดเพียงเล็กน้อย มันจะทำให้เจ้าต้้องตาย ซึ่งมันไม่คุ้มค่า!"
เช้าวันรุ่งขึ้นซ่งหยูกลับไปที่ทะเลสาบอีกครั้ง จากระยะไกลที่เขามองมานั้นเขาเห็นหญิงสาวที่สวมชุดสีแดงนั่งอยู่ข้างทะเลสาบ และมีหญิงสาวใส่ชุดดำยืนอยู่ข้างๆ
-----------------------------------------------------
เจ้าใช้วิธีการใดในการฝึกมังกรหมื่นลี้ได้สำเร็จ?
ซินหวงรู้สึกทึ่งและกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า" สอนข้าหน่อย! สอนข้าหน่อย! สอนข้าหน่อย!
หากข้าได้พบผู้สืบทอดวิญญาณคนต่อไปข้าจะสามารถสอนเขาได้!"
.........................................................................................................................